Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2548
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
31 กรกฏาคม 2548
 
All Blogs
 
++ ตอนที่ 4 When I first saw you ^^!!









ตอนที่ 4 When I first saw you

... อารมณ์ยังคงค้างอยู่ที่พัทยามากพอสมควร... ก่อนกลับกรุงเทพเช้าวันอาทิตย์ แวะเข้าไปแอบดูกองถ่ายบริเวณหาดสอ ให้คิดถึงเล่นๆ ... ยิ่งเห็นรถของกองถ่ายวิ่งผ่านยิ่งใจหาย ...นี่ๆ ยังไม่เจอตัวเลยนะ ...ลองจินตนาการเอาละกันว่าถ้าเจอตัวแล้วจะเป็นยังไง

กองกำลังตามล่าฝันกลับมาทำงานอย่างไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอยเท่าไรนัก เพราะกังวลว่าป๋าจะไม่ได้ของที่ฝากให้ ...ได้แต่หวัง ...เราก็พยายามสงบนิ่ง ไม่โทรไปกวนทางผู้จัดการที่กองถ่าย

จนวันที่ 12 เรามีประชุมแล้วเกิดนึกอยากจะเอา laptop เข้าในห้องด้วยเหมือนจะรอข่าวอะไรซักอย่าง ... แล้วข่าวก็มาจริง ..
“มีเรื่องจะบอก”
“ติดประชุมอยู่”

“เรื่องด่วน ...ชางโดงกอนกลับไปเกาหลีเมื่อวันที่ 11 ตอนเที่ยง” พอเราเห็นข้อความ อ่า... ไม่เป็นอันประชุมเลย ...พอออกจากห้องประชุม เราแจ้งข่าวให้น้องๆ ... น้องก้อ อกหัก ดังโพล๊ะ ...ได้แต่ปลอบใจว่าป๋าต้องกลับมาเชื่อว่ามีงานด่วนต้องกลับไปทำ เพราะการถ่ายทำยังไม่หมดอายุความเลยนี่

เรารวบรวมความกล้าโทรไปหาผู้จัดการที่กองถ่าย ...ไม่อยากกวนเค้าจริงๆ แต่ความอยากรู้มันมากกว่าความเกรงใจ

“อ่า...ไม่ทราบว่าฝากของให้เค้าได้มั๊ยคะ”
“อ๋อ ฝากเอาไว้ที่คนเกาหลีแล้วค่ะ”
แล้วคุณ ชางโดงกอน เข้ามาบ้างมั๊ยคะ”

“อ๋อ เข้ามาค่ะ หลังจากคุณกลับไปวันหรือสองวัน เค้าก็เข้ามาแต่มาแบบด่วนๆ แล้วก็รีบกลับไปค่ะ ...เห็นว่าด่วนๆเลยไม่ได้โทรบอก” นั่นไงอ่ะ ยังอยู่เมืองไทยเพิ่งกลับไปแล้วจริงๆ

เราก็ไปหาข่าวจากบอร์ดเกาหลีได้ความว่า ชางโดงกอน ไปร่วมงาน Charity เช้าวันที่ 13 …อืม นึกว่าจะหนีแฟนๆคนไทยไม่อยากเจอซะอีก

แต่ก็ยังโชคดีที่มีเพื่อนดี คอยบอก คอยให้ข่าวเราตลอด

“ยู รอก่อนนะ ไอจะบอก ‘ตารางของชางโดงกอน’ ยูละกัน ว่าชางโดงกอนจะมาเมื่อไร ...แต่ยูอาจจะต้องเตรียมตัวลางานไปปฏิบัติภาระกิจนี้ พร้อมมั๊ย”

“ค่ะ พร้อมๆ จะเตรียมตัวเต็มที่เลยคะ ขอบคุณมากค่ะ”

ส่วนน้องก้อ ก็อยากจะไปพัทยามาก ...ต้องคอยบอกไปว่าใจเย็นๆนะ รอเค้าบอกมาก่อนว่าป๋าจะมาวันไหน ถ้ามาก่อนเสาร์อาทิตย์เราก็ไปกันเลย ...เราจะไปกันโดยเราอ้างชื่อผู้จัดการที่เรารู้จักเอาไว้เป็นทางผ่านให้เข้าไปได้ ...เพราะถ้าไปคราวนี้อีกเราไม่มีบัตรผ่านแล้วนะ เป็นอันว่าตกลงตามนี้ ...

