มะลิไทยแลนด์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




Group Blog
 
 
เมษายน 2559
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
3 เมษายน 2559
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add มะลิไทยแลนด์'s blog to your web]
Links
 

 
อินเดีย ทั้งรักทั้งชัง ตอน ๑











ตึกทางเข้า red fort

  5 ธันวาคม 2558
ออกเดินทางจาก กทม ด้วย jet airway เป็นเครื่องเล็ก ที่นั่งฝั่งละ 3 คนมีทางเดินตรงกลางช่องเดียว ห้องน้ำด้านหลัง 2 ห้อง ความจริงเราก้อเคยนั่งเครื่องแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว ทั้งเครื่องจีน เครื่องรัสเซีย แต่ครั้งนี้รู้สึกมันแคบมาก โดยเฉพาะตำแหน่งที่เรานั่ง ด้านหลังมันเป็นประตูฉุกเฉิน ทำให้พนักเอนไม่ได้ แถมคนนั่งหน้าเอนพนักมาอีก... อืม... บ่องตง... อึดอัดเหมือนกัน... เจ้แขกที่นั่งแถวเดียวกับเราหงุดหงิดเรียกแอร์มาต่อว่าหลายรอบ... แต่ก็นะ... ทำไรไม่ได้... นอกจากทำใจ   ...  ก็แค่ 4 ชม. ครึ่งเท่านั้นเอง ในที่สุดก็มาถึงเดลีเวลา 1 ทุ่ม  ...  ช่วงผ่านขั้นตอนตรวจคนเข้าเมืองตื่นเต้นเล็กน้อย เพราะเพิ่งเคยใช้ e visa ครั้งแรก กลัวถูกส่งกลับ แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร  555 เตรียมตัวลุยอินเดียได้แล้ว



ระหว่างทางไปสถานีรถไฟเดลลี

     โรงแรมที่เราพักชื่อ the prime balaji อยู่ใกล้สถานีรถไฟ เราส่งเมลให้เค้าส่งรถมารับที่สนามบิน เค้าไม่คิดค่าบริการ คิดเฉพาะค่าที่จอดรถ 250 รูปี ถือว่าไม่แพงเลยเครื่องลงช้ากว่ากำหนดและกว่าจะรับกระเป๋า แลกเงิน เสร็จเกือบ 2 ทุ่ม เลยคิดว่าเค้าอาจจะไม่รอแล้ว...  เดินออกมาไล่ดูป้ายที่ชูรอรับ... เจอแล้วชื่อเรา ... ดีใจฝุดฝุด เพราะถ้าไปเองคงลำบากเอาเรื่องเหมือนกัน  สำหรับการมาเหยียบอินเดียครั้งแรก... เพราะถ้าไป taxi ก็มีสิทธิ์โดนหลอก  ที่สำคัญรถติดม๊ากกกกก กว่าจะถึงโรงแรมเกือบ 3 ทุ่มครึ่ง ถ้ามา airport express train ก้อลำบากเหมือนกัน เพราะมืดแล้วคงหาทางไปไม่เจอแน่ๆ



สุเหร่าใน lodhi garden

   ห้องพักที่นี่ไม่กว้าง แต่ก็สบายใช้ได้ มี welcome drink , fruit ให้ 1 กระจาดเล็ก ความสะอาดใช้ได้ wifi เร็ว แต่ให้ password กำหนดใช้ได้ 2  เครื่อง เรามีทั้ง ipad โทรศัพท์ รวม 4 เครื่องเลยมีปัญหานิดหน่อย ...กว่าจะจัดแจงตัวเองเสร็จ 5 ทุ่มกว่า พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน... ตอนนี้ขอนอนก่อน
6 ธันวาคม 2558



