Group Blog
 
 
มกราคม 2548
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
24 มกราคม 2548
 
All Blogs
 

ผ่านกาลเวลา

ผมมองฝ่าสายฝนพร่ำเม็ดเล็ก ๆ ที่เริ่มซาเม็ดแล้วขณะนี้ออกไปนอกร้านอาหารตามสั่งราคาถูกอย่างไม่มีอะไรทำขณะรอคอยอาหารที่สั่งอยู่เงียบ ๆ

แป๊ก! ๆ เสียงอะไรบางอย่างที่ดังขึ้นภายนอกร้านทำให้ผมเหลือบสายตาไปมองอย่างไม่ใส่ใจเท่าใดนัก
ซาเล้งรับซื้อของเก่าคันหนึ่งซึ่งจะพังมิพังแหล่ถูกเข็นมาจอดอยู่ใกล้ ๆ กับกองขยะริมฟุตบาทด้วยน้ำมือของสองพ่อลูกผู้สกปรกมอมแมมอย่างไร้คนสนใจ...

มัน!... ช่างเป็นภาพที่แสนจะธรรมดายิ่งในสายตาของผู้พบเห็น... ก็ทำไมจะไม่ล่ะ... ทุกหนทุกแห่งย่อมมีคนจน ๆ แบบนี้อยู่เสมอ... แต่ใครเลยจะรู้ว่าสำหรับผมแล้วภาพนี้มันคือภาพซ้อนของตัวผมเอง และครอบครัวในอดีตที่ทุกข์ยากแสนเข็ญ...!

หัวใจที่คิดว่าเฉยชาของผมอ่อนยวบสะท้อนลึกร้าวอยู่ในอกอย่างใจหาย...! พร้อม ๆ กับภาพความทรงจำในวัยเยาว์ที่ผุดพรายพรั่งพรูออกมาเป็นฉาก ๆ ราวกับฉากละครน้ำเน่าในทีวีซึ่งถูกฉายซ้ำครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยเครื่องฉายภาพแห่งกาลเวลาแต่หนหลังอันไม่อาจตัดขาดให้หายไปจากจิตใจได้ดังใจปรารถนา...

ผม... และน้องต่างตั้งใจมั่น หวัง...หวัง...หวัง...สักวันเราคงพอลืมตาอ้าปากได้ เราไม่เคยหนีเที่ยวหรือโดดเรียนอย่างวัยรุ่นสมัยนี้มักทำกันแม้สวนลึกผมจะร่ำร้องอยู่เสมอว่า... ผม...ก็เป็นแค่เด็กธรรมดาคนหนึ่ง... ผมไม่ได้วิเศษเลิศเลออย่างที่เพื่อนบ้านมักกล่าวชมเสมอว่าเรา...ซึ่งก็คือผม และน้องได้บอกเอาไว้ว่า...เรา!... เป็นเด็กดีกตัญญูรู้คุณ...หึ!... คำชมเหล่านั้นมันก็แค่ลมปากที่พัดผ่านหายไปกับสายลม และกาลเวลาเท่านั้น...! มันไม่ได้ช่วยให้เราทั้งสามชีวิตมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเลย มันไม่ได้ทำให้ผม และครอบครัวเป็นได้อย่างที่หวังเลย... มันไม่ได้ช่วยให้พ่อผู้ทุกข์ยากของเราหลุดพ้นมาจากสภาพชนชั้นกรรมกรได้เลย... และมัน!... มันก็ไม่ได้ช่วยเป็นเกราะป้องกันจิตใจอันอ่อนแอของผมจากแรงยั่วยุแห่งกระแสสังคมอันศิวิไลซ์นี้เลย...

“พ่อ!...” เสียงของลูกชายคนขับซาเล้งดังขึ้นอย่างดีใจขณะก้าวไปหาคนเป็นพ่อพร้อมกับพัดลมเก่า ๆ ที่พังยับจนซ่อมไม่ได้ในมือนั้นทำให้ภาพกรรมการแบกหามซึ่งแบกกระสอบข้าวหนักเป็นหมื่น ๆ กิโลกรัมมีลูกชายหญิงล้อมหน้าหลังผุดขึ้นมาในความคิดคำนึงของผมพร้อม ๆ กับเจ้าความรู้สึกผิดลึก และอะไรบางอย่างที่วิ่งแล่นขึ้นมาจุกอยู่ที่อกของลูกผู้ชายคนนี้จนสองตาของผมแทบพร่ามัวไปด้วยความรู้สึกที่สู้เก็บกดเอาไว้อย่างมิดชิด...! มิดชิด และซ่อนเร้นจากความรู้สึกผิดชอบชั่วดีทั้งปวง...!

