space
space
space
<<
มกราคม 2562
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
space
space
4 มกราคม 2562
space
space
space

Green Book


Green Book

ผู้กำกับ :Peter Farrelly

ผู้อำนวยการสร้าง: Jim Burke, Charles B. Wessler, Brian Hayes Currie, Peter Farrelly, NickVallelonga

ผู้เขียนบท: Nick Vallelonga, Brian Hayes Currie, Peter Farrelly

นักแสดง: Viggo Mortensen, Mahershala Ali, Linda Cardellini

ดนตรีประกอบ: Kris Bowers

ผู้กำกับภาพ: Sean Porter

ผู้ตัดต่อ :Patrick J. Don Vito

GreenBook คือผลงานที่นำแสดงโดยสองนักแสดงฝีมือคุณภาพ วิกโก้มอร์เทนเซน ร่วมด้วยมาเฮอร์ชาลา อาลี เล่าถึงเรื่องราวของสองคู่หูต่างขั้วที่จับพลัดจับผลูตระเวนเดินทางไปทั่วตอนใต้ของอเมริกาด้วยกัน“โทนี่ ลิป” (วิกโก้ มอร์เทนเซน) พี่ล่าขาใหญ่เชื้อสายอิตาเลียน-อเมริกันจากย่านบรองซ์ในนิวยอร์กต้องมาเป็นคนขับรถให้ “ดอน เชอร์ลีย์” (มาเฮอร์ชาลา อาลี) นักเปียโนคลาสสิคผิวสีระดับโลกระหว่างที่เขาออกเดินสายขึ้นแสดงในยุค 60 สิ่งเดียวที่นำทางทั้งคู่คือ "สมุดปกเขียว"ที่บอกสถานที่ที่เป็นมิตรกับคนผิวสี พวกเขาต้องฝ่าทั้งกำแพงแห่งสีผิว ภัยอันตรายต่างๆเช่นเดียวกับน้ำใจจากเพื่อนมนุษย์ในการเดินทางครั้งสำคัญนี้

การเฝ้าดูทั้งวิกโก มอร์เทนเซน และมาเฮอร์ชาลา อาลี รับส่งบทบาทที่ฉูดฉาดบาดตา แลกเปลี่ยนทัศนคติและความเห็นด้วยปฏิภาณไหวพริบอันแหลมคมและแน่นอนว่าการแสดงออกอย่างหน้าตายและอมพะนำก็สามารถเรียกเสียงหัวเราะได้อย่างสนั่นหวั่นไหวและครึกโครม

ตามเนื้อผ้าGreen Book ก็เป็นหนัง‘บัดดี้ คอเมดี้ และโรดมูฟวี่’ (โรดมูฟวี่คือหนังที่ว่าด้วยการเดินทางของตัวละครไปตามที่ต่างๆ)ที่สอดแทรกไว้ด้วยมุกตลกและอารมณ์ขันที่เรียกเสียงหัวเราะได้อย่างหรรษาครื้นเครง และจะว่าไปแล้วก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกเท่าใดนักเมื่อคำนึงว่านี่เป็นผลงานกำกับของปีเตอร์ ฟาร์เรลลี ซึ่งหลายคนคงรู้สึกเหมือนๆ กันว่านี่เป็นหนังจำพวกที่ไม่ต้องถือสาหาความหรือไหนๆ ก็ไหนๆ จะผนวกตัวคนทำหนังเข้าไปด้วยก็คงจะได้

แต่ก็นั่นแหละถึงแม้ Green Book จะสังกัดอยู่ภายใต้แนวหนังและกรอบเนื้อหาเดียวกันผู้ชมก็ไม่อาจเหมารวมว่านี่เป็นหนังตลกเถิดเทิงหรือบ้าบอคอแตกแบบเดียวกัน อย่างน้อยที่สุดอารมณ์ขันและเสียงหัวเราะก็ไม่ใช่จุดหมายปลายทางหรือว่ากันตามจริง มันเหมือนกับถูกใช้เพื่ออำพรางประเด็นนำเสนอที่เคร่งขรึมจริงจังกระทั่งคอขาดบาดตาย และข้อสำคัญคือผูกโยงอยู่กับหน้าประวัติศาสตร์ที่เป็นทั้งความอัปยศและรอยด่างพร้อยในดินแดนที่เชื่อมั่นและชอบโอ้อวดในเรื่องเสรีภาพและความเท่าเทียม

