วันดีๆ ที่ไม่สบาย
วันนี้ได้บทเรียนหลายบท เห็นสมควรจะบันทึกไว้สักหน่อย แต่ถึงกระนั้นก็ยังเป็นวันนับว่าที่ดีมากๆ อยู่ วันที่ ๓๐ กันยายน ก็มีมาทุกปี แต่ปีนี้ค่อนข้างพิเศษ เพราะมีบุคคลใกล้ชิด(ทางใจ)เกษียณอายุราชการกันหลายคน ปีที่แม่อายุครบ ๖๐ ไม่ได้รู้สึกว่าวันนี้สำคัญอะไร เพราะแม่ไม่ได้รับราชการ นอกจากนั้น ก่อนหน้านี้เราก็อาจจะยังไม่อาวุโสถึงขั้นที่จะรู้จักผู้เกษียณฯ (ณ ที่ทำงาน) ถึงขนาดที่สนิทสนมหรือจะรู้สึกอาลัยรักใคร่เป็นพิเศษก็เป็นได้ นะ ราวสัปดาห์ที่แล้ว ได้รับทราบข่าวว่าอาจารย์ประจำชั้นประถมปีที่ ๑ ของเราครบอายุเกษียณ และทางโรงเรียนและสมาคมนักเรียนเก่าฯ จะจัดงานให้ในวันเสาร์ (ซึ่งเป็นวันที่สามารถไปได้) ที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๔๙ ต่อมาจึงได้รับจดหมายอิเล็กทรอนิกส์บอกกำหนดการเกี่ยวกับเวลา (อย่างหลวม) และสถานที่ ก็ตั้งใจเต็มที่ว่าจะไป ตื่นเช้ามารู้สึกไม่ค่อยสบาย ปวดศีรษะกรุ่นๆ คล้ายจะเป็นไมเกรนอย่างที่เคยเป็นประจำบ่อยบ้างห่างบ้าง แต่ก็คิดว่าอาจจะเป็นจากอาการหวัดที่เริ่มมาตั้งแต่เมื่อวาน แล้วตอนค่ำก็ไม่อาจนอนเร็วได้เพราะต้องถ่อไปสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อส่งแม่ไปเที่ยวต่างประเทศกับพี่น้องและหลานๆ แล้วก็รับคนพิเศษซึ่งไปประชุมอีกประเทศหนึ่ง นับว่าสวรรค์ยังปรานีที่ให้เที่ยวบินขาเข้าและขาออกใกล้เคียงกัน ไม่เช่นนั้นก็ไม่รู้ว่าต้องถ่อไปสุวรรณภูมิสองรอบหรือแกร่วรอกี่ชั่วโมง นอกเรื่องไปซะไกล (ถึงหนองงูเห่าแน่ะ ) กลับมาที่รู้สึกไม่ค่อยสบายตอนตื่นนอน หลังจากนอนต่อพอให้รู้สึกว่าได้ตื่นสายอีกหน่อย ก็ตัดสินใจลุกขึ้น คิดว่าปวดอย่างนี้ก็เป็นมาหลายครั้งแล้ว น่าจะ"ออกงาน"ได้ เดี๋ยวค่อยหายากิน --> บทแรกนี้ชื่อว่า ไม่เจียมสังขาร ออกจากบ้านลืมหยิบนมกล่องหรือขนมอย่างที่ตั้งใจไว้เพราะรู้สึกว่าสายแล้ว แต่ยามีอยู่ในกระเป๋า คิดว่าเดี๋ยวไปถึงงานแล้วค่อยกินก็ได้ --> บทนี้น่าจะชื่อ หวังน้ำบ่อหน้า ไปถึงโรงเรียน และตึกที่จัดงาน ลงชื่อว่าเป็นศิษย์เก่าแล้วก็ก้าวเข้าไป ...ผู้คนเยอะแยะจนตาลาย ทั้งอาจารย์ที่รู้จักและไม่รู้จัก ศิษย์เก่ารุ่นพี่รุ่นน้องที่จำ(หน้า)ได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ยังไม่เห็นเพื่อน เดินไปไหว้อาจารย์ได้สองสามท่าน บางท่านก็เดินผ่านไปอย่างรวดเร็วจนไหว้ไม่ทัน แต่อาจารย์ที่เกษียณท่านต้องอยู่ในห้องที่มีงานเวที จึงไม่ได้คิดว่าจะพบตอนนั้นอยู่แล้ว ... และเอาเข้าจริง ก็ได้พบอาจารย์ต่อหน้ากันเพียงแว้บเดียวตอนที่เข้าไปมอบพวงมาลัย (ซึ่งเพื่อนนำมาเผื่อ -- ไม่ได้หาไปเองอีก เฮ้อ!) เข้าไปนั่งดูการแสดงแสงสีเสียง