รอยยิ้มถูกแต่งแต้มขึ้นบนริมฝีปากผมตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่อาจทราบได้ขณะสายตายังมองเหม่อไปที่ภาพสองพ่อลูกนั้นอย่างต้องมนต์ขลัง... วัยเยาว์อันทุกข์ระทมหากรอยยิ้มยังมีปรากฏให้เห็น...ประหลาดดีแท้!... ที่รอยยิ้มซึ่งเวลานี้มันได้กลายเป็นของต้องห้ามสำหรับผมเสียแล้วกลับปรากฏขึ้นมาอย่างง่ายดายเมื่อหวนนึกถึงความหลังที่ผมแสนจะชิงชังรังเกียจ... รังเกียจความทุกข์...ชิงชังการแบกหาม และอาชีพอันต่ำต้อยของพ่อ...

ผมยกสองมือที่เคยหยาบกระด้างจนถึงขั้นแตกยับจนห้อเลือดเพราะต้องทำงานหนักอยู่เกือบครึ่งชีวิตขึ้นดูอย่างเลื่อนลอย... บัดนี้ไม่มีแม้แต่ร่องรอยของความหยาบกร้านหลงเหลือให้ได้เห็นด้วยตอนนี้มันได้เปลี่ยนจากที่เคยจับพลั่วจับเหล็กกล้าสนิมเขรอะมาเป็นเพียงด้ามปากกาเล็ก ๆ เท่านั้นนั่นเอง...

น่าหัวเราะ!!... น่าหัวเราะที่คิดว่าพอมีหน้าที่การงานทำสบาย ๆ ตามที่ใฝ่ฝันแล้วผมจะสามารถสร้างรากฐานให้กับครอบครัวที่มีแต่ขาดบนกาลเวลาที่ยาวนานนี้ได้...! แต่มัน!... มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดเลย... ไม่ง่ายเลยจริง ๆ เพราะจุดที่ผมมาถึงนี้มันเป็นเพียงแค่ครึ่งทางที่ผ่านมาเท่านั้น... ครึ่งทางที่เต็มไปด้วยขวากหนาม...! แล้วอีกครึ่งทางที่เหลือล่ะ... ผม!...จะนำพาชีวิตตัวเองไปได้อย่างไรพร้อม ๆ กับโอบอุ้มสองชีวิตที่รอคอยผมอยู่อย่างมีความหวังของพ่อ และน้อง...
ตั้งเแต่เมื่อไหร่กันนะ... เมื่อไหร่กันที่ผมมีความรู้สึกอยากเป็นอิสระ... อิสระจากพันธนการแห่งสายเลือดที่มองไม่เห็นนี้...! ไม่รู้สิ!... ผมจำไม่ได้ รู้ก็แต่เพียงว่า ผม... เหนื่อย... เหนื่อยเหลือเกินกับความกตัญญูที่ไม่รู้จักจบสิ้นนี้!... เมื่อไหร่ผมจะหลุดพ้นมีอิสรภาพตามความคิดฝันของตนเองเสียที... ผมเฝ้าถามคำถามนี้กลับไปกลับมาอย่างไม่อาจหาคำตอบที่ดีให้กับตนเองได้ในช่วงเวลานั้น...

แล้วถ้อยคำที่ผมเคยทะเลาะกับน้องก็ดังแว่วมากับสายลมเอื่อยเย็นชื้น และชุ่มฉ่ำของฤดูฝนแต่มันกลับแตกต่างโดยสิ้นเชิงกับจิตใจอันร้อนรุ่มของผมตอนนี้ เหมือนที่มัน!... เคยเป็นอยู่เสมอทุกครั้งยามที่ฝนตกปรอย ๆ อย่างเช่นเวลานี้...

“หนี้ชีวิตไม่มีวันทดแทนได้หมดหรอกนะ!... และมันก็ไม่อาจนับคำนวณเป็นตัวเลขได้ด้วย!”

เถอะ!... อาจจะจริงอย่างที่น้องผมมันว่า... แต่!... ผมล้าเหลือเกิน... เกินกว่าที่จะยึดมั่นศรัทธากับคำว่ากตัญญูซึ่งมันคือสัญลักษณ์แห่งความดีงามของมนุษย์... มนุษย์ที่ดีกว่าสัตว์เดรัจฉาน...!