ลวดลายการตกแต่งภายในสุเหร่า







    อาหารเช้าที่ โรงแรม เป็นอาหารอินเดีย เราลองชิมเกือบทุกอย่างพอกินได้นะ ที่ชอบที่สุดเป็นน้ำลูกเดือย อร่อยมาก จัยหรือชาที่คนอินเดียนิยมดื่มก็หอม ไม่หวาน  ไข่เจียวทำเป็นแผ่นเรียบไม่อมน้ำมัน ถ้ามีข้าวสวยร้อนๆ นี่... อืม ... อร่อย   นอกจากอาหารที่ไลน์แล้ว ยังมีอาหารเสริม โดยที่พนักงานจะเข้ามาจู่โจมแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว นั่งอยู่ ก็เข้ามาพูดว่ามีไข่ต้ม ไข่ทอด ไข่ดาว %#^+*{}€$¥ จะเอาอะไร ด้วยสำเนียงอินเดีย ฟังแล้วงงอ่ะ  เลยขอใหม่อีกรอบ  อาบังก้อจัดให้อีกรอบ... รัวเหมือนเดิม... แต่ตอนนี้ตั้งสติได้แล้ว   โอเค... อินี่ช้านขอไข่ต้ม 2  แพนเค้กร าดน้ำผึ้ง 1 ชอคโกแลต 1 ละกัน เสริฟพร้อมกล้วยหอมคนละลูกซอฟเค้กอีกคนละก้อน กินเสร็จก้อได้เวลาออกเดินทาง วันนี้เราจะไปสำรวจสถานีรถไฟก่อน เพื่อที่พรุ่งนี้จะได้รู้ว่าจะต้องไปขึ้นรถไฟที่ไหน  ต่อจากนั้นก็ไปป้อมแดง  หรือ red fort  ด้วย india metro บ่ายไป humayun tomb  ด้วย metro เดินจากโรงแรมประมาณ 300 เมตรก็ถึงประตูทางเข้าสถานีรถไฟ นับว่าสะดวกมากๆสำหรับคนที่จะเดินทางโดยรถไฟ โรงแรมนี้เป็นตัวเลือกที่ดีโรงแรมหนึ่ง 



amber fort


 ก่อนเข้าไปในโถงสถานี ต้อง scan กระเป๋าก่อน ผ่านเข้าไปที่โถงจะมีป้ายไฟใหญ่บอกว่ารถไฟขบวนไหนต้องขึ้นที่ platform ไหน จากนั้นเดินขึ้นสะพานลอยไปลงตาม platform ของตัวเอง จะมีทั้งหมด 16 platform หลัง plateform 16 จะมีทางเข้า metro สายในเมือง และแยกเฉพาะสาย airport express เพื่อไปสนามบิน  เราเข้าไปที่โถง metro ในเมืองเพื่อซื้อตั๋ว จะมีขายบัตร 100 รูปี ถ้าแบบปกติ คนขายจะคำนวนตามระยะทางที่เราจะไปแล้วให้ token เรามา โถงซื้อตั๋ว คนเยอะมากมาย จนตอนแรกคิดว่าต่อแถวผิดที่ เพราะประเทศที่เคยไปมา ตรงซื้อตั๋ว metro ไม่มีที่ไหนคนเยอะขนาดนี้  จะมีประเทศจีนที่คนเยอะเฉพาะตรงทางลงรอ scan กระเป๋าเท่านั้น แต่อาจเพราะไม่มีการจัดระเบียบภายในโถงด้วย ทำให้ดูวุ่นวายมากถึงมากที่สุด  ในที่สุดก็สามารถซื้อตั๋วได้ จากสถานี ndl ไป chandni chowk 2 stop คนละ 8 rps  ลงจาก metro ก็พยายามดูตามป้าย ว่าไป red fort ต้องออกทางไหน แต่เราก็ออกมาไม่ถูกประตูหรอก อาศัยถามทางเค้ามาเรื่อยๆ แต่ต้องถามว่า ... ลากิลา.. นะ เพราะคนส่วนใหญ่จะรู้จักมากกว่าชื่อ red fort



