มะลิไทยแลนด์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




Group Blog
 
 
เมษายน 2559
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
3 เมษายน 2559
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add มะลิไทยแลนด์'s blog to your web]
Links
 

 
อินเดีย ทั้งรักทั้งชัง ตอน ๒






hawa mahal หรือพระราชวังสายลม

  วันที่ 8 ธันวาคม 2558
  เพราะค่าโรงแรมไม่ได้รวมอาหารเช้าด้วย จริงๆราคาอาหารของโรงแรมเท่าที่ดูจากเมนูก็ไม่แพงนัก แต่เนื่องจากเราพกอาหารญี่ปุ่นมาจากบ้าน ก็เลยต้องกำจัดให้เหลือน้อยที่สุด จะได้ไม่ต้องหิ้วของเยอะ  เช้านี้เราเลยโทร.ไปที่ลอบบี้ ให้เค้าเอาน้ำร้อนมาให้ 1 กระติก และขอยืมแก้วกาแฟ 2 ใบ เพราะในห้องไม่มีแก้วเลย  หลังจากลิ้มรสอาหารญี่ปุ่น หมูแผ่นแท่ง  แอปเปิ้ล ตบท้ายด้วยชาผลไม้ ที่หอบมาจากบ้านแล้ว ก็ได้เวลาออกไปค้นหาประสบการณ์แปลกใหม่ที่จัยปูร์ต่อ  วันนี้เรามีแผนไป 3 ที่ คือ hawa mahal city palace และ jantra mantra โดยรถเมล์  เราเดินออกไปขึ้นรถเมล์ที่หน้าสถานีรถไฟ ถามคนขับรถว่าจะไป hawa mahal ขึ้นสายอะไร เค้าบอกสาย 2 เป็นรถเมล์กระป๋อง  กระเป๋ารถเก็บค่าโดยสารตามใจปรารถนา ไม่มีตั๋วให้แต่อย่างใด  อย่างเรา 2 คนเสียไป 20 rps สังเกตเห็นว่าจะมีเถียงบ้างต่อรองกันบ้างระหว่างกระเป๋าถกะผู้โดยสารทุกรายเลย   ความจริงระยะทางจากสถานีรถไฟถึง hawa mahal ไม่ไกลเลย แต่รถกระป๋องนี่หวานเย็นฝุดฝุด จอดทุกป้าย แต่ละป้ายจอดนานมว๊ากกกก ประมาณว่าจะเรียกคนจนกว่าจะเต็มคัน ยังมีอีก... ขับๆไป จอดเฉยเลย  คนขับอยากกินกล้วย ให้กระเป๋าวิ่งลงไปซื้อกล้วยให้กิน  ขับไปสักพักกล้วยติดคอ ให้กระเป๋าวิ่งลงไปเติมน้ำก๊อกใส่กระป๋องมาให้ดื่ม ... โอ้ ... อีนี่นายจ๋า ฉานจาถึงมั้ยเนี่ย  



พระราชวังสายลม ในยามเช้า






แต่ในที่สุดก้อมาถึงจนได้ เป็นช่วงที่แดดกะลังดี ฟ้าเป็นสีฟ้าใสกิ๊ก ตัดกับสีของวังเป็นอันมาก  คำแนะนำ hawa mahal ควรมาช่วงเช้า จะถ่ายรูปสวย  เราข้ามถนนไปถ่ายรูปวังจากอีกฝั่ง เจอคนอินเดียเข้ามาทักแนะนำให้ขึ้นไปถ่ายรูปด้านบน บอกว่าตรงนี้ติดรถ ไม่สวย ข้างบนฟรี เป็นเขตของวัด แล้วถามว่าเราเป็นคนชาติไหน พอบอก thai เท่านั้น ควักนามบัตรรีสอร์ทที่ชัยภูมิมาให้ดูเลย บอกอินี่ฉานมี girlfriend เป็นไทย รักกันมากมาก อยากบริการคนไทยมาเด๋วพาไปถ่ายรูปข้างบน บริการถ่ายรูปคู่พร้อมชวนคุยสารพัด มันไม่จบแค่นั้นอ่ะ ตอนจะลง บังบอกช่วยแวะร้านฉานหน่อยนะจ้ะนายจ๋า ขายเครื่องประดับ ช่วยประเดิมหน่อยเถอะเพื่อความโชคดีของวันนี้ ไม่พูดเปล่า หยิบเอาโน่นนี่จากตู้มาโชว์ให้ดูพร้อมบรรยายสรรพคุณ เครื่องประดับชนิดนี้ใส่แล้วโชคดี อันนี้ก็เลอค่ามาก .. เราเลยออกตัวว่าเราทำงานที่ไม่เหมาะกับการใส่เครื่องประดับอ่ะ  บังบอกงั้นซื้อฝากญาติพี่น้องก็ได้  เราเลยบอกแม่สั่งไว้เวลาไปเที่ยวประเทศไหนๆไม่ต้องซื้อของฝากอย่างอื่นนะ ซื้อแค่ของกินก็พอ  แขกได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะชอบใจ  เราเลยสบโอกาส say good bye อย่าได้ช้า  เด๋วแขกเปลี่ยนใจ   เราไม่ได้เข้าไปดูด้านในวัง hawa mahal เพราะจาก review หลายอัน บอกว่าไม่มีอะไรน่าสนใจ  หันหน้าหาวังเดินต่อไปด้านขวาไม่ไกลเป็นทางเข้า city palace เสียค่าเข้า คนละ  400 rps  ใช้ passport thai เบ่งไม่ได้ด้วยอ่ะ 



