|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
มนต์รักแซกโซโฟน...1
1
มันเป็นเวลาเกือบหกโมงเย็นสำหรับจุดเริ่มต้นของเรื่องราวต่าง ๆ เสียงของพิธีกรหนุ่มหล่อมาดเท่ดังกระหึ่มมาตามไมโครโฟน
ครับ!!... และแล้วเวลาที่ทุกท่านกำลังรอคอยก็มาถึง... ผู้ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศชิงแชมป์เยาวชนเดี่ยวแซกโซโฟนรุ่นอายุไม่เกิน 15 ปีในปีนี้ ได้แก่!...
แตน... ตะ... ละ... แลน... แตน... แต่น... แต้น... แต่น... แต้น!!
เสียงเพลงบรรเลงดังกึกก้องห้องโถงใหญ่ซึ่งใช้จัดงานประกวดแห่งนั้นท่ามกลางสายตาลุ้นระทึกของผู้เข้าชมทั้งหลาย และแล้วพิธีกรหนุ่มหล่อก็ประกาศชื่อของผู้ชนะเลิศออกมาในที่สุด
เด็กชายคีตกาล ยอดบรรเลงครับ!!...
เฮ้!!... เสียงเฮดังกึกก้องสอดประสานกับเสียงปรบมือดังเกรียวกราวกระหึ่มไปทั่วห้องจัดงานแห่งนั้นในขณะที่พิธีกรหนุ่มคนเดิมก็เอ่ยถึงประวัติความเป็นมาของผู้ชนะสลับกับพิธีกรหญิงไปเรื่อย ๆ
ผู้ฝึกฝนคือท่านอาจารย์วิศิษฏ์ ยอดบรรเลงซึ่งเราต่างรู้จักกันดีในฐานะวาทยากร¹ และนักแซกโซโฟนชื่อก้องฟ้าเมืองไทย...
ค่ะ... นอกจากท่านจะเป็นอาจารย์ผู้ฝึกสอนน้องคีตกาลแล้วท่านยังเป็นคุณพ่อของน้องเค้าอีกด้วยนะคะคุณศรเทพ พิธีกรสาวหันมากล่าวกับพิธีกรหนุ่มซึ่งยืนคู่กับตน
ใช่แล้วครับท่านทั้งหลาย และที่น่าจะมีการจดบันทึกเอาไว้อย่างยิ่งในการประกวดเดี่ยวแซกโซโฟนครั้งนี้ก็คือ...
คืออะไรคะคุณศรเทพ?
เรามีผู้เข้าประกวดคู่แฝดคู่แรกของวงการแซกโซโฟนน่ะสิครับคุณมินตรา... และคู่แฝดคนนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากแฝดน้องของน้องคีตกาลนั่นเอง...
อ๋อ... ที่เราได้ประกาศให้ทราบไปแล้วไงคะท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน น้องคนนี้ก็คือน้องเอกดนตรีซึ่งได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่งไปแล้วไงค่ะ...
เชิญน้องทั้งสอง และรองชนะเลิศอันดับสองที่หน้าเวทีเลยนะครับ!...
เสียงพิธีกรทั้งสองดังกึกก้องสลับกับเสียงปรบมือดังสนั่นก่อนที่มันจะส่างซาไปเหลือเพียงความเงียบหลังจบงานดังกล่าว และผู้คนทั้งหลายต่างทยอยกันออกมาจากงานประกวดหลังจากที่ผู้ชนะเลิศ และรองทั้งสองต่างเข้ารับรางวัลเสร็จสิ้นแล้ว
คี!!... เสียงร้องทักของเด็กหญิงผู้หนึ่งทำให้ครอบครัวยอดบรรเลงซึ่งกำลังจะก้าวออกมาจากโรงละครแห่งนั้นเหมือน ๆ กับคนอื่น ๆ ที่มาชมการประกวดต้องหยุดฝีเท้าลงพลางสอดส่ายสายตามองหาที่มาของเสียงที่ว่าท่ามกลางฝูงชนทั้งหลายอย่างใคร่รู้
ชายผู้หนึ่งพร้อมด้วยครอบครัวของเขาซึ่งมีเด็กหญิงเจ้าของเสียงร้องเรียกนั้นรวมอยู่ด้วยก้าวเข้ามาหาครอบครัวของคุณวิศิษฏ์ด้วยใบหน้ายินดียิ่ง