จนกระทั่งวันที่เสาร์ที่ 14 อาทิตย์ที่ 15 ผ่านไป เราก็มีโอกาสได้พักผ่อนแล้ววางแผนบ้างเล็กน้อย ข่าวป๋าก็ยังไม่มา ... เราก็ยังนั่งรออยู่เฉยๆ จนคืนวันที่ 18 เหนื่อยมากๆ จากภารกิจประจำวัน ขอเข้านอนโดยไม่เข้าเนทไม่เช็คเมล์ สลบไปเลย ... ตื่นเช้ามายังรู้สึกเหมือนมีอะไรติดค้างในใจ ...มาถึงที่ทำงานแต่เช้าผิดปกติ ...เช็คเมล์ก่อนอื่นเลย เผื่อมีข่าว ...แล้วก็ตกใจกับหัวข้อของเมล์ที่มาเมื่อวันที่ 18

“ชางโดงกอนมาเมืองไทย 19 เขามาทำงานของเขาต่อให้เสร็จ” เรานับวันทันที วันนี้วันอะไร วันที่ 19 แล้ว ก็วันนี้ซิ แล้วมาแล้วยัง ...ทำไงดี ...เราขอนายใหญ่ลาพักร้อนทันทีเลยแต่ไปไม่ได้เพราะติดประชุม งั้นขอออกก่อนเวลาแทนนะ ...คิดว่าถ้าเช็คเมล์ตั้งแต่เมื่อคืนเช้านี้คงไม่มาทำงาน

เราส่งข่าวทันที น้องกิม น้องก้อ น้ามูน คุณซกเล็ก และส่ง sms หาคุณอึ่ง ว่าป๋ามาวันที่ 19 …

ขณะเดียวกันก็ได้รับความกดดันจากน้อง พอสมควร ...ว่าจะไปหาป๋าที่พัทยาวันนี้ เดี๋ยวนี้เลย ...ซึ่งยังไม่มีข้อมูลอะไรทั้งนั้น แค่มาวันที่ 19 เวลาเท่าไรก็ไม่รู้ มาแล้วจะไปพัทยาเลยหรือป่าว...หรือพักในกรุงเทพ แล้วจะไปเจอที่ไหนดี ...บวกกับปัจจัยอื่นๆอีก และแล้วน้องก็งอนไม่พูดด้วย ...เกิดอาการเครียด เพราะคิดอะไรไม่ออก

เราไม่เป็นอันทำงานเลย เดินไปคิดไปว่า ‘ชางโดงกอน คุณเป็นดวงดาวที่พวกเราเอื้อมไม่ถึงจริงๆหรือเนี่ย ทั้งๆที่คุณมาอยู่บนแผ่นดินบ้านเกิดของเราแล้ว แต่ทำไมถึงได้พบตัวยากเย็นนัก คุณไม่อยากรู้เหรอว่าคุณมีแฟนๆรอคุณอยู่ที่นี่มากน้อยแค่ไหน... เราไม่ได้คิดจะทำอะไรคุณเลย แค่อยากเห็นหน้าว่าทำไมถึงได้มีใบหน้าที่สวยขนาดนั้น’ …เรา

ช่วงบ่ายใกล้เวลาเลิกงาน ...ตอนแรกตั้งใจว่าจะออกก่อนเวลา แต่ไม่รู้จะไปไหน ก็เลยเรื่อยเปื่อยแต่พอถึงเวลาเลิกงานก็กลับเลยทันที ... ก่อนกลับทิ้งข้อความให้คุณซกเล็กว่า “มีอะไรโทรไปนะ”

