วัดแรกของการเดินทางในครั้งนี้ คือ วัดป่าโมกวรวิหาร (วัดป่าโมก) ชื่อคุ้นๆ นะวัดนี้ นึกในใจอยู่ตั้งนานว่าได้ยินชื่อวัดนี้มาจากที่ไหน
คิดไปคิดมาถึงบางอ้อ ก็เรื่องนายขนมต้มไง แม่มะขาม คนงามแห่งบ้านป่าโมกข์
วันอาสาฬหบูชาแท้ๆ ทำไมถึงมีคนไปวัดน้อยจัง หรือว่าตอนที่เราไปอาจจะเช้าอยู่ก็เป็นได้
ที่วัดป่าโมกในสมัยก่อนนั้นเป็นวัด 2 วัด อยู่ติด กัน คือ "วัดตลาด" กับ "วัดชีปะขาว" เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ที่งดงามมากองค์หนึ่งของประเทศไทย มีความยาวจากพระเมาลี ถึงปลายพระบาท 22.58 เมตร ก่ออิฐถือปูนปิดทอง องค์พระนี้สันนิษฐานว่า สร้างในสมัยสุโขทัย
มีเรื่องเล่าขานกันว่า พระพุทธรูปองค์นี้ท่านได้ลอยทวนน้ำมาจากทางเหนือ เมื่อมาถึงบริเวณท่าน้ำของวัด ท่านก็ได้แสดงปาฏิหาริย์ "จมลง" อยู่ที่บริเวณท่าน้ำหน้าวัด พวกชาวบ้านพากันทำพิธีกรรมบวงสรวง อัญเชิญให้ท่านขึ้นมาจากน้ำ แต่ปรากฏว่าพยายามเท่าไหร่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ
เจ้าอาวาสของวัดจึงทำพิธีอัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทพาอารักษ์ต่างๆ ให้มาช่วยในการอัญเชิญท่านขึ้นมาจากน้ำ ในขณะที่กำลังทำพิธีอาราธนาอัญเชิญท่านขึ้นมาจากน้ำ ปรากฏว่าเกิดพายุฝนตกลงมาอย่างหนัก และมีฟ้าผ่าติดต่อกันหลายครั้ง ครั้นพระพุทธรูปองค์ดังกล่าว ได้ขึ้นจากน้ำพายุฝนก็สงบอย่างอย่างฉับพลัน ซึ่งเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก
ในพงศาวดารยังได้ทำการบันทึกว่า เมื่อครั้งที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชก่อนจะยกทัพไปรบกับพระมหาอุปราชได้ ทรงเสด็จมาชุมนุมพลและถวายสักการะ บูชาพระพุทธรูปองค์นี้ ในปี พ.ศ. 2269
การศึกในครั้งนั้น ทหารของฝ่ายพม่ามีกำลังพลมากกว่าทางฝ่ายไทย และยังมีอาวุธหนักประเภทปืนไฟและปืนใหญ่อีกเป็นจำนวนมาก จากการประเมินถึงสถานะการณ์รอบด้าน จะเห็นว่าทหารของทางฝ่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เสียเปรียบทหารฝ่ายพม่าทุกอย่าง ขวัญและกำลังใจของทหารไทยเริ่มลดน้อยลงเป็นลำดับ
สมเด็จพระนเรศวรมหาราชจึงทรงถวายสักการะ พระพุทธรูปองค์ดังกล่าว พร้อมกับตั้งจิตอธิษฐานถึงการรบกับฝ่ายพม่า ว่าผลจะออกมาร้ายหรือดี ปรากฏว่าเมื่อสิ้นคำสัตย์ที่เสี่ยงทายออกไป ก็มีเสียงตอบดังก้องกังวาล เหล่าทหารหาญของพระองค์ได้ยินกันทั่วว่า "มหาบพิตรจะมีชัยในการศึกครั้งนี้ !!!"
จากนั้นก็มีเสียงฟ้าร้องอย่างกึกก้องขึ้นมาฉันพลันทันที ซึ่งเป็นเหตุปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นท่ามกลางผู้คนนับพันๆ คน
ผลของการทำศึกสงครามในครั้งนั้น ปรากฏว่าชัยชนะได้ตกเป็นของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ตามเสียงประหลาดที่ดังก้องกังวาลทุกประการ
บรรยากาศริมน้ำของวัดป่าโมก กว่าจะเดินทางมาถึงที่วัดได้หลงทางพอประมาณอยู่เหมือนกัน ทำไมแผนที่ในกูเกิ้ล กับป้ายบอกทางบนถนนหลวงมันเป็นคนละเรื่องเดียวกันก็ไม่รู้
อนุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 ครั้งหนึ่งที่เคยเส็จประพาสที่วัดนี้
ด้านขวาอนุสาวรีย์พระศรีสรรเพชญ์ที่ 9 พระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ ถัดมาด้านซ้ายอยู่ระหว่างการสร้างอนุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
อนุสาวรีย์พระองค์ดำและพระองค์ขาวที่ด้านหน้าวัด
ออกจากวัดป่าโมก วัดต่อไปคือ วัดจันทรังษี แต่ระหว่างทางเกิดเห็นป้ายวัดโพธิ์เผือก จึงแวะไปที่วัดนี้ก่อน
ทางเข้าวัดเป็นถนนแคบๆ เวลาที่รถสวนกันเกือบตกถนน 2 ข้างทางเป็นทุ่งข้าว ชอบๆ แต่พอไปถึงวัดแล้วก็ต้องถอยกลับ เพราะที่วัดไม่มีพระอยู่เลย บรรยากาศที่วัดเงียบสงบเหมาะที่จะนั่งสมาธิอย่างมาก
วัดจันทรังษี เป็นเครือข่ายของวัดปาน้ำภาษีเจริญ
เดินเล่นรอบวัด ด้านหน้าวิหารหลวงพ่อสดจะมีสัญลักษณ์ของจังหวัดอ่างทองตั้งอยู่
วิหารหลวงพ่อสด
ภายในวิหารหลวงพ่อสด
นอกจากนี้ทางด้านหลังมีวิหารเจ้าแม่กวนอิม 8 เหลี่ยม (เก๋งจีน) ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง
สิงโตไคฟง
รูปเต็มๆ ของวิหารหลวงพ่อสด
ก่อนกลับ บริเวณลานจอดดรถที่ด้านหลังจะมีโรงแจตั้งอยู่ มื้อก่อนเที่ยงจึงลองท้องด้วยราดหน้าเจ อร่อยติดใจมาจนถึงวันนี้
วัดต่อไปคือวัดต้นสน เป็นวัดที่อยู่ริมน้ำ แต่กว่าจะมาถึงได้ หลงทางพอประมาณอยู่เหมือนกัน
จากวัดต้นสนไปต่อกันที่วัดเกตุไชโย
รูปเหมือนหลวงพ่อโต ภายในวัดเกตุไชโย
ขอให้คอมไวรัสมลายหายไปไวๆๆ
ขอบคุณสำหรับภาพสวยๆครับผม