ภาพพาโนของ amber fort



 บนท้องถนนเส้นทางที่จะไปถึงสับสนวุ่นวาย เสียงแตรดังตลอดเวลา ไม่มีความเป็นระเบียบ ทั้งคนทั้งรถทั้งสัตว์นานาชนิด ใช้ชีวิตร่วมกันบนท้องถนน ใครที่ความอดทนไม่สูงพอน่าจะหงุดหงิดกะความวุ่นวายนี้พอสมควร  ขอพูดถึงสวัสดิการพื้นฐานของรัฐบาลอินเดีย ความจริงเค้าก็มีความพยายามระดับหนึ่งที่จะจัดให้แก่ประชาชนของเค้า เพียงแต่มันไม่มีคุณภาพเอาซะเลย จะด้วยเงินไม่มี คนจำนวนมาก พื้นฐานการศึกษาที่ไม่มากพอจะสร้างความพร้อมของคน...  เค้ามีห้องน้ำสาธารณะเยอะมาก แต่รูปแบบมันดูไม่เหมาะสม และสกปรกม๊ากกกกกกทุกที่  มีก๊อกน้ำดื่มเยอะ  แต่ดูไม่น่าจะดื่มได้ในมาตรฐานของเรา  ... แต่สำหรับคนอินเดีย... มันเป็นธรรมดา ... เค้าสามารถใช้บริการทุกสิ่งที่จัดเตรียมไว้ให้อย่างเป็นเรื่องปกติ   จะว่าไปเราก็ได้ลองใช้บริการไป 1 ครั้ง เพราะตอนนั้นปวดสุดๆ เข้าไปอันแรก ... โอ้ว.... นู๋ขอบาย... ไม่สามารถจริงๆ เพราะสิ่งที่สัมผัสด้วยประสาทสัมผัสทั้งหกของนู๋มันบอกว่า.... ม่ายยยยนะ... เดินไปอีกสักพัก... เจออีกที่ ... เอาวะลองอีกที... คราวนี้...อืม.. เอาก็เอา... อย่างน้อยก็ดีกว่าอันแรกนิดส์นึง  หลับหูหลับตา แล้วออกมาแบบ  เหอเหอเหอ  เกือบสิ้นชีวิต  นี่ถ้าไม่ใช่จอมยุทธที่ผาดโผนยุทธภพมาพอสมควรอย่างเรา  อาจถึงกระอักเลือดคาส้วมได้ 5555 



บันไดทางเดินขึ้นไป amber fort



ตึกทางเข้า amber fort

 ในที่สุดเราก็สามารถฝ่าด่านมาถึง red fort จนได้ เป็นสิ้งก่อสร้างที่ใหญ่โต อลังการกว่าที่นึกภาพไว้ ด้วยค่าผ่านประตูเพียง 10 rps หรือประมาณ 5 บาท จากความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศทำให้เราประหยัดได้ถึง 240 rps  เพราะราคาต่างชาติทั่วไปคือ 250 rps นะจ้ะนายจ๋า   สถาปัตยกรรมสวยงาม บวกกับอากาศที่เย็นสบาย ความสะอาดและสงบร่มรื่น ที่เมื่อเปรียบเทียบกับความวุ่นวายภายนอก  ทำให้สถานที่นี้ดูแพงขึ้นในความรู้สึกของเรา  เราใช้เวลาชื่นชมสถานที่ อิ่มเอมกับบรรยากาศ  นั่งกินอาหารกลางวันที่เตรียมมาแบบสบายอารมณ์ จนบ่ายโมงกว่าๆ ถึงเวลากลับสู่โลกแห่งความวุ่นวายอีกครั้ง  คราวนี้ท้องถนนดูวุ่นวายมากกว่าเดิม เนื่องจากผู้คนเริ่มออกมาจับจ่ายใช้สอย ร้านรวงต่างๆเปิดขายสินค้า มีตั้งแต่สากกระเบือยันเรือรบ ทั้งที่ตัวตึก บนท้องถนน ไม่รู้ตรงไหนเป็นทางเท้า ตรงไหนเป็นท้องถนนสำหรับรถวิ่ง มันปนเปกันไปหมด  แต่ในความสับสนวุ่นวายนั้น มันก้อแฝงไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกตื่นเต้น สนุกสนาน อิสระ เสรี ไร้กฏเกณฑ์ใดๆ ใครใคร่ทำอะไรก้อทำ เดินตรงไหนก้อเดิน  ... เป็นอีกรูปแบบและรสชาดของชีวิต... ที่ควรมาสัมผัส อย่างน้อยสักครั้งในชีวิต...  



