Group Blog
 
 
ตุลาคม 2548
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
2 ตุลาคม 2548
 
All Blogs
 

มนต์รักแซกโซโฟน...1





มันเป็นเวลาเกือบหกโมงเย็นสำหรับจุดเริ่มต้นของเรื่องราวต่าง ๆ เสียงของพิธีกรหนุ่มหล่อมาดเท่ดังกระหึ่มมาตามไมโครโฟน

“ครับ!!... และแล้วเวลาที่ทุกท่านกำลังรอคอยก็มาถึง... ผู้ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศชิงแชมป์เยาวชนเดี่ยวแซกโซโฟนรุ่นอายุไม่เกิน 15 ปีในปีนี้ ได้แก่!...”

แตน... ตะ... ละ... แลน... แตน... แต่น... แต้น... แต่น... แต้น!!

เสียงเพลงบรรเลงดังกึกก้องห้องโถงใหญ่ซึ่งใช้จัดงานประกวดแห่งนั้นท่ามกลางสายตาลุ้นระทึกของผู้เข้าชมทั้งหลาย และแล้วพิธีกรหนุ่มหล่อก็ประกาศชื่อของผู้ชนะเลิศออกมาในที่สุด

“เด็กชายคีตกาล ยอดบรรเลงครับ!!...”

“เฮ้!!...” เสียงเฮดังกึกก้องสอดประสานกับเสียงปรบมือดังเกรียวกราวกระหึ่มไปทั่วห้องจัดงานแห่งนั้นในขณะที่พิธีกรหนุ่มคนเดิมก็เอ่ยถึงประวัติความเป็นมาของผู้ชนะสลับกับพิธีกรหญิงไปเรื่อย ๆ

“ผู้ฝึกฝนคือท่านอาจารย์วิศิษฏ์ ยอดบรรเลงซึ่งเราต่างรู้จักกันดีในฐานะวาทยากร¹ และนักแซกโซโฟนชื่อก้องฟ้าเมืองไทย...”

“ค่ะ... นอกจากท่านจะเป็นอาจารย์ผู้ฝึกสอนน้องคีตกาลแล้วท่านยังเป็นคุณพ่อของน้องเค้าอีกด้วยนะคะคุณศรเทพ” พิธีกรสาวหันมากล่าวกับพิธีกรหนุ่มซึ่งยืนคู่กับตน

“ใช่แล้วครับท่านทั้งหลาย และที่น่าจะมีการจดบันทึกเอาไว้อย่างยิ่งในการประกวดเดี่ยวแซกโซโฟนครั้งนี้ก็คือ...”

“คืออะไรคะคุณศรเทพ?”

“เรามีผู้เข้าประกวดคู่แฝดคู่แรกของวงการแซกโซโฟนน่ะสิครับคุณมินตรา... และคู่แฝดคนนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากแฝดน้องของน้องคีตกาลนั่นเอง...”

“อ๋อ... ที่เราได้ประกาศให้ทราบไปแล้วไงคะท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน น้องคนนี้ก็คือน้องเอกดนตรีซึ่งได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่งไปแล้วไงค่ะ...”

“เชิญน้องทั้งสอง และรองชนะเลิศอันดับสองที่หน้าเวทีเลยนะครับ!...”

เสียงพิธีกรทั้งสองดังกึกก้องสลับกับเสียงปรบมือดังสนั่นก่อนที่มันจะส่างซาไปเหลือเพียงความเงียบหลังจบงานดังกล่าว และผู้คนทั้งหลายต่างทยอยกันออกมาจากงานประกวดหลังจากที่ผู้ชนะเลิศ และรองทั้งสองต่างเข้ารับรางวัลเสร็จสิ้นแล้ว