เพื่อเป็นข้อมูลที่มาของชื่อหนังหรือสมุดปกเขียวก็คือไกด์บุ๊กการเดินทางด้วยรถยนต์สำหรับคนอเมริกันผิวสีในช่วงเวลาที่‘การแบ่งแยก’ ยังเป็นเรื่องถูกต้องชอบธรรม จุดประสงค์ของคู่มือติดรถยนต์เล่มนี้ซึ่งเขียนโดยวิกเตอร์เอช. กรีน เจ้าหน้าที่ส่งพัสดุผิวสีจากเมืองนิวยอร์ก ก็เพื่อหลีกเลี่ยงความยุ่งยากและเรื่องน่าอับอายขายหน้าอันอาจจะเกิดขึ้นจากปัญหาเรื่องเชื้อชาติและสีผิวและเนื้อหาภายในแนะนำที่พัก ร้านอาหาร และปั๊มน้ำมันที่ต้อนรับคนผิวสี

ลำพังการมีอยู่ของไกด์บุ๊กเล่มนี้ก็ฟ้องถึงสภาวะที่จิตใจคับแคบของผู้คนในสังคมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้และการที่หนังสือได้รับการตอบรับอย่างกว้างขวางจนถึงกับต้องตีพิมพ์เพื่ออัปเดตข้อมูลอย่างต่อเนื่องทุกปีก็ยิ่งฟ้องว่านอกจากนี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆสถานการณ์ก็เป็นอย่างที่รู้ๆ กันว่ามันสาหัสสากรรจ์

ว่ากันตามจริงบทบาทของสมุดปกเขียวตามท้องเรื่องของหนังเรื่อง Green Book ก็ไม่ได้โดดเด่นเท่าใดนักมันถูกใช้เป็นเพียงแค่หลักฐานที่ช่วยยืนยันในสิ่งที่ประจักษ์แจ้งอยู่แล้วทั้งกับตัวละครและผู้ชมนั่นคือบรรยากาศการเหยียดผิวในอเมริกา และเรื่องราวของหนังที่ข้อมูลระบุว่า ‘ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริง’ก็พาผู้ชมไปสำรวจแง่มุมดังกล่าว ซึ่งพูดแบบไม่อ้อมค้อม ไม่มีอะไรผิดเพี้ยนไปจากเส้นทางที่หนังเรื่องก่อนๆเหยียบย่ำมานับไม่ถ้วน แต่ในความไม่มีอะไรแปลกใหม่ของสิ่งที่บอกเล่า คนทำหนังก็แสดงให้เห็นการพลิกแพลงในหลายแง่มุมที่น่าสนใจและทำให้ความเป็นหนังที่คาดเดาได้และค่อนข้างจำเจซ้ำซากไม่ใช่ข้อบกพร่องหรือความอ่อนด้อยสักเท่าใด

อย่างที่รู้กันคุณสมบัติประการหนึ่งของหนังคู่หูหรือหนังบัดดี้ได้แก่ตัวละครสองคนที่ผิดแผกแตกต่างกันอย่างชนิดไม่อาจหลอมรวมทว่าถูกสถานการณ์บีบบังคับให้ต้องมาเกี่ยวข้องเชื่อมโยง ในกรณีของ GreenBook หนึ่งในสองตัวละครได้แก่ แอนโทนี วัลเลอลองกา หรือโทนี่ลิป หนุ่มใหญ่อิตาเลียน-อเมริกันผู้ซึ่งแนะนำตัวเองว่าทำงานด้านประชาสัมพันธ์ แต่สิ่งที่เราได้เห็นจริงๆก็คือเขาเป็นบอดี้การ์ดประจำไนต์คลับของเมืองนิวยอร์ก และงานหลักคือการจับลูกค้าที่เมาอาละวาดโยนออกนอกร้าน

อีกรายละเอียดหนึ่งที่หนังบอกเกี่ยวกับโทนี่ซึ่งออกจะดูเจตนาไปสักนิดแต่ก็ช่วยให้ผู้ชมตระหนักถึง ‘ค่าเริ่มต้น’ ของตัวละครที่แจ่มชัดได้แก่ฉากที่เขาแอบโยนแก้วน้ำที่ช่างประปา2 คนดื่มไว้ทิ้งลงถังขยะด้วยความรังเกียจซึ่งโดยอัตโนมัติ เหตุการณ์เล็กๆ นี้ก็ช่วยสนับสนุนประโยคที่น่าสนใจของดอน เชอร์ลีย์(มาเฮอร์ชาลา อาลี) นักเปียโนผิวสี ผู้ซึ่งในอีกไม่นานนักโทนี่ในฐานะโชเฟอร์จะต้องขับรถพาเขาตะลอนไปเล่นคอนเสิร์ตในแดนไกลเป็นเวลานาน2 เดือนทำนองว่าเขาไม่จำเป็นต้องกังวลถึงการเดินทางไปรัฐทางตอนใต้ที่ขึ้นชื่อเรื่องเหยียดผิวเพราะการเหยียดผิวดำรงอยู่ทุกหนทุกแห่งอยู่แล้ว