ตึกทางเข้าไปใน amber fort

ขากลับเราเดินเข้าทางประตู 4 ซึ่งใกล้กว่าประตูที่เราออกมาครั้งแรกมากมาย  ดังนั้นข้อแนะนำสำหรับคนที่จะมา red fort ด้วย metro คือ จากndl metro station นั่งสายสีเหลือง 2 stop ลงที่ chandni chowk station แล้วออกประตู 4 เดินไปทางขวามือเรื่อยๆ ไม่ไกลก้อจะถึง red fort   เรานั่งสายสีเหลืองกลับไปที่ jor bagh station เพื่อไปที่ humayun tomb ไกด์ book สถานที่ท่องเที่ยวอินเดียเขียนไว้ว่าลงที่สถานีนี้แล้วต่อตุ๊กๆ ไปที่ humayun tomb แต่ไม่ได้บอกว่าราคาเท่าไร ดังนั้นเมื่อเราถามตุ๊กๆคันแรก บอก 70 rps เราจึงไม่ไป แล้วลองเรียกคันที่ 2 คราวนี้ขึ้นเป็น 100 rps เราเลยตัดสินใจถาม รปภ สถานที่แห่งหนึ่งซึ่งอยู่บริเวณนั้น ว่าจะไป humayun tomb ไปงัย เค้าให้ความช่วยเหลือดีมาก แม้คนแรกไม่รู้ภาษาอังกฤษเลยบอกเราไม่ได้ เค้าก้อเรียก คนที่สอง สาม และสี่มาช่วยเรา คนที่สี่นี่แหละที่พอพูดได้บ้าง เค้าบอกให้เดินตรงไปเลยนะ เราบอกนั่งตุ๊กๆมั้ย เค้าว่าไม่ต้องๆ เดินไปได้ เดินตรงๆเลยนะ ... เราเลยแบบ... เฮ้ย มันไม่ไกลอ่ะ... ทำไมคนขับตุ๊กๆเรียกตั้ง 70-100 rps ดีนะที่เราไม่นั่ง... ไปๆ เราเดินไปกันเถอะ  เราเดินไปตรงๆตามคำบอก ประมาณไม่เกินกิโลเมตรก้อมี tomb จริงๆด้วย  แต่มันไม่ใช่ humayun น๊าาาา  เลยถาม รปภ ของ tomb นั้น เค้าว่าต้องข้ามถนนไปอีกฝั่ง แล้วไปตามถนนนั้น แต่ไม่ได้บอกระยะทาง เราก้อไปตามคำบอกอีกที คราวนี้น่าจะใช่แน่ เพราะตรงไกด์ book เลย





ภายในโถงกว้างของ amberfort

 มันอยู่บนถนน Lodi เราก้อเดินไปตามถนนเรื่อยๆ น่าจะเกือบ 2 kms เห็นป้ายบอกสถานที่มี humayun tomb แต่ไม่บอกระยะทางอีกละ    ระหว่างที่กะลังตัดสินใจว่าจะนั่งตุ๊กๆ หรือเดินต่อไป ตาเหลือบไปเห็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่และร่มรื่น ชื่อ lodhi park ดูจากแผนผังหน้าสวน มี tomb 3 tomb มีทะเลสาบด้วย เลยตัดสินใจแวะเข้าไปเที่ยว แล้วค่อยตามเก็บhumayun  tomb หลังกลับจากอักราละกัน  แล้วก้อไม่ผิดหวังเลย บรรยากาศในสวนร่มรื่น สวยงาม สะอาด มีครอบครัวชาวอินเดียมาปิคนิค สังสรรค์ ออกกำลังกาย ทำกิจกรรมกลุ่มมากมาย ลักษณะน่าจะเป็นชนชั้นกลางที่พอมีอันจะกินนิดนึงนะ  นั่งดูความเคลื่อนไหวของผู้คน ดื่มด่ำกับบรรยากาศจนสี่โมงเย็น ได้เวลาเดินกลับไปที่ metro station พร้อมข้อสรุปว่าครั้งหน้าถ้ามา humayun tomb นั่งตุ๊กๆ 70 rps นี่เป็นราคาที่เหมาะสมแล้ว  555  ก่อนเข้าที่พักเดินหาซื้อน้ำดื่มขวด  2 ลิตร  30 rps แล้วเดินต่อหาร้านแลกเงินบริเวณถนนแถวโรงแรมแต่ไม่เจอ มีธนาคารหลายแห่ง ซึ่งปิด เข้าใจว่าเพราะเป็นวันอาทิตย์







