Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2551
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
9 สิงหาคม 2551
 
All Blogs
 
หนูอยากจะเกิด

หนูอยากจะเกิดรายนี้ ต้องบอกว่าอยากจะเกิดเสียจริงๆ
ดิฉันกับสามีพบกันครั้งที่2ก่อนแต่งงานกัน1เดือน เรามีเพลนแต่งกันเดือน พค. เขาเดินทางมาเมษา ยังค่ะ เรายังไม่มีไรกัน อิอิ เรามามีไรกันก่อนแต่งได้3อาทิตย์ และ แม่จ้าวโว๊ย อะไรมันจะแรงขนาดนั้น ก็ไม่คิดอ่ะนะค่ะว่าจะท้องเลยนะเวลานั้น แต่ว่าทำไมช้านดูอืดอย่างนี้นะ จะสวมชุดเจ้าสาวแล้ว ท้องมันไม่ยุบเลยอ่ะ ตอนนั้นไม่คิดอะไรเลยเกี่ยวกับท้อง เพราะน้ำหนักตัวเองขึ้นมา5โลก่อนที่สามีจะมาด้วย เลยคิดว่าความอ้วนถามหา ช่วงเนี่ย เข้าครอสขัดผิวอบตัวด้วย และเพิ่งมาทราบว่าคนท้อง(อ่อน)ไม่ควรเข้าตู้อบ เพราะไม่ดีต่อเด็กอาจแท้งได้
เราไปสเม็ดกันก่อนที่จะแต่งอีก อยากไประลึกความหลัง และการไประลึกความหลังครั้งนี้แสนจะทรหดมาก เราได้เช่าเรือออกไปเกาะไปตกปลากัน แต่ไม่ได้เหมาเช่าส่วนตัวนะค่ะ ไปกับคนอื่นด้วย และเจ้าคนขับเรือเนี่ยเหมือนมานกินยาบ้ามาเลย มานบิดท้าคลื่นจนอ๊วกแทบแตก กระแทกคลื่นทีแบบชนิด ตัวลอยก้นกระแทกดังปั๊กๆ ไม่รู้ว่ากี่ทีเลยละ
หลังจากกลับมาจากเกาะ สามีติดใจเช่าสกูตเตอร์มาขับร่อนอีก1ชม. โดยมีเราซ้อนไปด้วย ทีแรกเราจะไม่ไปเพราะเราว่ายน้ำไม่เป็น กลัวอ่ะ ถึงจะใส่เสื้อชูชีพก็เหอะ เรากลัวฉลาม แต่สามีก็ลากไปจนได้ มันยิ่งกว่ากินยาบ้าเข้าไปอีก ไอ้นี่มันฉีดเข้าไปด้วยมั้ง มันบ้าพลังมากมาย ตอนอยู่บนเรือเขาก็ไม่ชูชีพนะ เขาลงจากเรือกันเบาๆไปดำน้ำ เจ้านี่ไม่ยืนบนกาบเรือกระโจนตูมๆ หลังจากจบจากเจ้าสกูตเตอร์มหาโหด เล่นเกือบตาย ทั้งเสียวทั้งกระแทก แต่ก็ไม่มีไรเกิดขึ้น

