|
การต่อเครื่อง : ให้การต่อเครื่องบิน..เป็นเรื่องง่ายยย การต่อเครื่องบิน สำหรับเดินทางต่างประเทศ เป็นคำถามที่หลายๆ คน สงสัยและมือใหม่หัดเที่ยวก็มีความกังวลอยู่มาก เป็นคำถามที่เราเองก็เคยสงสัยเช่นกันสำหรับกระทู้นี้เราจึงอยากขออธิบายการใช้บริการเที่ยวบินไปยังต่างประเทศซึ่งไม่ง่ายและไม่ยากไปค่ะ เราก็เป็นคนหนึ่งที่มีความสงสัย และกังวล(มากกกก) ตอนขึ้นเครื่องบินไปต่างประเทศครั้งแรกและตอนซื้อตั๋วเครื่องบินแบบต่อเครื่องครั้งแรก ต้องไปตรงไหน เข้าช่องไหนออกช่องไหน จะพูดกับเขารู้เรื่องไหม ขั้นตอนเป็นยังไง บลาๆๆๆ จริงๆ แล้ว การเดินทางโดยเครื่องบินไปต่างประเทศมีอยู่ 2 แบบ ค่ะ 1. บินตรง คือ บินตรงจากสนามบินต้นทางไปยังปลายทาง 2. ต่อเครื่อง คือ มีการแวะพักที่สนามบินกลางทางก่อนที่จะเดินทางอีกครั้งไปยังจุดหมายปลายทาง * ตั๋วแบบต่อเครื่องราคาจะถูกกว่าตั๋วแบบบินตรงทำให้ประหยัดกว่า เพราะเราต้องเสียเวลาที่จุดแวะพัก ** การซื้อตั๋วแบบต่อเครื่องควรจะซื้อตั๋วที่มีระยะเวลารอ ณ จุดแวะพัก ประมาณ 2 ชม. ขึ้นไปนะเผื่อต้นทางดีเลย์ กลางทางเราอาจจะต้องวิ่งๆๆๆๆ หอบหืดขึ้นกันพอดี สำหรับการบินตรงเราคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาเพราะเราขึ้นเครื่องรอบเดียวไปลง ณ จุดหมายปลายทางของเราเลย แต่ การต่อเครื่องซึ่งเป็นปัญหาและความกังวลเหลือเกินนนนน การต่อเครื่อง อันดับแรก เรามารู้ศัพท์ที่เกี่ยวข้องกันก่อนเลยซึ่งเราคิดว่ามันมีความแตกต่างและสำคัญสำหรับเรื่องนี้ Transit >>> คือการแวะพักเครื่องระหว่างทาง อาจจะเพื่อรับ-ส่ง ผู้โดยสาร เติมน้ำมันและอาจจะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนเครื่องก็ได้ แต่ชื่อไฟล์ทที่บินนั้นจะเป็นไฟล์ทเดิมและอยู่ที่สนามบินกลางทางนี้ไม่เกิน 24 ชม. โดยเป็นสนามบินเดิม Transfer >>> คือ การต่อเครื่องซึ่งจะเป็นสายการบินเดิมหรือสายการบินอื่นก็ได้โดยชื่อไฟล์ทที่บินนั้นจะแตกต่างกัน และอาจจะเปลี่ยนสนามบินด้วย เช่นเดินทางจากดอนเมืองไปสุราบายา อินโดนีเซีย (DMK-SIN-SUB) โดยเครื่องบินนี้จะบินจาก จุดแรก ดอนเมือง (DMK) ไปลงสิงคโปร์ (SIN) หลังจากนั้นจะบินต่อจาก จุดที่สอง สิงคโปร์ (SIN) ไปสู่จุดหมายปลายทาง สุราบายา (SUB) Stop Over >>> คือการแวะพักที่มีระยะเวลามากกว่า 24 ชม. เช่น เดินทางจากกรุงเทพฯ ไปโตเกียวแต่มีแวะพักที่ เซี่ยงไฮ้ มากกว่า 24 ชม.