จากตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จของSouthwest Airlines ทำให้ Investor Joeคนงกเชื่อว่าโมเดลธุรกิจของ Low-Cost-Carrier หรือ LCC นั้นเวิร์ค ถูกจริตกับชีวิตฉัน มีกำไร ราคาเอื้อมถึง ก็ได้เริ่มมองหาธุรกิจแบบเดียวกันนี้ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยก็เหลือบไปเห็นธุรกิจ LCC นี้ไม่กี่เจ้าเอง คือ Thai Smile (ถือหุ้น 100% โดย THAI), Thai AirAsia หรือ TAA (AAV ถือหุ้นอยู่ 51%) และนกแอร์ (NOK) ส่วน BA นั้นมีโมเดลธุรกิจที่พิเศษกว่าเจ้าอื่นแต่ Investor Joe จะไม่พูดถึงเพราะจะดูแค่ LCC ครับ เอาหละ มาเริ่มดูกันที่Thai Smile กัน
จากรายงานประจำปี 2017 Thai Smile (ตัวลูก) ทำรายได้ให้กับ THAI (ตัวแม่) จำนวนกระจิ๊ดริด ไม่มีนัยนะสำคัญอะไรต่อรายได้รวมของ THAI ตัว THAI เองก็ไม่ทำกำไรมาหลายปีแล้ว อีกทั้ง THAI มีแต่ปัญหาการเมือง การบริหารจัดการและมีinternal affair เรื้อรังมาตลอดตั้งแต่ Investor Joe จำความได้ (คือ Investor Joe รู้จักคนที่เคยทำงานในนั้น เขาว่าเละจริง เละมาตั้งแต่เริ่ม) ถึงแม้ว่า THAI จะมีแผน sustainable growth บลา บลา บลา แต่ก็ยังไม่มีอะไรที่เป็นรูปธรรมเกิดขึ้นนอกจากการเร่ขายสินทรัพย์ออกไป ไม่แน่ใจว่าแผนอื่นๆจะทำกำไรให้ THAI ได้หรือไม่ด้วย Investor Joe ได้สังเกตดู trend ของสายการบิน full service ทั่วโลก เห็นว่าสายการบินเหล่านี้มักจะมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (ที่ไม่ใช่ jet fuel) สูงปรี๊ด ก็พี่ท่านเล่นบริการทุกระดับประทับใจ ถ้าไม่มี economy of scale ทุนไม่หนาหรือสายป่านไม่ยาวจริงอย่างพวกสายการบิน middle east นั้นอยู่ยาก Investor Joe เห็นสายการบินล้มละลายหรือต้องควบรวมกันเพื่อความอยู่รอดหลายเจ้าแล้ว พล่ามมาเสียขนาดนี้ คงไม่ต้องไปดูงบการเงินหรืออ่านอะไรต่อให้มากความ
ความเห็นของ Investor Joe: ถ้าแม่ไม่แข็งแรง ต่อให้ลูกแข็งแรงทำกำไรได้มากแค่ไหน กำไรของลูกก็จะหายไปกับรายจ่ายของแม่หมด ไม่น่าจะไปรอดในระยะยาว
ส่วน NOK ที่ไม่เคยทำกำไรได้เลยตั้งแต่ประกาศ IPO มาราคาหุ้นก็ไหลรูดมหาราชจาก 25 บาท จนขณะนี้เหลือเพียงเศษเงิน 2 บาทกว่าๆ ส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบมีขาดทุนสะสม หนี้สินพรุงพรัง เมื่อไม่นานมานี้ก็มีข่าวต้องขอเงินเพิ่มทุนจากผู้ถือหุ้นใหญ่อีกด้วย!จากหน้าข่าวที่ผ่านมาหลายปีก็มักเห็นปัญหาผู้บริหารปากเร็ว (แต่เปลี่ยนคนแล้วนะ) เครื่องดีเลย์บ่อย ตั๋วไม่ออก นักบินสไตรค์ ปัญหาเยอะแบบนี้ Investor Joe จึงตัด NOK ออกไปได้โดยไม่ลังเล คือ ไม่ต้องไปดูมันหรอก
ความเห็นของ Investor Joe: ของที่มันไม่ดีมันก็คงจะไม่ดีต่อไป ผลของการมีผู้บริหารไม่ดีก็มักสะท้อนมาที่ประสิทธิภาพการดำเนินงานเสมอ กว่าจะรู้ตัวและเริ่มแก้ไข สงสัยว่าจะสายไปเสียแล้ว
สุดท้ายก็เหลือเพียง TAA ที่ถึงแม้ไตรมาส 2 จะขาดทุน (เนื่องจากสายการบินบ้านเรามีเรื่องฤดูกาลเข้ามาเอี่ยว) หักลบกลบหนี้แบ่งส่วน 51% ของ AAV ออกมาแล้ว รวมครึ่งปีก็ยังทำกำไรได้เกือบ 700 ล้านบาท เมื่อไปอ่านดูค่าอะไรๆ จากสถิติการดำเนินงานที่จำเป็นเพื่อเปรียบเทียบ TAA กับเจ้าอื่นก็พบว่า TAA มีค่าหลายตัวที่ดีกว่าสายการบิน LCC เจ้าอื่นมาก โดยเฉพาะค่า CASK ที่บอกว่าลูกค้า 1 คนมีต้นทุนในการดำเนินงานเท่าใด (ตัวเลขที่ออกมายิ่งต่ำยิ่งดี) ในช่วง 6 เดือนแรกของปี TAA มีค่า CASK เพียง 1.59 ดีกว่า THAI และ NOK มาก ซึ่งหมายความว่า TAA มีต้นทุนการดำเนินงานที่ต่ำกว่า THAI และ NOK แบบมีนัยยะสำคัญทีเดียว ยิ่งกว่านั้นหากตัด cost ของ jet fuel ออกไปแล้ว ค่า CASK (ex-fuel) จะเหลือเพียง 1.0 เท่านั้น แต่ถ้าไปดูค่าเดียวกันนี้ของ AirAsia Berhad (ตัวแม่) จะต่ำยิ่งกว่านี้อีก แม่เจ้า!
รู้สึกเหมือนกำลังทำข้อสอบสมัยเป็นนักเรียนเลย ต้องตัดตัวเลือกที่ไม่ใช่ออกไปทีนี้ก็เหลือตัวเลือกเดียวแล้วคือ TAA เพื่อนๆ คงจะศึกษาต่อไปได้ไม่ยากแล้วใช่ไหมครับเวลาลงทุนในธุรกิจอะไรก็ตาม อย่าลืมเปรียบเทียบธุรกิจที่สนใจกับบริษัทอื่นๆในกลุ่มเดียวกันด้วยนะครับ จะได้เห็นภาพกว้างๆ ว่ามันดีหรือแย่กว่ากันอย่างไร
ในวันพรุ่งนี้ Investor Joe จะต้องขับรถ 12 ชั่วโมงเพื่อเดินทางจาก North Adams, MA กลับบ้านที่ Ann Arbor, MI เมื่อกลับถึงมิชิแกนแล้ว จัดแจงเรื่องที่จำเป็นเสร็จพาภรรยาไปหาหมอสูติ และกลับมาทำงานบ้านเรียบร้อย Investor Joe จะกลับมาเจาะลึกสายการบิน TAA ให้กับเพื่อนๆ อ่านในตอนที่ 3 นะครับ