พอหลังจากแต่งงาน เริ่มรู้สึกแปลกๆ ทำไมรอบเดือนยังไม่มา พยายามลดความอ้วนก็ไม่ได้ ยิ่งลดยิ่งกิน อารมณ์ก็หงุดหงิดอย่างแรง เบื่อหน้าสามี
ร้อน เหนื่อยง่าย อยากนอนทั้งวันเลย ขี้เกียจ อารมณ์แปรปรวน เลยไปซื้อที่ตรวจครรห์มา ปรากฏว่าท้องค่ะ อามรณ์รึ แปลกนิ ไม่เห็นเหมือนในหนังเลย แบบว่าต้องดีใจกระโดดโลดเต้น ถามว่าดีใจมั้ยดีใจซิ มันเป็นความตั้งใจที่เราอยากให้เกิดขึ้น แต่ไม่คิดว่าจะเกิดเร็วและง่ายปานนี้ ครั้งเดียวเอง เราเอาที่ตรวจครรห์ไปให้สามีดู บอกเขาว่าเราท้อง สามีก็อารมณ์เดียวกับเราอ่ะ อืมมม แบบเตรียมพร้อมอยู่แล้ว
หลังจากแต่งงานเรามาใช้ชีวิตที่ กทม.กันส่วนใหญ่ สามีเราอ่ะ บ้ามอไซด์อย่างแรง พี่แกลงทุนซื้อคันนึงไว้ขับ เราไม่อยากนั่งเลย หงุดหงิดทุกทีที่นั่ง กลัวด้วย รู้ว่าขับเก่ง แต่ถนนบ้านช้านไม่เหมือนบ้านเธอหรอกนะ รถมันจะหักเลี้ยวซ้ายขวาแต่ละครั้งมันไม่บอกแกก่อนหรอก จะล้มชักตายเมื่อไหร่ไม่สามารถบอกได้ 3ครั้งเห็นจะได้ที่มีการกระแทกในระหว่างซ้อนมอไซด์ แล้วมีเลือดไหลออกมานิดๆ เราก็ทะเลาะกับเขาทุกครั้ง เขาก็ว่าจะระวัง

