เมษายน 2554
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
12 เมษายน 2554
 
 
June 14 in The Morning

วันก่อนคือเย็นวันที่ 13 มิถุนายน ที่เค้ายังมีการปิดถนนกันอยู่ แต่เราคิดว่า ถึงปิดถนนยังไง รถเค้าก็คงหาทางไปต่อได้เองน่ะแหล่ะ
ประกอบกับเวลาที่ระบุว่าเริ่มปิดคือ 18.00 น. ซึ่งเป็นเวลาเลิกงานพอดี ก็ให้เค้าปิดถนนเสด็จกันก่อนสักพักแล้วค่อยกลับบ้าน น่าจะพอดี
เลยออกจากออฟฟิศประมาณทุ่มเศษๆ คิดว่าไปถึงแล้วคงเสด็จเสร็จแล้ว แต่เราคิดผิดไปอย่างมาก
เพราะพอรถถึงแยกหลานหลวง ตำรวจก็กั้นถนนไม่ให้ไปต่อทางถนนราชดำเนิน รถก็เลยเลี้ยวซ้ายไป แล้วก็ขับไปเรื่อยๆ
เราก็คิดว่ารถคงขับไปเรื่อยๆ เดี๋ยวคงไปออกตรงปลายถนนรายดำเนิน เลยใจเย็นอยู่ แล้วก็เพลิดเพลินกับเส้นทางใหม่ที่รถพาไปเรื่อยๆ
ผ่านไปตรงแยกแม้นศรี, สี่กั๊กพระยา, คุกเก่าที่เปลี่ยนเป็นสวนสาธารณะแล้ว, และอีกหลายๆ ที่ที่ไม่รู้จักชื่อ แต่รู้สึกว่าไกลพอควร
สุดท่ายกลับไปโผล่ที่วังสราญรมย์ซึ่งเป็นสุดทางของรถแล้ว พอถึงที่แล้วก็เพิ่งบอกว่า สุดทางแล้ว เค้าปิดถนน ไปทางราชดำเนินไม่ได้แล้ว
รู้งี้ลงรถตั้งกะหลานหลวงก็ดีหรอก จะได้เดินถนนราชดำเนินด้วย ช่วยไม่ได้ รถก็ไม่มีแล้ว เดินก็ต้องเดิน แต่ยังดีว่ามีเพื่อนร่วมเดินกันเป็นกลุ่มเลยไม่เปลี่ยว
เดินไปเรื่อยๆ จนจะถึงสนามหลวงแล้วก็มีตำรวจมายืนบอกว่าเดินต่อไม่ได้ เพราะขบวนกำลังจะเสด็จ เลยต้องหยุดรอให้ขบวนเสด็จก่อน
ที่น่ายินดีก็คือได้เห็นขบวนเสด็จของในหลวงด้วย แต่ไกลไปหน่อย จริงๆ เค้าให้อยู่ใกล้กว่านั้นก็ได้ แต่เราไม่รู้ พอเค้าบอกหยุดเราก็หยุดเลย ไม่ได้เดินต่อ
พอขบวนของในหลวงเสด็จผ่าน เค้าก็ให้เดินได้ แต่ยังปิดถนนอยู่ เพราะกษัตริย์อีก 25 ประเทศกำลังเสด็จตามมาอยู้
เดินไปเรื่อยๆ ได้ แต่ถ้ามีรถมาต้องหยุดเดิน เห็นครบเลยคะ ทุกชาติ บางชาติก็นั่งเฉยๆ บางชาตินั่งหันหน้าเข้ากระจกอย่างเต็มตัว ยิ้มให้ แถมโบกมือให้ด้วย
ข้างทางก็มีคนไทยใส่เสื้อเหลืองถือธงเต็มข้างทางเลย เดินไปเรื่อยๆ ก็เพลินดี เสียดายอยู่อย่างเดียว และก็เสียดายอย่างมากด้วย ที่ไม่ได้เอากล้องไป
เลยอดถ่ายบรรยากาศ และก็รูปในหลวงที่เค้าจัดไว้ด้วย
เดินไปถึงหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์เตรียมตัวจะข้ามถนนแล้ว ก็ยังข้ามไม่ได้ต้องรอไปเรื่อยๆ จนเสด็จครบ แต่ละขบวนก็ไม่ใช่แค่คัน สองคัน
แถมต้องรอให้ครบ 25 ประเทศอีก พอเสด็จครบหมดแล้วก็เปิดถนน มองซ้ายมองขวา คิดว่าคงไม่มีรถที่จะกลับบ้านเราแน่เลย
หรือถึงมี คนก็จะต้องแน่นล้นออกนอกรถแน่เลย ไม่อยากเสี่ยง เลยตัดสินใจเดินข้ามสะพานปิ่นเกล้า แล้วไปขึ้นรถแถวนั้นดีกว่า จะมีรถเยอะกว่า
สรุปวันที่ 13 ใช้เวลาเดินทางกลับบ้าน 2 ชั่วโมงกว่า แล้วก็ส่วนใหญ่ใช้กับการเดิน เดิน แล้วก็เดิน ถือว่าเป็นการออกกำลังไปภายในตัว
วันรุ่งขึ้น วันที่ 14 เห็นมีประกาศว่าจะปิดถนน เพื่อความปลอดภัย จะปิดถนนก็ไม่ว่า ขอพกกล้องไว้ก่อน จะได้ไม่เสียดายทีหลัง