ดีใจด้วยนะคี... คุณมณเทียรกล่าวกับเด็กชายผู้ชนะเลิศอย่างชื่นชมในมือของเด็กน้อยมีถ้วยรางวัลการันตีความสามารถอยู่ และใบหน้าน้อย ๆ นั้นก็ยิ้มแป้นแก้มแทบปริเลยทีเดียว
เอกก็เก่งนะจ๊ะ... คุณมัลลิกาภรรยาของคุณมณเทียรกล่าวอย่างให้กำลังใจเด็กชายอีกคนซึ่งได้แต่ยืนนิ่งใบหน้าเรียบสนิทไม่บ่งบอกอารมณ์ใด ๆ ท่ามกลางคำชื่นชมของแฝดพี่อยู่ขณะนั้นซึ่งเอกดนตรีก็ได้แต่เพียงยิ้มแปร่งปร่าออกมาเท่านั้นอย่างไม่รู้จะทำสีหน้าอย่างไรดี
ข้าวเอาช่อดอกไม้มาให้พี่เค้าสิลูก คุณมัลลิกาหันไปร้องบอกลูกสาวตัวน้อยของตน
คีจ๋า... เด็กหญิงอายุห้าขวบหนึ่งเดียวในนั้นเอ่ยขึ้นขณะก้าวเข้าไปหาเจ้าของชื่อในมือน้อยก็หอบดอกไม้ช่อโตเอาไว้ก่อนที่จะส่งมันให้กับอีกฝ่าย และอย่างที่ไม่มีใครคาดฝันมาก่อนแม่หนูน้อยก็ดึงคอเสื้อสูทสุดเท่ของคนตรงหน้าลงมาแล้วก็หอมแก้มคีตกาลเสียฟอดใหญ่ท่ามกลางสายตาตกใจระคนขำขันของผู้ใหญ่ทุกคน
ตายแล้ว!!... ลูกสาวฉัน!
คุณมัลลิการ้องขึ้นเสียงดังอย่างอายแทนคนเป็นลูกหากไม่จริงจังนักแล้วทุกคนต่างก็หัวเราะกันเสียงดังอย่างครื้นเครงโดยลืมใครอีกคนไปเสียสนิทใจเลยทีเดียว...
คืนเดียวกันนั้นหลังจากครอบครัวยอดบรรเลง และครอบครัวคุณมณเทียรกลับมาจากงานประกวด...
ในค่ำคืนนั้นท่ามกลางเม็ดฝนซึ่งตกลงมาปรอย ๆ ภายนอกบ้าน และราตรีกาลอันเงียบสงบ เด็กน้อยคีตกาลนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงนอนนุ่มของตนซึ่งตั้งอยู่ข้าง ๆ กับเตียงนอนของเอกดนตรีอย่างเป็นสุข
อาจเป็นเพราะเสียงเพลงที่ดังแว่วมาจากสตูดิโอด้านล่างของตัวบ้านซึ่งใช้เป็นที่ฝึกซ้อมของพวกเขาก็เป็นได้ที่ทำให้เด็กชายรู้สึกตัวตื่นขึ้นมากลางดึกอย่างงัวเงีย คีตกาลขยับลุกขึ้นมาอย่างเกียจคร้านก่อนจะหันไปมองยังเตียงนอนข้าง ๆ ซึ่งมันควรจะมีร่างของแฝดผู้น้องของตนอยู่ ณ ที่แห่งนั้นหากมันกลับมีแต่เพียงความว่างเปล่า และที่นอนเย็นชืดอยู่เท่านั้น คิ้วน้อย ๆ ขมวดนิดหนึ่งอย่างไม่เข้าใจก่อนจะย่องลงจากเตียงแล้วก้าวออกมาจากห้องนอนของตนทันที...
คืนนี้คืนเดือนหงายจันทร์ฉายสาดแสง มองเห็นหน้าแฟนส่องแสงพร่างพราย
เมฆฝนนวลสายลมพัดเลื่อนลอย หนาวพาใจพลอยหวิวลอยเลื่อนไป...²
เสียงเพลงราตรีซึ่งบรรเลงโดยแซกโซโฟนแว่วหวานมากับลมพัดเอื่อย และปรอยฝนพร่ำทำให้เท้าของหนูน้อยคีตกาลหยุดลงที่หน้าประตูทางเข้าสตูดิโอนิ่งนานด้วยหัวใจที่ไหววูบไปเล็กน้อย ไม่เพียงเพราะเสียงบรรเลงเพลงอันเศร้าสร้อยนี้เท่านั้นที่ทำให้คีตกาลรู้สึกเช่นนั้นหากแต่เป็นเพราะภาพของเอกดนตรีซึ่งกำลังขมัก ขเม้นอยู่กับการปลุกปล้ำเจ้าแซกโซโฟนของตนภายในสตูดิโอตรงหน้านี้ต่างหากที่ทำให้หัวใจของเขาหวิวไหวไปได้อย่างประหลาดนักขณะที่สายตาก็ไม่ยอมละไปจากแฝดผู้น้องเลยแม้แต่น้อยนิด...
