“วิธีที่ดีที่สุดในการทำนายอนาคตก็คือ การสร้างมันขึ้นมา”

<<
กรกฏาคม 2557
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
8 กรกฏาคม 2557
 

ตำนานเทพกรีก ตอนที่ 18 - 19

ตำนานเทพกรีก : ตอนที่ 18 เทพีอโฟรไดท์ (Aphrodite)






เทวีองค์สำคัญที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์มากที่สุดได้แก่เทวี อโฟรไดท์ (Aphrodite) หรือ วีนัส (Venus) ซึ่งเป็นเจ้าแม่ครองความรักและความงาม สามารถสะกดเทพและมนุษย์ทั้งปวงให้ลุ่มหลง ทั้งอาจจะลบสติปัญญาของผู้ฉลาดให้ตกอยู่ในความโฉดเขลาไปได้ และเจ้าแม่จะคอยหัวเราะเยาะบรรดาผู้ที่ตกอยู่ในอำนาจแห่งความเย้ายวนของเจ้าแม่ร่ำไป



หากจะสืบสาวต้นกำเนิดของอโฟร์ไดท์ อาจต้องสืบสาวไปไกลกว่าตำนานของกรีกเสียอีก เนื่องจากเจ้าแม่มีต้นกำเนิดมาจากดินแดนซีกโลกตะวันออก ว่ากันว่าเจ้าแม่เป็นเทวีองค์แรกเริ่มของชนชาติฟีนีเซีย ที่มาตั้งอาณานิคมมากมาย ในดินแดนตะวันออกแถบตะวันออกกลาง ทราบกันมาว่าเจ้าแม่ เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับเทวีของชาวอัสสิเรีย กับบาบิโลเนียที่มีนามว่า อีชตาร์ (Ishtar) 




และก็ยังเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับเทวีของชาวไซโรฟีนิเซี่ยนผู้มีนามว่า แอสตาร์เต (Astarte) จึงนับได้ว่าเป็น เทวีที่มีความสำคัญมากมาแต่ดึกดำบรรพ์




ตามมหากาพย์อิเลียดของโฮเมอร์ เทวีอโฟรไดท์เป็นเทพธิดาของซูส เกิดกับนางอัปสรไดโอนี (Dione) แต่บทกวีนิพนธ์ชั้นหลังๆ กล่าวว่า เจ้าแม่ผุดขึ้นจากฟองทะเล เนื่องจากคำว่า Aphros อันเป็นที่มาของชื่อเจ้าแม่ในภาษากรีกแปลว่า “ฟอง” แหล่งกำเนิดของเจ้าแม่อยู่ในทะเลแถวๆเกาะ ไซเธอรา (Cythera)





จากนั้น เจ้าแม่ถูกคลื่นซัดไปจนถึงเกาะไซพรัส (Cyprus) อาศัยเหตุนี้ เกาะทั้งสองจึงกลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เกี่ยวกับเจ้าแม่ และบางทีเจ้าแม่ก็มีชื่อเรียกตามชื่อเกาะทั้งสองนี้ว่าไซเธอเรีย (Cytherea) และไซเพรียน (Cyprian)





ตามเรื่องที่เล่ากันแพร่หลายกล่าวว่า เมื่อเทวีอโฟรไดท์ถูกคลื่นซัดไปติด ณ เกาะไซพรัสนั้น ฤดูเทวีผู้รักษาทวารแห่งเขาโอลิมปัสลงมารับพาเจ้าแม่ขึ้นไปยังเทพสภา เทพทุกคนในที่นั้นต่างตะลึงในความงามของเจ้าแม่ และต่างองค์ต่างก็อยากได้เจ้าแม่เป็นคู่ครอง แม้แต่ซูสเองก็อยากจะได้ แต่เจ้าแม่ไม่ยินดีด้วย ไท้เธอจึงโปรดประทานเจ้าแม่ให้แก่ ฮีฟีสทัส (Hephaestus) เทพรูปทรามผู้มีบาทอันแปเป๋เป็นบำเหน็จรางวัลทดแทนความชอบในการที่ฮีฟีสทัสประกอบอสนียบาตถวาย และเป็นการลงโทษเจ้าแม่ในเหตุที่ไม่ไยดีซูสไปในตัวด้วย


แต่เทพองค์แรกที่เจ้าแม่พิศวาสและร่วมอภิรมย์ด้วยคือ เอเรส (Ares) หรือ มาร์ส (Mars) ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งการสงคราม เทพบุตรของซูสเทพบดีเกิดกับเจ้าแม่เฮรา ได้เป็นชู้สู่หากับเทวีอโฟรไดท์