คราวนี้คิดไม่ผิดเพราะรถติดมากตั้งแต่เช้า ปกติ 8 โมงเข้าเคารพธงชาติก็จะถึงออฟฟิศอยู่แล้ว แต่วันนี้เคารพธงชาติยังไม่ได้ข้ามสะพานปิ่นเกล้าเลย
พิข้ามได้แล้วรถก็ยังคิดอยู่อีกนาน เลยตัดสินใจเดินอีกแล้วคะ แต่คราวนี้เดินตั้งแต่อนุสาวรัย์ประชาธิปไตย ไปจนถึงสะพานผ่านฟ้า
คราวนี้มีกล้องมาด้วย เดินไป ถ่ายรูปไปตลอดทางเลย เลยมีรูปมา Post ไว้เต็มเลย
เดินไปถึงสะพานผ่านฟ้า ก็จะไปขึ้นเรือคลองแสนแสบ ซึ่งถึงรถจะติดยังไง เรือก็ยังวิ่งได้
แต่ปรากฎว่าไปถึงท่าเรือ เรือหยุดบริการ เพราะน้ำตื้นเกินไป เรือใหญ่แล่นไม่ได้ เนื่องจากมีเขื่อนหรืออะไรสักอย่างแตก กทม.เลยต้องปิดน้ำ
คนคุมท่าเลยไปหาเรือเล็กมาแล่น ตามรูปที่เห็น เรือเล็กจริงๆ ลำนึงนั่งได้แค่ 12 คน เล็กพอๆ กับเรือที่นั่งที่ตลาดน้ำดำเนินสะดวกเลย
แถมฉวยโอกาสขึ้นราคาอีก ปกติผ่านฟ้า – ประตูน้ำ 10 บาท นั่งไปถึงราม ก็ยังไม่ถึง 20 บาท
แต่คราวนี้คิดคนละ 20 เลย แล้วก็ไปถึงแค่ประตูน้ำ ใครจะไปต่อ ไปจ่ายตังค์เพิ่มเองอีกทีนึง
พอลงไปนั่งเห็นคนข้างๆ ยกกระเป๋าขึ้นมาบังหน้าไว้แล้วก็ก้มตัว เราก็นึกได้บ้าง ก้มตัวแล้วก็เอากระเป๋าบังด้วย
นั่งอย่างนั้นไปตลอดทางเลย ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา เพราะดีที่ก้มและเอาของบังไว้เพราะแขนข้างที่ติดกับกาบเรือถูกน้ำในคลองแสนแสบกระเด็นใส่ เต็มแขนเลย
ถ้าไม่บังไว้เนี่ย ไม่ต้องนึกสถาพเลย ยังดีที่ว่าเวลาจะขึ้นจะลงเรือเนี่ยท่ามันสูงจากเรือมาก ใครที่ลงเรือได้ก่อนก็จะยื่นมือมาช่วยคนที่อยู่ข้างหลัง
คนที่ได้ขึ้นท่าก่อนก็จะยื่นมือจะช่วยฉุดคนที่ยังขึ้นไม่ได้ แล้วก็ช่วยกันประคองไว้ นิสัยดีกันทุกๆ คนเลย
สุดท้ายก็ถึงที่ทำงานแต่สายไปกว่าครึ่งชั่วโมง
ตอนเย็นเลิกงานนั่งรถผ่านถนนราชดำเนิน แล้วพกกล้องไปด้วย เลยขอลงรถ แล้วเดินถ่ายรูปไปตลอดถนนราชดำเนินเลย
เลยได้รูปเปรียบเทียบระหว่างตอนเช้า กับตอนกลางคืนด้วย แต่รูปตอนกลางคืนหลายรูปอาจไม่ค่อยชัด
แบบว่าปรับกล้องไม่เป็น ไม่รู้ว่าถ่ายแบบนี้ต้องใช้ flash แบบไหน speed shutter เท่าไรภาพถึงจะสวย
เลยได้แต่เก็บภาพเฉยๆ ว่าเราได้บรรยากาศแล้วนะ ถือว่าเป็นภาพศิลปอีกแบบนึงล่ะกัน
ถ่ายไปเรื่อยๆ จน Memory full (เพราะไม่ได้ลบรูปเก่าๆ ออก) ต้องคอยลบรูปเก่าๆ ออก
ไม่พอ Battery ก็จะหมด (เพราะไม่ได้เปลี่ยนถ่านมานานเหมือนกัน) ต้องคอยปิดแล้วเปิดแล้วถ่ายทันทีแล้วก็รีบปิด จนได้รูปจนถึงสนามหลวงเลย
วันนี้หลังจากเมื่อวานพกกล้องไปถ่ายรูปจนเต็มอิ่มแล้วก็เลยไม่ได้พกกล้องมา
เช้าขึ้นมา พี่ไก่ (พี่ที่ทำงาน) บอกว่าวันนี้กลับเร็วกันไหม จะขับรถไปทางพระที่นั่งอนันต์ ไปดูไฟกัน
เลยบอกไปว่า เสียดายจัง วันนี้ไม่ได้เอากล้องมา แต่ดูก่อน ถ้าเสร็จงานเร็วจะไปด้วย…:)



Create Date : 12 เมษายน 2554
Last Update : 12 เมษายน 2554 16:32:16 น. 0 comments
Counter : 239 Pageviews.
 

MamyHwaHwa
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add MamyHwaHwa's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com pantip.com pantipmarket.com pantown.com