กระนั้นก็ตามความแตกต่างอย่างชนิดฟ้ากับเหวระหว่างโทนี่กับดอน เอาเข้าจริงๆ แล้วไม่ใช่เรื่องสีผิวแต่เป็นเรื่องของรากเหง้าและกำพืด โทนี่เป็นตัวละครที่ดูเอะอะมะเทิ่ง ปราศจากทั้งความละเอียดอ่อนไหว ตลอดจนการขัดเกลาทั้งด้านการศึกษาและรสนิยม เขาพูดในสิ่งที่ตัวเองคิดโดยไม่สนใจว่ามันจะดูโง่หรือฉลาดอย่างไรและนั่นตรงกันข้ามกับดอนผู้ซึ่งจบด็อกเตอร์ด้านดนตรี และความสามารถในฐานะนักเปียโนของเขาได้รับการแซ่ซ้องสรรเสริญว่าอัจฉริยะเขาแสดงออกอย่างไว้ตัว รัดกุม สำรวม และถือเนื้อถือตัว ข้อสำคัญ ไม่ปิดบังความเหนือกว่าทั้งฐานะชนชั้น และระดับสติปัญญา อันที่จริงในตอนที่เราได้เห็นตัวละครนี้ เขาแต่งเนื้อแต่งตัวราวกับเป็นเจ้าผู้ครองนครนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่อาจเรียกได้ว่าบัลลังก์ และพูดกับโทนี่เหมือนเขาเป็นข้าทาสบริวาร

ไม่มากไม่น้อยนั่นนำไปสู่สถานการณ์ที่กลับตาลปัตรและย้อนแย้ง คนขาวขับรถให้คนดำนั่งในช่วงเวลา (ค.ศ.1962) และสถานที่(มลรัฐทางตอนใต้ของอเมริกา) ที่การเหยียดผิวยังเป็นอุณหภูมิปกติ หรืออย่างน้อยก็เป็นอะไรที่แสดงออกได้ตรงๆไม่ต้องกระมิดกระเมี้ยน อ้อมค้อม หรือมีลักษณะซุ่มโจมตีอย่างในปัจจุบัน

และว่าไปแล้วขณะที่ข้อมูลที่หนังถ่ายทอดไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจสำหรับคนดูที่รู้ข้อเท็จจริงอยู่แล้วถึงระดับความน่าสะอิดสะเอียนของพฤติกรรมเหยียดผิวในอเมริกาแต่จนแล้วจนรอดก็ยังคงเป็นเรื่องน่าขัดเคืองอยู่ดี และบางครั้งก็นึกไม่ออกจริงๆ ว่าผู้คนที่มีสติสัมปชัญญะและสามัญสำนึกตอนนั้นปล่อยให้เหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นได้อย่างไรเช่น การที่คนผิวสีไม่ได้รับอนุญาตให้ไปไหนมาไหนหลังพระอาทิตย์ตกดิน หรือนั่งในร้านอาหารของคนขาวทั้งๆที่เขาเป็นแขกคนสำคัญ หรือฉากหนึ่งที่น่าเชื่อว่าคนทำหนังไม่ได้แสดงออกอย่างเกินเลยนั่นคือเหตุการณ์หลังจากดอนเพิ่งจะเล่นคอนเสิร์ตจบและได้รับเสียงปรบมือกึกก้อง แต่เขากลับไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ห้องน้ำซึ่งจำกัดเอาไว้เฉพาะคนขาวและภาพห้องน้ำของคนผิวสีที่เจ้าของบ้านผายมือให้เห็นก็ย่ำยีความรู้สึกของทั้งตัวละครและคนดูอย่างไม่น่าให้อภัย