ขณะที่ขับรถกลับบ้านแบบใจเหี่ยวๆเฉาๆเหงาๆ ‘เราจะเสียความรู้สึก หรือเสียความสัมพันธ์ที่ดีกับน้องๆ เพราะผู้ชายคนนี้หรือป่าวนะ ...ถ้ากลับถึงบ้านแล้วเราจะบอกเพื่อนที่สนับสนุนเรื่องข่าว ข้อมูลต่างๆทั้งยังฝากความหวังไว้กับเรายังไง...แล้วทำไมผู้ชายคนนี้ถึงเจอตัวได้ยากเย็นนักนะ ...’ มันรู้สึกอึดอัดพอสมควร จนน้ำตาแทบจะร่วง แต่มีเสียงโทรศัพท์มาเบรกน้ำตาเราซะก่อน

“พี่...ป๋ามาวันนี้จริงๆเหรอ แล้วตอนนี้อยู่ไหนอ่ะ ทำไมเจอ ยากเย็นนักนะ อย่าให้เจอนะ จะปล้ำซะเลย คอยดู” เสียงคุณซกเล็กนั่นเอง

“เนี่ยซิ... อยู่ไหนอ่ะ คิดไม่ออกเลย ท้อแท้ยังไงไม่รู้... เค้าบอกแค่มาวันที่ 19 แล้วกี่โมงก็ไม่รู้...มาแล้วไปอยู่ไหนก็ไม่รู้ แล้ว 19 เนี่ย มันเริ่มตั้งแต่ เที่ยงคืนจนถึง ตีหนึ่งเลยนะ ... เออ เดี๋ยวๆ แสดงว่าอาจจะยังมาไม่ถึงก็ได้นะ ...” ปัญหามาปัญญาเกิด อิ อิ เกี่ยวกันมั๊ย

“ช่ายๆพี่ เราไปเฝ้าที่สนามบินกันเหอะ ตอนนี้เล็กออกมาแล้ว เดี๋ยวจะเช็คเที่ยวบินก่อนนะ”

“โอเค งั้นเช็คเที่ยวบินมาตั้งแต่เที่ยงคืน 19 ถึง เที่ยงคืน 20 ให้มันรู้กันไปเลย ...พี่ช่วยอีกทางนึง” การช่วยอีกทางนึงของเราคือโทรบอกอีน้ามูน

“โอเค งั้นเดี๋ยวชั้นเช็คให้ แกรอแป๊บ” น้ามูนเสียงแหลมปานปลายเข็มหมุด

สรุปว่าได้ใจความมาว่ามีเที่ยวบินแรก Korea airline มาจาก อินชอน โซล เที่ยว 2 ทุ่ม และ เที่ยงคืน ส่วนเอเชียน่าก็ ห้าทุ่มเป็นต้นไป

“พี่ไปรถคันเดียวกับเล็กนะ เผื่อว่า มีอะไรจะต้องขับตามไปถึงพัทยาเราก็จะได้ไปกันเลย” เป็นไงเป็นกัน เริ่มมีความหวังละ

...เราต้องไปทำธุระก่อนกลับบ้าน...โทรบอกน้องกิม ให้เตรียมตัวไปเฝ้าไฟลท์แรกก่อนตอน สองทุ่ม เพราะเราคงไปไม่ทัน... แล้วให้กิมโทรไปบอกก้อด้วย เผื่อจะหายงอน ...แล้วให้ก้อโทรบอกน้ำใส คู่นี้เค้าหนิดกัน... บอกเฉยๆ ให้รู้ข่าวสาร แต่คงมาไม่ได้เพราะคงจะโดนฆ่าแน่ๆ (พ่อกะแม่ไง อึ๋ย น่ากัว)