แต่พอหลังจากเขากลับไปแล้ว เราก็อยู่ที่ไทยดำเนินการเรื่องวีซ่าต่อ ไม่นานก็ได้มาใช้ชีวิตที่ แทสแมเนีย สามีก็ต้อนรับโดยการโชว์เจ้ารถ4W DRIVE ให้ดูว่าเพิ่งไปซื้อมา หน้าตาเบิกบานมากมาย และก็สัญญาว่าจะพาเราไปขับ เออตรูท้องอยู่นะ หลังจาก1อาทิตย์ผ่านไป สามีพาไปบ้านเพื่อนที่มีที่ติดอยู่ในป่าซึ่งเป็นเขา สามีซื้อหมวกกันน็อคให้1ใบใหม่เอี่ยว จากนั้นเราก็เข้าป่ากันไป2คน เสียดายไม่ได้เอากล้องไปเพื่อถ่ายสถานที่มา ไว้มีโอกาสจะกลับไปเก็บสถานที่เกิดเหตูมาให้ยล
สามีขับเราซ้อนหลังกับลูก(ที่อยู่ในท้อง) จนมาถึงเนินทางแยก2ทาง อีกทางไม่มีป้ายบอก อีกทางเขียนว่า X treme เราก็คิดอยู่ในใจแล้วเชียวว่าอย่านะมรึง เพราะมันเป็นทางราดเทลงไป30องศาได้ แค่มองลงไปตรูก็เสียวแล้ว แต่มันไม่ลึกมาก และสามีช้านก็ลงไป พอลงไปปุ๊บ อ้าว ทางมันสำหรับมอไซด์กับจักรยาน รถแกใหญ่เกิน ผ่านไปไม่ได้ ทำไง ซวยเลยมะ มองกลับขึ้นไป จะขับไปยังไงอ่ะ สามีก็ตอบอย่างมั่นใจ สบายมาก รถแบบนี้สร้างมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ แล้วก็ให้เราซ้อนท้าย ในทีแรกเราปฏิเสธ ขอเดินขึ้นไปเอง แต่สามีก็คะยั้ยคะยอ บอกว่าไม่เป็นไร เด็กๆ สบายมาก เราก็นะ บ้าเปล่าว่ะ ยอมซ้อนท้ายเขาต่อ
เมื่อรถถูกสตาทอีกครั้ง เสียเครื่องยนต์ดังบรื้นๆจากการเร่งคันเร่งของสามี ไม่นา่นมันก็ค่อยๆไต่ขึ้นเนินไป จนเมื่อมาถึงครึ่งทาง เสียงที่ชั้นได้ยินครั้งสุดท้ายก่อนทุกอย่างเทลงมานั่นก็คือ เสียงของสามีร้องเรียกชื่อชั้น เสียงนี้มันหลอนชั้นมากเลย บอกไม่ถูกว่าความรู้สึกตอนนั้นเป็นอย่างไร แต่เสียงแบบนั้นมันเหมือนเสียงของการพ่ายแพ้ และไม่สามารถช่วยเหลือเราได้ เหมือนกับว่าเรากำลังจะตกเขา และสามีจับมือเราไว้จนวินาทีสุดท้ายเขาไม่สามารถช่วยเราได้ ได้แต่ร้องเรียกชื่อเราเป็นครั้งสุดท้ายและปล่อยเราไป ความรู้สึกแบบนั้นแหละ ความรู้สึกไม่ปลอดภัย
ช่วงวินาทีที่รถมันตีลังกากลับหลังลงมานั้น ไม่รู้สึกอะไรเลย มันวูบแป๊บนึง แต่สัญชาติญาณของความเป็นแม่ยังมีอยู่เปี่ยมล้น ชั้นจำได้ว่า หลังจากหลังกระแทกพื้น ตัวเองก็รีบยกขาขึ้นคู้ทันทีเพื่อปกป้องลูกที่อยู่ในท้องให้ได้มากที่สุด รถกระแทกโดนขาแต่ไม่โดนตัว แล้วนิ่ง ไม่รู้สึกเจ็บที่ไหนเลย สามีลุกขึ้นมาถามเป็นไรมั้ย เราก็ดูที่ท้องที่ขามีเลือดมั้ย ไม่ ทุกอย่างปกติ ไม่เอาแล้ว ชั้นจะเดิน ไปหาคนมาช่วยเหอะ เราขึ้นไปไม่ได้หรอก เมื่อวานฝนตกหนัก ทำให้วันนี้พื้นที่เป็นดินมันลื่นมาก
แต่สามีก็ไม่ละความพยายาม ชั้นไม่รู้หรอกว่า ณ. ตอนนั้นเราทำอะไรและคิดอะไรกันอยู่ ทำไมชั้นไม่รู้สึกกลัวหรือขาสั่น ซึ่งมันน่าจะเป็น ชั้นกลับว่างเปล่า กลัวเสียลูกแต่ไม่ปฏิเสธที่จะลองใหม่กับสามีอีกครั้ง ชั้นมันบ้าชัดๆ ครั้งที่2นี้เหมือนเดิม ตรงจุดเดิม แต่ชั้นถีบตัวลอยออกมาก่อน และท่าเดิมคือตะแคงตัวลงมาพอถึงพื้นงอเข่าไว้ ไม่คว่ำตัว ใช้ด้านข้าง แต่คราวนี้หนักกว่าคราวแรก รถมันกระแทกลงที่หัวแบบปาดๆ และทับที่ขา ชั้นไม่อยากจะลุกเลย ไม่แล้วนะ ชั้นไม่เอาอีกแล้ว ชั้นจะเดินละคราวนี้ สามีเดินมาที่ชั้น ถามด้วยน้ำเสียงตระหนก ยกรถออกจากขา แต่ชั้นไม่เป็นอะไร ไม่เจ็บ เช๊คดูร่างกายทุกอย่างปกติ ไม่มีเลือด เอาหมวกกันน๊อคออก ตอนนี้หมวกที่เพิ่งซื้อมา สภาพกลายเป็นหมวกมีแผลไปซะแล้ว มีรอยโดนเฉือนเป็นแนวยาวช่วงหน้าผากลากลงมาเกือบถึงข้างแก้ม ลึกด้วย ยังคิดไปว่าถ้าไม่มีหมวก หน้าชั้นจะเป็นอย่างไรเนี่ย คราวนี้สามีไม่บังคับแล้ว ให้เราเดินไปเอง แล้วเขาก็พยายามเองคนเดียว3ครั้ง แต่ไม่ล้มมา อาจเป็นเพราะว่า 2คนมันมากเกินไปสำหรับรถแบบนี้ จนครั้งที่3สามีก็เอารถขึ้นมาได้ และเราก็ไปกันต่อ แต่คราวนี้เราขับไปทางเรียบ และไปจอดตรงธารน้ำเพื่อสงบใจ มองดูธรรมชาติ ต้นหญ้าเขียวขจีสั้นกุดที่ถูกเจ้าเครื่องตัดหญ้าที่ชื่อว่าพอสซั่มกัดกินทุกวัน รอยทางหญ้ายังเปียกอยู่เลย เราชื่นชมธรรมชาติซักพักก่อนขับวนรอบเขา และกลับมานั่งพักที่บ้านเพื่อนเขาต่อ



