นิทานก่อนนอน เรื่องที่ 2 .....ขอชื่อเรื่องได้ไหม

สวัสดีค่ะหายไปนานเลยจากนิทานเรื่องแรกที่เขียนไว้จากการเล่าของเตี่ย
มาวันนี้ขอมาต่อเรื่องที่สองที่เตี่ยเล่าให้ฟังเลยแล้วกัน

เรื่องนี้ก็เหมือนเคยเกิดขึ้นที่ประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ตามที่เตี่ยเรียกเสมอ
เตี่ยเป็นคนจีนที่มาจากประเทศจีนและจะพูดติดปากของเตี่ยเสมอว่า
" จีนแผ่นดินใหญ่ " เริ่มเรื่องเลยแล้วกัน

มีครอบครัวหนึ่งแต่งงานมานานมากแล้วแต่ไม่มีบุตรสักที ที่ประเทศจีนสมัย
นั้นถ้าใครแต่งงานแล้วไม่มีบุตรชาวบ้านจะมองดูแล้วจะวิพากย์วิจารณ์ว่าเป็น
ครอบครัวที่ไม่ดีบ้าง เป็นคนต้องคำสาปบ้าง หาว่าไม่เคารพต่อสิ่งศักดิ์บ้าง
จนครอบครัวนี้ทนไม่ไหวต่อสายตาของคนในหมู่บ้านนั้น จึงไปกราบไหว้
ต่อเทพศักดิ์สิทธิ์ของหมู่บ้าน และกราบไหว้เทพยาดาฟ้าดินกลางแจ้งด้วย
ซึ่งคนจีนมักจะชอบไหว้กลางแจ้ง แล้วต่อมาก็ได้ผลตามที่ไปคุกเข่าไหว้ขอ
ทำให้ผู้เป็นภรรยาตั้งครรภ์ขึ้นมา

หลังจากที่ภรรยาตั้งครรภ์แล้ว สามีเป็นคนที่มีจิตใจดีไม่เคยคิดแค้นเคืองผู้
ใดเลยไม่ว่าใครจะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่ฝ่ายภรรยากลับเป็นคนที่เจ้าคิด
เจ้าแค้น ซึ่งพอนางรู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์เนื่องจากไปขอกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์มา
นางจึงดีใจและลำพองตนว่าลูกของนางคือสิ่งที่เทพเจ้าประทานให้มา
ทุกๆวันนางจะพร่ำพูดแต่เรื่องลูกของนางเสมอ

ที่เลวร้ายกว่านั้นก็คือเวลาที่นางติดเตาสมัยนั้นเป็นเตาถ่าน ( ซึ่งคนจีนถ้าไป
ถามไถ่คนเถ้าคนแก่จะบอกว่าเตาถ่านที่เราใช้หุ้งต้มอาหารมีเทพแห่งเตา
สถิตอยู่ด้วย ) และทุกครั้งที่นางติดเตาถ่านนางจะให้คีมที่คีบถ่านเคาะกับ
เตาเสมอแล้วพร่ำบ่นว่า ลูกของนางจะต้องเป็นผู้ชาย แล้วคอยดูถ้าลูกชาย
ของนางคลอดออกมาแล้วจะต้องเป็นคนเหนือคน ไม่มีใครสามารถสู้ได้
เพราะลูกชายของนางเป็นลูกของเทพ และเมื่อโตขึ้นลูกชายของนางจะ
ต้องสอบเข้าจอหงวนได้เป็นใหญ่เป็นโต คอยดูชาวบ้านพวกนี้จะไม่มีใคร
สู้นางได้เลย นางจะให้ลูกชายมาจัดการชาวบ้านพวกนี้ให้หมดที่เคยดูถูก
นางไว้ต่างๆนานา