แล้วก็ออกมาจากห้องเมื่อเห็นเพื่อนสองสามคน เข้าๆ ออกๆ อยู่พักหนึ่ง ในที่สุดก็ทนไม่ไหวเพราะหน้าห้องประชุม(ที่มีการแสดง) คนอยู่กันเยอะมาก และไม่รู้ว่าไม่มีแอร์ ไม่เปิดแอร์ หรือแอร์ไม่พอ รู้แต่ว่าหายใจไม่ออก และคลื่นไส้ จึงออกมานอกตึก ... และในที่สุดก็อาเจียนแบบแทบไม่มีอะไรออกมา (เพราะยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย )อาเจียนแล้วดีขึ้นหน่อย มีแรงเข้าไปมีส่วนร่วมในช่วงของศิษย์เก่าพอดี คือจุดเทียน ฟังเพลงจากพี่เจี๊ยบ-วัชระ ปานเอี่ยม ฟังการอ่านกลอนที่แสนจะจริงและสุดซาบซึ้ง (ไม่ทราบว่าใครแต่ง) ฟังเพื่อนท่องบทบูชาครู "ปาเจรา จริยา โหนติ ..." ทำเอาน้ำตาซึมไปตามๆ กัน แล้วสุดท้ายก็กราบคณาจารย์ผู้เกษียณทั้ง ๖ ท่าน จากนั้นเพื่อนสนิทที่ไม่ได้สนิทมาร่วมสิบปีก็เอาพวงมาลัยที่มีมาเผื่อมาให้ จึงได้เข้าไปหาอาจารย์ใกล้ๆ เพียงประมาณไม่ถึง ๑ นาที (จนเพื่อนจะถ่ายรูปให้ก็ไม่ทัน) ความจริงอาจารย์ที่เกษียณ มีอีกท่านที่เคยประจำชั้น แต่เป็นชั้นมัธยม ... ความจริงน่าจะสนิทกว่าอาจารย์ประถม แต่กลับไม่รู้สึกเช่นนั้น และโอกาสก็ไม่อำนวย จึงไม่ได้เข้าไปหาท่านจนแล้วจนรอด --> เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ควรมาก่อนเวลาจะได้มีโอกาสพบอาจารย์อย่างใกล้ชิด หรือเป็นส่วนตัว(เป็นกลุ่มย่อยๆ ก็ยังดี) หรือไม่ก็ต้องอยู่จนงานเลิก ซึ่งงานอย่างนี้มักจะยื้อและไม่แน่ว่าจะปิดงานได้ตรงตามกำหนดการ (แต่ถ้าไม่ป่วย ก็น่าจะไหวนะ ) ออกจากห้องคราวนี้ อาการปวดหัวยิ่งรุนแรงขึ้น จนต้องบอกเพื่อนๆ (ที่กลุ่มใหญ่ขึ้น) ขอตัวกลับก่อน ระหว่างทาง เคี้ยวทอฟฟี่นม ๑ เม็ด ...ไม่ควรเล้ย เพราะหลังจากนั้นพะอืดพะอมมาก แล้วก็อ้วกขณะขับรถนั่นเอง พยายามประคับประคองตัวกลับถึงบ้าน รีบกินยาแล้วก็นอนไปเกือบสองชั่วโมง ตื่นมาจึงค่อยยังชั่ว (อ้อ เช็ดอ้วก และเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ถึงจะไปกินยา ไม่อย่างนั้นจะต้องนอนเหม็นอ้วกตัวเองน่ะสิ ) ♪♪♪♪♪♪♪♪♪♪♪♪♪♪♪♪♪♪♪♪♪♪♪♪♪♪♪♪♪♪♪♪♪♪♪♪♪♪หลังจากค่อยยังชั่วแล้ว ก็รู้สึกดีมากๆ ที่ได้ไปร่วมงานวันนี้ แม้จะเสียดายอยู่เล็กน้อย ที่ไม่สามารถอยู่จนงานเลิก ไม่ได้สวัสดีอาจารย์ให้ครบทุกท่าน (ทั้งที่เกษียณและยังไม่เกษียณ) ไม่ได้พบเพื่อนเก่าที่กลับไปก่อน หรือยังไม่กลับ แต่อาจจะมีที่ยังไม่เจอกัน และสุดท้าย เสียดายที่ไม่สามารถไปร่วมงานแต่งงานของเพื่อนร่วมรุ่นอีกคนหนึ่งซึ่งแต่งตอนบ่ายวันนี้ ...ไม่ใช่อะไรหรอก อยากไปร่วมงานในโบสถ์คริสต์กับเขาสักที (ครั้งหนึ่งในชีวิต) ไม่ได้ไปวันนี้ก็ไม่รู้จะมีโอกาสอีกเมื่อไหร่ ทั้งหมดที่ว่ามา ...เสียดายเล็กน้อยจริงๆ นะเนี่ย