 จนให้ประสูติบุตรสองธิดาหนึ่งรวมเป็นสาม มีนามตามลำดับว่า อีรอส (Eros) หรือ คิวพิด (Cupid) แอนติรอส (Anteros) และ เฮอร์ไมโอนี (Hermione) หรือ ฮาร์โมเนีย (Harmonia)


นางเฮอร์ไมโอนีนั้นได้วิวาห์กับ แคดมัส (Cadmus) ผู้สร้างเมืองธีบส์ ซึ่งเป็นพี่ของนางยุโรปาผู้ถูกซูสลักพาไปเป็นคู่ร่วมอภิรมย์ ดังเล่ามาแล้วแต่ต้น



เรื่องราวความรักของเทวีแห่งความงามและความรักอโฟร์ไดท์ไม่หมดแต่เพียงเท่านี้ เจ้าแม่เที่ยวหว่านเสน่ห์ไปทั่วไม่ว่าเทพหรือมนุษย์ อาทิเช่นการมีจิตปฏิพัทธ์เสน่หากับเทพเฮอร์มีส 





จนเกิดมีโอรสองค์หนึ่งนามว่าเฮอร์มาโฟร์ดิทัส (Hermahroditus) ในด้านของมนุษย์เทวีอโฟร์ไดท์ยังเคยแอบไปมีจิตพิศวาสกับบุรุษเดินดิน เช่น ไปชอบพอกับเจ้าชายชาวโทรยันนามว่า แอนคิซีส (Anchises) 





จนมีโอรสครึ่งเทพครึ่งมนุษย์ออกมานามว่า เอนิแอส (Aenias) ผู้เป็นต้นตระกลูของ ชาวโรมันทั้งหมด และที่อื้อฉาวฮือฮามากที่สุดได้แก่ การไปแอบรักสุดหล่อแห่งยุคคืออโดนิส






ในกาลวันหนึ่ง เจ้าแม่อโฟรไดท์เล่นหัวหยอกเอินอยู่กับอีรอส บังเอิญถูกศรซึ่งอีรอสถืออยู่สะกิดเอาที่อุระถึงแม้ว่าจะเป็นแผลเพียงเล็กน้อย แต่ก็เป็นการเพียงพอที่จะทำให้เจ้าแม่ตกอยู่ในอำนาจพิษศรของบุตรได้ ยังมิทันที่แผลจะเหือดหาย เจ้าแม่ได้พบกับ อโดนิส (Adonis) มานพหนุ่มพเนจรอยู่ในราวป่า ให้บังเกิดความพิสมัยจนไม่อาจระงับยับยั้งอยู่ในสวรรค์ได้ เจ้าแม่จึงลงมาจากสวรรค์มาพเนจรตามอโดนิส หมายที่จะได้ใกล้ชิดซึ่งกันและกันไม่ว่าจะไปทางไหนเจ้าแม่ก็จะตามไปด้วย



เทวีอโฟรไดท์หลงใหลและเป็นห่วงอโดนิส จนไม่เป็นอันระลึกถึงสถานแห่งหนึ่งแห่งใดที่เคยโปรด เที่ยวติดตามอโดนิสไปในราวป่าตลอดเวลาเพื่อคอยตักเตือน และกำชับอโดนิสในเวลาล่าสัตว์ มิให้หักหาญเสี่ยงอันตรายมากนัก ให้หลีกเลี่ยงสัตว์ใหญ่ ล่าแต่สัตว์เล็กชนิดที่พอจะล่าได้เท่านั้น ตลอดเวลาที่เฝ้าติดตามเจ้าแม่พะเน้าพะนอเอาใจอโดนิสด้วยประการทั้งปวง




แต่ความรักของเจ้าแม่ที่มีต่ออโดนิสเป็นความรักข้างเดียว เจ้าหนุ่มหาได้รักตอบเจ้าแม่ไม่ ชะรอยจะเป็นเพราะอีรอสมิได้แผลงศรรักเอากับเจ้าหนุ่มดอกกระมัง ด้วยเหตุนี้อโดนิสจึงไม่แยแสต่อคำกำชับตักเตือนของเจ้าแม่ คงเที่ยวล่าสัตว์ใหญ่น้อยเรื่อยไปตามใจชอบ วันหนึ่งเจ้าแม่อโฟรไดท์มีธุระต้องจากไป จึงทรงเทพยานเทียมหงส์ เหินเหาะไปในนภากาศ ฝ่ายอโดนิสพบหมูป่าแสนดุร้ายเข้าตัวหนึ่ง (บางตำนานเล่าว่าหมูป่าตัวนี้ เกิดจากเสกจำแลงของ เทพเอเรส เนื่องจากหึงหวงความรักที่เทวีอโฟรไดท์มีให้แก่อโดนิส) และตามล่ามันไปจนหมูป่าจนมุมแล้ว อโดนิสก็ซัดหอกไปถูกหมูป่า แต่หอกพลาดที่สำคัญ หมูป่าได้รับความเจ็บปวดจึงเพิ่มความดุร้ายยิ่งขึ้น จึงรี่เข้าขวิดอโดนิสล้มลงจนถึงแก่ความตาย




เจ้าแม่อโฟรไดท์ได้สดับเสียงร้องโอดโอยของอโดนิสในกลางหาวผินพักตร์มาเห็นดังนั้น จึงชักรถเทียมหงส์กลับลงมายังพื้นปฐพี และลงจากรถเข้าจุมพิตอโดนิสซึ่งกำลังจะสิ้นใจ ครั้นแล้วเจ้าแม่ก็ครวญคร่ำรำพันพิลาปพิไรด้วยสุดแสนอาลับรัก แถมทึ้งเกศาข้อนทรวงทำอาการต่างๆ ตามวิสัยผู้ที่คลุ้มคลั่ง เจ้าแม่รำพันตัดพ้อเทวีครองชะตากรรมที่ด่วนเด็ดชีวิตผู้เป็นที่รักของเจ้าแม่ให้พรากจากไป ประดุจควักดวงเนตรออกจากเจ้าแม่ก็ไม่ปาน





พอค่อยหายโศกแล้วเจ้าแม่จึงเอื้อนโอษฐ์ออกปณิธานว่า “ถึงมาตรว่าดังนั้นก็อย่าหมายเลยว่า ผู้เป็นที่รักแห่งข้าจะต้องอยู่ ในยมโลกตลอดกาล หยาดโลหิตของอโดนิสแก้วตาข้าจงกลายเป็นบุปผชาติชนิดหนึ่ง เพื่อเป็นอนุสรณ์ความ โศกของข้าให้ข้าได้ระลึกถึงวาระเศร้าสลดครั้งนี้เป็นประจำปีเถิด” เมื่ออกปณิธานดังนั้นแล้ว เจ้าแม่ก็พรมน้ำต้อยเกสรอันศักดิ์สิทธิ์ลงบนหยาดโลหิตของอโดนิส บัดดลก็มีพันธุ์ไม้ดอกสีแดงเลือดดังสีทับทิมผุดขึ้น ดังมีชื่อเรียกกันสืบๆ มาว่า ดอกอโดนิส หรือ ดอกเออะเนมโมนิ (Anemone) ก็เรียก แปลว่า ดอกตามลม (บางตำนานว่าก็คือ ดอกกุหลาบนั่นเอง) เนื่องจากธรรมชาติซึ่งกล่าวกันว่า ลมทำให้ดอกไม้นี้แย้มบานและภายหลังก็พัดกลีบให้ร่วงหล่นไป มีฤดูกาลอยู่ได้เพียงชั่ว 3-4 เดือนเท่านั้น




ว่ากันว่าแรกเริ่มเดิมทีก่อนที่จะกลายเป็นเทวีแห่งความงามและความรักนั้น อโฟร์ไดท์เป็นเทวีแห่งความสมบูรณ์มาก่อน เมืองที่นับถือเจ้าแม่มากที่สุดได้แก่ เมืองปาฟอสในไซปรัสและเมืองไซธีราในเกาะครีต นอกจากนั้นวิหารที่เล่าลือว่าโอ่อ่าที่สุดของซีกโลกทางด้านตะวันออกได้แก่ วิหารที่เมืองคนิดุส ในรัฐแคเรีย (Caria) เมื่อเดินทางมาถึงกรีกก็มีผู้ศรัทธาเชื่อถือสร้างวิหารใหญ่ให้หลายแห่ง รวมทั้งกรุงเอเธนส์ซึ่งมีเทวีอาเธน่าเป็นเทพอุปถัมภ์อยู่บนเนินอโครโปลิส