“คี!!...” เสียงร้องทักของเด็กหญิงผู้หนึ่งทำให้ครอบครัวยอดบรรเลงซึ่งกำลังจะก้าวออกมาจากโรงละครแห่งนั้นเหมือน ๆ กับคนอื่น ๆ ที่มาชมการประกวดต้องหยุดฝีเท้าลงพลางสอดส่ายสายตามองหาที่มาของเสียงที่ว่าท่ามกลางฝูงชนทั้งหลายอย่างใคร่รู้

ชายผู้หนึ่งพร้อมด้วยครอบครัวของเขาซึ่งมีเด็กหญิงเจ้าของเสียงร้องเรียกนั้นรวมอยู่ด้วยก้าวเข้ามาหาครอบครัวของคุณวิศิษฏ์ด้วยใบหน้ายินดียิ่ง

“ดีใจด้วยนะคี...” คุณมณเทียรกล่าวกับเด็กชายผู้ชนะเลิศอย่างชื่นชมในมือของเด็กน้อยมีถ้วยรางวัลการันตีความสามารถอยู่ และใบหน้าน้อย ๆ นั้นก็ยิ้มแป้นแก้มแทบปริเลยทีเดียว

“เอกก็เก่งนะจ๊ะ...” คุณมัลลิกาภรรยาของคุณมณเทียรกล่าวอย่างให้กำลังใจเด็กชายอีกคนซึ่งได้แต่ยืนนิ่งใบหน้าเรียบสนิทไม่บ่งบอกอารมณ์ใด ๆ ท่ามกลางคำชื่นชมของแฝดพี่อยู่ขณะนั้นซึ่งเอกดนตรีก็ได้แต่เพียงยิ้มแปร่งปร่าออกมาเท่านั้นอย่างไม่รู้จะทำสีหน้าอย่างไรดี

“ข้าวเอาช่อดอกไม้มาให้พี่เค้าสิลูก” คุณมัลลิกาหันไปร้องบอกลูกสาวตัวน้อยของตน

“คีจ๋า...” เด็กหญิงอายุห้าขวบหนึ่งเดียวในนั้นเอ่ยขึ้นขณะก้าวเข้าไปหาเจ้าของชื่อในมือน้อยก็หอบดอกไม้ช่อโตเอาไว้ก่อนที่จะส่งมันให้กับอีกฝ่าย และอย่างที่ไม่มีใครคาดฝันมาก่อนแม่หนูน้อยก็ดึงคอเสื้อสูทสุดเท่ของคนตรงหน้าลงมาแล้วก็หอมแก้มคีตกาลเสียฟอดใหญ่ท่ามกลางสายตาตกใจระคนขำขันของผู้ใหญ่ทุกคน

“ตายแล้ว!!... ลูกสาวฉัน!”

คุณมัลลิการ้องขึ้นเสียงดังอย่างอายแทนคนเป็นลูกหากไม่จริงจังนักแล้วทุกคนต่างก็หัวเราะกันเสียงดังอย่างครื้นเครงโดยลืมใครอีกคนไปเสียสนิทใจเลยทีเดียว...



คืนเดียวกันนั้นหลังจากครอบครัวยอดบรรเลง และครอบครัวคุณมณเทียรกลับมาจากงานประกวด...

ในค่ำคืนนั้นท่ามกลางเม็ดฝนซึ่งตกลงมาปรอย ๆ ภายนอกบ้าน และราตรีกาลอันเงียบสงบ เด็กน้อยคีตกาลนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงนอนนุ่มของตนซึ่งตั้งอยู่ข้าง ๆ กับเตียงนอนของเอกดนตรีอย่างเป็นสุข

อาจเป็นเพราะเสียงเพลงที่ดังแว่วมาจากสตูดิโอด้านล่างของตัวบ้านซึ่งใช้เป็นที่ฝึกซ้อมของพวกเขาก็เป็นได้ที่ทำให้เด็กชายรู้สึกตัวตื่นขึ้นมากลางดึกอย่างงัวเงีย คีตกาลขยับลุกขึ้นมาอย่างเกียจคร้านก่อนจะหันไปมองยังเตียงนอนข้าง ๆ ซึ่งมันควรจะมีร่างของแฝดผู้น้องของตนอยู่ ณ ที่แห่งนั้นหากมันกลับมีแต่เพียงความว่างเปล่า และที่นอนเย็นชืดอยู่เท่านั้น คิ้วน้อย ๆ ขมวดนิดหนึ่งอย่างไม่เข้าใจก่อนจะย่องลงจากเตียงแล้วก้าวออกมาจากห้องนอนของตนทันที...

