Bohemian Rhapsody ผู้กำกับ: Bryan Singer ผู้อำนวยการสร้าง: Graham King, Jim Beach ผู้เขียนบท: Anthony McCarten ผู้ประพันธ์: Anthony McCarten, Peter Morgan นักแสดง : Rami Malek, Lucy Boynton,Gwilym Lee, Ben Hardy, Joe Mazzello, Aidan Gillen, Tom Hollander, Mike Myers ผู้กำกับภาพ: Newton Thomas Siegel ผู้ตัดต่อ :John Ottman BohemianRhapsody หนังชีวประวัตินักร้องนำที่แฟนเพลงรักมากที่สุดในประวัติศาสตร์ดนตรีอย่างFreddie Mercury แห่งวง Queen หนังเล่าเรื่องราวการเดินทางบนเส้นทางดนตรีอันไม่ธรรมดาของFreddie Mercury กับวงร็อกของเขา ซึ่งกล้าที่จะท้าทายทัศนคติที่จำเจและทำลายขนบธรรมเนียมแบบเดิมๆอยู่ตลอดเวลาจนก้าวขึ้นมาเป็นนักร้องที่ทุกคนบนโลกตกหลุมรัก หนังติดตามความสำเร็จอันรุ่งโรจน์ของพวกเขาผ่านเพลงที่มีเอกลักษณ์กับการปฏิวัติเสียงเพลงบนโลกไปตลอดกาลไปจนถึงชีวิตส่วนตัวของเฟรดดี้ที่หลุดโลกจนพวกเขาได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้งในคอนเสิร์ตLive Aid ช่วงที่เฟรดดี้ก็กำลังเผชิญกับโรคเอดส์แต่มันกลับช่วยผลักดันให้เขาและวงขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุดของความสำเร็จในเส้นทางดนตรีได้ในชั่วข้ามคืน ผู้เขียนเชื่อว่ามีใครหลายๆคนที่รู้จักหรือเป็นแฟนเพลงที่เหนียวแน่นของวงนี้ โดยเฉพาะเพลงที่ถูกเอามาใช้เป็นชื่อเรื่องอย่างBohemian Rhapsody ซึ่งเป็นเพลงที่ยาวมาก เหมือนเป็นการฟิวชั่นเพลงทุกแนวยัดเข้ามาในเพลงเดียวและเนื้อร้องที่ไม่ว่าจะฟังอีกกี่รอบก็ไม่มีสักครั้งที่จะเข้าใจในสิ่งที่เฟรดดี้ เมอคิวรี่คิดระหว่างที่เขียนเพลงนี้ขึ้น คนที่ไม่รู้จักก็จะได้รู้จักการก่อกำเนิดและการเดินทางของเพลงนี้วงนี้ และนักร้องนำคนนี้ ส่วนคนที่รู้จักกันมาตลอดอยู่แล้วก็จะได้ความอิ่มเอมใจชนิดที่ว่าถ้าคุณพลาดคอนเสิร์ตควีนในช่วงLive Aid ตอนนั้น คุณสามารถสัมผัสความรู้สึกขนาดย่อมๆ ได้จากหนังเรื่องนี้อาจจะไม่ส่งผลกระทบเท่าแต่ผู้เขียนเชื่อว่าต้องมีขนลุกขนพองและน้ำตาไหลออกมาบ้างไม่มากก็น้อย เป็นหนังสารคดีที่พาเราไปสำรวจชีวิตวงQueen ตั้งแต่จุดสูงสุดยันจุดต่ำสุด ความทะเยอทะยาน ความยโสความเชื่อ เหมือนเราได้เข้าไปอยู่ในชีวิตของเฟรดดี้ทั้งชีวิตในเวลาเพียงแค่ 2 ชั่วโมงที่อยู่ในโรงภาพยนตร์ หนังเล่าเรื่องได้มีเสน่ห์รู้จักหยิบช็อตที่ควรใส่เข้ามา มุขตลกที่มาน้อยแต่ได้มาก การเลือกใส่เพลงได้ถูกจังหวะและภาพของคอนเสิร์ตแต่ละซีนนี่มันน่าขนลุกชะมัดเรียกได้ว่าดูแล้วมันมีกำลังใจ ฮึกเหิม อยากเข้าไปอยู่ในสมัยนั้นไปยืนฟังวงนี้เล่นเสียจริงๆ ดูจบแล้วคือผู้เขียนอิ่มอกอิ่มใจมันมีความสุขอย่างประหลาด การได้ฟังเพลงของวงที่เรารักในโรงหนังนี่มันสนุกดีจริงๆ นะเสียงกลอง เสียงเบส เสียงกีต้าร์ และเสียงร้องที่มีเสน่ห์สุดๆ ของเฟรดดี้มันกระแทกเข้ามาในหูทะลุยันใจเลยอ่ะคุณใครที่ฟังเสียงดนตรีของวงนี้ในหูฟังแล้วขนลุก บอกเลยว่าในโรงหนังมันจะรู้สึกเป็นสิบเท่าเสียงทุกเสียงมันกระหึ่มจริงๆ แล้วยิ่งเห็นภาพแต่ละคนเล่นเครื่องดนตรีนั้นๆ ด้วยแล้วมันยิ่งจี๊ดในใจเข้าไปใหญ่อยากจะลุกขึ้นไปหยิบกีต้าร์มาเล่นเลยจุดนั้น