ได้กล่าวแล้วว่า อโฟรไดท์เป็นเทวีที่ชาวกรีกและโรมันโบราณถือว่าเกี่ยวข้องกับความเป็นอยู่ของมนุษย์มากที่สุด เนื่องจากเจ้าแม่เป็นเทวีครองความรักและความงาม และความงามกับความรักก็เป็นสิ่งที่จับใจคนมากกว่าเรื่องอื่นๆ ด้วยเหตุนี้เจ้าแม่จึงมักเป็นที่เทิดทูนและกล่าวขวัญในวิจิตรศิลป์และวรรณคดีต่างๆ นอกจากนั้นชาวกรีกและโรมันยังถือว่าเจ้าแม่เป็นเทวีครองความมีลูกดกและการให้กำเนิดทารกอีกด้วย


มีคติความเชื่อประการหนึ่งซึ่งอย่างน้อยก็ยังพูดกันติดปากชาวตะวันตกมาจนถึงปัจจุบันนี้ว่า ทารกถือกำเนิดเพราะนกกระสานำมา คตินี้สืบเนื่องจากข้อยึดถือของชาวกรีกและโรมันมาแต่เดิม เหมือนกันในเทพปกรณัมกล่าวว่า นกกระสาเป็นนกประกอบบารมีของอโฟรไดท์ คราวใดมีนกกระสาผัวเมียไปทำรังอยู่บนยอดหลังคาบ้านใด ก็หมายความว่าเจ้าแม่อโฟรไดท์โปรดให้ครอบครัวในบ้านนั้นมีลูกและจะให้ประสบความรุ่งเรือง




ในยุโรปโดยเฉพาะภาคตะวันตกเฉียงเหนือถือนกกระสาประหนึ่งที่เคารพทีเดียว ในเยอรมันและเนเธอร์แลนด์ถือว่านก กระสาเป็นนกที่นำโชคลาภมาให้ ดังนั้นชาวเยอรมันและวิลันดาจึงยินดีที่จะให้นกกระสามาทำรังบนหลังคาบ้านเสมอ ยิ่งอาศัยอยู่นานเท่าใด ก็ยิ่งเป็นมงคลแก่บ้านนานเท่านั้น นกกระสาจึงเป็นที่กล่าวขวัญถึงอย่างสำคัญตามเทพนิยาย นิทานชาวบ้านและนิทานเทียบสุภาษิตต่างๆ ของฝรั่งด้วยเหตุผลดังกล่าวมานี้


อนึ่งชาวยุโรปทั่วไปเขาเชื่อกันมาเป็นเวลานานหลายศตวรรษด้วยว่า ในคราวที่บ้านหนึ่งบ้านใดกำลังจะมีเด็ก เจ้าแม่อโฟรไดท์จะให้นกกระสามาบินวนเวียนเหนือบ้านนั้น คตินี้กินความไปถึงว่า ถ้านกกระสาบินวนเหนือบ้านที่กำลังจะมีเด็กเกิด เด็กนั้นจะคลอดออกจากครรภ์โดยง่ายและอยู่รอดด้วย แต่คตินี้ในที่สุดก็เป็นเพียงข้ออ้างที่พ่อแม่จะใช้ตอบลูกตอนโตๆ เมื่อถูกถามว่าน้องเล็กเกิดมาแต่ไหน หรือตัวเกิดจากอะไรเท่านั้น


เทวีอโฟร์ไดท์มีต้นเมอร์เทิลเป็นพฤกษาประจำองค์ สัตว์เลี้ยงของเจ้าแม่เป็นนก บ้างว่าเป็นนกเขา นกกระจอกบ้าง หงส์บ้าง ตามแต่กวีคนไหนจะชอบใจยกให้เป็น สัญลักษณ์ของเทวีแห่งความงามและความรัก










Create Date : 08 กรกฎาคม 2557
Last Update : 14 กรกฎาคม 2557 1:19:19 น. 12 comments
Counter : 2882 Pageviews.  
 
 
 
 



 
 

โดย: เดี๋ยวคืนนี้ลั๊นลาจะไปเข้าฝัน วันที่: 9 กรกฎาคม 2557 เวลา:21:47:55 น.  

 
 
 
 
 

โดย: เดี๋ยวคืนนี้ลั๊นลาจะไปเข้าฝัน วันที่: 11 กรกฎาคม 2557 เวลา:11:25:15 น.  