เสียงเพลงราตรีบรรเลงจบลงเพลงบรรเลงถัดไปก็ดังตามมาเรื่อย ๆ ราวกับว่าผู้ซึ่งบรรเลงจะไม่ยอมหยุดอยู่ที่เพลงใดเพลงหนึ่งเลยกระนั้น แซกโซโฟนตัวซึ่งอยู่ในมือเอกดนตรีถูกเป่าบรรเลงเพลงซ้ำแล้วซ้ำเล่าในค่ำคืนฝนพร่ำเย็นฉ่ำใจโดยมีร่างน้อยของคนเป็นพี่ยืนพิงประตูทางเข้าเฝ้าอยู่ ณ ที่ตรงนั้นเงียบ ๆ ด้วยความรู้สึกหลากหลาย ไม่มีใครรู้เลยว่าทั้งคนสองอยู่อย่างนั้นนานแค่ไหนด้วยเหตุผลใด และพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่...
บ๊อก! ๆ
อะไรกันเจ้าคะน้า?...
หญิงสาวผมซอยสั้นน่ารักร้องถามเจ้าบางแก้วตัวดีซึ่งเป็นสุนัขที่เอกดนตรีซื้อให้ครั้งที่ไปสวนจตุจักรด้วยกันเมื่อหลายเดือนก่อนอย่างสงสัยขณะที่หล่อนก้าวกำลังก้าวออกมาจากประตูรั้วบ้านของตน
ว้าย!... ข้าวขวัญร้องออกมาเสียงดังอย่างตกใจในขณะที่เจ้าคะน้าของหล่อนกลับวิ่งกระโดดโลดเต้นอย่างยินดีตรงรี่เข้าไปหาใครอีกคนตรงหน้าอย่างชอบอกชอบใจโดยไม่รู้เลยว่าคนที่มันกำลังวิ่งตรงดิ่งเข้าไปหานั้นขณะนี้กำลังทำอะไรแล้วรู้สึกยังไงกันแน่กับการมาของมัน และคนเป็นนาย
ภาพชายหญิงสองคนซึ่งกำลังผละออกจากกันอย่างลนลานใบหน้ากระดากกระเดื่องหลังจากที่ฉากจูบกันอย่างดูดดื่มกลางถนนนั้นจบลงด้วยการขัดจังหวะของข้าวขวัญทำให้หล่อนรู้สึกฉุนขึ้นมาติดหมัด เป็นเพราะแม่ของหล่อนทีเดียวที่ใช้ให้หล่อนเอาแกงส้มผักกระเฉดมาให้บ้านฝั่งตรงข้ามซึ่งเป็นบ้านของนายตัวดีตรงหน้านี้ทำให้หล่อนต้องมาเจอกับภาพอุจาดตาตั้งแต่เช้าแบบนี้...
วันนี้ข้าวขวัญถูกคุณมัลลิกาปลุกให้ตื่นแต่เช้าเพื่อมาช่วยทำอาหารแค่นั้นยังไม่พอยังถูกขอให้นำแกงส้มที่ว่ามาให้กับบ้านยอดบรรเลงอีกด้วยซึ่ง
ไงข้าวเกรียบ?...
คีตกาลหันมาเอ่ยถามคนที่เข้ามาขัดจังหวะตนเสียงเรียบ ใบหน้าคมคายจมูกสันโด่งรับกับใบหน้าโดยที่เส้นผมยาวเคลียบ่านั้นถูกรวบมัดเอาไว้ด้านหลังบริเวณต้นคอไม่บ่งบอกให้ทราบเลยว่าเขารู้สึกยังไงกันแน่กับเหตุการณ์ตรงหน้านี้ในขณะที่แฟนคนที่เท่าไหร่ก็ไม่ทราบของเขานั้นกลับมีใบหน้าแดงก่ำอย่างขัดเขินจนเห็นได้ชัดยิ่งกว่าตำลึงสุก
อย่ามาเรียกฉันว่าข้าวเกรียบนะนายขี้ตา!!...