เราเตรียม สมุดโน้ต ที่มากับชุด Photo Albumไปด้วย... ดั่งสวรรค์แกล้ง เราสั่ง photo album ไปเมื่อปีที่แล้ว ของเพิ่งมาถึงวันที่ 10 หลังจากไปตามหาป๋าเมื่อวันที่ 8 เลยได้ใช้งานวันนี้...เราสองคนพากันไปเริงร่าเดินหาซื้อปากกาเอาไว้ให้ป๋าเซ็นต์ชื่อระหว่างรอกองกำลังสนับสนุน น้องก้อ ... พร้อมแล้วเราก็มุ่งหน้าสู่ดอนเมืองแอร์พอร์ท ...ระหว่างทางเราโทรไปหาคุณอึ่ง เพื่อตอกย้ำว่าป๋ามานะ แต่เสียงเธอดูกร่อยๆมากไม่กระตือรือร้น เพราะตั้งแต่ส่ง sms ไปบอกก็ไม่มีเสียงตอบกลับมาเลย ... เป็นอันว่ามีแค่ ‘สี่สาวซ่า ท้าตะลุย’

เราไปไม่ทันไฟลท์สองทุ่ม แต่น้องกิมที่ไปรออยู่ก่อนยืนยันว่าไม่เห็นแน่ๆ เราทั้งสี่คนจึงยืนเฝ้าทางออกกันอย่าง ขาแข็งขัน ...แฮ่กๆ หิวก็หิว เรารอทุกไฟลท์ที่ขวางหน้า จนดึกมากแล้ว ห้าทุ่มกว่าแล้ว เป็นห่วงน้องกิมจะกลับบ้านลำบากเพราะอยู่ไกลมาก ...อีกอย่างไม่ค่อยมั่นใจว่าป๋ามาจริงๆ เพราะได้ข้อมูลมาจากคุณอึ่งว่าป๋ายังอยู่ที่เมืองไทย ยังไม่ได้กลับ ...น้องกิมเลยต้องตัดใจกลับบ้านไปก่อน ...เหลือยามหญิง 3 คนคอยหลับยามเฝ้าป๋าต่อไป

จนเที่ยงคืนผ่านไปแล้วมีไฟลท์ของ Korea airline ลงตอน เที่ยงคืน ห้านาที เราก็เดินไปเดินมากังวลว่าจะไม่มาจริง... เพราะล่วงเลยเวลามานานแล้ว เอาไงนี่หรือว่าป๋ามาแล้ว เพราะเค้าบอกว่ามาวันที่ 19 นี่นา ...คุณซกเล็กกับเราช่วยกันตีความหมายของคำว่ามาวันที่ 19 ว่าออกจากเกาหลีวันที่ 19 เที่ยว 2 ทุ่มใช้เวลาเดินทาง 5 ชม มาถึงนี่ก็ประมาณเที่ยงคืน กว่าจะออกมา ตีหนึ่ง แสดงว่ายังมีความหวัง

...ขอแค่เจอตัวจริงๆครั้งนี้ได้เห็นหน้าสวยๆ แล้วจะหยุดตามแล้ว เราเปรยกับคุณซกเล็กและน้องก้อ ... “จริงเหรอพี่ ก้อว่ามันจะไม่แค่นั้นซิ” ... “เล็กก็ว่ามันอาจจะยิ่งไปกันใหญ่ฉุดไม่อยู่รึป่าวพี่” ... “อืม...ก็อาจจะจริงนะ ขอให้ได้เจอก่อนเถอะนะ”

เรากำชับกับน้องก้อ คุณซกเล็กว่า ให้สังเกตผู้ชายตัวสูงๆใส่กางเกงยีนส์ เสื้อยืดสบายๆ สะพายเป้ ใส่หมวกแก๊บ หรือที่คาดผม ใส่หูฟังสีขาว เดินขาแกว่งๆเล็กน้อย ...ผู้ชายลักษณะนี้เดินผ่านมาหลายๆคนเลยแต่มีกันคนละอย่างเอง ไม่ครบเหมือนป๋า ...