จนมาวันหนึ่งเทพแห่งเตาทนนางไม่ไหวจึงขึ้นไปบนสวรรค์แล้วบอกต่อองค์
เทพยาดาที่ประทานลูกให้นางว่า นางเป็นคนจิตใจไม่ดี เจ้าคิดเจ้าแค้น
และที่สำคัญนี่ขนาดลูกนางยังไม่ได้ออกมาจากท้องของนาง นางยังกล่าว
วาจาแบบนี้และยังไม่พอยังเอาคีมเคาะเตาที่เขาสถิตอยู่อีกทุกวันไม่มี
ความเคารพต่อเขาเลย เทพแห่งเตาขอให้เทพยาดาทำลายลูกของนางเสีย
แต่เทพยาดาไม่สามารถทำตามคำขอของเทพแห่งเตาได้ เพราะเขาได้ให้
ไปแล้ว และเขาได้บอกแก่เทพแห่งเตาว่า ถ้าลูกของนางเกิดขึ้นมาแล้ว
ไม่ได้เป็นคนดีจริง เขาก็จะกลับคืนมาแห่งเราเอง

และในที่สุดลูกของนางก็คลอดออกมาเป็นผู้ชาย หน้าตาหมดจดดูดีมีราศรี
นางให้ชื่อว่าฮวดไช้ ซึ่งแปลว่าผู้โชคดี ต่อมาเด็กคนนี้เริ่มโตขึ้นก็เข้า
โรงเรียนและเป็นเด็กที่เรียนเก่งมาก และเป็นเด็กฉลาดมากที่สุดในโรงเรียน
จนทำให้คนเป็นแม่ยิ่งเพิ่มความยิ่งผยองมากขึ้นและนางก็ทำให้ลูกชาย
ผยองลำพองตัวตามไปด้วย

และเพื่อนก็เริ่มเกลียดฮวดไช้ และพยายามหาทางแกล้งเสมอ วันหนึ่งมีคน
เอาอุจาระมาวางไว้หน้าชั้นหลายกอง แล้วเขาก็ซุ่มหัวกับเพื่อนโยนความผิด
ให้ฮวดไช้ว่าเป็นคนทำ ครูถามคนในห้องหลายคนก็บอกว่าเป็นฮวดไช้ทำ
ครูจึงให้ฮวดไช้ทำความสะอาดห้องเรียนทั้งหมด ฮวดไช้แค้นใจมากจึงใช้
ความฉลาดของตนในวันต่อมา โดยไปเอาฟักทองแล้วมาปั้นทำเป็นอุจาระ
แล้ววางไว้หน้าชั้นเหมือนเดิม ครูก็ถามอีกหลายคนก็บอกว่าฮวดไช้เป็นคน
ทำครูจึงโกรธแล้วสั่งให้ฮวดไช้กินอุจาระนั้น ฮวดไช้ก็ก้มหน้ากินไปสักพัก
ครูทนไม่ได้ก็เลยสั่งให้พอแล้วให้ไปทิ้ง โดยที่ครูไม่รู้ว่านั้นคือฟักทองและ
วันต่อมาฮวดไช้ก็เอาอุจาระของจริงมาวางไว้หน้าห้องอีกสามกอง ครูมาเห็น
จึงถามอีก และคำตอบก็เหมือนเดิม แต่คราวนี้ครูไม่เชื่อ เพราะครูบอกว่า
ได้ทำโทษไปแล้วให้กินอุจาระไปแล้ว ฮวดไช้จะไม่กล้าทำอีกแน่เพราะคง
ไม่มีใครชอบกินอุจาระแน่ แสดงว่าต้องมีใครแกล้งฮวดไช้ครูจึงใหรับ
สารภาพแต่ไม่มีใครรับ ครูจึงให้ทุกคนในห้องยกเว้นฮวดไช้กินอุจาระกองนั้น