หลังจากนั้นเรามีแพลนจะไปเที่ยวเมืองหลวงคือ HOBART ชั้นก็ให้เขานัดหมอให้ชั้นก่อน ชั้นอยากเช็คลูก อยากฝากครรห์ด้วย และเราก็ได้นัดหมอวันที่เราจะไปเที่ยวกัน หมอสแกนทุกส่วนของตรูดหมึก มีทุกส่วนครบสมบูรณ์ หมอยังว่าเป็นเด็กที่สมบูรณ์มาก หัวใจก็เต้นดี ดิ้นเก่งด้วย เฮ้ออออ เรารึก็โล่งอกไปเที่ยวอย่างสบายใจต่อ แต่ก็รีบโทรหาแม่ที่เมืองไทยว่าหลานปลอดภัยดี และไม่มีเหตุกาณ์ใดๆที่จะเป็นอันตรายต่อลูกเกิดขึ้นอีกเลย
จนเข้าเดือนที่9 ก่อนคลอด2อาทิตย์ ลูกแม่ก็แผลงฤทธิ์จนได้ ลูกทำแม่ปวดท้องได้ทุกคืนซินะ คืนแรกปวดจนคิดไปว่าจะคลอด (ก็นะคนไม่เคย) แต่มันก็ไม่เกิดอะไรขึ้นนี่นา ปวดประมาณ4-5ชั่วโมงหายไป เช้าเลยเล่าให้เพื่อนข้างบ้านฟัง เธอก็ใจดีน่าใจหาย อาสาพาเราไป รพ. มิดไวฟ์ตรวจแช๊คแล้วให้กลับบ้าน เธอว่าต้องปวดทุก5นาทีเมื่อไหร่ให้กลับมา และเราก้เป็นแบบนี้ทุกคืนเลยนะ จนเรียกได้ว่าพอตี1ปุ๊บมาปั๊บไม่ต้องนอนกันเลย จนเมื่อวันที่16 มกราคม ปวดอีก แต่คราวนี้มีเลือดออกมา แต่ไม่มาก เลยว่าเอาว่ะ รอจนน้ำคร่ำแตกกันไปเลยละกัน แต่พอใกล้เช้า มันปวดจนทรมานอ่ะ มันปวดเหมือนมีรอบเดือนเลย แต่ใจไม่คิดมากคิดว่าที่ปวดแบบนี้ (คือหลายวันที่ปวดไม่แบบนี้) เพราะมีเลือดออกเหมือนตอนมีประจำเดือนก็ปวดแบบนี้ แต่สามีก็โทรไปหาแม่เขาให้มาพาไปหาหมอหน่อย เลยจำใจไป ไม่อยากไป ก็ยังไม่ปวดทุก5นาทีนี่นา ตามเคยมาเสียเที่ยว มิดไวฟ์ก็ให้กลับมานอนปวดที่บ้านต่อ หลังจากกลับออกจาก รพ.ก็แวะหาซื้อของมาทำอาหารเย็นซะหน่อย แต่เดินไปได้ไม่นานก็ปวดมาก ปวดทีเดินไม่ได้เลย ต้องหยุดเดิน ตัว งอเลยละ เลยกลับบ้าน แม่สามีมานั่งเป็นเพื่อนแป๊บก็กลับไป เราก็นอนปวดๆหายๆจนต้องไปนอนแช่น้ำอุ่น จนสามีกลับ พอ4ทุ่ม ปวดหนักกว่าเดิมอีก แต่ก็ทนเอา น้ำไม่แตกไม่ไป เรานอนปวดแบบนี้จนตี1 ปลุกสามีพาชั้นไปหาหมอเถอะ ชั้นทนไม่ไหวแล้ว แล้วเราก็ไปถึง รพ. มิดไวฟ์ถามกำหนดคลอดเมื่อไหร่ เราก็ว่าวันนี้ เขาเลยให้นอนที่ รพ. และเราก็พึ่งพาเจ้าแก๊สสูดดมเนี่ยละ