อย่างที่พวกเราคาดเดาได้ไม่ยากมรรคผลจริงๆ จากการเดินทางไกลครั้งนี้ไม่ใช่การทำให้บรรดาผู้คนที่อยู่กับสังคมเหยียดผิวทางตอนใต้เปิดกว้างและยอมรับมากขึ้นเพราะนั่นเป็นเรื่องเพ้อฝันเกินไป ทว่าตัวละครที่หวนกลับไปเป็นเหมือนกับในตอนเริ่มต้นไม่ได้อีกแล้วก็คือโทนี่ผู้ซึ่งระหว่างการร่อนเร่พเนจรไปบนท้องถนน มิตรภาพที่งอกเงยก็ทำให้เจ้าตัวตระหนักในสิ่งที่ผู้ชมน่าจะรู้คำตอบดีอยู่แล้วตั้งแต่ต้นว่าสุดท้ายแล้วความแตกต่างในเรื่องสีผิวเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา

รวมๆแล้ว Green Book ไม่ใช่หนังที่ทะเยอทะยาน ทั้งในแง่ของเนื้อหาสาระซึ่งก็ดังที่กล่าวมาว่าไม่ได้พาผู้ชมไปรับรู้อะไรที่แปลกใหม่หรือวิธีการนำเสนอซึ่งก็ดำเนินตามสูตรสำเร็จ แต่อย่างที่ใครๆ ก็น่าจะบอกได้เหมือนกันคือส่วนสำคัญของความสนุกสนานและตลกขบขันของหนังมาจากศิลปะการแสดงที่สอดประสานกลมกลืนระหว่างสองนักแสดงที่พวกเขาอาจจะไม่มีภาพของการเล่นหนังตลกมาก่อนหน้าอย่างจริงๆจังๆ กระนั้นก็ตาม การเฝ้าดูทั้งวิกโก มอร์เทนเซน และมาเฮอร์ชาลา อาลี รับส่งบทบาทที่ฉูดฉาดบาดตาแลกเปลี่ยนทัศนคติและความเห็นด้วยปฏิภาณไหวพริบอันแหลมคม และแน่นอนว่าผ่านการแสดงออกอย่างหน้าตายและอมพะนำก็สามารถเรียกเสียงหัวเราะได้อย่างสนั่นหวั่นไหวและครึกโครม

แต่นั่นก็ไม่ใช่ทั้งหมดที่การแสดงอันล้ำเลิศของคนทั้งสองหยิบยื่นให้และในห้วงเวลาที่ตัวละครต้องเผชิญกับภาวะบีบคั้นกดดัน เราก็สัมผัสได้ถึงความอ่อนไหวอ่อนโยน ความห่วงหาอาทรในฐานะเพื่อนร่วมวิบากกรรม และทั้งหลายทั้งปวง มันไม่เพียงทำให้สิ่งละอันพันละน้อยที่ได้รับการบอกเล่าเต็มเปี่ยมไปด้วยสีสันความสนุกสนาน และความมีชีวิตชีวา แต่ยังช่วยแปรเปลี่ยนให้การดูหนังเรื่อง GreenBook กลายเป็นเสมือนการเดินทางที่ช่างเพลิดเพลินและน่ารื่นรมย์เสียนี่กระไร




Create Date : 04 มกราคม 2562
Last Update : 4 มกราคม 2562 9:59:12 น. 5 comments
Counter : 445 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณหอมกร


 
สมาชิกหมายเลข 5007175 Movie Blog ดู Blog
หนังเรื่องนี้ถ้ามาฉายบ้านเราไม่น่าจะทำเงินได้
เพราะมันไม่ใช่ลักษณะของวัฒนธรรมบ้านเราจ้า



โดย: หอมกร วันที่: 4 มกราคม 2562 เวลา:13:32:16 น.  

 
เรื่องแบบนี้เป็นอย่างที่รู้กันครับ จำนานคนมาดูหนังเรื่องนี้นับได้เลย อาจจะเป็นเพราะช่วงต้นปี ผู้คนในกรุงเทพเพิ่งกลับจากไปเที่ยวปีใหม่มา ผู้เขียนคิดอย่างนี้


โดย: Ong IP: 171.96.191.181 วันที่: 4 มกราคม 2562 เวลา:17:53:22 น.  

 
กำลังหาหนังดูครับ


โดย: คนขับช้า วันที่: 5 มกราคม 2562 เวลา:17:34:18 น.  

 
ไปดูสิครับ ยังเข้าโรง


โดย: โอ่ง IP: 124.120.192.141 วันที่: 5 มกราคม 2562 เวลา:22:43:38 น.  

 
ไปดูมาแล้ว ชอบมากครับ


โดย: คนขับช้า วันที่: 12 มกราคม 2562 เวลา:14:16:58 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
space

สมาชิกหมายเลข 5007175
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 5007175's blog to your web]
space
space
space
space
space