เป็นวงที่จับเครื่องดนตรีธรรมดาๆ แต่สามารถรังสรรค์สิ่งที่งดงามออกมาได้มากมายจริงๆ ถ้าแบ่งหนังเป็นสององก์เราเลือกไม่ถูกเลยว่าครึ่งไหนของหนังดีกว่ากัน ครึ่งแรกหนังพาเราไปสำรวจความเป็นมาของวงควีนผู้เขียนชอบซีนที่เห็นพวกเขาทำเพลง ด้วยความที่เป็นยุค 70 ห้องอัดเอยบรรยากาศเอย เทคนิคที่วงนี้สร้างสรรค์เพลง Bohemian Rhapsody ขึ้นคือมันอัศจรรย์มากที่เพลงแบบนี้ถูกทำขึ้นมาในช่วงนั้นอ่ะทุกคน ยิ่งดู ยิ่งฟังมัน ยิ่งประทับใจ ส่วนองก์หลังหนังเริ่มพาเราไปสำรวจปัญหาความตึงเครียด ความเบี่ยงเบนของเฟรดดี้ เอาจริงๆ ผู้เขียนก็ชอบองก์นี้เช่นกัน หนังสามารถพาเราไปสำรวจถึงความเหงาของเฟรดดี้ผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ได้โดยไม่ต้องพึ่งซีนดราม่าโหยหาอะไรมากมายคือชีวิตเขาดูมีทุกอย่างครบแต่สุดท้ายลึกๆ เรากลับรู้สึกว่ามันไม่มีใครเลยจริงๆ นอกจากดนตรีและวงที่ยึดเหนี่ยวเขาไว้ได้ชอบประเด็นนี้พอๆ กับประเด็นไบเซ็กชวลเลยอ่ะ เล่าออกมาได้ลงตัวโดยไม่ต้องพยายามมากๆ เพลงแต่ละเพลงที่เลือกใส่มาพูดได้เลยว่าขนลุกทุกเพลงถึงแม้ว่าจะเป็นเพลงที่ฟังมันอยู่ทุกวันชอบที่หนังใส่เนื้อเพลงมาด้วยทุกครั้ง เหมือนได้ร้องคาราโอเกะในโรงหนังร่วมกับเฟรดดี้เลยอ่ะมันสนุกมากๆ มันคือวงควีนที่เราไม่เคยได้สัมผัสมันจริงๆ อ่ะ (เสียดายชีวิตมากที่เกิดไม่ทัน)มันคือความกระทบกระเทือนแรงสุดในชีวิตแล้วสำหรับเพลงของวงนี้ ฮัมตามได้ทุกเพลงพร้อมกับขนลุกตลอดเวลานี่ถ้าอยู่คนเดียวในโรงอยากจะลุกขึ้นมาร้องแล้วก็ปรบมือตามตอนเพลง We will RockYou มาก อะไรมันจะฮึกเหิมขนาดนี้ ซีนLive Aid คงเป็นอีกซีนที่ไม่พูดถึงไม่ได้ เพลงรัวมากกกก น้ำตาคลอๆมาทั้งเรื่องมาเขื่อนแตกซีนนี้แหละ อารมณ์ที่แบบยิ้มด้วยความสุข ร้องไห้ด้วยความปริ่มและร้องเพลงตามด้วยความศรัทธามันเป็นแบบนี้นี่เอง ขอพูดถึงซีนเพลง BohemianRhapsody ละกันนะ คือเอาจริงๆ ผู้เขียนไม่เคยรู้และไม่เข้าใจความหมายของเพลงนี้เลยจนมาวันนี้ก็ยังไม่เข้าใจ แต่มีท่อนหนึ่งที่มันเข้ากับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเฟรดดี้ในขณะนั้นมากจนผู้เขียนร้องไห้จริงๆ Mama,oooh Didn'tmean to make you cry If I'mnot back again this time tomorrow Carryon, carry on, as if nothing really matters คุณแม่ ผมไม่ได้ตั้งใจทำให้แม่ร้องไห้นะ แต่ถ้าในวันพรุ่งนี้ผมไม่ได้กลับมา ขอให้ใช้ชีวิตต่อไปนะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เป็นท่อนที่พอร้องขึ้นมาแล้วเหมือนจะตายหลังจากเราได้รับรู้เรื่องราวของเฟรดดี้กระทบกระเทือนจิตใจแรงมาก เชื่อว่าหลายๆ คนน่าจะคล้อยตามกับเพลงนี้เหมือนกันหลังจากดูเรื่องนี้จบ สรุปว่าไปดูกันเถอะ!!ทั้งคนที่เป็นแฟนวงนี้และคนที่ไม่ใช่ ผู้เขียนคิดว่าเพลงของควีนที่ส่งออกมาจะจับใจคนและทำให้คนหลงรักได้ไม่ยากอย่างน้อยเข้าไปฟังเพลง We will Rock You ที่ใครๆ ก็รู้จักในเวอร์ชั่น Queenก็คุ้มค่ามากๆ แล้ว
Create Date : 22 ธันวาคม 2561 |
Last Update : 22 ธันวาคม 2561 21:10:00 น. |
|
0 comments
|
Counter : 388 Pageviews. |
|
|