ตีหนึ่งกว่าๆแล้วประมาณ สิบนาทีเห็นจะได้ ...ค่อนข้าง delay จาก เที่ยงคืน 5 นาที มาเป็นชั่วโมงแล้ว flight ที่เข้าทีหลังก็ออกไปกันหมดแล้ว...เรารู้สึกเกรงใจยังไงไม่รู้ที่ชวนน้องมาลำบาก เพราะจากประสบการ์เมื่อปีที่แล้ว มีการแจกแห้วกระปุกแถวๆนี้ ...ปีนี้ก็กลัวจะได้รับแจกอีกไห ก็เลยชวนกันกลับเหอะ ป๋าคงไม่มาจริงหรอก อาจจะอยู่เมืองไทยอย่างที่คุณอึ่งบอกก็ได้...แต่คุณซกเล็กเธอว่า “เกรงใจอะไรพี่ ลงเรือลำเดียวกันแล้ว...โธ่พี่ อยู่อีกหน่อยเหอะ อีก lot นึงละกานนะ” ก้อเองก็เห็นด้วย ค่อยสบายใจกันหน่อยว่ายังมีกำลังใจดีกันอยู่ เลยอยู่ต่อกัน ...ระหว่างนั้น เราก็คุยกันถึงเรื่องป๋าทำไมดูแก่จัง เทียบกับหนุ่ม ศรราม ซึ่งอายุเท่ากัน แล้วป๋าดูแก่กว่า อาจจะเป็นเพราะว่า สูบบุหรี่จัดรึป่าว... ถกเถียงกันยังไม่ทันจะได้ข้อสรุป แล้วภาพนึงก็ปรากฏแก่สายตา

...ผู้ชายร่างสูงโปร่งใส่กางเกงยีนส์สีซีดๆ เสื้อยืดสีเทาอ่อนๆ สะพายเป้สีดำ เข็นรถขนกระเป๋า เดินออกไปทางออกด้านผู้โดยสารกรุ๊ปทัวร์และลูกเรือ เป็นลักษณะการเดินที่คุ้นตามาก ...เดินออกไปอย่างสบายๆ ไม่รีรอเลิ่กลั่กเหมือนนักท่องเที่ยวที่มาใหม่ทั่วไป ดูหมือนว่าจะชินกับทางออกเป็นอย่างดี ...

เราชี้มือไปที่คนนั้น พร้อมกับบอกว่านั่นไง “ป๋า” แล้วเราก็หยุดชะงักอยู่ตรงนั้น ขณะเดียวกัน น้องก้อวิ่งออกไปแล้ว ส่วนคุณซกเล็กกำลังจะวิ่งตามไป ชะรอยเห็น ‘อียาย’ ยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน จึงตะโกนเรียก

“พี่ วิ่งซิ ยืนอยู่ทำไม ไปเร็วซิ”

คือว่าอารมณ์ตอนนั้นมันเหมือนถูกอะไรตรึงขาเอาไว้ไม่ให้ก้าวออกไป ...ไม่มีความคิดเลยด้วยว่าจะต้องวิ่ง มันบอกไม่ถูกกับความรู้สึกตอนนั้น...แรกๆจะกลับเพราะไม่แน่ใจว่าป๋ามาจริง และก็ไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นจริงตามที่ได้ข่าวมา ...เรื่องจริงนะเนี่ย อยากตบหน้าตัวเองว่าฝันไปรึป่าว ...แต่ก็กลัวเจ็บ ...งั้นวิ่งก็ได้

เรากึ่งวิ่งกึ่งเดิน ตามไป ...สองสาวนี้วิ่งเร็วมากเลย เราเห็นคุณซกเล็กวิ่งไปถึงแล้วหยุดหันมาบอกว่าใช่จริงด้วย เราก็บอกว่าเข้าไปซิ ซึ่งพอดีกับที่เราวิ่งมาถึง

...ภาพตรงหน้านี้ชัดกว่าที่เห็นครั้งแรกว่าหลายเท่านัก ...ผู้ชายคนเดียวกันนี้ที่ยืนอยู่ห่างเราประมาณ 3-4 เมตร กำลังยืนอยู่ในท่าสบายๆ สายตามองทอดออกไปข้างหน้า กำลังจุดบุหรี่สูบอย่างสบายอารมณ์ แบบไม่ได้ทันระวังภัยมืดมาเยือน ...ก็ตอนนั้นมันตีหนึ่งครึ่งแล้วอ่ะ มันก็มืดๆ...เราจ้องมองเขาอย่างตะลึงไม่อยากจะเชื่อสายตาว่า ‘ชางโดงกอน’ ยืนอยู่ตรงหน้าเราจริงๆ