“คืนนี้คืนเดือนหงายจันทร์ฉายสาดแสง มองเห็นหน้าแฟนส่องแสงพร่างพราย

เมฆฝนนวลสายลมพัดเลื่อนลอย หนาวพาใจพลอยหวิวลอยเลื่อนไป...”²


เสียงเพลงราตรีซึ่งบรรเลงโดยแซกโซโฟนแว่วหวานมากับลมพัดเอื่อย และปรอยฝนพร่ำทำให้เท้าของหนูน้อยคีตกาลหยุดลงที่หน้าประตูทางเข้าสตูดิโอนิ่งนานด้วยหัวใจที่ไหววูบไปเล็กน้อย ไม่เพียงเพราะเสียงบรรเลงเพลงอันเศร้าสร้อยนี้เท่านั้นที่ทำให้คีตกาลรู้สึกเช่นนั้นหากแต่เป็นเพราะภาพของเอกดนตรีซึ่งกำลังขมัก ขเม้นอยู่กับการปลุกปล้ำเจ้าแซกโซโฟนของตนภายในสตูดิโอตรงหน้านี้ต่างหากที่ทำให้หัวใจของเขาหวิวไหวไปได้อย่างประหลาดนักขณะที่สายตาก็ไม่ยอมละไปจากแฝดผู้น้องเลยแม้แต่น้อยนิด...

เสียงเพลงราตรีบรรเลงจบลงเพลงบรรเลงถัดไปก็ดังตามมาเรื่อย ๆ ราวกับว่าผู้ซึ่งบรรเลงจะไม่ยอมหยุดอยู่ที่เพลงใดเพลงหนึ่งเลยกระนั้น แซกโซโฟนตัวซึ่งอยู่ในมือเอกดนตรีถูกเป่าบรรเลงเพลงซ้ำแล้วซ้ำเล่าในค่ำคืนฝนพร่ำเย็นฉ่ำใจโดยมีร่างน้อยของคนเป็นพี่ยืนพิงประตูทางเข้าเฝ้าอยู่ ณ ที่ตรงนั้นเงียบ ๆ ด้วยความรู้สึกหลากหลาย ไม่มีใครรู้เลยว่าทั้งคนสองอยู่อย่างนั้นนานแค่ไหนด้วยเหตุผลใด และพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่...



“บ๊อก! ๆ ”

“อะไรกันเจ้าคะน้า?...”

หญิงสาวผมซอยสั้นน่ารักร้องถามเจ้าบางแก้วตัวดีซึ่งเป็นสุนัขที่เอกดนตรีซื้อให้ครั้งที่ไปสวนจตุจักรด้วยกันเมื่อหลายเดือนก่อนอย่างสงสัยขณะที่หล่อนก้าวกำลังก้าวออกมาจากประตูรั้วบ้านของตน

“ว้าย!...” ข้าวขวัญร้องออกมาเสียงดังอย่างตกใจในขณะที่เจ้าคะน้าของหล่อนกลับวิ่งกระโดดโลดเต้นอย่างยินดีตรงรี่เข้าไปหาใครอีกคนตรงหน้าอย่างชอบอกชอบใจโดยไม่รู้เลยว่าคนที่มันกำลังวิ่งตรงดิ่งเข้าไปหานั้นขณะนี้กำลังทำอะไรแล้วรู้สึกยังไงกันแน่กับการมาของมัน และคนเป็นนาย