อีกฝ่ายทำหน้าทะเล้นแววตาคมกริบนั้นพราวระยับอย่างชอบอกชอบใจ
ก็ทีเธอยังเรียกฉันว่าขี้ตาเฉยเลยเนาะคะน้าเนาะ... หันไปกล่าวกับเจ้าบางแก้วตัวน้อยซะเลยก่อนจะคว้าตัวมันขึ้นมาอุ้มแล้วโยนขึ้นโยนลงอย่างคึกคะนอง
นี่เดี๋ยวคะน้ามันก็อ้วกแตกหรอก!...
ไม่หรอกน่า... เห็นมั้ยมันชอบออก อีกฝ่ายตอบยิ้ม ๆ
แต่ตอนนี้เจ้าคะน้ามันอ่วมอรทัยไปเสียแล้วจึงไม่อาจตอบคำถามคีตกาลหรือแสดงอาการอื่นใดได้ ข้าวขวัญจึงรีบบอกให้เขาปล่อยตัวมันลงซึ่งชายหนุ่มก็ยอมทำตามอย่างว่าง่าย
เอ่อ... อาจารย์คีคะ... เสียงของใครอีกคนซึ่งถูกลืมไปชั่วขณะดังขึ้นมาขัดจังหวะคนทั้งสอง
ครับอาจารย์?
คือ... พลอยจะกลับแล้วค่ะ เธอคนนั้นว่าก่อนจะหันมาทางข้าวขวัญยิ้ม ๆ ใบหน้ายังแดงระเรื่ออยู่นิด ๆ
เธอ!... ข้าวขวัญร้องขึ้นอย่างตื่นเต้นเมื่อสังเกตคนตรงหน้าอย่างจริง ๆ จัง ๆ เป็นครั้งแรก
เธอคือแพรพลอยใช่ไหม?!
สาวสวยคนนั้นเขม้นมองมาที่เจ้าของคำถามบ้างอย่างค้นคว้าแล้วหล่อนก็ต้องร้อง...
ข้าวขวัญ!!... เธอนั่นเองดีใจจริง! ๆ
ฉันเองก็ดีใจจ๊ะเราไม่ได้เจอกันนานแค่ไหนแล้วนะพลอย?
อืมม์... ก็ตั้งแต่มัธยมตอนที่ฉันย้ายตามพ่อไปอยู่ต่างจังหวัดนั่นแหละ
แล้วนี่เธอไปไงมาไงถึงได้มาพบเข้ากับคีได้ล่ะ?
คำถามที่แสนจะธรรมดานี้ของข้าวขวัญกลับทำให้ใบหน้าหวานของคนเป็นเพื่อนแดงระเรื่อขึ้นมาอีกครั้งอย่างห้ามไม่ได้ แน่ล่ะแพรพลอยต้องนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่นี้แน่เพราะแม้แต่ข้าวขวัญเองก็ยังอดที่จะนึกไปถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาเมื่อครู่นี้ไม่ได้
อะแฮ่ม... คุณพลอยเพิ่งย้ายมาเป็นอาจารย์ที่วิทยาลัยที่ฉันทำงานอยู่เมื่ออาทิตย์ก่อนนี่เอง คีตกาล
เป็นคนตอบคำถามนี้แทนแต่คราวนี้เป็นใครก็ต้องรู้ว่าเขาต้องรู้สึกขัดเขินบ้างล่ะเพราะใบหน้าหล่อเหลาคมคายนั้นแดงซ่านขึ้นมาทันตาเห็น
แล้วเธอล่ะข้าวตอนนี้ทำอะไรอยู่? แพรพลอยรีบชวนคุยไปอีกเรื่องหนึ่งทันที
ฉันเป็นครูสอนร้องเพลงอยู่ที่สถาบันสอนร้องเพลงแถว ๆ ...