เสียงคุณซกเล็ก เตือนให้เรารีบเข้าไปทักก่อนที่ป๋าจะขึ้นรถ ...เราได้สติ รีบวิ่งไปข้างหลังเขา ความรู้สึกตอนนั้น ‘ไม่กล้า’ …แต่เขายืนอยู่ตรงนี้แล้ว ถ้าไม่รีบคว้าเอาไว้แล้วเราจะได้มีโอกาสอย่างนี้อีกเมื่อไร...จึงตัดสินใจดึงเป้เขาไว้เบาๆด้วยมือทั้งสองข้างกะว่าไม่หยุดก็ไม่ปล่อยมือเด็ดขาด พร้อมกับเอ่ยคำทักทาย “ชางโดงกอน อันยองฮาเซโย”

...เขาหันหน้ามาโค้งแบบงงๆ “อันยองฮาเซโย” เขาชะงักเล็กน้อยแล้วส่งบุหรี่ไปให้ผู้ชายอีกคน ...ครั้งนี้ผู้ชายที่ชื่อ ‘ชางโดงกอน’ อยู่ห่างกันแค่เอื้อม ชัดเจนกว่าครั้งแรกหลายร้อยเท่า ... เราจ้องมองหน้าเค้าเต็มตาแบบไม่เกรงใจ ...เกินกว่าที่คาดหวังเอาไว้ ...ใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์กว่าในรูปที่เคยเห็นจนเหมือนคนละคน ...ผมที่ถูกรวบเสยไปด้วยที่คาดผมแบบลวดซี่ๆ ด้านหลังค่อนข้างยุ่งๆชี้ๆเล็กน้อยแต่ดูดี ...ใบหน้าที่ไม่ผอมไปจนดูน่าเกลียดปราศจากการเมคอัพ ทำให้เห็นผิวขาวเนียนใส ...นัยน์ตาโตกลมคู่สวยแต่ช้ำเล็กๆอาจจะเป็นเพราะเพิ่งจะตื่นหรือนอนไม่พอ ...ขนตาที่ยาวเป็นแพช่วยทำให้ดวงตาสวยหวานยิ่งขึ้น ...จมูกโด่งสวยได้รูปที่ทำให้สาวทั่วโลกหลงไหล ... ริมฝีปากบางสีชมพูดูเป็นธรรมชาติ ... ใส่หูฟังสีขาวที่คุ้นตา ...เสื้อยืดสีเทาอ่อนๆตัวสั้นชายเสื้อยัดอยู่ที่ขอบกางเกงเล็กน้อยเชิญชวนให้อยากเอามือไปยัดชายส่วนที่เหลือลงในกางเกงให้หมด... กางเกงยีนส์สีซีดเอวต่ำมีแอบขาดเล็กน้อยพร้อมเข็มขัดสีดำเข้ากันดี...ที่กระเป๋ากางเกงด้านซ้ายมีโทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุงห้อยอยู่หมิ่นเหม่ หมิ่นเหม่... ข้อมือขวามีสร้อยประคำสีน้ำตาลดำที่ป๋าใส่ประจำ คู่กับสายหนังรัดข้อมือสีดำ ไม่รู้ความหมายว่าคืออะไร ...ข้อมือซ้ายสวมนาฬิกาสายเหล็กสีเงินเหมาะสมกันดีกับข้อมืออันแข็งแรง... รองเท้าคัทชูสีดำเป็นมัน พร้อมกับเป้สะพาย Prada คู่ใจสีดำ… ดูดีติดดินแต่มีสไตล์

