|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
|
|
|
|
|
|
|
"วันนี้คือวันแรก..ของวันที่เหลืออยู่"
Last munite in life. You may want to express your love for someone. Next munite in life. Try expressing love to someone before its too late.
ถ้าจะนับว่าเป็นแฟนตัวเบ้งของคุณ ต้นกล้า นัยนา ก็อาจจะไม่ใช่ แต่ถ้าวัดจากจำนวนหนังสือที่หน้าปกสลักชื่อ ต้นกล้า นัยนา แล้ว ก็มีอยู่เกินสิบ ตามอ่านงานของคุณนัยนามาหลายปีแล้ว นอกเหนือไปจากการเป็นหนังสือที่มีตัวอักษรน้อย แต่ภาพแยะแล้ว ก็เพราะติดใจแง่คิดเกี่ยวกับชีวิตที่คุณนัยนาได้ถ่ายทอดผ่านข้อความสั้นๆ เก็บไว้ในหนังสือแต่ละเล่ม ที่บางครั้งถึงกับนิ่งอึ้ง น้ำตาซึมไปหลายนาทีถ้าอ่านในช่วงที่เศร้า บางทีก็อมยิ้ม หัวเราะในลำคอดังกึ่กๆๆ ในเวลาที่รู้สึกว่าโลกนี้สวยงาม
เล่มที่มีเศษกระดาษคั่นๆไว้มากที่สุด แสดงถึงความ "อึ้ง" ที่มากที่สุด ก็ไม่พ้นเล่มนี้แหละค่ะ "วันนี้คือวันแรกของวันที่เหลืออยู่" จำได้ว่า หยิบเล่มนี้ขึ้นมาเพราะชื่อหนังสือ ภาพสวยๆ แล้วก็ตามมาด้วยชื่อคนเขียน เปิดเจอข้อความในหน้าที่ 52 แล้วก็ตัดสินใจเดินไปจ่ายเงินทันที
หนังสือประเภทนี้ถ้าอยู่ตามชั้นหนังสือก็น่าจะอยู่ในหมวดปรัชญา ซึ่งสมัยเด็กๆ ไม่คิดจะมองแม้แต่น้อย แต่ก็อย่างที่เขาว่ากัน เวลาเปลี่ยน ใจคนเปลี่ยนนนนน (..รู้สึกจะเป็นอัสนี วสันต์ ไปหน่อย) ตอนนี้เลยอ่านหนังสือปรัชญามากกว่าประเภทอื่น แต่ก็ยังขอยืนยันว่า อ่านไอ้แบบที่วัยรุ่นเขาอ่านๆกัน ประเภทกลอนเปล่าเดียวดาย ใกล้ตายใกล้ม้วย ยังไม่เป็นเหมือนเดิม
วันนี้คือวันแรกของวันที่เหลืออยู่ แค่ชื่อก็โดนในแล้วค่ะ เคยคิดมานานแล้วว่า ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะมีชีวิตอยู่เราจะทำอะไรดี? ซึ่งในชีวิตจริงๆ เราก็ไม่มีทางรู้เลยว่า วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายจริง หรือยังไม่ท้ายสุด แต่มนุษย์ทุกคนก็ยังชอบผลัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อยๆ .. รอก่อน .. ยังดีกว่า .. ไม่กล้า .. กลัว
หนังสือเล่มนี้ก็เลยเหมือนเพื่อนที่แสนดีที่มากระซิบข้างหูว่า ไอ้สิ่งที่อยากๆทำน่ะ ทำเสียเถิด
นอกเหนือจากเสมือนเป็นเพื่อนผู้ให้กำลังใจแล้ว ในหน้าอื่นๆก็ยังมีความคิดดีดีมาบอกเล่า ทั้งเรื่องของชีวิต สังคม หน้าที่ ความสัมพันธ์ ความรัก ทั้งนี้ทั้งนั้น จะตีความว่าสิ่งที่อ่านผ่านตานั้นจะนำไปใช้กับชีวิตในส่วนไหน ก็คงอยู่ที่ประสบการณ์ของผู้อ่านเป็นหลัก
ในวรรคเดียวกัน คนนึงมองเป็นเรื่องคนรัก แต่อีกคนมองอาจเห็นเป็นแค่เรื่องของเพื่อน
ฉันไม่ได้รักเธอเพราะเธอดูดี แต่เธอดูดีในแบบที่เธอเป็น .. ฉันจึงหลงรัก I don't love you because you look nice. The way you look instead that make me fall for you.
ไม่ว่าจะมองกันแบบไหน ถ้าหากเราคิดว่า มันมีส่วนช่วยเหลือฟื้นฟูบูรณะความคิดของเรา หนังสือเล่มเล้กๆเล่มหนึ่งก็มีค่ามหาศาล
ประโยคในหน้า 52 ที่เป็นตัวตัดสินชี้ขาดถึงการอยู่การไปของเงินในกระเป๋าตังค์ก็คือ
"ไม่ว่ามันจะเป็นคำพูดดีๆ ทำให้รู้สึกดีๆมากแค่ไหน เขาอาจจะจำไม่ได้แล้ว แต่เขาจะไม่มีวันลืม 'สิ่งดีๆ' ที่เราทำให้ด้วยหัวใจให้เขา เราอาจลืมเลือนคนหลายคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต แต่เราจะไม่มีวันลืม 'ความทรงจำที่ดี'ที่เคยมีร่วมกับใคร"
ใครจะตีความกันอย่างไร ไม่รู้ แต่ที่รู้อ่านเสร็จเลือกที่จะตีความเข้าข้างตัวเองไว้ก่อน
เอ...แล้วที่บอกว่า เสมือนเพื่อนที่แสนดีที่มากระซิบข้างหู .. ตกลงได้ทำตามคำแนะนำของเพื่อนหรือเปล่า? . . . . อืมม์ ... เอ .... ทำดีมั้ยน้อ ... อืมมม เอาไว้ก่อนแล้วกัน ยังๆๆ ยังไม่ถึงเวลา
แล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็คงเดิม เอวังด้วยประการฉะนี้ ก่อนจบ แถมตัวอย่างให้อีกตอนหนึ่ง
เรามักจะหลงรักคนที่ทำให้เราหัวเราะได้! "We always fall for someone who makes us laugh."
ปล.เห็นด้วยกับประโยคข้างต้นนะ แต่ก็ขอเถียงในใจ บางครั้ง .. เราก็หลงรักคนที่ทำให้เราร้องไห้ได้เช่นกัน
Create Date : 03 มิถุนายน 2550 |
|
3 comments |
Last Update : 3 มิถุนายน 2550 14:47:05 น. |
Counter : 2375 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: ฮก IP: 203.150.221.82 3 มิถุนายน 2550 15:12:13 น. |
|
|
|
| |
โดย: BeCoffee 30 มกราคม 2551 23:23:21 น. |
|
|
|
| |
โดย: vee IP: 202.44.7.68 3 กุมภาพันธ์ 2552 11:26:48 น. |
|
|
|
|
|
|
|
- เคยอ่านเจอข้อความประมาณว่า อย่าเอาตัวเราไปยึดติดกับคนอื่นเลย มันจะทำให้เป็นทุกข์โดยควบคุมไม่ได้เสียเปล่าๆ
เอาใจช่วยให้ผ่านพ้นปัญหาด้วยปัญญาที่เฉียบแหลมและกำลังใจที่เข้มแข็งนะป้า