ประตูทางเข้า city palace



มีคนนั่งขายอาหารนกพิราบ

 วังนี้สีสันคลาสสิคมาก ความละเอียด ปราณีตของสถาปัตยกรรมทำให้เพิ่มความน่าสนใจยิ่งขึ้นอีก  เดินชมตามส่วนที่อนุญาตให้เข้าจนครบ  ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง  ก็ออกไปที่ jantra mantra ค่าเข้า 200 rps ต่อคน เป็นสถานที่มีเครื่องมือทางดาราศาสตร์  หลายชนิด สร้างโดยมหาราชาไสวใจสิงห์ (ออกเสียงแบบไทย) เป็นมหาราชาที่มีความเชี่ยวชาญด้านดาราศาสตร์ น่าจะประมาณ รัชกาลที่ 4 ของไทย แต่คำนวนตามยุคสมัยน่าจะประมาณ 100 กว่าปี สถานที่นี้เป็นมรดกโลกด้วย เครื่องมือแต่ละชิ้นจะได้รับการทดสอบจากผู้เชี่ยวชาญในยุคสมัยใหม่ จึงได้รับการรับรองว่าใช้งานได้จริงสมควรเป็นมรดกโลก ประมาณนั้น  เราเดินดูไม่ได้ทุกชิ้นหรอก เพราะแดดแรงมากๆ ถึงแม้อากาศจะเย็น ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกสบายขึ้น  เดินดูสัก 6-7 อัน ก้อขอนั่งพักในร่มดีกว่า  เราใช้เวลาที่นี่ ชั่วโมงกว่าๆ ก็ออกไปเดินเที่ยวชมเมืองสีชมพู ซึ่งมีทั้งร้านขายของที่ระลึก ของกิน ของใช้ เสื้อผ้า เปลี่ยนยางรถ จิปาถะ  แวะกิน lassi คนละแก้ว ...อร่อยดี...จนเกือบห้าโมง เรียกตุ๊กๆ กลับไปหน้าสถานีรถไฟ 100 rps คนขับบอก one way... เลยต้องราคานี้จ้ะ   



สีสันใน city palace





วันนี้แวะกินข้าวเย็นร้านเดิม ทีแรกตั้งใจว่าจะลองกินร้านตรงกันข้าม พอดีตาไปสบกับสายตาหนุ่มร้านเดิมเข้า เลยลังเล เพราะสายตาชวนเชิญมาก... ประมาณว่า... มาร้านฉานเถอะจ้ะนายจ๋า สุดท้ายก็แพ้สายตาออดอ้อน  เหมือนต้องมนต์สะกด เดินข้ามฝากไปที่ร้านเดิม คราวนี้สั่งเมนูท้องถิ่นจริงๆเลย รายการที่ 5 รายการเดียวกับที่ถามคนอินเดียไว้เมื่อวาน พร้อม นาน 2 แผ่น มาลองก่อน คำแรกที่กินยังไม่ค่อยรู้รสเท่าไร แต่พอคำที่ 2 เข้าปาก อืม ... เริ่มอร่อย  จนต้องสั่ง นาน เพิ่ม อีก 2 แผ่น กินกับแกงอินเดียที่รสชาดใช้ได้ กลิ่นประมาณแกงกะหรี่บ้านเรา ใส่เต้าหู้แข็งหั่นเป็นก้อนใหญ่กว่าลูกเต๋า  ถ้าดูจากลักษณะ และสีสัน อาจจะไม่กล้ากิน แต่รสชาด ไม่น่าเกลียดเลย เรียกว่ากินจนหมด....ลืมผ้าเช็ดจานผืนเมื่อวานไปเลย.... ค่าอาหารสำหรับมื้อนี้  2 คน 120 rps  เสร็จแล้วกลับโรงแรม จ่ายเงินค่าห้องพัก เพราะพรุ่งนี้ต้อง check out ไม่เกิน 6.30 เพื่อขึ้นรถไฟไปเมืองอักรา เที่ยว 7.05 น