วังใน amber fort เป็นศิลปะผสมระหว่างฮินดูและมุสลิม ตกแต่งอย่างอลังการ

 เนื่องจากพรุ่งนี้จะ check out แต่เช้ามืด ขึ้นรถไฟเที่ยว 6.05 เป็น AC chair car ที่จองจากเมืองไทย  เลยติดต่อจ่ายค่าห้องพักก่อน  และลองถามเค้าเรื่องร้านแลกเงินที่ใกล้ โรงแรม เค้าบอกแลกที่นี่ได้เลย ถามว่า rate เท่าไร เค้าถามกลับเราจะเอาเท่าไร ในใจเราบอกว่าตอนแลกที่สนามบินได้เรต 62.34 เอง แลกมา 150 us  นู๋อยากได้เยอะกว่านี้ แต่ก้อไม่ได้บอกออกไป เค้าเลยโทรไปถามใครสักคนว่าเอาดอลล่าแลก rate เท่าไร ได้คำตอบว่า 64.5  เยอะกว่าที่สนามบินอีกอ่ะ เราแลกเพิ่ม 400 us จากนั้นขึ้นห้องพักไปกินอาหารเย็นเป็นอาหารญี่ปุ่นกะหมูแผ่นแท่งที่เตรียมมาจากบ้าน แล้วยังมีกล้วยหอมที่ได้จากห้องอาหารเมื่อเช้าอีก ... อิ่มอร่อย... เก็บของแบ่งจัดกระเป๋าใบเล็กสำหรับสี่วันที่จัยปูร์ และอักรา  ... คำแนะนำสำหรับคนที่เดินทางเองด้วยกระเป๋าลาก แนะนำกระเป๋าใบเล็กๆ เพราะถนนไม่เหมาะกับการลากกระเป๋าเป็นอย่างยิ่ง  ถ้าเอาใบใหญ่มาแล้วต้องหิ้วจะหนักเกินไป





สวนสวย ใน amber fort





วันที่ 7 ธันวาคม 2558
  ออกจากโรงแรม 5.15 น มีพนักงานโรงแรมเดินไปส่งที่สถานีรถไฟด้วย ความจริงมันไม่น่ากลัว และใกล้มากๆ แต่เมื่อเค้าอยากไปส่งก้อน้อมรับด้วยความเต็มใจ แล้วทิปให้ไป 20 rps เค้าพาเราเข้าไปทางที่เป็นอาคาร booking  ตั๋ว ที่เข้าไปจะเข้าไป platform 1 ซึ่งจริงๆ แนะนำว่าควรเข้าตรงทางเข้าไปโถงใหญ่มากกว่า เพราะจะได้ดูป้ายไฟว่าขบวนที่เราจะนั่งจอดที่ platform ไหน  แบบนี้เราเลยต้องวิ่งเข้าไปที่โถง ดูเสร็จแล้ววิ่งกลับมาที่ platform 1 เพื่อไปที่ platform 2 ที่ๆขบวน ajmer shtbdi จอด เราได้ตู้ 3 ที่นั่งเป็นแถว 2 กับ 3 ที่ เราได้แถว 2 ที่ เป็นรถไฟที่ดี สะอาดใช้ได้  ทุกคนมีที่นั่งของตัวเองไม่ต้องแย่งกัน มีอาหารเสริฟแถมน้ำดื่มขวดใหญ่อีกคนละขวด อาหารมีให้เลือกแบบ vetgetable หรือ ไข่เจียว รสชาตดีมากเมื่อได้ซอสคล้ายซอสพริกศรีราชา ตบท้ายด้วยสมุนไพรดับกลิ่นปาก ซึ่งขั้นตอนนี้จะมีการให้ทิปพนักงาน เราให้ไป 20 rps รถออกตรงเวลา 6.05  ตอนที่ออกเดินทางฟ้ายังมืดอยู่ พอฟ้าสราง เราจะเรื่มเห็นผู้คนเดินข้างทางถือขวดน้ำอัดลมขนาด 2 ลิตรไปด้วย... หะแรกก้อให้เกิดคำถามว่าเค้ากำลังจะไปไหน... ไปทำอะไร... 