พอเข้าช่วงเช้าฟ้าสางแล้ว จำไม่ได้ว่ากี่โมง แม่สามีมาแล้ว มิดไวฟ์เปลี่ยนหน้าแล้ว คนเก่าที่เจอเมื่อเช้ามืดออกเวรไปแล้ว คนใหม่มาฉีดยาเร่งให้ เราก็ปวดมากขึ้น จนบ่าย เข้ามาขอเจาะน้ำคร่ำเขาว่าอาจทำให้ปากมดลูกขยายมากกว่านี้เพราะนี่เพิ่งเปิด3เซ็นต์เอง ความรู้สึกตอนนั้นโล่งมากเลย มีน้ำไหลทะลักออกมาไม่ขาด รู้สึกสนุกดี อิอิ

แล้วมิดไวฟ์ก็เสนอให้เราไปแช่น้ำอุ่น อ้าวเราก็เข้าไปกันหมด สามี แม่สามี แก้พาเดินไปไม่อายละ แต่คราวนี้น้ำอุ่นก็ช่วยไม่ได้ ครั้งแรกที่บ้าน พอปวดเอาน้ำอุ่นราดท้องก็บรรเทา แต่คราวนี้ไม่เสียแล้ว แช่ได้1ชม.ก็ขอขึ้นไปดมแก๊สต่อดีกว่า จนมิดไวฟ์มาขอฉีดยาเร่งอีกเข็ม และให้เราออกไปเดินเพื่อเร่งให้ปวดมากขึ้นเจ็บมากขึ้น ปากมดลูกจะได้ขยาย เราก็ฝืนไป ทั้งๆที่ไม่อยากขยับตัวเลย พอเดินไปได้ไม่ถึง5นาทีก็ไม่เอาแล้ว ปวดมาก ใครจะเดินได้ จำได้ว่านอนปวดแบบนั้นแต่ไม่ถึงกับทรมานเพราะเรามีแก๊สช่วยบรรเทา พลาดคิดไปถึงรุ่นแม่เขาทนกันได้อย่างไรนะ ถ้าต้องปวดแบบเรานานขนาดนี้ มันปาเข้าวันที่2แล้วนะ ถ้านับจากปวดเล็กๆที่บ้าน จนย่างเข้า2ทุ่ม เกือบ3ทุ่มได้ ความปวดมันเปลี่ยนไปอีกแล้ว คราวนี้ไม่ปวดแบบรอบเดือนจะมา แต่ปวดแบบทรมานจนแก๊สที่ใช้ดมก็เอาไม่อยู่แล้ว ทีแรกที่เราดมแก๊ส แม่สามีพยายามดึงออกอยากให้เราสูดหายใจ ใครจะไปสูด ตอนนั้นลืมตัวกระชากออกมาจากมือแกเลย หน้าตาก็โกรธ เพราะคนเจ็บยังจะอะไรกันนักหนา มาคราวนี้เราไม่ต้องการแก๊สแล้ว เราต้องออกแรงเบ่งอย่างเดียวถึงจะทำให้ความปวดหายไปได้ มิดไวฟ์คราวนี้เปลี่ยนคนอีกแล้ว เป็นผู้ชาย คนเก่าออกกะไปแล้ว เขาก็พยายามบอกอย่าเบ่งพยายามสูดลมหายใจ คนเราอ่ะ พูดก็พูดได้ทุกคน เมื่อเจอเขาจริงๆ น้อยนักที่ทำได้ ก็พยายามอยู่หรอกนะที่จะทำแต่ช้านนนนเจ็บ มิดไวฟ์ก็มีคนเดียววิ่งรอก2ห้องเลย พอเราร้องก็วิ่งมาดูเรา ตอนนี้ปากมดลูกเปิด7เซ็นต์ พอเราหาย ห้องๆข้างๆก็ร้องอีก เรายังมีอารมณ์ บอกมิดไวฟ์อย่าทิ้งช้านนะ แต่ตอนนั้นพอได้ยินห้องข้างๆร้องก็ขำ เธอร้องโหยมากเลย เราก็คงแบบนั้น แต่เธอแจก ฟักออกมาหลายลูกมาก ได้ไปคนละใบ ถึงเราจะเจ็บ แต่ขอบอกว่าใจไม่คิดเลยว่าเข็ด ไม่เอาแล้ว เจ็บไม่มีอีกแล้ว ไม่คิดเลย เพราะรู้ว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติ อยากได้รับสิ่งดีๆ มันก็ต้องยอมเจ็บปวดกันบ้าง
จน4ทุ่ม หมอใหญ่มาตอนไหนไม่รู้ มาแช็ค บอกเราว่า ลูกนะแข็งแรงดี แต่กลัวแม่จะไม่รอด เพราะปวดมานานเกินไปแล้ว 20กว่าชั่วโมงแล้ว ต้องผ่าออก เออ นะ หมอเพิ่งนึกได้กันรึ ว่าช้านนอนบนเตียงนี้มา20กว่าชั่วโมงแล้วอ่ะ
สามีเรานะไม่เคยอยากให้ผ่าออก แกกลัว แกว่าอันตราย กลัวเมียเสียเลือดตาย แต่ก็ต้องยอมเซ็นต์ยินยอม เราก็รีบเลย อยากให้มันจบๆ อยากเห็นลูก
แต่กว่ามิดไวฟ์ทั้งหลายจะเข็นเราเข้าห้องผ่า กว่าจะบล็อคหลังก็เล่นเราเบ่งไปหลายรอบ ตอนนี้น่าเสียดายมากเลย จากที่ไม่ได้เตรียมแผนว่าจะเข้าห้องผ่า สามีก็ตื่นเต้น แม่สามีก็ไม่ได้เข้าห้องผ่า เราก็ไม่ได้คิดถึงอะไรเลย และเราก็ลืมกล้องล่ะ ว๊าาาแย่จัง หมอว่าใช้เวลาแค่5นาทีเองก็จะได้เห็นหน้าลูก และก็จริงๆ ไม่รู้สึกอะไรเลย ชาไปทั้งท่อนล่าง ได้ยินเสียงเด็กร้อง เห็นมิดไวฟ์อุ้มเด็กตัวขาวซีดยกลอยขึ้น และพูดว่า บิ๊กบอย จากนั้นไม่นานสามีที่อยู่ข้างๆเราก็หายไป กลับมาอีกทีพร้อมลูกชาย เรามองทุกส่วนของลูก เขามีครบมั้ยนะน่ารักมากเลย แต่หัวนี่ดิไหงมานเป็นทรงข้าวโพดแบบนี้ มิดไวฟ์ว่าไม่นานก็ปกติ เพราะว่าเราออกแรงเบ่ง แต่เด็กออกไม่ได้ หัวเลยเป็นรูปนี้
ในวินาทีนั้นเรามองลูกไม่มากเท่ากับมองสามี เราเห็นใบหน้าเขาที่มองลูกแล้วก็ตื่นตันใจ เรารู้ว่าเขารอวันนี้มานาน วันที่เขามีครอบครัวตัวเอง มีชีวิตที่สมบูรณ์แล้ว แววตาที่เขามองดูลูกอย่างไม่ลดละ มันทำให้เราปลาบปลื้มมากกว่าที่เราได้เห็นหน้าลูกเสียอีก นี่ละมั้ง การได้ทำสิ่งดีๆให้คนบางคน แล้วเมื่อเราเห็นว่าเขาปลาบปลื้มซาบซึ้งนั้น มันสุขยิ่งกว่าการที่เราได้รับสิ่งดีๆเสียอีก