โถเงิน ที่ใหญ่ทีสุดในโลก ถูกบันทึกในกินเนสบุ๊ค



ลวดลายวิจิตรใน city palace

9 ธันวาคม 2558
   ออกจากโรงแรมประมาณ 6.20 น เดินไปที่สถานีรถไฟ  ขณะยืนรออยู่ที่ platform 1  เห็นร้านขายขนมขบเคี้ยว มีขาย จัย หรือชาอินเดีย ดูจากอุปกรณ์ที่ลุงใช้สะอาดสะอ้านดี แก้วก็เป็นแก้วกระดาษ เลยนึกอยากลองดูบ้าง ถามราคาจากคนอินเดียที่กำลังยืนกินอยู่ จัย กับ บิสกิตห่อเล็ก ๆ 10 rps ลองซื้อ 1 ชุดก่อน ชิมแล้ว รู้สึกว่าอร่อยดี เลยซื้อเพิ่มอีก 1 ชุด  ประมาณ 6.45 เห็นขบวนรถไฟเข้ามาจอดที่ platform 2 คิดว่าน่าจะเป็นขบวนที่เราจะไป ชื่อ jp af shtbdi เลยเดินขึ้นสะพานลอยไป แล้วขึ้นไปหาที่นั่งตามตั๋ว พนักงานประจำตู้ช่วยเหลือเราเป็นอย่างดี พาไปนั่งที่สุดท้ายของตู้ เลขที่ 70 กว่า เค้าบอกว่าที่นั่งของเราต้องนั่งแยกกัน แต่อันที่เค้าให้นั่งเป็น ที่นั่งที่ไม่มีการจอง เลยให้เรานั่งจะได้นั่งคู่กัน น่ารักจริงๆ  เช่นเคยขบวนนี้จะมีอาหารเสริฟ เมนูเหมือนตอนเดลีไปจัยปูร์  ตบท้ายด้วยสมุนไพรดับกลิ่นปาก พร้อมกับให้ทิปพนักงานไป 24 rps รถไฟถึงสถานี af ก่อนเวลาเล็กน้อย พอเดินออกไปจากสถานีก็มีคนเข้ามาถามไปตุ๊กๆมั้ย  บอกราคามาที่ 400 rps... มันไม่น่าจะแพงขนาดนั้นมั้ง  เพราะจากข้อมูลที่ดูมา โรงแรมอยู่ห่างไปแค่ 4 กิโลเมตรเท่านั้น เราเลยบอกไม่ไป เพราะไม่แน่ใจว่าเค้าจะรู้จักโรงแรมที่เราไปพักรึเปล่าด้วย ขณะกำลังเปิดแผนที่ดูอยู่ ก็มีคนขับ taxi เข้ามาชวน โดยตัดราคาเหลือ 250 แถมบอกเค้ารู้จักโรงแรมนี้ดี เป็นโรงแรมใหม่ ทำให้เราเอนไปทาง taxi แล้ว เพราะไปถูกแน่นอน คนขับตุ๊กๆ เลยลดราคาเหลือ 200 แล้วหันไปต่อว่าคนขับ taxi ประมาณว่ามาแย่งลูกค้าทำไม แล้วแย่งกันพูดชวนเรา เราเลยบอกงั้นไม่ไปกะใครทั้งนั้น เดี๋ยวไปเรียกคันใหม่ ทั้งคู่ก็เข้ามาพูดบอกราคาของตัวเองอีกที เราค่อนข้างอยาก ไปกะtaxi นะ เพราะบอกว่ารู้จักโรงแรมเราแน่นอน แถมท้าว่าถ้าไปไม่ถูกไม่ต้องจ่ายขณะที่ตุ๊กๆเงียบ แถมทำหน้าไม่ค่อยมั่นใจ บอกแค่ว่าไปขึ้นรถๆ พูดอังกฤษก็ไม่ค่อยได้ด้วย น่าจะพาเราไปหลงมากกว่า เราจึงถามราคาทั้งคู่อีกครั้งว่าจะคิดเท่าไร ตุ๊กๆบอก 200 taxi 250 เราเลยหันไปถาม taxi 200 ไปมั้ย เค้าบอกไป เป็นอันจบ... เราบอกเราไปกะ taxi ตุ๊กๆ บ่น taxi ไม่เลิก แต่ก็ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงอะไร 



ประตูนกยูง ใน city palace



การแสดงตุ๊กตาเชิด

 ความจริงแล้ว ระยะทางจากสถานีรถไฟถึงโรงแรมไม่ไกลเท่าไร  ถ้าใครพักที่นี่ แล้วขึ้นตุ๊กมา จะลองต่อราคาสัก 100-120 น่าจะได้อยู่ ... อย่างไรก็ตาม....อย่าเอาราคาค่ารถมากน้อยกว่ากันเป็นสาระสำคัญในการท่องเที่ยวเลย ... เอาแค่ว่าเป็นราคาที่เหมาะสม ไม่ทำให้รู้สึกว่าเอาเปรียบเค้า หรือถูกเอาเปรียบมากเกินไปก็พอ เค้าได้บ้าง เราได้บ้าง มากน้อยกว่ากันแค่ 30-40 rps ถ้าเทียบเป็นเงินไทย ไม่ได้มากมายอะไร ให้เค้าได้ไปบ้างก็คงไม่ได้ทำให้การเที่ยวของเราหมดสนุกไปหรอก.... ณ จุดๆนี้ ขอดราม่าเล็กน้อย....โรงแรมที่เราพักในอักรา สภาพใหม่มาก  ห้องพักสวย สบายและสะอาดมาก ราคารวมภาษีและอาหารเช้าประมาณ 1500 บาท/คืน  สามารถเดินไป west gate ได้ โดยเดินไปสวนชาจาฮาลประมาณ 1 กิโลเมตร  จากสวนไปที่ประตู west gate อีก 1 กิโลเมตร จึงจะถึงบริเวณขายตั๋ว แต่ใครที่ไม่ถนัดเดินก็สามารถนั่งรถกอฟจากประตูสวนเข้าไปได้  น่าจะไม่เกิน 10 rps เราเป็นพวกบ้าพลังก็เลยเลือกที่จะเดิน ... อากาศที่อักราเย็นสบาย  แดดไม่แรงเหมือนที่จัยปูร์    ราคาตั๋วสำหรับคนไทย และบางชาติตามที่กำหนดไว้ แค่  510 rps  ได้น้ำดื่มฟรี 1 ขวด พร้อมที่สวมรองเท้า แต่ต่างชาติทั่วไปเช่นยุโรป เสีย 750 rps คำแนะนำ ถ้าต้องการความรวดเร็วในขั้นตอนการเข้าไปด้านใน ไม่ควรมีสิ่งของใดๆติดตัวมายกเว้น น้ำและกล้องถ่ายรูป โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระเป๋าถือหรือเป้  รวมถึงกระเป๋ากล้องใบใหญ่ด้วย ยกเว้นกระเป๋าเงิน  เพราะจะต้องเสียเวลาเข้าแถวเพื่อให้พนักงานตรวจค้นโดยละเอียด ถ้าเจอสิ่งของต้องห้าม เช่น อาหาร เค้าจะโยนทิ้ง แต่ถ้าเป็นอย่างอื่นที่ทิ้งไม่ได้ จะต้องวิ่งออกไปฝากที่ลอคเกอร์ ด้านนอก ไกกกกกกกกกกลมาก เสียค่าฝากอีก 20  rps