 
 
 
เเล้วบ้านน้องลั้นลา มีนกกระสามาบินวนเวียนบนหลังคาบ้านล้ายางง
 
 

โดย: คุงพี่คนสวย IP: 27.55.149.73 วันที่: 12 กรกฎาคม 2557 เวลา:19:05:26 น.  

 
 
 



บ้านน้องมีนกกระสาบินวนทุกเย็นเลยน๊าาาาาา คุงพี่คนสวย


แต่ว่า .. น้องหาแฟนยังไม่ได้เลยก๊าบบบบบบบ
 
 

โดย: เดี๋ยวคืนนี้ลั๊นลาจะไปเข้าฝัน วันที่: 13 กรกฎาคม 2557 เวลา:0:10:18 น.  

 
 
 
วันก่อนฝันไม่ดีคับจราย์พี่ลั้นลา ฝันว่าสีส้มแพ้ฟ้าขาวแล้วก็เป็นจริง.....ไอ้ที่มโนใว้ว่าจะเจอเยอรมันนัดชิงก็เลยฝันค้างเลยค้าบ ไม่เป็นไรวันนี้จะเชียร์ทีมเยอรมันเต็มที่ไปเลย โค้ช เลิฟ เก่งนะจราย์ อยากให้มีแชมป์ติดมือชะที..ลุ้นๆๆ

ปล. ....ผู้นำเยอรมันนีแก่เชียร์บอลน่ารักดี เห็นด้วยม๊ะจราย์พี่.....
 
 

โดย: Boy IP: 27.55.16.32 วันที่: 13 กรกฎาคม 2557 เวลา:19:14:46 น.  

 
 
 
ค๊าบบ .. น้องบอย คุงพี่เชียร์เยอรมันเพราะชื่อโค้ชนี่แหละ ไม่มีอย่างอื่นปนเลย 5555+++


คนอาร๊ายยย ชื่อ เลิฟ .. โค ตะ ระ เท่ห์อ่ะ


ว่าแต่คืนนี้นอนสว่างอีกแว๊ววว พรุ่งนี้จะมีแรงดูหุ้นป่าวเนี่ย
 
 

โดย: เดี๋ยวคืนนี้ลั๊นลาจะไปเข้าฝัน วันที่: 13 กรกฎาคม 2557 เวลา:20:43:56 น.  

 
 
 
ตำนานเทพกรีก : ตอนที่ 19 เทพีดิมิเตอร์ (Demeter)





ซูส เทพปริณายก มีเทวีภคินี 3 องค์ ในจำนวนนี้ 2 องค์เป็นคู่พิศวาสของซูสด้วย องค์หนึ่งคือเจ้าแม่ เฮรา ที่เราได้รู้จักกันมาแล้ว อีกองค์ทรงนามว่า ดีมิเตอร์ (Demeter) ตามชื่อกรีกหรือภาษาโรมันว่า ซีริส (Ceres) เป็นเทวีครองข้าวโพด ซึ่งหมายถึงการเกษตรกรรมนั่นเอง


เจ้าแม่ดีมิเตอร์มีธิดาองค์หนึ่งทรงนามว่า พรอสเสอะพิน (Proserpine) หรือ เพอร์เซโฟนี (Persephone) เป็นเทวีครองฤดูผลิตผลของพืชทั้งปวง





เพื่ออธิบายธรรมชาติของการผลัดฤดู กวีกรีกโบราณจึงผูกเรื่องให้เทวีองค์นี้ถูกฮาเดสลักพาตัวไปเป็นคู่ครองในยมโลก ดังมีเรื่องพิสดารดังนี้


 
 

โดย: เดี๋ยวคืนนี้ลั๊นลาจะไปเข้าฝัน วันที่: 13 กรกฎาคม 2557 เวลา:20:50:20 น.  

 
 
 
ฮาเดสปกครองยมโลกอยู่คนเดียว โดดเดี่ยวไร้คู่ปฏิพัทธ์มาเป็นเวลานาน หามีเทวีองค์ใดไยดีที่จะร่วมเทวบัลลังก์กับเธอ เทวีแต่ละองค์ที่เธอทอดเสน่หา ต่างองค์ต่างก็ไม่สมัครรักใคร่เธอ ด้วยไม่ปรารถนาจะลงไปอยู่ในใต้หล้าแดนบาดาล อันดวงสุริยาไม่สามารถทอแสงลงไปถึง ทำให้เธอมึนตึงหมางหทัยนัก ในที่สุดจึงต้องตั้งปณิธานจะไม่ทอดเสน่หาใครอีกเป็นอันขาด หากปฏิพัทธ์สวาทกับใคร ก็จะฉุดคร่าพาเอาลงไปบาดาลดื้อๆ


