ฉบับแก้ไข, เขียนเมื่อ 5/5/18
รู้หรือไม่ว่า LHFG มีเงินลงทุนในหลักทรัพย์และรายได้จากเงินปันผลเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญมาตลอด 5 ปีที่ผ่านมา?
จากรายการย่อแสดงสินทรัพย์และหนี้สินฉบับล่าสุด LHFG นั้นมีเงินลงทุนเป็นจำนวนถึง 61,101,077,000 บาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกว่า 25% ของทรัพย์สินรวม จากจำนวนเงินลงทุนกว่า 60,000 ล้านบาทนั้น เป็นเงินที่ลงทุนอยู่ในกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ หรือทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ที่ให้เงินปันผลสูงและสม่ำเสมอมากถึง 17.06% หรือคิดเป็นจำนวนเงิน 10,426,698,110 บาท
Investor Joe คิดว่าการที่ผู้บริหารของ LHFG นำเงินมาลงทุนในหลักทรัพย์จำพวกนี้มากก็เพราะว่าสินเชื่อขนาดใหญ่หรือ corporate loan ที่ LHFG ปล่อยเป็นหลักนั้น ถึงแม้จะเป็นสินเชื่อที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่ก็แลกมากับผลตอบแทนที่ต่ำกว่าสินเชื่อประเภทอื่นด้วยเห็นได้จากการที่ LHFG มี NPL เพียง 1.9% ซึ่งต่ำที่สุดในระบบธนาคารด้วยกัน แต่ก็มี Net Interest Margin ที่ประมาณ 2.1x เท่านั้นเอง จึงมีความจำเป็นที่จะต้องเอาเงินฝากที่นอนอยู่เฉยๆ (float) เหล่านี้ไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้นเพื่อชดเชยส่วนต่างดอกเบี้ยที่ต่ำ อีกทั้งในบางปีสินเชื่อนั้นขยายตัวช้า การเพิ่มรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยจึงถือเป็นอีกหนึ่งยุทธศาสตร์ที่จะเพิ่มการเติบโตในระยะยาวให้กับกิจการได้ในรายงานการประชุมผู้ถือหุ้นล่าสุด ท่านประธานกรรมการก็ได้ตอบคำถามนักลงทุนในเรื่องนี้ว่า การดำเนินธุรกิจของธนาคารไม่มีเพียงรายได้จากดอกเบี้ยอย่างเดียวเนื่องจากในบางโอกาสการขยายตัวด้านสินเชื่ออาจไม่สูง ธนาคารจึงไปหาผลประโยชน์โดยการนำเงินไปลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีผลตอบแทนดี เช่น กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (Property Fund) และทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) เป็นต้น
Investor Joe จึงขอชวนท่านมาดูกันครับว่า หลังจากปิดสมุดบัญชีครั้งล่าสุด LHFG นั้น ติดชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ในกองทุนใดบ้าง
ABPIF: จำนวน 57,246,600 หุ้น, ราคาปิดตลาดเมื่อ 5/4/18 8.60 บาท, คิดเป็นจำนวนเงิน 492,320,760 บาท
BRRGIF: 35,000,000, 10.40, 364,000,000
BTSGIF: 225,000,000, 12.10, 2,722,500,000
DIF: 242,000,000, 14.30, 3,460,600,000 (Investor Joe เดาว่าคงจะมีจำนวนมากขึ้นหลังการเพิ่มทุน)
JASIF: 244,000,000, 11.50, 2,806,000,000
LHHOTEL: 353,560,000, 15.50, 548,018,000
LHPF: 9,146,200, 8.75, 80,029,250
QHPF: 29,249,000, 11.80 บาท, 345,138,200
QHHR: 8,500,000, 8.75, 74,375,000
รวมเป็นเงินลงทุนทั้งสิ้น 10,892,981,210 บาท หากคิดว่าได้ Dividend Yield เฉลี่ยสัก ~7% ก็จะได้เงินปันผลราวปีละ 762,508,684.70 บาท (ยังไม่ได้หักภาษี) เลยทีเดียว หากนำมาบวกกับรายได้จากพันธบัตรก็หมายความว่าอยู่เฉยๆ ก็มีรายได้ส่วนนี้เข้ามาประมาณ 700-800 ล้านบาทต่อปีแล้ว
Investor Joe เดาว่า LHFG คงจะไม่หยุดนำเงินไปลงทุนเพิ่มอย่างแน่นอนและต่อไปในอนาคตที่แนวโน้มดอกเบี้ยกำลังจะเป็นขาขึ้น ก็คงจะทำให้ LHFG มีรายได้จากเงินปันผลอีกมากโขทีเดียว ซึ่งน่าจะสอดคล้องกับรายได้ดอกเบี้ยที่จะมากขึ้นตามลำดับด้วยดูเผินๆ แล้วนอกจากธุรกิจธนาคาร ซื้อขายหลักทรัพย์และหลักทรัพย์จัดการกองทุนแล้ว ด้วยการเอาเงิน float ไปลงทุนแบบนี้ เหมือนกับว่า LHFG จะทำธุรกิจประกันอีกด้วยเลยครับ คงต้องดูกันต่อไปว่าการบริหารรายได้เช่นนี้จะช่วยทำให้ LHFG เติบโตอย่างยั่งยืนได้หรือไม่
สุดท้ายนี้หากสังเกตให้ดี ท่านจะเห็นการกระจายความเสี่ยงด้านที่มาของรายได้โดยการเข้าไปถือหุ้นในบริษัทหรือกองทุนอื่นๆ นี้ได้จากบริษัทเครือ Land and Houses ทั้งหมด เช่น LH มีเงินลงทุนใน QH, LHFG, HMPRO, etc. ส่วน QH มีเงินลงทุนใน LHFG, HMPRO, QHHR, QHPF, etc. จึงถือได้ว่าบริษัทในกลุ่ม Land and Houses นั้น มีการกระจายความเสี่ยงได้ดีและดูจะมีความเสี่ยงขาดทุนที่น้อยมากทีเดียว