ภาพชายหญิงสองคนซึ่งกำลังผละออกจากกันอย่างลนลานใบหน้ากระดากกระเดื่องหลังจากที่ฉากจูบกันอย่างดูดดื่มกลางถนนนั้นจบลงด้วยการขัดจังหวะของข้าวขวัญทำให้หล่อนรู้สึกฉุนขึ้นมาติดหมัด เป็นเพราะแม่ของหล่อนทีเดียวที่ใช้ให้หล่อนเอาแกงส้มผักกระเฉดมาให้บ้านฝั่งตรงข้ามซึ่งเป็นบ้านของนายตัวดีตรงหน้านี้ทำให้หล่อนต้องมาเจอกับภาพอุจาดตาตั้งแต่เช้าแบบนี้...

วันนี้ข้าวขวัญถูกคุณมัลลิกาปลุกให้ตื่นแต่เช้าเพื่อมาช่วยทำอาหารแค่นั้นยังไม่พอยังถูกขอให้นำแกงส้มที่ว่ามาให้กับบ้านยอดบรรเลงอีกด้วยซึ่ง

“ไงข้าวเกรียบ?...”

คีตกาลหันมาเอ่ยถามคนที่เข้ามาขัดจังหวะตนเสียงเรียบ ใบหน้าคมคายจมูกสันโด่งรับกับใบหน้าโดยที่เส้นผมยาวเคลียบ่านั้นถูกรวบมัดเอาไว้ด้านหลังบริเวณต้นคอไม่บ่งบอกให้ทราบเลยว่าเขารู้สึกยังไงกันแน่กับเหตุการณ์ตรงหน้านี้ในขณะที่แฟนคนที่เท่าไหร่ก็ไม่ทราบของเขานั้นกลับมีใบหน้าแดงก่ำอย่างขัดเขินจนเห็นได้ชัดยิ่งกว่าตำลึงสุก

“อย่ามาเรียกฉันว่าข้าวเกรียบนะนายขี้ตา!!...”

อีกฝ่ายทำหน้าทะเล้นแววตาคมกริบนั้นพราวระยับอย่างชอบอกชอบใจ

“ก็ทีเธอยังเรียกฉันว่าขี้ตาเฉยเลยเนาะคะน้าเนาะ...” หันไปกล่าวกับเจ้าบางแก้วตัวน้อยซะเลยก่อนจะคว้าตัวมันขึ้นมาอุ้มแล้วโยนขึ้นโยนลงอย่างคึกคะนอง

“นี่เดี๋ยวคะน้ามันก็อ้วกแตกหรอก!...”

“ไม่หรอกน่า... เห็นมั้ยมันชอบออก” อีกฝ่ายตอบยิ้ม ๆ

แต่ตอนนี้เจ้าคะน้ามันอ่วมอรทัยไปเสียแล้วจึงไม่อาจตอบคำถามคีตกาลหรือแสดงอาการอื่นใดได้ ข้าวขวัญจึงรีบบอกให้เขาปล่อยตัวมันลงซึ่งชายหนุ่มก็ยอมทำตามอย่างว่าง่าย

“เอ่อ... อาจารย์คีคะ...” เสียงของใครอีกคนซึ่งถูกลืมไปชั่วขณะดังขึ้นมาขัดจังหวะคนทั้งสอง

“ครับอาจารย์?”

“คือ... พลอยจะกลับแล้วค่ะ” เธอคนนั้นว่าก่อนจะหันมาทางข้าวขวัญยิ้ม ๆ ใบหน้ายังแดงระเรื่ออยู่นิด ๆ

“เธอ!...” ข้าวขวัญร้องขึ้นอย่างตื่นเต้นเมื่อสังเกตคนตรงหน้าอย่างจริง ๆ จัง ๆ เป็นครั้งแรก

“เธอคือแพรพลอยใช่ไหม?!”

สาวสวยคนนั้นเขม้นมองมาที่เจ้าของคำถามบ้างอย่างค้นคว้าแล้วหล่อนก็ต้องร้อง...

