ปรับพฤติกรรมสุนัข

สดๆ ร้อนๆ จากเมื่อวาน ทีมในดวงใจของแม่ตุ้งมาเยือนเมืองไทย
วันนี้ขออินเทรนกับคนอื่นบ้างนะคร้าบ



มะมาเข้าเรื่องดีกว่านะคร้าบ....เมื่อวันก่อนแม่ไปอ่านเจอเรื่องดีๆ จากหนังสือพิมพ์ "มติชน_ประชาชื่น" ฉบับวันที่ 17 มิ.ย. 52 หน้า 20 ว่าด้วยเรื่องปรับพฤติกรรมสุนัข เทคนิคสร้างสุขคนเลี้ยง-น้องหมา
ตำรับ 'ประไพศิริ เชี่ยวสาริกิจ'
อ่านแล้วดีมากๆ เลยขอคัดบางส่วนบางตอนมาให้เพื่อนๆ อ่านด้านล่างเลยคร้าบ

"คุณประไพศิริ เชี่ยวสาริกิจ" ผู้มีประสบการณ์ในการปรับพฤติกรรมสุนัขในแนวทางของซีซาร์ มิลาน เล่าผ่านมติชนว่า การปรับพฤติกรรม คือ การปรับพื้นฐานอารมณ์ของสุนัข จะทำควบคู่กับการปรับพฤติกรรมของเจ้าของ เนื่องจากสุนัขถูกเลี้ยงโดยความเข้าใจผิด

การปรับพฤติกรรมคือ การปรับพื้นฐานอารมณ์สุนัข จะำทำควบคู่กับการปรับพฤติกรรมเจ้าของ ยกตัวอย่าง ถ้าสุนัขเกิดอาการกลัว โดยมากจะกอดสุนัขเพื่อปลอบ แต่นั่นเป็นวิธีที่ผิด เพราะการกอดหมายถึงการให้รางวัล เป็นการบอกว่าสิ่งนั้นถูกต้องแล้ว

คุณประไพศิริเล่าว่า บ็อบบี้ (โกลเด้นฯ ตัวที่บ้าน) เป็นสุนัขขี้กลัว โดยเฉพาะเวลาที่ฝนตก ฟ้าร้อง เมื่อก่อนเวลาที่เขากลัว ก็จะกอดและบอกว่า ไม่เป็นไรๆ หลังจากทำความเข้าใจหนังสือของซีซาร์อยู่ปีเศษ จึงนำวิธีการเหล่านั้นมาปรับใช้ สิ่งที่ทำง่ายสุดคือ "No Touch, No Talk, No Eye Contact! - อย่ามอง อย่าพูด อย่าสัมผัส!" เมื่อเขากลัว เราต้องทำเฉยๆ ไม่สนใจ ไม่มอง ไม่ปลอบ จะสังเกตุว่า เขาจะหันมามองเราทันที บ็อบบี้จะรู้สึกว่า ขณะที่เขากลัว ทำไมเราไม่กลัว เพราะสุนัขมีพฤติกรรมเลียนแบบ วิธีนี้ยังใช้ได้กับสุนัขดื้อด้วย จำไว้ว่า อย่าทำโทษด้วยการตี เราเพราะสุนัขไม่เข้าใจ

ยังมีวิธีการลงโทษกรณีที่สุนัขอยู่ในสายจูง จะใช้การกระตุกสายจูง ถ้ากระตุกไปตามแนวราบทางด้านข้างของสุันัข หมายถึง ให้เขาทำตาม แต่ถ้าทำโทษให้กระตุกขึ้นด้านบนแรงๆ 1 ที เขาจะหยุดทำในทันที

คุณประไพศิริแนะนำว่า ถ้าเวิร์กกิ้งวูแมนอยากเลี้ยงสุนัขในคอนโดฯ ให้เลี้ยงสุนัขที่มีพลังงานต่ำ เช่น ชิวาว่า ปอมฯ ชิสึ หรือกระเป๋า แต่พอเลี้ยงสุนัขเล็กก็จะทะนุถนอมเกินไป อุ้มไว้กับอกตลอดเวลา ควรพาเดินแต่ให้ระวังคนจะมาเตะเท่านั้นเอง อย่าอุ้ม เพราะถ้าอุ้มเมื่อไร คุณสปอยเขา เขาจะคิดว่า อยู่เหนือคนอื่น อย่างเวลาที่คุณอุ้มแล้วเด็กเดินผ่าน และถ้าคุณรู้สึกว่า ฉันไม่ชอบเด็กคนนี้ สุนัขจะรู้ทันที เขาจะเห่าเด็ก เพราะเข้าใจว่า ตัวเองตัวใหญ่กว่า มีอำนาจมากกว่า วันใดที่สุนัขอยู่ตัวเดียวและเจอเด็ก ถึงเด็กจะสูงกว่าก็ไม่สนใจ ฉันเคยอยู่สูงกว่าเธอ ฉันเคยเห่าเธอ วันนี้แม่ไม่อยู่...กัดเลย

วิธีเลี้ยงที่ถูกต้องมีกฎอยู่ 3 ข้อ คือ ต้องให้ออกกำลังกาย ต้องให้วินัย และต้องให้ความรัก

สุนัขบางพันธุ์อย่างโกลเด้นฯ เป็นสุนัขเก็บเป็ดน้ำ พอมาอยู่ในเมืองไม่มีโอกาสเก็บนก พลังงานที่เหลือเฟือจะทำอย่างไร ฉะนั้นต้องให้ออกกำลังกาย ซึ่งแค่การปล่อยให้ิวิ่งเล่นเองในสนามหน้าบ้านเท่านั้นไม่พอ คุณต้องวิ่งกับเขาตลอดเวลา เป็นการบังคับให้เขาปลดปล่อยพลังงาน เป็นกฎข้อสำคัญมาก เพราะจะสุนัขได้ไม่เครียด