jantra mantra







  บริเวณด้านนอกก่อนเข้าทัชมาฮาล จัดตกแต่งไว้อย่างสวยงาม ประกอบกับอากาศที่เย็นสบาย  ช่วยเพิ่มความน่าประทับใจให้มากขึ้นอีก  ...นาทีแรกที่ได้สบตากับทัชมาฮาลผ่านกรอบประตูทางเข้า.... รู้สึกประทับใจกับสถาปัตยกรรมแห่งนี้มากมาย.... ดูอบอุ่น.. ยิ่งใหญ่ ...ควรค่าแก่การเป็นสิ่งเพื่อระลึกถึงนางอันเป็นที่รักยิ่งของชายผู้มีอำนาจสูงสุด... ณ เวลาหนึ่ง ในอดีต... ไม่ผิดหวังเลยที่ตัดสินใจทิ้งความกลัวในเสียงร่ำลือถึงประเทศแห่งนี้.... และเมื่อเข้ามาถึงบริเวณอนุสรณ์สถานแห่งนี้แล้ว ควรปล่อยกายและใจให้สบาย ... ชื่นชม และซึมซับ ความงดงาม ดื่มด่ำกับภาพสถาปัตยกรรมที่อยู่ตรงหน้าด้วยจิตใจที่ปราณีต ปล่อยเวลาให้ผ่านไปเรื่อยๆ เกือบ 4 ชั่วโมงเต็มกับสถานที่แห่งนี้  แต่ไม่ได้รู้สึกถึงความน่าเบื่อหน่าย  หรือหมดความสนใจกับสิ่งที่ได้เห็น ได้สัมผัสเลย  เราอ้อยอิ่งอยู่เนินนาน เท่าที่จะนานได้ จน 5 โมงเย็น ยังคงมีนักท่องเที่ยวเดินเข้ามาเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้ไม่ขาดสาย แสงแดดของวันเริ่มอ่อนลงทุกที ท้องฟ้าเปลี่ยนจากสีฟ้าเป็นขาว  อากาศเริ่มเย็นลง เราจึงตัดสินใจลาจากสถานที่แห่งนี้ไป และประทับภาพสุดท้ายของอนุสรณ์สถาน ตัวแทนความรักของชายหนุ่มที่มีต่อหญิงสาวลงในความทรงจำของเรา... ลาก่อน… ทัชมาฮาล....ก่อนกลับที่พักแวะกินอาหารเย็นร้านระหว่างทางไปโรงแรม ทั่วไปสะอาดใช้ได้นะ เราสั่งแกงอินเดีย ก็จิ้มไปมั่วๆ กินกับ นาน 5 แผ่น สลัดมะเขือเทศ ที่บ้านเรียกมะเขือเทศหั่นบีบมะนาวอ่ะ ค่าอาหาร 200 rps ค่า service charge และ tax อีก 30 rps จ่ายไป 300 หวังจะให้เค้าทอน 70 แต่เค้าบอกไม่มี ให้เราเอา 50 rps ให้เค้า แล้วจะไม่ทอน บอกว่าอีก 20 เป็นทิป  เราบอก ไม่ได้ เพราะแกคิดค่า service charge ไปแล้ว และทิปมันคือเกิดจากความพอใจในบริการของลูกค้า ไม่ใช่การเรียกร้อง หรือบังคับเอา ซึ่งทำให้เรารู้สึกว่ามันไม่แฟร์ ก็เลยบอกให้ทอนมาเลย 20 rps ออกจากร้านแวะซื้อมะละกอจากรถเข็นขายผลไม้ มีแต่ลูกยักษๆทั้งนั้น เลือกเอาลูกที่คิดว่าเล็กที่สุดในรถแล้ว ราคา 50 rps กลับไปปลอกกินที่ โรงแรม