...แล้วทันทีก็มีผู้จัดการมาขวางทาง ...เราได้สติจึงโพล่งออกไปค่อนข้างประหม่ามากพอสมควร “ขอถ่ายรูปหน่อยค่ะ” พร้อมกับหยิบกล้องดิจิตอลขึ้นมา ภาษาเกาหลี อังกฤษที่เรียนมาลืมไปหมด ยังดีที่ยังจำภาษาไทยได้ ...แต่อีตาผู้จัดการส่งภาษาสากลโบกไม้โบกมือว่าไม่ได้ ...เราจ้องมองชางโดงกอนว่าคำตอบจะออกมายังไง


ถ้าวันนั้น เวลานั้น ‘คุณ ชางโดงกอน หันหลังกลับขึ้นรถตู้ไปตามที่ผู้จัดการของเขาได้บอกปัดปฏิเสธตอนแรก ...วันนี้คงไม่มี วันที่เราเปิดเวบเพื่อชางโดงกอน ทำบันทึกตามรอยเท้าในไทยเป็นที่ระลึกเพื่อชางโดงกอน และการสนับสนุนอีกหลายอย่างเพื่อชางโดงกอน’ เราก็คงเฝ้าติดตามดูผลงานของเขาอย่างเงียบๆ และความรู้สึกชื่นชมอาจจะมีวันจางหายไปตามเวลา เมื่อมีสิ่งที่น่าอภิรมย์ใหม่ๆเข้ามาแทนที่ ...แต่วันนั้น เวลานั้นคุณทำสิ่งนี้ ...สิ่งที่ทำให้เราแฟนกลุ่มเล็กๆนี้จดจำไปตลอด


‘คุณชางโดงกอน’ รีบพูดขึ้นทันทีด้วยน้ำเสียงที่น่าฟังกับผู้จัดการของเขาว่าให้มาถ่ายรูปรวมกันตรงนี้ พร้อมกับเดินไปเตรียมตัวพร้อมจะถ่ายรูปด้วย ...คุณซกเล็กอีกแล้วที่คอยปลุกให้เราตื่นจากการจ้องมองหน้าของเขา “พี่ๆ ไปถ่ายรูปเร็ว เขายอมให้ถ่ายรูปแล้ว” เราได้สติรีบวิ่งแด๊ดๆ ไปยืนข้างๆเขาทางด้านขวา ...เขากำมือและอ้าแขนออกเล็กน้อย หมายถึงว่ามายืนตรงนี้นะ จะโอบไหล่ล่ะนะ ...ส่วนก้อไปยืนกระแซะป๋าอยู่ทางด้านซ้ายโดยที่มีเค้าโอบไหล่อยู่... ส่วนเราไม่อยากให้เค้าโอบไหล่เรา ขอกอดแขนแน่นๆ แทนละกัน ...เพราะอยากจะจดจำความรู้สึกและสัมผัสนั้นเอาไว้...ส่วนคุณเล็กก็ถูกเราสกัดดาวร่วงยืนอยู่แค่ข้างเรา แหะๆ ...ขอโทษจริงๆ

เราได้มีโอกาสยืนอยู่ใกล้เค้ามาก... มากจนได้กลิ่นและไอจากตัวเขา ไม่น่าเชื่อว่าคนที่สูบบุหรี่จัดอย่างเขาจะไม่มีกลิ่นบุหรี่ที่เหม็นติดตัวเลย ...อาจจะเป็นเพราะน้ำหอมที่เค้าใช้ผสมกับกลิ่นบุหรี่ ทำให้มีกลิ่นหอมอ่อนๆ จางๆ ...ไอจากแขนอุ่นๆ ผิวที่เนียนเรียบ กล้ามแขนเป็นมัดๆนุ่มๆ ร่างกายสูงโปร่งดูโดดเด่นและแข็งแรง... และนี่คงเป็นผลผลิตที่ได้มาจากสภาพภูมิอากาศที่ดี ...การบริโภคอาหารที่มีคุณค่า ...จินเซงของเกาหลี บวกกับความร่วมมือของอาปาและออมมาที่บรรจงปั้นประติมากรรมชิ้นเอกของโลกนี้ให้สาวๆทั่วโลกได้ชื่นชมและหวั่นไหวจนใจละลาย ละมั๊ง ...