แล้วจึงเดินทางต่อไปยังโตเกียว ซึ่งเราต้องรับกระเป๋าที่กลางทาง Connecting Flight >>> คือ การต่อเครื่อง Check Through (Check Thru) Fly Thru >>> คือ การเดินทางแบบต่อเครื่องโดยสัมภาระที่ได้โหลดไว้ใต้ท้องเครื่องจะถูกส่งไปยังปลายทาง ดังนั้นผู้เดินทางไม่ต้องรับสัมภาระ ณ สนามบินกลางทาง แล้วโหลดใหม่อีกครั้งหนึ่ง ข้อสังเกต Check Thru กรณี Booking เดียว แล้วต้นทาง > กลางทาง >ปลายทาง เป็นคนละประเทศ กระเป๋ามักจะ Check thru ไปที่ปลายทางเลย กรณี Booking เดียว แล้วกลางทาง > ปลายทาง เป็นประเทศเดียวกัน กระเป๋าอาจจะออกมาที่สนามบินแรกที่เข้าประเทศตามกฎ Firstpoint of entry เราต้องรับกระเป๋าออกมาผ่านศุลกากรแล้วนำกระเป๋าไปเช็คอินใหม่ ** หากมีข้อสงสัยอะไรในการ Check thru ให้เราสอบถามกับพนักงานสายการบินได้เลย สำหรับขั้นตอนการต่อเครื่อง ในการเดินทางไปต่างประเทศมีดังนี้ จุดที่ 1 เช็คอินที่สนามบินต้นทาง ถ้ามีสัมภาระโหลดใต้ท้องเครื่อง ให้โหลดกระเป๋าโดยแจ้งพนักงานว่า "สัมภาระ Check Thru" เมื่อทำงานเช็คอินเรียบร้อยแล้ว เราจะได้ Boarding Pass มา 2 ใบ (กรณีที่เราซื้อตัวกับสายการบินเดียวกัน หรือเป็นพันธมิตรกัน)แต่ถ้าสายการบินไม่ได้เป็นพันธมิตรกัน จะต้องไปรับตั๋วที่สนามบินกลางทางซึ่งจะมีเคาน์เตอร์เช็คอิน สำหรับ Connecting Flight (อันนี้เข้าใจถูกไหม?) * Check Thru กรณีที่ต่อเครื่องที่อเมริกาไปยังรัฐอื่นๆ จะไม่สามารถ CheckThru ถึงปลายทางได้ต้องไปรับกระเป๋าเองที่สนามบินแห่งแรกที่เข้าประเทศ (First point of Entry) และโหลดสัมภาระอีกครั้งหนึ่ง (ข้อมูลนี้ได้มาจากเพจหนึ่งเมื่อนานมาแล้วค่ะจำไม่ได้แล้วว่าเพจไหน ขอโทษ ที่ไม่ได้เครดิตนะค่ะ) (ตัวเราคิดว่าทุกประเทศน่าจะเหมือนกันนะเพราะเป็นกฎ Firstpoint of Entry?) จุดที่ 2 ที่สนามบินกลางทาง - อาจมีพนักงานถือป้ายรอ สำหรับการต่อเครื่อง - หรือเมื่อมาถึงสนามบินกลางทาง ให้เราเดินตามป้าย Connecting Flights, Transfer หรือ Transit o ไปจนถึง Gate ที่เราจะต้องต่อเครื่อง และรอขึ้นเครื่องต่อไปยังปลายทาง(อย่าลืมดูตารางบินด้วยนะ เพราะอาจมีการเปลี่ยน Gate หรือเวลา) o กรณีมีเวลารอนาน และเราต้องการออกไปนอกสนามบิน โดยประเทศนั้นๆเราไม่จำเป็นต้องใช้วีซ่า ให้กรอกใบ ตม. โดยใส่ข้อมูลว่า Transit ในช่องที่พัก และเมื่อถึงเวลากลับมาขึ้นเครื่อง ก็ให้เราผ่าน ตม.