วันหนึ่งเพอร์เซโฟนีพร้อมเพื่อนเล่นทั้งมวลชวนกันลงเที่ยวสวนดอกไม้ เที่ยวเด็ดดอกไม้อันจรุงกลิ่นสอดสร้อยร้อยมาลัยอยู่เป็นที่สำราญ บังเอิญฮาเดสขับรถทรงแล่นผ่านมาทางนั้น ได้ยินสรวลสรรหรรษาร่าเริงระครเสียงขับร้องของ เหล่านางอัปสรสาวสวรรค์ลอยมา เธอจึงหยุดรถทรง ลงไปเยี่ยมมองทางช่องสุมทุมพุ่มไม้ ครั้นพบเทวีรุ่นสะคราญทรงโฉมวิลาสลิไลนักให้นึกรัก จะเอาไปไว้ในยมโลก เธอจึงก้าวกระชากชิงอุ้มเพอร์เซโฟนีเทวีขึ้นรถไปในทันที


ฮาเดสขับรถเร่งไปจนถึงแม่น้ำไซเอนี (Cyane) ซึ่งขวางหน้าอยู่เห็นน้ำในแม่น้ำเกิดป่วนพล่านแผ่ขยายท่วมท้นตลิ่งสกัดกั้นเธอเอาไว้ จึงชักรถไปทางอื่น ใช้มือถือคู่หัตถ์มีง่าม 2 แฉก กระแทกกระทุ้งแผ่นดินให้แยกออกเป็นช่องแล้วขับรถลงไปยังบาดาล ในขณะเดียวกันนั้นเพอร์เซโฟนีแก้สายรัดองค์ขว้างลงในแม่น้ำไซเอนี พลางร้องบอกนางอัปสรประจำแม่น้ำให้เอาไปถวายเจ้าแม่ดีมิเตอร์ผู้มารดาด้วย





ฝ่ายดีมิเตอร์แม่โพสพกลับมาจากทุ่งข้าวโพดไม่เห็นธิดา เที่ยวเพรียกหาก็ไม่พานพบวี่แววอันใด เว้นแต่ดอกไม้ตกเรี่ยราดกลาดเกลื่อนอยู่ เจ้าแม่เที่ยวหากระเซอะกระเซิงไปตามที่ต่างๆ พลางกู่เรียกไปจนเวลาเย็นให้อาดูรโทมนัสนัก ล่วงเข้าราตรีกาลเจ้าแม่ก็ไม่หยุดพักการเสาะหาธิดา จนถึงรุ่งอรุณของวันใหม่ แม้กระนั้นเจ้าแม่ก็ไม่ลดละความพยายาม คงดั้นด้นเรียกหาธิดาไปตามทางอีก มิได้ห่วงถึงภาระหน้าที่ประจำที่เคยปฏิบัติแต่อย่างใด ดอกไม้ทั้งปวงจึงเหี่ยวเฉาเพราะขาดฝนชะโลมเลี้ยงติณชาติตายเกลี้ยงไม่เหลือเลย พืชพันธุ์ธัญญาหารถูกแดดแผดเผาซบเซาหมด ในที่สุดเจ้าแม่ก็สิ้นหวังระทดระทวยหย่อนองค์ลงนั่งพักที่ริมทางใกล้นครอีลูสิส ความระทมประดังขึ้นมาสุดที่จะหักห้าม เจ้าแม่ก็ซบพักตร์กันแสงไห้ตามลำพัง


ในระหว่างที่ยังไม่พบธิดานี้ มีเรื่องแทรกเกี่ยวกับเจ้าแม่ดีมิเตอร์เกิดขึ้นเรื่องหนึ่ง สมควรจะเล่าไว้เสียด้วย เพื่อมิให้ผู้หนึ่งผู้ใดรู้จัก เจ้าแม่ดีมิเตอร์ได้จำแลงองค์เป็นยายแก่ ในขณะที่เจ้าแม่นั่งพัก พวกธิดาของเจ้านครอีลูสิสรู้ว่ายายแก่มานั่งคร่ำครวญคิดถึงลูก บังเกิดความสังเวชสงสารและเพื่อที่จะให้ยายหายโศกเศร้า นางเหล่านั้นจึงชวนยายแก่เข้าไปในวังให้ดูแลกุมารทริปโทลีมัส (Triptolemus) ผู้น้อง ซึ่งยังเป็นทารกแบเบาะอยู่


 
 

โดย: เดี๋ยวคืนนี้ลั๊นลาจะไปเข้าฝัน วันที่: 13 กรกฎาคม 2557 เวลา:20:59:15 น.  