ลวดลายวิจิตร ใน amber fort




วังนี้ได้ชื่อว่า หน้าร้อนก็ไม่ร้อนมาก หน้าหนาวก็จะอุ่นไม่หนาวมาก

สักพักจึงได้คำตอบ จากฉากที่เห็น… คือ... ไปขรี้... นั่งเรียงกันเป็นหย่อมๆ บ้างนั่งเดี่ยว  บ้างนั่งคู่ มีการพูดคุย ปรึกษาปัญหา เล่าเรื่องราวความฝันของเมื่อคืนสู่กันฟัง... อันนี้มโนเอาเอง... เพราะภาพที่เห็นมันสื่อว่าแบบนั้นอ่ะ... ผ่านไป 4 ชั่วโมงครึ่ง รถไฟมาถึงเมืองจัยปูร์ สถานีแรกคือ ... นากรา จัยปูร์ เราเห็นคนลงเยอะ รวมทั้งฝรั่งที่นั่งแถบเดียวกับเรา  เราเลยลงบ้าง แต่ก่อนลงก้อถามพนักงานรถไฟอีกทีว่าสถานีจัยปูร์แม่นบ่  ฝรั่งที่กำลังจะลงตอบแทนว่า... แม่นแล้ว…งั้นถูกแล้วเราลงด้วย  พอก้าวลงมา ความรู้สึกมันน่าจะไม่ใช่มั้ยอ่า..สถานีจัยปูร์ เมืองท่องเที่ยว มันไม่ควรเงียบอย่างนี้ึป่าว เลยชะโงกหน้าเข้าไปถามพนักงานอีกครั้ง ว่าใช่สถานีจัยปูร์เหรอ... พนักงานบอก... จัยปูร์ต้องสถานีถัดไป ... อ้าว... อิฝรั่งผู้นั้นมันไปไสแร้วฟะ... มันไปปู้นแล้ว  ตัวไผ่ตัวมันเด้อ... แต่แอบเห็นฝรั่งแก่คนที่นั่งใกล้ๆเรา กลับขึ้นรถไฟตรงทางขึ้นด้านหัวรถไฟเหมือนเราเลย  ข้อสรุปสำหรับคนที่นั่งรถไฟไปจัยปูร์ ให้ลงสถานี jaipur junction ซึ่งจะมีเสียงประกาศด้วยเมื่อถึงสถานี 



ภายใน amber fort มีวังแบ่งเป็นห้องเล็กห้องน้อยมากมาย



การเดินทางขึ้น amber fort ในสมัยก่อนโดยการนั่งช้าง

ออกจากสถานีรถไฟ  ก็จะเจอบรรดาเหล่าสารถีนานาชนิด เข้ามารุม เยี่ยงแมลงวันรุมก้อนขรี้... ถ้าท่านไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด  ด้วยมีจุดหมายปลายทางที่แน่นอนแล้ว ขอให้สงบปากสงบคำ หรือไม่พูดภาษาเดียวกันกับที่เค้าพูดมา  เช่น เค้าถามภาษาอังกฤษ ให้ตอบภาษาไทย เค้าถามว่าพูดอังกฤษได้มั้ย ให้ทำตาใสซื่อ ไม่รู้ว่าเค้าพูดอะไรเข้าไว้  เพราะเมื่อไรที่ท่านหลุดพูดภาษาเดียวกับเค้าไป เค้าจะตามตอแยไม่เลิกลา  ยกเว้นแต่ว่าเราตั้งใจจะซื้อบริการจากเค้า อันนั้นก้อต่อรองกันตามอัธยาศรัย    จากสถานีรถไฟเดินไป โรงแรม HR palace ประมาณ 1 กิโลเมตรนิดๆ โรงแรมสะอาด ห้องกว้างขวาง มีไวไฟ ความเร็วใช้ได้ ราคา 800 บาท รวมภาษี 8.4% แล้ว ไม่รวมอาหารเช้านะ  ตอนเดินผ่านมาโรงแรม ข้างๆทางมีร้านอาหารที่เราว่าน่าจะพอกินได้อยู่ 3-4 ร้าน ตอนเย็นต้องไปลองดู แต่ตอนนี้ไป amber fort ก่อน โดยเราจะเดินไปขึ้นรถเมล์ตรงวงเวียนใกล้ๆสถานีรถไฟ ขึ้นสาย 6A ไปลงป้าย ajmeri gate อ่านว่าอะเมอริเกต  ค่ารถสองคน 15 rps ไม่ไกลมาก ลงแล้วข้ามถนนไปอีกฝั่งเพื่อขึ้น สาย 5 หรือ 1 ac เป็นรถเหมือน ปอ. ใน กทม. ราคา 2 คน 26 rps ประมาณ 20 นาทีก้อถึง แอมเมอร์ ฟอร์ท หรือ พาเลซ ที่นี่สวยงามใหญ่โต...  ดูเลอค่ามาก... ค่าเข้าชม ต่างชาติ 500 rps คนอินเดีย 100 rps ที่นี่เราไม่สามารถใช้ passport thai เบ่งได้ ต้องเสียเท่าชาติอื่นๆ  