ความฉลาดของฮวดไช้ไม่ได้มีแต่นี้ เมื่อเขาไม่พอใจใครเขาจะทำกลับแรง
กว่าที่คนผู้นั้นทำกลับเขา มีครูคนหนึ่งตีเขา ฮวดไช้โกรธครูมากวันหนึ่ง
ฮวดไช้รู้ว่าครูจะเข้าส้วม (ส้วมสมัยก่อนจะใช้ไม้พาดไว้สองข้าง) ฮวดไช้
จึงไปทำให้ไม้มันหมิ่นเหม่ แล้วเมื่อครูเข้าไปเมือยืนบนไม้จึงตกไปในถ้ง
ส้วมทำให้ครูโกรธมาก แต่ไม่สามารถทำอะไรได้เพราะไม่มีหลักฐาน

จนต่อมาครูใหญ่ของโรงเรียนคิดจะกำจัดเด็กคนนี้เสีย เพราะไม่อยากให้
มีชีวิตอยู่ต่อ เนื่องจากความฉลาดและการกระทำที่นับวันจะไม่ยอมใครและ
ทำร้ายคนอื่นมากขึ้น และไม่มีใครสามารถควบคุมได้ ฝ่ายผู้เป็นแม่ก็ชอบ
ใจที่ลูกชายเก่งและสามารถต่อต้านคนได้ พวกครูทุกคนได้ประชุมกันว่า
ในงานวันเทศกาลของโรงเรียนที่จะมาถึง เขาจะทำซาลาเปาแล้วจะใส่ยาพิษ
ไว้ในนั้นทุกลูกเพราะไม่อาจใส่บางลูกได้ เนื่องจากฮวดไช้เป็นเด็กฉลาด
ถ้าใส่บางลูก หรือหยิบยื่นบางลูกให้ฮวดไช้จะไม่ยอมกินแน่ จึงจำเป็นต้อง
ใส่ทุกลูกแล้ววางไว้ให้ฮวดไช้หยิบเอง

เมือวันงานมาถึงซาลาเปาก็ถูกยกมาให้เด็กและครูทานกัน ก่อนหน้านี้
ครูใหญ่ได้กำชับไปกับครูแล้วว่าให้บอกกับพ่อแม่ของเด็กทุกคนว่าอย่า
กินซาลาเปาให้ถือไว้เฉยๆ ทุกคนก็ทำตาม หลายคนถือซาลาเปาไว้แต่
ฮวดไช้ไม่ทันสังเกตก็กินซาลาเปาเข้าไปจนหมดลูก สักพักก็เกิดอาการ
แต่ฮวดไช้เป็นเด็กฉลาดรู้ถึงสิ่งที่ผิดสังเกตแต่ยังทำเป็นปกติ แล้วรีบขอครู
กลับบ้านบอกว่าลืมของไว้บ้าน

พอกลับมาถึงบ้านฮวดไช้บอกแม่ว่า " แม่อย่าร้องไห้เด็ดขาดไม่ว่าได้เห็น
อะไรก็ตาม ให้ยิ้มแย้มไว้ แต่ถ้าคนทั้งหมู่บ้านร้องไห้แล้วแม่ค่อยร้องไห้
อย่าลืมที่บอกนะ อย่าร้องไห้ " พอกำชับแม่เสร็จ ฮวดไช้ก็ขึ้นไปบนห้อง
แล้วจับเอาผึ้งของตัวเองที่เลี้ยงไว้มาแขวนไว้ให้ถูกลม แล้วเปิดหนังสือ
ไว้ที่หน้าต่าง ตัวเองนั่งอยู่ตรงหน้าต่างมือท้าวคางไว้ ครูที่โรงเรียนให้คน
ตามมาดูฮวดไช้ว่าตายหรือยัง คนที่มาดูเห็นแม่ของฮวดไช้ยังคงยิ้มแย้ม
ร่าเริงไม่มีอะไรผิดปกติ และมองไปที่หน้าต่างก็เห็นฮวดไช้นั่งอ่านหนังสือ
มีเสียงพลิกตำราด้วย ซึ่งเสียงเหล่านี้เป็นเสียงผึ้งบินวนไปมาเด็กที่มดูมอง
ไม่เห็น เห็นแต่เพียงฮวดไช้นั่งอยู่จึงกลับไปรายงานครูที่โรงเรียนตามที่
ตัวเองเห็นทุกอย่าง