แหมในที่สุดเธอก็ได้ทำตามความฝันของตัวเองจนได้นะน่าอิจฉาจริง ๆ
พลอยไหนว่าจะกลับแล้วไม่ใช่เหรอ?... คีตกาลถามขึ้นเพราะคิดว่าหากเขาไม่เอ่ยอะไรออกมาสองสาวนี่ก็คงจะไม่คิดไปไหนเป็นแน่ และมันก็จะทำให้เขาพลอยไม่ได้ไปไหนด้วยนั่นเอง
แหม... จะกลับเดี๋ยวนี้แหละค่ะไม่ต้องไล่นักหรอก... หันมากล่าวกับชายหนุ่มยิ้ม ๆ
ฉันกลับก่อนแล้วกันนะข้าวไว้จะโทรมาคุยด้วยต้องรีบกลับไปเตรียมตัวไปทำงานจ๊ะ
จ๊ะ...
แล้วแพรพลอยก็ก้าวขึ้นรถสปอร์ตาราคาแพงสีแดงสดของหล่อนไปทันทีทิ้งให้ข้าวขวัญมองตามอีกฝ่ายไปจนลับสายตา
บรืนนน...
แพรพลอยเป็นเพื่อเก่าสมัยเรียนมัธยมของข้าวขวัญซึ่งตอนนั้นหล่อนต้องตามพ่อซึ่งเพิ่งได้รับตำแหน่งผู้ว่าราชการไปประจำตำแหน่งที่ภาคใต้ทำให้คนทั้งสองห่างจากกันมานับแต่นั้น แต่ตอนนี้ได้ข่าวว่าพ่อของแพรพลอยกลับมาลงเล่นการเมือง และได้ดำรงตำแหน่งเป็นถึงรัฐมนตรีในสภาเลยทีเดียว
ฉันมาบ้านคีทีไรเจอแต่ฉากแบบนี้ทุกที... บ่นกระปอดกระแปดเมื่อข้าวขวัญละสายตามาเสียจากรถของคนเป็นเพื่อนแล้ว
ฮั่นแน่... อิจฉาล่ะสิ?... ไม่ต้องน้อยใจไปหรอกน่าฉันรับเธอมาอีกคนก็ยังไหว
เอ่ยอย่างขี้เล่นแต่ก็ทำเอาหญิงสาวใจสั่นขึ้นมาทันทีแต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโกรธคำพูดของคนตรงหน้าหรือเป็นเพราะอะไรกันแน่
บ้าสิ!!... อย่างฉันไม่สนใจคนกะล่อนอย่างนายหรอกย่ะ แววตาเต้นระริกเมื่อครู่นี้ไหววูบไปเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงเรียบไม่บ่งบอกอารมณ์ว่า
รู้แล้วน่าว่าเธอมีเอกอยู่แล้วทั้งคน...
อะไรอีกล่ะคำพูดที่ราบเรียบรวมทั้งใบหน้าที่จริงจังผิดจากเดิมเนี่ยเดี๋ยวก็ทะลึ่งทะเล้นเดี๋ยวก็ทำหน้าเศร้า... ข้าวขวัญได้แต่ถามตัวเองในใจ และไม่คิดที่จะแก้ความเข้าใจผิดของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย
แล้วนั่นอะไร? จู่ ๆ คีตกาลก็เอ่ยขึ้นมาอีกเรื่องแทน
อ๋อ... แกงส้มน่ะคุณแม่ให้เอามาให้...
เอามาสิ...
อีกฝ่ายมองมาที่เขาราวกับจะถามว่าอะไร?...
ก็หม้อแกงลิงเอ๊ย!... หม้อแกงที่ถืออยู่นั่นไง
ข้าวขวัญจึงส่งหม้อแกงใบเล็กในมือนั้นให้อีกฝ่ายเงียบ ๆ แล้วทั้งสองก็ก้าวผ่านประตูรั้วเหล็กอัลลอยนั้นไปพร้อม ๆ กันก่อนจะตรงไปยังตัวตึกสีขาวสองชั้นซึ่งเป็นบ้านของครอบครัวยอดบรรเลงทันทีโดยมีเจ้าคะน้าวิ่งเตาะแตะตามไปเงียบ ๆ
นายเป็นแฟนกับพลอยเหรอ? จู่ ๆ ข้าวขวัญก็ถามขึ้น
เฮ้ย!... อย่าเรียกถึงขั้นนั้นสิแค่กิ๊กเท่า นั้น... ร้องเสียงหลง
นายจะมาทำให้เพื่อนฉันเสียใจไม่ได้นะ!... แหวขึ้นมาเสียงดังอย่างไม่พอใจ
คีตกาลถอนหายใจยาวก่อนจะเอ่ยออกมาว่า
ข้าว... พลอยเค้าไม่หัวโบราณอย่างเธอหรอกนะ
หญิงสาวตวัดสายตาเคืองขุ่นมาทีอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจเปิดเผย
คนบ้า!!... แล้วรีบวิ่งแจ้นหายเข้าไปในตัว บ้านของครอบครัวยอดบรรเลงทันทีด้วยความคุ้นเคยเพราะหล่อนเคยมาวิ่งเล่นที่นี่บ่อย ๆ นับแต่จำความได้แล้วปล่อยให้คีตกาลได้แต่มองตามไปอย่างไม่เข้าใจเพียงลำพัง...