สวนกลางน้ำ ทางด้านหน้า amber fort




คำแนะนำ...  ใครตั้งใจจะเที่ยวชมหลายสถานที่   น่าจะซื้อตั๋วรวม ราคาต่างชาติ 1000 rps จะคุ้มกว่า เพราะค่าเข้า amber 500 city palace 400 mantra jantra 200 ก้อเกิน 1000 แล้ว ถ้าตั๋วรวมจะเข้าได้เพิ่มจากนี้อีก 3-4 ที่  เท่าที่จำได้มี pillar อะไรสักอย่าง  albert hall และอีก 1 fort แล้วน่าจะมีอะไรอีกสัก1-2ที่ ซึ่งเราไม่ได้ตั้งใจจะไปหมดเลยไม่ได้ซื้อ  แต่ตอนมาจ่ายจริง 3 ที่ ก้อคิดเหมือนกันว่าถ้ารู้ข้อมูลราคาแต่ละที่ก่อนก้อจะตัดสินใจซื้อเหมือนกันแหละ  สถาปัตยกรรมที่นี่นับว่าสวยงามมากๆ สีเหลืองอิฐทำให้ดูคลาสสิค  การแกะสลักลายต่างๆ ละเอียด สวนได้รับการดูแลอย่างดี ความซับซ้อน วกวนของห้องหับ มีซอกหลืบมากมายภายในตัวอาคาร ทำให้อดมโนไม่ได้ว่า... กษัติย์สมัยก่อนคงมีนางในฮาเรม และลูกมากยั้วเยี้ย เลยต้องออกแบบโครงสร้างให้เหมาะแก่การวิ่งเล่นซ่อนแอบ... ใครถูกจับได้ก่อน... ต้องถูกลงโทษด้วยการจับเปลื้องผ้าทีละชิ้น...555  แอบเอกซ์นิดนุง...  เราใช้เวลาที่นี่ 2 ชั่วโมงกว่า ๆ ขากลับต้้งใจว่าจะนั่งตุ๊กๆกลับ เพราะกลัวว่าถ้ารอรถเมล์อาจจะทำให้เราถึงที่พักมืดได้  เนื่องจากตอนขามาเห็นว่ารถเมล์ 1 กะ 5 ac มาค่อนข้างห่าง  และอีกอย่างเราจะแวะลงถ่ายรูปที่ Jalmahal ซึ่งอยู่ระหว่างทางมา amber ด้วย  เราจ้างตุ๊กๆราคา 300 rps คิดว่าน่าจะแพงไปนิด คนที่ต่อเก่งอาจต่อได้ถึง 200-250 rps แต่ความคิดในตอนนั้นคือ 100 rps เท่ากับ 50 บาท หลายครั้งที่เราใช้ไปกับสิ่งไร้สาระเวลาที่อยู่เมืองไทย   แต่เงิน 50 บาทนั้นมันน่าจะมีค่าพอสมควรที่จะทำให้คนที่นี่รู้สึกว่าวันนี้มีโชคในการทำมาหากินจังเลย ... ก้อเลยไม่ได้ต่อรองให้วุ่นวายเกินไป... ดราม่าเล็กน้อย เผื่อจะดูดี เป็น angel ขึ้นมาบ้าง อิอิ…   