ครูใหญ่จึงบอกว่าสงสัยยาที่เขาใช้คงไม่ใช่ยาพิษแน่คงถูกร้านขายยาหลอก
ครูจึงบอกว่าให้เด็กกินซาลาเปาในมือได้เพราะฮวดไช้กินแล้วไม่เป็นอะไร
เด็กหลายคนจึงเริ่มกินซาลาเปา แล้วสุดท้ายเด็กหลายคนรวมถึงครูที่กิน
ซาลาเปาเข้าไปก็ตายกัน เมื่อคนในหมู่บ้านเริ่มร้องไห้ แม่ของฮวดไช้ก็
ร้องตามทั้งๆที่นางอยากจะร้องตั้งแต่ตอนนางเห็นลูกตายแล้ว มีคนมาถาม
นางว่าทำไมเพิ่งมาร้องไห้ นางบอกว่าลูกชายนางสั่งไว้ว่าห้ามร้องไห้ถ้ายัง
ไม่เห็นใครร้องไห้ หลายคนในหมู่บ้านนึกไม่ถึงว่าฮวดไช้ตายไปยังพาลูกๆ
ของพวกตนไปด้วย

สุดท้ายเรื่องนี้จบในแบบที่ว่าเตี่ยบอกว่า ความฉลาดและความเก่งใช่ว่าจะ
ให้แต่คุณอย่างเดียว ยังให้โทษได้อีกด้วย ถ้าเราใช้ความฉลาดและความ
เก่งอย่างรู้จักก็จะไม่เป็นที่ขัดตาหรือขัดใจของใคร และหวังว่าเรื่องนั้คง
ทำให้หลายคนที่เข้ามาอ่านได้รับความสุขและสนุกกับการได้อ่านนะคะ

ปล. ใครที่เข้ามาอ่านแล้ว ผู้เขียนยังไม่มีชื่อเรืองเพราะไม่รู้ว่าจะใช้ชื่อใดดี
ถ้าใครคิดชื่อเรื่องออกเมื่ออ่านจบแล้วช่วยตั้งชื่อให้ด้วยนะคะ ขอบคุณคะ

-----------------------------------------------------------------------

ปล. อีกแล้วเข้าผิดที่ต้องเข้าประเภทนิทานขอแก้ใหม่




 

Create Date : 16 พฤษภาคม 2552
2 comments
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2555 9:54:36 น.
Counter : 1020 Pageviews.

 

หวัดดีครับ
ฮวดไช้ นายแน่มาก....

 

โดย: bondsp 27 พฤษภาคม 2552 12:33:23 น.  

 

แสบสุดๆ เหมือนศรีทนนท์ชัยเลย
หวังว่าพวกเราคงใช้ความฉลาดให้ถูกกาล สถานที่ และบุคคล เด่นมากก็เป็นภัย
ขอบคุณมากครับ สำหรับนิทานดีๆ และให้ข้อคิดดีมากเลย

 

โดย: joril IP: 117.47.11.197 2 กรกฎาคม 2552 22:20:12 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


B. LOVE
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ปรัชญาในใจของเราเอง ชอบข้อความนี้มากเลย
......I am not what I thinK I am
I am not what you think I am
But I am what I think you think I am.....

( มันไม่สำคัญที่ฉันคิดว่าฉันเป็นอะไร
และมันไม่สำคัญที่คุณคิดว่าฉันเป็นอะไร
แต่ที่สำคัญก็คือฉันคิดว่าคุณคิดว่าฉันเป็นอะไร )

อย่ากังวลว่าไม่มีคนรู้จัก แต่ควรทำตัวให้มีคุณค่าน่ารู้จัก
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2552
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
16 พฤษภาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add B. LOVE's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.