อีกครั้งหนึ่ง เพื่อเข้าไปด้านใน (ไม่ต้องเช็คอิน) - เมื่อมีการตรวจสัมภาระอีกครั้งหนึ่งก็ให้เรานำสัมภาระที่ติดตัวเราไปตรวจ (อย่าลืมคำนึงถึงปริมาณของเหลวด้วยนะเพราะระหว่างทางอาจจะมีการซื้ออะไรเพิ่มเติม ห้ามเกินชิ้นละ 100 cc. รวมกันไม่เกิน 1,000cc) จุดที่ 3 เมื่อถึงสนามบินปลายทาง เมื่อถึงสนามบินปลายทางแล้ว เราเดินตามป้าย Arrival ไปยังจุดรับกระเป๋า แล้วจึงผ่าน ตม. มาถึงทางออก ซึ่งมี 2 ช่อง คือ - สำแดงของต้องห้าม กรณีมีของต้องห้ามนำเข้าประเทศ และของเกินกว่าที่กฎหมายเขากำหนด - ไม่มีของต้องสำแดง กรณี ไม่มีของต้องห้ามหรือเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด หลังจากนั้นก็เดินออกประตู พร้อมเที่ยวได้เลยจร้า Transit Visa ** ตรงนี้เป็นความเข้าใจของเราที่ถอดมาจากการอ่านกระทู้นะค่ะ เรายังไม่มีโอกาสได้ลองใช้ค่ะ ** กรณีที่รอต่อเครื่องเป็นระยะเวลานาน และ/หรือ Stop over และต้องการออกนอกเขตอาคารต่อเครื่องถ้าเป็นประเทศที่ต้องใช้วีซ่าเราต้องมีวีซ่า ซึ่งต้องทำการขอล่วงหน้า แต่ถ้าเป็น Transit Visa เราต้องทำเรื่องขอก่อนถึงจะได้รับวีซ่านี้ซึ่งบางประเทศต้องติดต่อสถานฑูตล่วงหน้า และในบางประเทศสามารถทำแบบ Visa on Arrival (ทำเมื่อถึงสนามบินกลางทาง) ได้ โดยวีซ่าประเภทนี้จะสามารถออกไปนอกเขตได้ภายในระยะเวลาที่กำหนดและกลับมาก่อนเวลาขึ้นเครื่อง โดยต้องมีการผ่าน ตม. เข้ามาอีกครั้งแต่ไม่จำเป็นต้อง Checkin เพราะว่าเรามี Boarding pass แล้ว อันนี้ถ้าเวลาไม่เยอะก็คงไม่ออกไปข้างนอกนะต้องดูเวลาด้วยนาาจาา แต่เรื่อง ตม. คุณอาจจะผ่านหรือไม่ผ่านก็ได้นะแล้วแต่ดุลยพินิจของเจ้าพนักงานแต่ละคน อันนี้เป็นความเข้าใจของเรา ที่เราพยายามเรียบเรียงนะหวังว่าจะมีคนที่เข้าใจในการเรียบเรียงของเรา 5555+ และอันนี้คือลิงค์ บล็อคของเราค่ะ สามารถเข้ามาติดตามอ่านกระทู้เพลินๆ หรือใช้เป็นข้อมูลก่อนออกเดินทางได้น๊าาา thx ka
โดย: Pp IP: 171.7.30.160 วันที่: 31 ตุลาคม 2562 เวลา:15:34:35 น.
|
CutieFree
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] Junket-Globe เป็นบล็อคที่เราสร้างขึ้น เพื่อเขียนเรื่องราวการเดินทางของเรา เพื่อนเป็นแนวทงให้เพื่อนๆ ที่อยากจะไปในสถานที่เดียวกัน การเริ่มต้นเดินทางของเราเริ่มขึ้นแล้ว แล้วเพื่อนๆ จะรออะไรล่ะ ไปกัน Go Go
Link |
สำหรับการต่อเครื่องมากค่ะ