วังกลางน้ำ ที่ jalmahal




 แต่ก่อนขึ้นรถเราบอกเค้าว่าขอแวะถ่ายรูปที่ jalmahal สักแป๊บนะ  เค้าก้อตอบรับด้วยความเต็มใจ  แล้วเราก้อพบว่าคิดไม่ผิดที่เลือกนั่งตุ๊กๆกลับ เพราะเค้าพาเข้าตรอกซอกซอย ได้เห็นชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนจริงๆ บวกกับความหวาดเสียวตอนเลี้ยวโค้ง เบรค หลบหลีกรถราและผู้คนที่สัญจรด้วยกันบนท้องถนน ช่างแสดงถึงความเยี่ยมยุทธในการขับขี่ของเหล่าสารถีชาวอินเดียเป็นยิ่งนัก  ดังนั้นขอแนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการความตื่นเต้น แอดเวนเจอร์ทริป  ... ต้องลองใช้บริการ... Tuk tuk india …amazing ได้อีก…  ก่อนเข้าโรงแรมเราแวะร้านอาหารหน้าปากซอยที่หมายตาไว้ตั้งแต่เช้า วิธีการจัดร้านเหมือนกัน น่าจะขายอาหารชนิดเดียวกัน แต่ขายอะไรบ้างนี่ไม่รู้ เพราะหน้าร้านเท่าที่เห็นมี หอมแดงลูกใหญ่ มะเขือเทศ ไชท้าว โอ่งแป้งนาน  ส่วนคนปรุงเป็นเพศชายทุกร้าน  เลือกเอาสักร้าน  แล้วขอดูเมนู อย่างเท่ห์อ่ะ มีเมนูภาษาอังกฤษด้วย วันนี้เอาเพลนๆ เลือกเมนูประเภทข้าวก่อนละกัน จะได้รู้สึกคุ้นเคย  เราเลือกข้าวผัดธรรมดา อีกจานเป็นข้าวผัดถั่นลันเตา  ขณะรอเหลือบเห็นพนักงานเอาผ้าเช็ดจานที่ขนาดเท่าถาดใบเล็กที่บ้านเราเลย  เป็นสแตนเลส ผ้าผืนนั้นมันทำให้รู้สึกว่า... ของเราขอแบบเปียกๆก็ได้น้าาาาา...เช็ดเสร็จก้อเอา มาวางให้เราคนละใบ คิดอยู่ว่าเอามาทำไม หรือเค้าจะเอาข้าวผัดจากกะทะมาเคาะใส่ถาดใบนี้  สักพักหันไปมองคนข้างหลังเรา เค้าใข้ถาดใบที่ว่านี้สำหรับเอาแผ่นโรตี กะแกงที่อยู่ในถ้วยลงไปคลุกเคล้ากันแล้วหม่ำด้วยดัชนีทั้งห้า... โอ้ว... ดูน่าอร่อยเจงเจง.. แต่ของเราขอช้อนด้วยนะๆๆๆๆๆ แม่ว่าจะไม่มั่นใจในผ้าที่ใช้เช็ดช้อน  แต่ก็น่าจะดีกว่าใช้มือมั้ยอ่า... และแล้วอาหารที่สั่งก้อมา  น่าตา สีสรร กลิ่น และรสชาดถือว่าผ่าน กินเกือบหมดนะ 



บรรยากาศในโรงแรม

 สรุปว่าพรุ่งนี้เราจะมากินซ้ำที่ร้านเดิม แต่คราวหน้าขอเป็นเมนูอินเดียบ้างนะนาย  โดยเราได้ถามคนอินเดียที่กินโต๊ะข้างๆว่าเมนูที่เค้ากิน คืออันไหน เค้าจิ้มไปที่เบอร์ 5 เราก้อเอาเมนูอังกฤษมาเทียบทันที  แต่มันแปลไม่ออกอ่า  ไม่รู้ว่าประกอบด้วยไรบ้าง... แต่ก้อเอาเหอะ  ลองดู  อย่างมากก้อกินไม่ได้   ค่าอาหารสำหรับวันนี้ 2 คน 100 rps พอดี  ลืมบอกเค้ามีน้ำเปล่าเสริฟให้ฟรีด้วยนะใส่ภาชนะที่รูปร่างคล้ายๆกระโถนทรงสูง  ตอนแรกคิดว่าใช้ล้างมือเหมือนตอนที่ไปอินโดนีเซียเค้าจะมีเสริฟชามใส่น้ำ สำหรับล้างมือ เพราะเค้าใช้มือเปิบเหมือนกัน  แต่ที่นี่มันครือน้ำดื่ม... เราให้เค้าเก็บของเราไป  พร้อมชูน้ำดื่มในขวดของเราให้เค้าดู  ระหว่างทางเดินกลับโรงแรมแวะซื้อแอปเปิ้ลจากร้านรถเข็นข้างทาง กิโลกรัมละ 100 rps ได้ 5 ลูก เท่าที่ได้กิน มันแย่มาก น่าจะเพราะค้างนาน มันร่วนจนแทบไม่ต้องเคี้ยวเลย  แต่ก็ยังดีที่มีผลไม้ให้กิน  คราวหน้าว่าจะลองซื้อกล้วยหอมกินดีกว่า  




Create Date : 03 เมษายน 2559
Last Update : 3 เมษายน 2559 17:56:43 น. 0 comments
Counter : 514 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.