พระพุทธรูปในโรงแรมที่เดลี



วังตรงทางเข้าไปทัชมาฮาล




วันที่ 10 ธันวาคม 2555
  วันนี้มีอาหารเช้าให้กินที่โรงแรม เมนูคล้ายโรงแรมที่เดลี แต่จะมีน้อยกว่า   พนักงานดูแลลูกค้าดี วันนี้ได้กินไข่ดาวอินเดีย สีไข่อินเดียออกเหลืองๆ ไม่แดงเหมือนบ้านเรา แต่รสชาดเหมือนกัน  กิน นาน จิ้มแกงมันเทศบด อร่อยดี มีน้ำลูกเดือยด้วย แต่ที่นี่ทำแบบจืด   กินอาหารเช้าแบบละเลียดมาก เพราะมีเวลาเยอะ ตบท้ายด้วย จัย คนละแก้ว    9 โมง  ได้เวลาออกไปเที่ยวแล้ว วันนี้เรามีเวลาที่อักรา ถึง 2 ทุ่ม เพราะรถไฟออก 3 ทุ่ม เรามีแผนว่าจะเที่ยวแค่ 3 ที่ โดยใช้เวลาแต่ละที่ให้นานหน่อย  ที่แรกที่จะไปคือ mehtab bagh เป็นสวนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับทัชมาฮาล ทำให้สามารถมองเห็นด้านหลังทัชมาฮาลได้ ซึ่งที่แรกคิดว่าถ้าไปช่วงเช้าน่าจะดีเพราะบ่ายน่าจะย้อนแสง   แต่ก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ระยะทางจากโรงแรมประมาณ 8 กิโลเมตร เพราะต้องไปขึ้นสะพานข้ามแม่น้ำยมุนา แล้วย้อนไปอีก อันนี้ต้องนั่งตุ๊กๆไปเท่านั้น คนขับบอกราคา 120 rps  นั่งไปรู้สึกว่าไกลเหมือนกันนะ  ตอนจ่ายเงินเลยจ่าย 130 rps เค้าบอกว่าจะรอเราออกมานะ เพราะตรงนี้ไม่มีรถ เราบอกว่าไม่ต้อง ก็ไม่แน่ใจว่าเค้าจะรอรึเปล่า น่าจะรอไม่ไหวหรอก เพราะเรามันพวกโอ้เอ้ทัวร์... 



ตึกทางเข้าทัชมาฮาล



คนไทยใช้บัตรเบ่งจ่ายค่าเข้าเท่าคนอินเดีย คนละ 5 rps ถ้าเป็นต่างชาติอื่น 100 rpsเป็นสวนที่ไม่ได้มีการจัดตกแต่งอะไรเป็นพิเศษ แค่ปลูกต้นไม้หลายชนิดให้ร่มรื่น ประกอบกับอากาศตอนเช้าที่อักราค่อนข้างหนาวเย็น เราเดินไปจนสุดสวนใกล้ริมฝั่งแม่น้ำยมุนา แต่เค้าจะมีลวดหนามกั้นไว้ไม่ให้เข้าไปในบริเวณฝั่งแม่น้ำ มองไปฝั่งตรงข้ามเห็น Taj Mahal in the mist จึงได้ข้อสรุปว่าฤดูหนาวควรมาที่สวนนี้ในช่วงบ่ายจะดีกว่า เพราะช่วงเช้าหมอกเยอะมาก จะมองเห็นทัชมาฮาลไม่ชัดเจน และถ้ามาเย็นน่าจะได้เห็นทัชมาลฮาลในบรรยากาศพระอาทิตย์ตกดิน   แต่การมาอย่างนี้ ถ้ามองไปอีกทีก็สวยไปอีกแบบ... คือสวยแบบหมอกๆอ่ะ  เราเดินไล่หามุมถ่ายรูปที่คิดว่าทัชมาฮาลจะออกมาดูชัดและสวยที่สุด ใช้เวลาที่นี่ประมาณ 1 ชั่วโมง มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวอินเดียและต่างชาติมากันประปราย ตอนออกไป ตุ๊กๆ คันที่มาส่งไปแล้ว... ดูจากป้ายบอกระยะทางจากสวนนี้ไป baby taj  แค่ 3 กิโลเมตร เราเลยตัดสินใจเดินไป