อ้าวคุณข้าว!... มีอะไรรึเปล่าคะมาแต่เช้า?
ป้าชื่นแม่บ้านเก่าแก่ของคุณปรางค์ทิพย์แม่ของสองแฝดเอกดนตรีคีตกาลร้องทักมาอย่างสงสัยขณะที่แกกำลังจะขนขยะไปทิ้งที่ถังขยะหน้าบ้าน
ข้าวเอาแกงส้มที่คุณแม่ทำมาให้น่ะค่ะ
หญิงแก่มองดูอีกฝ่ายราวกับจะถามว่าไหนล่ะแกงที่ว่าข้าวขวัญจึงรีบพูดขึ้นว่า
อยู่กับคีน่ะค่ะ
อ้าว... คุณคีกลับมาแล้วรึคะ?
กล่าวจบก็พอดีกับที่คีตกาลตามเข้ามาภายในบ้านเช่นกัน
ชื่นได้ยินเสียงรถเพื่อนมาส่งหรือคะคุณคี? แกถามตามวิสัยอยากรู้อยากเห็น
ข้าวขวัญหันไปมองผู้ชายตัวโตด้านหลังของตนอย่างได้ทีแววตาพราวระยับมีเลศนัยก่อนจะรีบเอ่ยแทรกขึ้นว่า
เมื่อกี้มีฉากรักดุ... อุ๊บ!
แต่ยังไม่ทันที่หล่อนจะได้เอ่ยจนจบประโยคดีมือหนาของคีตกาลก็คว้าหมับตะปบลงมาที่ริมฝีปากของหล่อนเสียก่อน
เอ๊ะ!... มันยังไงกันคะนี่คุณข้าวคุณคี?
อี่อ่อยอันอะ!... หญิงสาวพูดเสียงอู่อี่สองมือก็แกะมือหนาเหนี่ยวแน่นของอีกฝ่ายออกอย่างไร้ผลในขณะที่ป้าชื่นนั้นได้แต่มองสองหนุ่มสาวตรงหน้างง ๆ
ไม่มีอะไรครับแหะ ๆ เอาแกงนี่ไปจัดการก่อนก็แล้วกัน เอ่ยเพียงแค่นั้นคีตกาลก็ลากข้าวขวัญจากมาทันทีท่ามกลางสายตาสงสัยใคร่รู้ของป้าชื่นนั่นเองโดยมีเจ้าคะน้าเห่าบ๊อก ๆ ตามไปติด ๆ อย่างห่วงใยในตัวคนเป็นเจ้านาย
ทำบ้าอะไรน่ะ?!...
ข้าวขวัญร้องขึ้นเสียงดังเมื่อมาอยู่ภายในห้องนอนของชายหนุ่มเรียบร้อยแล้วซึ่งข้อนี้เป็นเพราะหล่อนเคยมาเที่ยวเล่นสนิทสนมกับสองแฝดพี่น้องคู่นี้จนใคร ๆ ต่างก็เห็นเป็นเรื่องปกติเสียแล้วที่จะพบเห็นหล่อนบน ห้องนอนของใครคนใดคนหนึ่งจึงไม่มีใครตามมาคอยสอดแนมอย่างที่ควรจะเป็น
ขืนปล่อยให้เธอบอกป้าชื่นมีหวังพรุ่งนี้จากปากซอยยันท้ายซอยต้องรู้เรื่องที่ฉันจูบกับพลอยแน่ ๆ เลยจริงมั้ยคะน้า?
บ๊อก!! ๆ เจ้าคะน้าเห่าพลางกระดิกหางดุกดิกอย่างแสนรู้
ก็ดีแล้วนี่... กล้าทำก็ต้องกล้ารับสิ
ยัยข้าวเกรียบไหนบอกว่ารักเพื่อนไม่ห่วงเลยใช่ไหมว่าพลอยจะเสียหายยังไง?