ไม่นาน สามีกับลูกก็ต้องออกไปเพื่อที่หมอจะได้จัดการกับเรา ไม่นานนักก็เข็นเราเข้าห้องผู้ป่วย โดยมีสามี แม่สามีและลูกรออยู่ เราถ่ายรูปร่วมกันซักพักก่อนที่ทุกคนต้องกลับบ้าน เราก็หลับไปเลยโดยอัตโนมัติ ตื่นมาอีกทีตี3ตอนที่มิดไวฟ์คนใหม่มาปลุกเรา เพื่อให้นมลูก คราวนี้ละ ประสปการณืใหม่อีกอย่างที่เราได้เจอ โหหหหห ตื่นเต้นมากแต่ไม่ประหม่า เรารู้ว่ามันเป็นธรรมชาติ ธรรมชาติจะสอนเราเอง สัตว์ทั้งหลายเกิดมาบนโลกใบนี้ ล้วนแล้วแต่ต้องเรียนรู้สิ่งแบบนี้เองโดยธรรมชาติ เราไม่รู้ว่าต้องให้นมลูกขนาดไหน แต่คงมีไม่มาก เจ้าตรูดหมึกก็ดูดเอาดูดเอา ตายังหลับอยู่เลย ไม่นานมิดไวฟ์ก็มาเอาลูกไปเพื่อให้เราได้พักผ่อนอีกครั้ง ตื่นมาอีกทีก็7โมงเช้า มิดไวฟ์เอาลูกมาให้อีก คราวนี้เราก็ให้นมรอสามีมา สามีก็มารับเอาลูกไปอุ้มนอนต่อ เราก็ไปชำระล้างร่างกาย

ตอนนี้เจ้าตรูดหมึก1ขวบครึ่งแล้ว ซนมาก ดื้อก็ที่1 แต่แข็งแรง แอคทีฟสุดๆ ที่สำคัญ ชอบมอเตอร์ไซด์อย่างแรง เห็นไม่ได้เลย ต้องขี่ให้ได้ มอเตอร์ไซด์ของเล่นก็ไม่เอานะ จะต้องของจริงเท่านั้น สงสัยเชื้อพ่อจะแรงจริงๆ






Create Date : 09 สิงหาคม 2551
Last Update : 10 สิงหาคม 2551 7:05:47 น. 1 comments
Counter : 1163 Pageviews.

 
ตกลงอ้ายตรูดหมึกมีจู๊นี่เอง น่ารัก น่าชังจังเลยค่ะ น้ำตาครอตรงบรรทัดที่เขียนบรรยายถึงความรู้สุกของสามีของคุณตอนที่เขามองหน้าลูกค่ะ


โดย: ไอริน IP: 88.105.75.254 วันที่: 7 พฤษภาคม 2552 เวลา:18:19:25 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดอกโสนบานที่ทาสแมเนีย
Location :
Tasmania Australia

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ขอบคุณที่สละเวลาเข้ามาอ่านกัน มีความสุขมากๆนะค่ะ
Friends' blogs
[Add ดอกโสนบานที่ทาสแมเนีย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.