“ข้าวขวัญ!!... เธอนั่นเองดีใจจริง! ๆ ”

“ฉันเองก็ดีใจจ๊ะเราไม่ได้เจอกันนานแค่ไหนแล้วนะพลอย?”

“อืมม์... ก็ตั้งแต่มัธยมตอนที่ฉันย้ายตามพ่อไปอยู่ต่างจังหวัดนั่นแหละ”

“แล้วนี่เธอไปไงมาไงถึงได้มาพบเข้ากับคีได้ล่ะ?”

คำถามที่แสนจะธรรมดานี้ของข้าวขวัญกลับทำให้ใบหน้าหวานของคนเป็นเพื่อนแดงระเรื่อขึ้นมาอีกครั้งอย่างห้ามไม่ได้ แน่ล่ะแพรพลอยต้องนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่นี้แน่เพราะแม้แต่ข้าวขวัญเองก็ยังอดที่จะนึกไปถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาเมื่อครู่นี้ไม่ได้

“อะแฮ่ม... คุณพลอยเพิ่งย้ายมาเป็นอาจารย์ที่วิทยาลัยที่ฉันทำงานอยู่เมื่ออาทิตย์ก่อนนี่เอง” คีตกาล

เป็นคนตอบคำถามนี้แทนแต่คราวนี้เป็นใครก็ต้องรู้ว่าเขาต้องรู้สึกขัดเขินบ้างล่ะเพราะใบหน้าหล่อเหลาคมคายนั้นแดงซ่านขึ้นมาทันตาเห็น

“แล้วเธอล่ะข้าวตอนนี้ทำอะไรอยู่?” แพรพลอยรีบชวนคุยไปอีกเรื่องหนึ่งทันที

“ฉันเป็นครูสอนร้องเพลงอยู่ที่สถาบันสอนร้องเพลงแถว ๆ ...”

“แหมในที่สุดเธอก็ได้ทำตามความฝันของตัวเองจนได้นะน่าอิจฉาจริง ๆ “

“พลอยไหนว่าจะกลับแล้วไม่ใช่เหรอ?...” คีตกาลถามขึ้นเพราะคิดว่าหากเขาไม่เอ่ยอะไรออกมาสองสาวนี่ก็คงจะไม่คิดไปไหนเป็นแน่ และมันก็จะทำให้เขาพลอยไม่ได้ไปไหนด้วยนั่นเอง

“แหม... จะกลับเดี๋ยวนี้แหละค่ะไม่ต้องไล่นักหรอก...” หันมากล่าวกับชายหนุ่มยิ้ม ๆ

“ฉันกลับก่อนแล้วกันนะข้าวไว้จะโทรมาคุยด้วยต้องรีบกลับไปเตรียมตัวไปทำงานจ๊ะ”

“จ๊ะ...”

แล้วแพรพลอยก็ก้าวขึ้นรถสปอร์ตาราคาแพงสีแดงสดของหล่อนไปทันทีทิ้งให้ข้าวขวัญมองตามอีกฝ่ายไปจนลับสายตา

บรืนนน...

แพรพลอยเป็นเพื่อเก่าสมัยเรียนมัธยมของข้าวขวัญซึ่งตอนนั้นหล่อนต้องตามพ่อซึ่งเพิ่งได้รับตำแหน่งผู้ว่าราชการไปประจำตำแหน่งที่ภาคใต้ทำให้คนทั้งสองห่างจากกันมานับแต่นั้น แต่ตอนนี้ได้ข่าวว่าพ่อของแพรพลอยกลับมาลงเล่นการเมือง และได้ดำรงตำแหน่งเป็นถึงรัฐมนตรีในสภาเลยทีเดียว

“ฉันมาบ้านคีทีไรเจอแต่ฉากแบบนี้ทุกที...” บ่นกระปอดกระแปดเมื่อข้าวขวัญละสายตามาเสียจากรถของคนเป็นเพื่อนแล้ว