 ระหว่างทางมีหมู่บ้านทำผ้าสาหรี่ โดยเอาผ้าที่ย้อมไปตากบนพื้นทุ่ง  สีสันสวยงาม ดึงดูดให้เราเดินเข้าไปถ่ายรูป แต่การเดินเเข้าไปในทุ่งผ้า ต้องเดินผ่านสมรภูมิทุ่ง ...อุนจิ...  ซะก่อน ซึ่งเราก้อมั่นใจเหลือเกินว่ามันเป็นผลผลิตของมนุษย์ ด้วยลักษณะ  ขนาดที่ไม่ใหญ่จนเกินไป และกลิ่นที่คุ้นเคย ... ทำให้เราต้องเดินปาดซ้าย ป้ายขวา กระโดดข้ามเป็นบางช่วง เพื่อให้ลอดพ้นอุนจิเหล่านั้นไปได้อย่างปลอดภัย  เก็บภาพทุ่งผ้าแล้วเราไม่เดินย้อนกลับทางเดิม จึงต้องเดินผ่านกลุ่มคนอินเดีย ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ผู้ชายและผู้หญิง ซึ่งต่างทักทาย แบมือขอเงิน ขนม ชอคโกแลต ตลอดทาง เด็กบางคนก็มีความพยายามสูงมาก เดินตามขอชอคโกแลต หรือเงินจากเราไม่ลดละ เราก็ได้แต่โบกมือว่าไม่มี เดินตามกันไกลทีเดียวกว่าจะละความพยายาม  เราเดินไปจนถึง baby taj ค่าเข้าสำหรับคนไทย  5 rps  สถานที่นี้ถือเป็นสถาปัตยกรรมที่งดงาม และละเอียดปราณีตมาก ด้วยสีที่ค่อนข้างขาวเมื่อต้องแสงแดด  แม้จะมีขนาดเล็ก แต่ก็ดูภูมิฐาน จนต้องหันกลับไปมองอีกครั้ง  เพื่อค้นหาความงามซ้ำอีก ทั้งลวดลาย การแกะสลัก การให้สี บอกถึงว่าได้ผ่านขั้นตอนความคิด ความตั้งใจ ที่จะให้ผลงานออกมาได้น่าประทับใจแก่ผู้พบเห็น และเป็นเกียรติแก่ผู้ที่ใช้อยู่อาศัยหลังหมดลมหายใจแล้วด้วย 





close up สิ่งมหัศจรรย์ของโลก





สุเหร่าด้านข้างทัชมาฮาล

สถานที่โดยรอบก็จัดได้อย่างสวยงามลงตัว แม้ต้นไม้ส่วนใหญ่จะยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่นัก  ด้านหลังติดแม่น้ำยมุนา สายลมพัดเอื่อยๆมา ภาพที่มองเห็นริมฝั่งแม่น้ำ เป็นวิถีชีวิตชาวอักรา ที่คงดำเนินมาอย่างนี้เป็นเวลานาน คือการหาเลี้ยงชีพด้วยการย้อมสีผ้าแล้วนำมาตากบนพื้นดินริมฝั่งแม่น้ำ  จากด้านหลังมานั่งอ้อยอิ่งต่อที่ด้านหน้า ด้วยรู้สึกยังอยากซึมซับบรรยากาศของสถานที่แห่งนี้อีกสักนิด ...ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่เลิกลา... เพราะเรายังมีสถานที่อีกแห่งที่ต้องไปเยี่ยมชม ... ป้อมอักรา... เช่นเดิม  เราเลือกที่จะเดินไป โดยเดินข้ามสะพานที่ข้ามแม่น้ำยมุนาไปอีกฝั่ง ซึ่งเป็นฝั่งเดียวกับทัชมาฮาล  ผ่านไปประมาณ 15 นาที เราก็ได้เห็นกำแพงป้อมอักราอยู่ฝั่งตรงข้าม ... แต่... ไม่สามารถข้ามถนนไปได้ เนื่องจากมี แท่งปูนใหญ่กั้นกลางถนนตลอดแนว และไม่มีทีท่าว่าจะถึงทางเข้าป้อมแต่อย่างใด เราจึงตัดสินใจเรียกตุ๊กๆ เปิดราคามาที่ 100 rps ซึ่งเราคิดว่าเป็นราคาที่ไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย จึงปฎิเสธไป ทันใดนั้นราคาก็ลดลงเองอย่างรวดเร็ว เหลือ 50 rps  เวลาเดียวกันนั้นเองก็มีตุ๊กๆอีกคันมาจอดท้ายคันแรก แล้วเปิดราคามาที่ 50 rps เราตัดสินใจว่าจะเดินต่อไปอีกนิด เผื่อจะมีทางเข้า ทันใดนั้นตุ๊กๆคันหลัง ก็ลดราคาเหลือ 30 rps คันหน้าได้ยิน จึงตะโกนบอกเราว่า 30 rps เราจึงต้องตัดสินใจเลือก ซึ่งเราก็เลือกคันที่มาหลัง  เพราะให้ราคา 30 rps ก่อน   เมื่อนั่งรถไป ก็รู้สึกว่าคิดถูก เนื่องจากประตูทางเข้าอยู่ค่อนข้างไกลจากจุดที่เราขึ้นรถมา  ค่าเข้าที่นี่คนละ 10 rps สำหรับ passport thai 