ผมไม่อาจอยู่เพื่อคนแค่สองคนนี้เท่านั้น... ผมไม่อาจอยู่เพียงเพื่อแค่สิ่งที่เรียกว่าความดีงามเท่านั้นท่ามกลางกระแสสังคมที่เปลี่ยนแปลง และจิตใจของผู้คนที่ไม่ได้สูงส่งตามเทคโนโลยีนี้ได้... ใช่!... ผมพ่ายแพ้... แพ้ต่อจิตใจฝ่ายต่ำของตนเอง... แพ้ต่อสิ่งยั่วยุต่าง ๆ เหมือนอย่างที่คนส่วนใหญ่พ่ายแพ้... ซึ่งผมมักเป็นเช่นนี้เสมอมานับแต่จำความได้ ผมมักทำในสิ่งที่พอใจก่อนเสมอ... ก่อนที่จะนึกย้อนมาเสียใจภายหลัง... ผิดกับน้องของผมเพราะแม้ไอ้น้อยมันจะแสดงออกมากมายถึงความไม่พอใจในสิ่งต่าง ๆ ที่ไม่ต้องการทำแต่ถูกกดดันให้ทำซึ่งสิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นสิ่งที่ดีงามทั้งสิ้นมันก็ยังทำ!... ทำทั้ง ๆ ที่ไม่อยากจะทำ...! และทำได้ด้วยเพียงแต่ต้องอาศัยกาลเวลาทำลายความรู้สึกคัดค้านต่อต้าน และผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่าของมันเท่านั้นเอง...

ผมยังจำแววตางุนงงสับสนระคนผิดหวังของพ่อผู้แก่ชราใบหน้าเหี่ยวย่นของผมในวันที่ผมขนข้าวของออกจากบ้านมาพักอาศัยอยู่ที่บ้านพักซึ่งเป็นที่ซุกหัวนอนในปัจจุบันของผมได้อย่างติดตา... ติดตา และฝังลึกจรดร้าวเข้าไปในทุกอณูขุมขนแห่งจิตวิญญาณของผมเลยเชียวล่ะ!... ก็ทำไมผมจะจำไม่ได้ละ... ทำไมผมจะจำแววตาฝ้าฟางที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำใส ๆ วาววามเอ่อท้นท่วมดวงตาที่อ่อนล้าตามอายุขัยคู่นั้นของแกไม่ได้ในเมื่อมันคอยตามหลอกหลอนเจ้าสำนึกชั่วดีซึ่งมีอยู่เพียงน้อยนิดของผมอยู่ทุกค่ำคืนยามเมื่อผมหลับตาลงนอนด้วยความรู้สึกที่เพิ่งรู้ตัวว่าอ่อนล้ากับชีวิตใหม่ที่ตนได้เลือกแล้วนี้แค่ไหน...

แต่ทว่า... ผมไม่อาจหันหลังกลับได้อีกแล้ว... ผมถอยหลังกลับไม่ได้อีกต่อไปแล้วนับแต่ตัดสินใจก้าวเท้าออกจากบ้านซอมซ่อโกโรโกโสที่อยู่มาแต่ยังเยาว์นั้น... ผมอาจรู้สึกผิดด้วยสำนึกชั่วดีที่ยังพอมีอยู่แม้จะมีอยู่เพียงเศษเสี้ยวก็ตาม... แต่!... แต่ผมไม่สามารถหวนกลับไปใช้ชีวิตเช่นเดิม หรือจับงานจับกังซึ่งต้องใช้แรงงานอย่างที่พ่อทำหรือที่ผมเคยทำมาได้อีกต่อไป... ผม... ทำไม่ได้... ทำไม่ได้แม้แต่จะกลับไปช่วยงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่น้อยมันเคยทำเมื่อครั้งที่ผมต้องคร่ำเคร่งอยู่กับตำรับตำราเพื่อสอบเข้ารับราชการ...

ความลำบาก... คำนี้สั้นแต่หากใครไม่ได้ลิ้มรสด้วยตัวเองย่อมไม่มีวันรู้ซึ้งเหมือนที่ผมรู้สึก... ทุกวินาทีที่ผ่านมาในอดีตช่างทรมานเหมือนตกอยู่ในขุมนรกอเวจีเมื่อต้องคอยเฝ้ารอเวลาที่จะหลุดพ้นจากสภาพเก่า ๆ ที่มีแต่การใช้แรงงานหาความรื่นเริงแม้เพียงเล็กน้อย และวันว่างแทบไม่ได้...!