“ฮั่นแน่... อิจฉาล่ะสิ?... ไม่ต้องน้อยใจไปหรอกน่าฉันรับเธอมาอีกคนก็ยังไหว”

เอ่ยอย่างขี้เล่นแต่ก็ทำเอาหญิงสาวใจสั่นขึ้นมาทันทีแต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโกรธคำพูดของคนตรงหน้าหรือเป็นเพราะอะไรกันแน่

“บ้าสิ!!... อย่างฉันไม่สนใจคนกะล่อนอย่างนายหรอกย่ะ”
แววตาเต้นระริกเมื่อครู่นี้ไหววูบไปเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงเรียบไม่บ่งบอกอารมณ์ว่า

“รู้แล้วน่าว่าเธอมีเอกอยู่แล้วทั้งคน...”

อะไรอีกล่ะคำพูดที่ราบเรียบรวมทั้งใบหน้าที่จริงจังผิดจากเดิมเนี่ยเดี๋ยวก็ทะลึ่งทะเล้นเดี๋ยวก็ทำหน้าเศร้า... ข้าวขวัญได้แต่ถามตัวเองในใจ และไม่คิดที่จะแก้ความเข้าใจผิดของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย

“แล้วนั่นอะไร?” จู่ ๆ คีตกาลก็เอ่ยขึ้นมาอีกเรื่องแทน

“อ๋อ... แกงส้มน่ะคุณแม่ให้เอามาให้...”

“เอามาสิ...”

อีกฝ่ายมองมาที่เขาราวกับจะถามว่าอะไร?...

“ก็หม้อแกงลิงเอ๊ย!... หม้อแกงที่ถืออยู่นั่นไง”

ข้าวขวัญจึงส่งหม้อแกงใบเล็กในมือนั้นให้อีกฝ่ายเงียบ ๆ แล้วทั้งสองก็ก้าวผ่านประตูรั้วเหล็กอัลลอยนั้นไปพร้อม ๆ กันก่อนจะตรงไปยังตัวตึกสีขาวสองชั้นซึ่งเป็นบ้านของครอบครัวยอดบรรเลงทันทีโดยมีเจ้าคะน้าวิ่งเตาะแตะตามไปเงียบ ๆ

“นายเป็นแฟนกับพลอยเหรอ?” จู่ ๆ ข้าวขวัญก็ถามขึ้น

“เฮ้ย!... อย่าเรียกถึงขั้นนั้นสิแค่กิ๊กเท่า
นั้น...” ร้องเสียงหลง

“นายจะมาทำให้เพื่อนฉันเสียใจไม่ได้นะ!...” แหวขึ้นมาเสียงดังอย่างไม่พอใจ

คีตกาลถอนหายใจยาวก่อนจะเอ่ยออกมาว่า

“ข้าว... พลอยเค้าไม่หัวโบราณอย่างเธอหรอกนะ”

หญิงสาวตวัดสายตาเคืองขุ่นมาทีอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจเปิดเผย

“คนบ้า!!...” แล้วรีบวิ่งแจ้นหายเข้าไปในตัว
บ้านของครอบครัวยอดบรรเลงทันทีด้วยความคุ้นเคยเพราะหล่อนเคยมาวิ่งเล่นที่นี่บ่อย ๆ นับแต่จำความได้แล้วปล่อยให้คีตกาลได้แต่มองตามไปอย่างไม่เข้าใจเพียงลำพัง...

“อ้าวคุณข้าว!... มีอะไรรึเปล่าคะมาแต่เช้า?”

ป้าชื่นแม่บ้านเก่าแก่ของคุณปรางค์ทิพย์แม่ของสองแฝดเอกดนตรีคีตกาลร้องทักมาอย่างสงสัยขณะที่แกกำลังจะขนขยะไปทิ้งที่ถังขยะหน้าบ้าน

“ข้าวเอาแกงส้มที่คุณแม่ทำมาให้น่ะค่ะ”

หญิงแก่มองดูอีกฝ่ายราวกับจะถามว่าไหนล่ะแกงที่ว่าข้าวขวัญจึงรีบพูดขึ้นว่า

“อยู่กับคีน่ะค่ะ”

“อ้าว... คุณคีกลับมาแล้วรึคะ?”