ข้อ 2 ต้องมีระเบียบวินัย โดยเจ้าของต้องกำหนดตามความสะดวกของเจ้าของ เมื่อเรากำหนดกฎระเบียบขึ้นมาแล้ว เราต้องทำตามกฎระเบียบนั้นด้วย ไม่อย่างนั้นเขานะเริ่มลังเลแล้วว่า คนนี้ใช่จ่าฝูงหรือเปล่า เพราะกฎของธรรมชาติเมื่อวันหนึ่งที่จ่าฝูงหมดพลังงานก็ต้องลงมาอยู่เป็นลูกฝูง ให้คนที่แข็งแรงกว่าไปอยู่ข้างหน้าเป็นจ่าฝูงแทน

ข้อ 3 ต้องให้ความรักเป็นและถูกเวลา นั่นหมายถึงการให้รางวัล การลูบไล้สัมผัส การให้ความมั่นใจ การสร้างความภาคภูมิใจ นั่นรวมอยู่ในส่วนที่เรียกว่า ความรัก สุนัขขึ้กลัวจะรู้สึกดีขึ้นมาได้ด้วยการให้ ความรัก ความภาคภูมิใจกับเขา เมื่อเขาทำอะไรดีก็ชม เขารู้ได้ด้วยน้ำเสียง และให้รางวัลด้วยขนมสักนิด เขาจะรู้โดยที่เราไม่ต้องพูดอะไรมาก

สำหรับปัญหาของสุนัขก้าวร้าว คุณประไพศิริว่า ต้องดูที่พฤติกรรมการเลี้ยงสุนัขและสภาพแวดล้อมที่เลี้ยง สุนัขที่มีความหวาดระแวงสูง มีพลังงานสูงอย่างร็อตไวเลอร์ พิทบูล บางแก้ว เชพเพิร์ด มาลินัวส์ สุนัขเหล่านี้ถ้าปรับพฤติกรรมแล้วสามารถเลี้ยงได้ แม้กระทั่งพิทบูล โดยพื้นฐานแล้วเป็นสุนัขน่ารัก ไม่ดุ แต่คนทำให้เขาดุ

สุนัขมี 4 ลักษณะ ถ้าเขาไม่หนี ไม่เลี่ยง เขาก็จะยอมกับสู้ แต่สุนัขเลือกที่จะสู้ก่อนยอม เพราะกัดก่อนได้เปรียบก่อน

เวลาสุนัขแยกเขี้ยวใส่ เราจะกลัวแล้วไม่ยุ่ง เขาจะเรียนรู้ทันทีว่า แค่แยกเขี้ยวเธอก็แพ้แล้ว แต่ถ้าแยกเขี้ยวแล้วไม่กลัว เดินเข้าหา ลองกัดเธอ 1 ที แต่ถ้ากัดแล้วยังคงไปแหย่อีก เขาก็จะกัดแรงขึ้นๆๆ จนกลายเป็นพฤติกรรมฝังในพื้นฐานนิสัยว่า ถ้าคนมาทำอย่างนี้อีก ฉันต้องกัดก่อน หรืออย่างของในปากสุนัข คนไปดึงออกมา ครั้งแรกของเขาคือ ฉันจะยอม แต่แค่ครั้งแรกนะ ถ้าทำอีกครั้งหนึ่งฉันจะกัดเธอ

สิ่งที่คนเลี้ยงสุนัขต้องพึงรู้คือ สุนัขต้องการการเอาใจใส่มากๆ โดยเฉพาะ 2 เดือนครึ่งถึง 6 เดือน เป็นช่วงที่กำลังจำ เป็นช่วงที่เราจะต้องให้ระเบียบวินัย ให้ความรักเขา

สำหรับสุนัขที่เห่าทุกครั้งที่เจอ แก้ได้โดยทิ้งความหวาดระแวงที่เคยมี อย่างแสดงท่าทีกลัวให้สุนัขเห็น และ้ถ้าทนไม่ไหวให้เดินเข้าไปหา แต่ใช้การเบี่ยงตัวเข้าไป "อย่าเดินตรงเข้าหา" เมื่อเข้าไปใกล้เเล้วให้ส่งเสียง "แอ๊ะ" (ดุใส่) เหมือนปรามว่า อย่านะ ฉันไม่กลัวแกนะ

บางส่วนที่นำมาฝากเพื่อนๆ นะครับ ขอขอบคุณ
1.หนังสือพิมพ์มติชน-ประชาชื่น ฉบับวันที่ 17/6/52 หน้า 20
2.คุณประไพศิริ เชี่ยวสาริกิจ ผู้ให้สัมภาษณ์
3.คุณพนิดา สงวนเสรีวานิช ผู้สัมภาษณ์
4.คุณสายทิพย์ ชลธาร ผู้นำหนังสือพิมพ์ฉบับนี้มาให้แม่ตุ้ง
ขอบคุณคร้าบ




ปิดท้ายด้วยทีมเลิฟสุดโปรด และถ้วยพรีเมียร์ลีกปีนี้ที่จะมาอยู่แอนฟิลล์ เพี้ยง

Create Date : 23 กรกฎาคม 2552		1 comments
Last Update : 24 กรกฎาคม 2552 11:11:14 น.
Counter : 1520 Pageviews.
Share Tweet