ทุกบาททุกสตางค์ที่เหลือจากส่งให้พ่อ และน้องใช้จ่ายในบ้านถูกผมเก็บออมเอาไว้เพื่อหวังให้เป็นเงินเก็บในนาทีแรกที่ได้รับเงินเดือน... แต่เชื่อเถอะ... มันถูกใช้จ่ายไปตามแต่ใจต้องการด้วยความรู้สึกราวกับถูกปลดปล่อย... ปลดปล่อยจากคำว่า “ประหยัด” ซึ่งมันกักกั้นความต้องการในหลาย ๆ อย่างที่เมื่อครั้งยังเยาว์ผมไม่สามารถทำตามที่ใจใฝ่หาอย่างน่า
เสียดาย...! แม้แต่กับการที่ผมคิดจะรักใครสักคนผมก็ต้องใช้เงิน...! ใช่... ใช้เงินเพื่อเอาชนะใจเจ้าหล่อนซึ่งมันก็สมดังหวังของผมแล้วตอนนี้... ผมมีครอบครัวมีเมียแต่น่าแปลกไหมล่ะ... ที่ตอนนี้ผมกลับรู้สึกราวกับว่ากำลังติดอยู่ในบ่วงพันธนาการอันใหม่ซึ่งไม่แตกต่างจากพันธนาการเลือดที่ได้เอ่ยอ้างมาในตอนต้นเลยแม้แต่น้อย... ไม่แตกต่าง...! ซ้ำยังหนักหน่วงฝังแน่นยิ่งเสียกว่าที่เคยพบพานมาเสียอีก... และนี่เองที่ทำให้รอยยิ้มอย่างสุขใจของผมหายไปตลอดกาล... ด้วยอิสรภาพที่ใฝ่หามานานนั้นมันไม่ได้อยู่ ณ ที่ ๆ ผมก้าวเข้ามานี้เลยแม้แต่น้อย...!

ติ๊ด... ตะ... ดิ... ดิ๊ด... ติ๊ด! ๆ ๆ

เสียงโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะซึ่งผมวางไว้ตั้งแต่เข้ามานั่งลงบนเก้าอี้ภายในร้านนี้ดังขึ้น... ผมยกมันขึ้นมารับสายก่อนที่ปลายสายจะกรอกเสียงเล็กแหลมอย่างเจ้ากี้เจ้าการปนกับความหงุดหงิดไม่พอใจมาว่า

“พี่หน่องใช่ไหม?!... ทำไมยังไม่ไปรับแม่ฉันอีกนี่แกโทรมาบ่นว่ารออยู่ที่หมอชิตตั้งนานนาทีแล้วนะ?!”

“พี่จะไปเดี๋ยวนี้แหละ...”

ผมตอบกลับไปน้ำเสียงเบาหวิวแล้วกดปิดเครื่องรับของตนลงก่อนจะรีบจัดการกับอาหารตามสั่งกลิ่นหอมกรุ่นควันฉุยของตนที่ถูกนำมาวางไว้ตรงหน้าอย่างลวก ๆ สายตายังไม่ยอมคลาดไปจากภาพสองพ่อลูกซาเล้งซึ่งกำลังลากรถสามล้อเก่าเก็บของพวกตนให้เคลื่อนต่อไปอย่างทุลักทุเลนั้น... อีกแล้วที่รอยยิ้มอันบริสุทธิ์ของคนทั้งสองทำให้ผมรู้สึกราวกับจะร้องไห้พร้อม ๆ กับคิดถึงบ้านในวัยเยาว์ขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ก่อนที่จะขยับลุกขึ้นจ่ายค่าอาหารที่ยังกินไปได้ไม่ถึงครึ่งจานนั้นแล้วก้าวหนี่มาจากภาพนั้นด้วยความรู้สึกหลากหลายยากเกินกว่าที่จะบรรยายได้ แต่เหนืออื่นใดที่ผมรู้สึกได้เป็นอย่างดีในตอนนี้ก็คือ... เจ้าความรู้สึกอิจฉาริษยาเล็ก ๆ ภายในใจผมมันกำลังเต้นเร่าร่ำร้องอย่างทุกข์ทรมานกับภาพ ๆ นั้นอยู่ขณะนี้นั่นเอง...




 

Create Date : 24 มกราคม 2548
0 comments
Last Update : 6 มกราคม 2549 14:12:41 น.
Counter : 791 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


likitma
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add likitma's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.