คำพูดของอีกฝ่ายทำให้ใบหน้าหวานนั้นซีดลงทันทีอย่างเพิ่งนึกขึ้นได้ และได้แต่ยอมจำนนต่อคำต่อว่าของอีกฝ่ายเงียบ ๆ จนคีตกาลอดที่จะเห็นใจไม่ได้จึงเอ่ยไปอีกเรื่องแทนว่า
วันนี้เอกก็กลับมาแล้วสินะ...
ใช่... รีบเอ่ยรับหน้าระรื่นผิดจากเมื่อครู่นี้ลิบลับจนชายหนุ่มแทบปรับอารมณ์ตามไม่ทัน
เธอนี่นะ!...
ยิ้มประจบ และว่า
ฉันทำไมจ๊ะ?
ชายหนุ่มส่ายหน้าอย่างยอมแพ้แล้วทำท่าจะก้าวเข้าห้องน้ำไปแต่แล้วข้าวขวัญกลับบ่นอุบขึ้นมาว่า
ยี๋... สกปรกชะมัดเลยทำไมไม่รู้จักเก็บกวาดบ้างนะ
ปากว่าสายตาก็มองไปรอบ ๆ ห้องที่สกปรกอย่างห้องชายโสดทั่ว ๆ ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่ตู้โชว์อันเป็นที่เก็บถ้วยรางวัลมากมายซึ่งผู้เป็นเจ้าของได้มาจากงานประกวดเดี่ยวแซกโซโฟนเมื่อยังเด็กทั้งนั้น
ทำไมเลิกล่ะ?...
คำถามอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยของข้าวขวัญแว่วมาราวกระซิบคล้ายกับไม่ต้องการคำตอบหากคีตกาลก็ยังได้ยินอยู่นั่นเอง
อะไร?... แสร้งถามพลางตีหน้าเหรอหรา
ปะ... เปล่า
งั้นก็เอ้าเอาไป
คิ้วเรียวงามขยับขึ้นอย่างไม่เข้าใจพร้อมกับมองไปที่เครื่องดูดฝุ่นขนาดจิ๋วซึ่งอีกฝ่ายยื่นส่งมาให้อยู่ขณะนี้
ก็ทำความสะอาดน่ะรู้จักมั้ย?
ก็แล้วทำไมฉันต้องมาทำอะไรแบบนี้ให้นายด้วยล่ะ?!
เอ้า... ก็เธอบอกเองว่ามันสกปรกฉะนั้นรีบ ๆ ทำซะ...
ว่าแล้วก็รีบวิ่งหายเข้าไปในห้องน้ำทันทีโดยไม่สนใจเสียงร้องเรียกอย่างไม่พอใจของข้าวขวัญแม้แต่น้อยก่อนที่เสียงน้ำจากฟักบัวจะดังแว่วตามมาติด ๆ หญิงสาวจึงต้องจัดการทำความสะอาดห้องของคีตกาลจนเสร็จเรียบร้อยนั่นเอง และเมื่อไม่มีอะไรจะทำแล้วหล่อนจึงหันมาเอ่ยกับเจ้าคะน้าว่า
ไปช่วยคุณป้าที่ครัวกันเถอะคะน้าปล่อยให้คนเขาได้อยู่ตามลำพังหน่อยก็แล้วกัน...
บ๊อก! ๆ ๆ... เจ้าบางแก้วตัวดีเห่าแล้วรีบวิ่งกระดิกหางที่เต็มไปด้วยขนรุงรังของมันตามคนเป็นนายไปทันที
.......................................................................... 1 ผู้อำนวยเพลง(conducter) คอยควบคุมจังหวะ และปรับสมดุลของเพลง 2 คัดมาจากส่วนหนึ่งของเพลงราตรีโดยครูเอื้อ
......................................................................... สามารถติดตามอ่านจนจบได้ที่นี่ค่ะ //www.dek-d.com/entertain/view.php?id=36754&from_entertain=1
Create Date : 02 ตุลาคม 2548 |
|
2 comments |
Last Update : 9 มกราคม 2549 8:10:07 น. |
Counter : 888 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: nisblog IP: 61.90.119.59 2 ตุลาคม 2548 14:30:33 น. |
|
|
|
| |
โดย: บีค่ะ IP: 58.147.42.104 16 กันยายน 2551 14:55:36 น. |
|
|
|
|
|
|
|