 
 
 
เจ้าแม่ดีมิเตอร์ยอมรับภาระนี้ พอลูบคลำโอบอุ้มทารก ทารกก็เปล่งปลั่งมีนวลขึ้นเป็นที่อัศจรรย์แก่เจ้านคร และบริษัท บริวารยิ่งนัก ตกกลางคืนขณะที่เจ้าแม่อยู่ตามลำพังกับทารก เจ้าแม่คิดใคร่จะให้ทารกได้ทิพยภาพเป็นอมรรตัยบุคคล จึงเอาน้ำเกสรดอกไม้ชะโลมทารกพลางท่องบทสังวัธยายมนต์ แล้ววางทารกลงบนถ่านไฟอันเร่าร้อน เพื่อให้ไฟลามเลียเผาผลาญธาตุมฤตยูที่ยังเหลืออยู่ในกายทารกให้หมดสิ้น


ฝ่ายนางพญาของเจ้านครยังไม่วางใจยายแก่นัก ค่อยย่องเข้าไปในห้องเพื่อคอยดู ประจวบกับตอนเจ้าแม่ดีมิเตอร์ กำลังทำพิธีชุบทารกอยู่พอดี นางตกใจนัก หวีดร้องเสียงหลง พลางถลันเข้าฉวยบุตรออกจากไฟ ครั้นเห็นบุตรสุดสวาทไม่เป็นอันตรายแล้ว จึงหันกลับมาจะไล่เบี้ยเอากับยายแก่เสียให้สาสมกับความโกรธแค้น แต่แทนที่จะเห็นยายแก่ กลับเห็นรูปเทวีประกอบด้วยรัศมีเรืองรองอยู่ตรงหน้า เจ้าแม่ตรัสพ้อนางพญาโดยสุภาพ ในการที่เข้าไปขัดขวางการพิธีเสียทำให้ มนต์เสื่อมและชุบทารกอีกไม่ได้ แล้วเจ้าแม่ดีมิเตอร์ก็ออกจากเมืองอีลูสิสเที่ยวหาธิดาต่อไป


วันหนึ่ง เจ้าแม่ดีมิเตอร์พเนจรเลียบฝั่งแม่น้ำอยู่ พลันได้ประสบวัตถุแวววาวสิ่งหนึ่งอยู่แทบบาท เจ้าแม่จำได้ทันทีว่าเป็นวายรัดองค์ของธิดา คือสายรัดองค์ที่เพอร์เซโฟนีทิ้งฝากนางอัปสรแห่งแม่น้ำไซเอนีไว้ เมื่อตอนรถทรงของฮาเดสจะลงสู่บาดาล เจ้าแม่ได้ของสิ่งนี้ยินดียิ่งนัก แสดงว่าธิดาอยู่ใกล้ที่นั้น จึงรีบดำเนินไปจนถึงน้ำพุแก้วแห่งหนึ่ง รู้สึกเมื่อยล้า จึงลงพักทอดองค์ตามสบาย พอรู้สึกเคลิ้มจะหลับ เสียงน้ำพุก็ฟ่องเฟื่องยิ่งขึ้นเหมือนเสียงพูดพึมพำ ในที่สุดเจ้าแม่ก็จับความได้ว่า เป็นความประวัติของตนให้เจ้าแม่สดับฟัง และต้องการจะแจ้งข่าวของธิดาเจ้าแม่ว่าเป็นประการใด
 
 

โดย: เดี๋ยวคืนนี้ลั๊นลาจะไปเข้าฝัน วันที่: 13 กรกฎาคม 2557 เวลา:21:01:48 น.  