กล่าวจบก็พอดีกับที่คีตกาลตามเข้ามาภายในบ้านเช่นกัน

“ชื่นได้ยินเสียงรถเพื่อนมาส่งหรือคะคุณคี?”
แกถามตามวิสัยอยากรู้อยากเห็น

ข้าวขวัญหันไปมองผู้ชายตัวโตด้านหลังของตนอย่างได้ทีแววตาพราวระยับมีเลศนัยก่อนจะรีบเอ่ยแทรกขึ้นว่า

“เมื่อกี้มีฉากรักดุ... อุ๊บ!”

แต่ยังไม่ทันที่หล่อนจะได้เอ่ยจนจบประโยคดีมือหนาของคีตกาลก็คว้าหมับตะปบลงมาที่ริมฝีปากของหล่อนเสียก่อน

“เอ๊ะ!... มันยังไงกันคะนี่คุณข้าวคุณคี?”

“อี่อ่อยอันอะ!...” หญิงสาวพูดเสียงอู่อี่สองมือก็แกะมือหนาเหนี่ยวแน่นของอีกฝ่ายออกอย่างไร้ผลในขณะที่ป้าชื่นนั้นได้แต่มองสองหนุ่มสาวตรงหน้างง ๆ

“ไม่มีอะไรครับแหะ ๆ เอาแกงนี่ไปจัดการก่อนก็แล้วกัน” เอ่ยเพียงแค่นั้นคีตกาลก็ลากข้าวขวัญจากมาทันทีท่ามกลางสายตาสงสัยใคร่รู้ของป้าชื่นนั่นเองโดยมีเจ้าคะน้าเห่าบ๊อก ๆ ตามไปติด ๆ อย่างห่วงใยในตัวคนเป็นเจ้านาย

“ทำบ้าอะไรน่ะ?!...”

ข้าวขวัญร้องขึ้นเสียงดังเมื่อมาอยู่ภายในห้องนอนของชายหนุ่มเรียบร้อยแล้วซึ่งข้อนี้เป็นเพราะหล่อนเคยมาเที่ยวเล่นสนิทสนมกับสองแฝดพี่น้องคู่นี้จนใคร ๆ ต่างก็เห็นเป็นเรื่องปกติเสียแล้วที่จะพบเห็นหล่อนบน
ห้องนอนของใครคนใดคนหนึ่งจึงไม่มีใครตามมาคอยสอดแนมอย่างที่ควรจะเป็น

“ขืนปล่อยให้เธอบอกป้าชื่นมีหวังพรุ่งนี้จากปากซอยยันท้ายซอยต้องรู้เรื่องที่ฉันจูบกับพลอยแน่ ๆ เลยจริงมั้ยคะน้า?”

“บ๊อก!! ๆ “ เจ้าคะน้าเห่าพลางกระดิกหางดุกดิกอย่างแสนรู้

“ก็ดีแล้วนี่... กล้าทำก็ต้องกล้ารับสิ”

“ยัยข้าวเกรียบไหนบอกว่ารักเพื่อนไม่ห่วงเลยใช่ไหมว่าพลอยจะเสียหายยังไง?”

คำพูดของอีกฝ่ายทำให้ใบหน้าหวานนั้นซีดลงทันทีอย่างเพิ่งนึกขึ้นได้ และได้แต่ยอมจำนนต่อคำต่อว่าของอีกฝ่ายเงียบ ๆ จนคีตกาลอดที่จะเห็นใจไม่ได้จึงเอ่ยไปอีกเรื่องแทนว่า

“วันนี้เอกก็กลับมาแล้วสินะ...”

“ใช่...” รีบเอ่ยรับหน้าระรื่นผิดจากเมื่อครู่นี้ลิบลับจนชายหนุ่มแทบปรับอารมณ์ตามไม่ทัน

“เธอนี่นะ!...”