ทัชมาฮาล ถ่ายจาก mehtab bagh ในยามเช้า




ที่นี่สร้างในยุคสมัยเดียวกันกับ red fort แต่สภาพความสมบูรณ์ และความสวยงาม ที่นี่จะดีกว่ามาก  ผนวกกับความอลังการ  และที่ทำให้ที่นี่น่าสนใจมากขึ้น คือ เรื่องราวที่เชื่อมโยงกับเรื่องราวของทัชมาฮาล ด้วยเป็นสถานที่อยู่อาศัยจนวาระสุดท้ายของพระเจ้าชาจาฮาล ผู้สร้างทับมาฮาล โดยจากที่นี่สามารถมองเห็นทัชมาฮาลได้ในระยะไกล และตามประวัติศาสตร์บอกไว้ว่าพระองค์จ้องมองทัชมาฮาลจนวาระสุดท้ายของชีวิต ...เหมือนเป็นการตอกย้ำว่า... รักแท้มีอยู่จริง....  555 ...ซึ้งได้อีก... เราออกจากที่นี่ประมาณ 5  โมง โดยเดินเรียบสวนชาจาฮาลไปประมาณ 1.5 กิโลเมตร วันนี้ตั้งใจว่าจะกินพิซซ่าเป็นอาหารเย็น ที่ร้าน domino  ร้านอยู่ก่อนถึงโรงแรมเล็กน้อย รสชาดใช้ได้ เราเลือกที่เป็นผัก ชุดสำหรับ1 คน แต่เรากินกัน 2 คน อิ่มกำลังดี ราคารวม service charge และ tax 360 rps แล้วกลับไปนั่งรอเวลาที่ โรงแรม กะว่าจะออกจากโรงแรมไปถานีรถไฟประมาณ  20.15 น รถไฟออก 21.15 น ที่สถานี agra cantt 



ส่าหรีสีสวย หลากหลายสีสัน

  นั่งเล่นรอที่ลอบบี้โรงแรม เสียดายอินเตอร์เนตเล่นไม่ได้แล้ว รหัสที่ให้มาเค้าจะคำนวนเวลาตามวันที่เราพัก พอครบ 24 ชั่วโมงหลัง check in ก็เล่นไม่ได้แล้ว นั่งทำอะไรต่ออะไรฆ่าเวลา... พอได้เวลาไปสถานีรถไฟก็ เรียกตุ๊กๆไปส่งในราคา 140 rps  สถานี agra cantt  อยู่ค่อนข้างไกลห่างจากโรงแรมประมาณ 7 กิโลเมตร ในขณะที่ agra fort ห่างแค่ 3-4 กิโลเมตรเท่านั้นเอง เราเข้าไปดูบอร์ดไฟ เช็คหมายเลข ชื่อขบวนรถไฟ เวลาที่ออก และ platform เห็นเขียน 21.10 ต่อท้ายด้วย 22.45 ก็ งง นิดนุง เพราะตั๋วที่เราจองไว้ เวลาออก 21.05 ถึงเดลี 23.35 ก็เลยเข้าใจกันว่าเวลาออกคือ 21.10 ถึงเดลี 22.45 ซึ่งเร็วกว่าเดิม  ตั้งเกือบชั่วโมง หลงดีใจว่า ... เออ รถไฟขบวนนี้สมเป็น express จริงๆ ถึงปลายทางก่อนเวลาตั้งเยอะ ... ดีเลยจะได้ไม่น่ากลัวเวลาเดินไปโรงแรม  แล้วก็เดินไปรอที่ platform 3 อย่างสบายใจ 



เบบี้ทัช สวยงามไม่แพ้กัน




 ยืนรอจนผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง เพิ่งจะรู้สึกเอะใจ ตอนที่พยายามตั้งใจฟังเสียงประมาณของสถานีที่เป็นภาษาอินเดีย สลับภาษาอังกฤษสำเนียงอินเดียที่ฟังค่อนข้างยากสักนิดถ้าไม่ได้ตั้งใจฟัง  ระหว่างฟังก็ดูป้ายไฟที่ชานชลาไล่ตามไปด้วย  ทำให้ความเข้าใจกระจ่างขึ้นในทันใด... อุแม่  ที่แท้ไอ้ที่อ่านจากป้ายไฟครั้งแรก มันน่าจะหมายความว่าขบวนของเราเลทเวลาออกจาก 21.10  เป็น 22.45 คิดได้ดังนั้นก็เดินไปที่จอทีวี ซึ่งดูเหมือนจะมีการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับขบวนรถไฟ... อ่านแล้ว เงิบบบบอ่ะ... เราเข้าใจถูกแล้ว... ขบวน shtbdi express ของเราที่อุตส่าห์ชื่นชมมาตลอดว่ารักษาเวลาได้ยอดเยี่ยม คราวนี้มาเลทไป 1 ชั่วโมง 30 นาที แปลว่าเราจะถึงเดลีประมาณตี 1 ... ทำอะไรไม่ได้นอกจากทำใจ  เดินกลับไปยืนรอที่เดิม  ทำเป็นแกล้งลืมเวลาไปสักพักใหญ่ ดูนาฬิกาอีกที่ 22.40 น แล้ว แวบแรกรู้สึกดีใจ จะได้ขึ้นรถไฟแล้ว.. แวบที่สอง.. ทำไม่มันดูไม่มีวี่แววว่ารถไฟจะมาเลย...เพราะเท่าที่ฟังประกาศ เค้าจะเตือนก่อนว่ารถไฟหมายเลข ตามด้วยชื่อขบวนกำลังจะเข้าสถานี ภายใน 10 นาที หรืออีกไม่นาน…. แต่นี่…ไม่มีประกาศอะไรเลยอ่ะ... สักพักสายตาเหลือบไปเห็นป้ายไฟว่าเวลามันเปลี่ยนจาก 22.45 เป็น 23.30 ....กรี๊ด....ไม่จริ๊งงงงงงง... ทำไมมันเป็นงี้อ่ะ...คราวนี้คำนวนเวลาถึงเดลี สงสัยเกือบตีสามแหงๆเลย... เฮ่อ เซ็งจุง ... แต่ก็ทำไรไม่ได้  ได้แต่ทำใจให้ร่มๆเข้าไว้...ไม่โกรธ ไม่หงุดหงิด ไม่โกรธ ไม่หงุดหงิด....  แล้วก็ภาวนาว่าอย่าให้เลทมากไปกว่านี้อีกเลย