ที่ฮามากที่สุดก็คือคนที่ถ่ายรูปให้ก็คือคนที่ปฏิเสธครั้งแรกไง ...อันนี้น้ามูนฝากมาสะใจ ...แล้วก็ถึงเวลาลาจากกัน เขากล่าวคำขอบคุณพร้อมกับโค้งคำนับเล็กน้อย... เราขอถ่ายรูปเดี่ยว แต่เกิดอาการสั่น จะกดปุ่มชัตเตอร์แต่ไปกดปุ่มปิดกล้องแทน ... ทำให้พลาดรูปสวยๆไปหลายรูปเลย...ในใจคิดจะพูดว่า ‘คามซาฮัมนิดะ’ แต่ปากก็พูดออกไปว่า ‘ขอบคุณค่ะ’ …ทั้งที่เขาไม่พร้อมจะต้อนรับแขกในเวลานี้ แต่ก็ยังมีรอยยิ้มจางๆปรากฏบนใบหน้าสวยๆของเขา ... แล้วรถตู้คันนั้นก็พาเค้าหายลับตาไป อยากจะขับตามไปก็เกิดความเกรงใจอย่างรุนแรง


...ที่ได้มาแค่นี้ก็เหมือนจะรบกวนเวลาส่วนตัวเค้าจะแย่อยู่แล้ว ตีหนึ่งครึ่งที่เมืองไทย กับการเดินทางยาวนาน 5 ชม เขาอาจจะได้มีโอกาสพักผ่อนแค่ช่วงเวลาสั้นๆบนเครื่องบินก็ได้ ...รู้สึกผิดรู้สึกเกรงใจ...แล้วยิ่งมาเจอว่าเขายังให้ความสำคัญกับกลุ่มแฟนๆเล็กๆกลุ่มนี้ ทั้งๆที่เขามีสิทธิที่จะไม่สนใจแล้วเดินจากไปเลยก็ทำได้... เพราะที่นี่ไม่ใช่ตลาด ไม่ใช่ขุมทรัพย์ ไม่ใช่แหล่งที่จะทำรายได้ให้เขา ...ซึ่งไม่เหมือนที่ญี่ปุ่น ที่เขามีแฟนๆนับพันคน ...


ณ ลานจอดรถชั้นใต้ดินของดอนเมืองแอร์พอร์ท... ผู้หญิงวัยกลางคน วัยอลวน และวัยอลเวง กำลังกรี๊ดสนั่นลั่นอยู่ในรถเก๋งยี่ห้อเบนซ์ ...ใครที่ได้เห็นภาพนี้คงเข้าใจว่าพวกหล่อนกำลังดิ้นรนร้องขอความช่วยเหลือเพราะไม่มีอากาศหายใจ หรือไม่ก็กำลังจะโดนแมลงสาบกัดตายอยู่ในรถ...


“((((น้ามูน ปะ ป๋าาาา หล่อออ มากกกก น่ารักกกกก มากกกกก กริ๊ดดดดดดดดดดดดดดดด))))”

by ..Spider Lily








Create Date : 31 กรกฎาคม 2548
Last Update : 21 มีนาคม 2549 21:30:10 น. 0 comments
Counter : 243 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

e_kor_tok_doi
Location :
ขอนแก่น Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]









ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่จัยเด็ดเดี่ยว เป็นบ้างครั้ง อ่อนแอเป็นบ้างคราว ที่ใช้ชีวิตในเมืองกรุงมา 15 ปี เรียนจนจบ จนทำงาน เบื่อในรุปแบบพนักงานประจำ (หรือโดนบังคับหว้า) เบื่อสภาพเมือง กรุงรถติดทำเวลาไม่ได้ ใจร้อน จึงได้ กลับมาซุกหัวนอนที่บ้านนอก หลังจากหลงแสงสีจนเกินเหตุ บทสุดท้ายของชีวิต กลับบ้านนอกดีที่สุด



Friends' blogs
[Add e_kor_tok_doi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.