ยิ้มประจบ และว่า

“ฉันทำไมจ๊ะ?”

ชายหนุ่มส่ายหน้าอย่างยอมแพ้แล้วทำท่าจะก้าวเข้าห้องน้ำไปแต่แล้วข้าวขวัญกลับบ่นอุบขึ้นมาว่า

“ยี๋... สกปรกชะมัดเลยทำไมไม่รู้จักเก็บกวาดบ้างนะ”

ปากว่าสายตาก็มองไปรอบ ๆ ห้องที่สกปรกอย่างห้องชายโสดทั่ว ๆ ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่ตู้โชว์อันเป็นที่เก็บถ้วยรางวัลมากมายซึ่งผู้เป็นเจ้าของได้มาจากงานประกวดเดี่ยวแซกโซโฟนเมื่อยังเด็กทั้งนั้น

“ทำไมเลิกล่ะ?...”

คำถามอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยของข้าวขวัญแว่วมาราวกระซิบคล้ายกับไม่ต้องการคำตอบหากคีตกาลก็ยังได้ยินอยู่นั่นเอง

“อะไร?...” แสร้งถามพลางตีหน้าเหรอหรา

“ปะ... เปล่า”

“งั้นก็เอ้าเอาไป”

คิ้วเรียวงามขยับขึ้นอย่างไม่เข้าใจพร้อมกับมองไปที่เครื่องดูดฝุ่นขนาดจิ๋วซึ่งอีกฝ่ายยื่นส่งมาให้อยู่ขณะนี้

“ก็ทำความสะอาดน่ะรู้จักมั้ย?”

“ก็แล้วทำไมฉันต้องมาทำอะไรแบบนี้ให้นายด้วยล่ะ?!”

“เอ้า... ก็เธอบอกเองว่ามันสกปรกฉะนั้นรีบ ๆ ทำซะ...”

ว่าแล้วก็รีบวิ่งหายเข้าไปในห้องน้ำทันทีโดยไม่สนใจเสียงร้องเรียกอย่างไม่พอใจของข้าวขวัญแม้แต่น้อยก่อนที่เสียงน้ำจากฟักบัวจะดังแว่วตามมาติด ๆ หญิงสาวจึงต้องจัดการทำความสะอาดห้องของคีตกาลจนเสร็จเรียบร้อยนั่นเอง และเมื่อไม่มีอะไรจะทำแล้วหล่อนจึงหันมาเอ่ยกับเจ้าคะน้าว่า

“ไปช่วยคุณป้าที่ครัวกันเถอะคะน้าปล่อยให้คนเขาได้อยู่ตามลำพังหน่อยก็แล้วกัน...”

“บ๊อก! ๆ ๆ...” เจ้าบางแก้วตัวดีเห่าแล้วรีบวิ่งกระดิกหางที่เต็มไปด้วยขนรุงรังของมันตามคนเป็นนายไปทันที




..........................................................................
1 ผู้อำนวยเพลง(conducter) คอยควบคุมจังหวะ และปรับสมดุลของเพลง
2 คัดมาจากส่วนหนึ่งของเพลงราตรีโดยครูเอื้อ



.........................................................................
สามารถติดตามอ่านจนจบได้ที่นี่ค่ะ
//www.dek-d.com/entertain/view.php?id=36754&from_entertain=1




 

Create Date : 02 ตุลาคม 2548
2 comments
Last Update : 9 มกราคม 2549 8:10:07 น.
Counter : 888 Pageviews.

 

เล่นบล็อกไปได้เงินไป //www.nisblog.com

 

โดย: nisblog IP: 61.90.119.59 2 ตุลาคม 2548 14:30:33 น.  

 

หนุกดี
เรื่องอื่นก็หนุก

 

โดย: บีค่ะ IP: 58.147.42.104 16 กันยายน 2551 14:55:36 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


likitma
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add likitma's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.