เล็กแต่รายละเอียดความวิจิตร ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน




  ... รอๆๆๆๆๆ...คราวนี้พอใกล้ 23.30 ก็ลุ้นสิ ทำไมยังไม่มีวี่แววจะประกาศว่ารถไฟกำลังจะมาถึงเลย  สงสัยเลื่อนอีกแน่นอน พอ 23.40 ก็เริ่มทำใจแล้ว เลทอีกแน่อน ทันใดนั้นก็เหลือบไปเห็นป้ายไฟที่บอกเลขขบวนที่จะเข้าขึ้นว่า 12001  ตามด้วยเสียงประกาศ... ตอนนั้นดีใจมว๊ากกกกกกก  ประมาณ 5 นาที รถไฟก็เข้ามาจอดเทียบชานชลา  ได้ขึ้นซะที ขบวนนี้น่าจะวิ่งมาจากทางไกล สังเกตจากสภาพบนรถ ทั้งกลิ่นห้องน้ำ บริเวณเตรียมอาหาร ดูยับเยิน  เที่ยวนี้ได้นั่งแถว 3 คน รถจอดที่ agra cantt 5 นาทีเท่านั้น ขบวนก็เคลื่อน จากนั้นไม่นานพนักงานก็เสริฟอาหารสำหรับผู้โดยสารที่ขึ้นมาใหม่ คราวนี้เป็นแกง 2 อย่าง ข้าว 1 กล่อง โรตี 1 ห่อ โยเกิร์ต 1 ถ้วย น้ำ 1 ขวดลิตร และปิดท้ายด้วยไอศรีม เรากินแค่ไอศรีมเท่านั้น รสชาดพอใช้ได้ แล้วก็เคลิ้มหลับไปไม่นาน ตกใจตื่นเพราะเสียงกรนของอาบังที่นั่งแถวหลังเรา... พ่อคุณกรนได้สนั่นหวั่นไหวมาก ... เชื่อว่าไปยืนหลังสุดตู้ก็น่าได้ยิน... ไม่ได้เว่อร์นะ  กรนดังและมีบางจังหวะสะดุดเหมือนมีบางอย่างอุดกั้น จนเราคิดว่า ... เฮ้ย มันจะตายมั้ยเนี่ย... แค่นั้นไม่พอ  ผู้ชายอีกคนที่นั่งคู่กันกะอาบังคนนั้น ก็เริ่มกรนเสียงดังขึ้นมา... คราวนี้มันส์ส์สิ  บ้างปะสานเสียงกัน บ้างผลัดกันรุก ผลัดกันรับ... คนที่เซ็ง  คือคนรอบข้าง  เพราะมันนอนไม่หลับเลยอ่ะ  ดีนะแค่ 2 ชั่วโมง ถ้านั่งยาวกว่านี้.... มีเคืองอ่ะ  



มองจากเบบี้ทัชออกมาภายนอก




ในที่สุดเราก็มาถึงเดลีจนได้ เวลาที่รถไฟเริ่มเข้าสู่สถานี 2.04 นาที เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ เราเดินกลับไปที่โรงแรม ถนนไม่เปลี่ยว ในขณะเดียวกันก็ไม่วุ่นวาย ทั้งคนทั้งรถพักผ่อนกันหมด  เรา check in ประมาณ 2.20 น  พนักงานยังอุตส่าห์ไปเอา welcome drink มาเสริฟอีก ... Thank you นะพ่อหนุ่ม  แต่ขอไม่รับนะจ้ะ  พนักงานบอกเราจองห้อง deluxe ไว้ แต่เค้าจะให้เราพักห้อง suite 1 คืน โดยไม่คิดเงินเพิ่ม และพรุ่งนี้ค่อยเปลี่ยนห้อง ห้อง suite ที่ว่านี้อยู่ที่ชั้น 1 มีเตียงควีนไซส์ 2 เตียง เราใช้แค่เตียงเดียวแหละ ห้องก็กว้างกว่าห้องที่เคยพัก แต่จริงๆเราชอบห้องเล็กกำลังดีเหมือนห้องเดิมมากกว่านะ...ขอยักท่านิดส์นึง... เค้าให้ของดี ไม่คิดเงินยังจะมาเรื่องเยอะ...  กว่าจะอาบน้ำเสร็จได้นอนตอนตีสามครึ่ง



วิถีชีวิตริมแม่น้ำยมุนา






ป้อมอัครา





ลวดลายในป้อมอัครา



ปัอมอัครา จากภายนอกป้อม












Create Date : 03 เมษายน 2559
Last Update : 3 เมษายน 2559 17:20:01 น. 0 comments
Counter : 905 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.