 
 
 
น้ำพุเล่าประวัติของ ตนเองว่า เดิมตนเป็นนางอัปสรขื่อว่า แอรีธูสะ (Arethusa) บริวารของเทวีอาร์เธมิส (Artemis) วันหนึ่งลงอาบน้ำในแม่น้ำ แอลฟีอัส (Alpheus) เทพประจำน่านน้ำนั้นหลงรัก แต่นางไม่ไยดีด้วยจึงหนีไป ส่วนเทพนั้นก็ติดตามไม่ลดละ นางหนีเตลิดข้ามเขาไปตลอดแว่นแคว้น ซ้ำผ่านแดนบาดาลไปตลอดอาณาเขตของฮาเดสได้เห็น เพอร์เซโฟนีประทับบัลลังก์อาสน์อยู่ในที่ราชินีแห่งยมโลก ครั้นกลับขึ้นมาอ่อนแรงเห็นไม่พ้นเทพแอลฟีอัส นางเสี่ยงบุญ อธิษฐานยึดเอาเจ้าแม่ของนางเป็นที่พึ่ง เทวีเดียนาจึงโปรดบันดาลให้นางกลายเป็นน้ำพุอยู่ ณ ที่นั่น





เมื่อได้รู้ถึงที่อยู่ของธิดาดังนี้แล้ว เจ้าแม่ดีมิเตอร์จึงรีบไปอ้อนวอนเทพปริณายกให้ช่วย ซูสอนุโลมตามคำวอนขอ โดยมีเงื่อนไขว่า ถ้าเพอร์เซโฟนีไม่ได้เสพเสวยสิ่งใดในระหว่างที่อยู่บาดาล จะให้ฮาเดสส่งเพอร์เซโฟนีขึ้นมาอยู่กับมารดา แล้วมีเทวบัญชาให้ เฮอร์มีสลงไปสื่อสารแก่ฮาเดสในยมโลก เจ้าแดนบาดาลจำต้องยอมโอนอ่อนจะส่งเพอร์เซโฟนีคืนสู่ เจ้าแม่ดีมิเตอร์ แต่ในขณะนั้นภูตครองความมืดเรียกว่า แอสกัลละฟัส (Ascalaphus) ร้องประกาศขึ้นว่า ราชินีแห่งยมโลกได้เสวยเมล็ดทับทิมแล้ว 6 เมล็ด ในที่สุดจึงตกลงกันเป็นยุติว่า ในปีหนึ่ง ๆ ให้เพอร์เซโฟนีเทวีอยู่กับฮาเดสใน ยมโลก 6 เดือน สำหรับเมล็ดทับทิมที่เสวยเมล็ดละเดือน แล้วให้กลับขึ้นมาอยู่กับมารดาบนพิภพอีก 6 เดือน สลับกันอยู่ทุกปี ไป ด้วยเหตุนี้เมื่อเพอร์เซโฟนีเทวีอยู่กับมารดา โลกจึงอยู่ในระยะกาลของวสันตฤดู พืชพันธุ์ธัญญาหารนานาชนิดผลิดอก ออกผล และเมื่อเพอร์เซโฟนีเทวีลงไปอยู่ในบาดาล โลกก็ตกอยู่ในระยะกาลของเหมันตฤดู พืชผลทั้งปวงร่วงหล่นซบเซา อัน เป็นความเชื่อของชาวกรีกและโรมันโบราณ ตามเรื่องที่เล่ามาฉะนี้
 
 

โดย: เดี๋ยวคืนนี้ลั๊นลาจะไปเข้าฝัน วันที่: 13 กรกฎาคม 2557 เวลา:21:06:42 น.  

 
 
 
ยังมีเรื่องที่ต้องเล่าต่ออีกเล็กน้อย คือเมื่อเจ้าแม่ดีมิเตอร์พบธิดาแล้ว ก็กลับไปยังเมืองอีลูสิสอีก เพราะว่าเจ้าครองนครกับนางพญาปลูกวิหารถวายเจ้าแม่ไว้ที่นั่น เพื่อให้มนุษย์รู้จักการทำไร่ไถนา เจ้าแม่ได้สั่งสอนทริปโทลีมัส ซึ่งเติบโตเจริญวัยเป็นผู้ใหญ่แล้วให้รู้จักใช้ไถ จอบ และเคียว สั่งสอนชาวนาสืบๆ กันมาจนตราบเท่าบัดนี้


 
 

โดย: เดี๋ยวคืนนี้ลั๊นลาจะไปเข้าฝัน วันที่: 13 กรกฎาคม 2557 เวลา:21:10:31 น.  

 
 
 



 
 

โดย: เดี๋ยวคืนนี้ลั๊นลาจะไปเข้าฝัน วันที่: 13 กรกฎาคม 2557 เวลา:21:13:11 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

เดี๋ยวคืนนี้ลั๊นลาจะไปเข้าฝัน
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 29 คน [?]





[Add เดี๋ยวคืนนี้ลั๊นลาจะไปเข้าฝัน's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com