1 2 3
4 5 6 7 8 9 10
11 12 13 14 15 16 17
18 19 20 21 22 23 24
25 26 27 28 29 30 31
Tatoos, body art
กดเพื่อกลับไปหน้า Top Page MENU <--- Tatoos, body art วันนี้เปลี่ยนบรรยากาศมาเขียนถึงอะไรนอกเรื่องจากปรกติดีกว่า มาว่าถึงเรื่อง art art ใกล้ๆตัวผมเองดีกว่า คือ... ผมเป็นคนชอบเรื่องศิลปะเป็นทุนเดิมมาตั้งแต่เด็ก ชอบวาดรูป เลือกเรียนสายศิลป สอบเข้าวิทยาลัยช่างศิลปลาดกระบัง แต่เจือกจบคอมเมืองนอก แล้วดันทำงาน landscape ด้านสนามกอล์ฟ เวรกรรมไปกันคนละทางเลย. เมื่อซักตอน 23-24 ได้ลองไปสักเป็นครั้งแรก เป็นงานชิ้นเล็กๆที่ข้อมือ ทำไปด้วยความอยากรู้อยากลอง และก็เริ่มเติมมาเรื่อยๆจนปัจจุบัน เพื่อนๆผมมันชอบถามเรื่องสักกับผมหลายคนด้วยความที่ผมเป็นคนเดียวในกลุ่มที่ทำงานที่มีรอยสัก คำถามหลักๆ พ่อแม่ว่ามั้ย? (คำถามยอดฮิต) แพงมั้ย? (อันนี้ก็ฮิต) และเจ็บมัั้ย? (อันนี้ฮิตสุด) พ่อแม่ - ผมโชคดีคุณพ่อและคุณแม่ชอบเรื่องสวยๆงามๆ เลยรอด แพงมั้ย ? - อันนี้มันก็แล้วแต่งานกับช่างครับ โดยเฉพาะช่างมีชื่อกับช่างทั่วไป ราคาต่างกันลิป เจ็บมั้ย ? - จำได้ว่าครั้งแรกที่สักเจ็บมากครับ พอมาหลังๆก็เจ็บนะแต่มันชินเลยแค่ไม่ได้ออกอาการแต่ในใจก็เจ็บนะแหละ จริงๆก็แล้วแต่คนด้วยครับ สำหรับผมเนี้ยเกลียดเวลาสักบริเวณกระดูกครับ เช่น แถวกระดูกไหปลาร้า ข้อศอก และโดยเฉพาะข้อมือ มันเหมือนโดนหมอฟันกรอฟันเลยครับเพียงแค่เป็นกระดูกแทน แบบ... กึกๆ.. กึกๆๆๆๆ กึก กึกๆๆ ฮ่าๆ คนที่สักหลายๆคนสักเพราะความเชื่อความชอบส่วนตัว และบางกลุ่มบางคนก็เพราะแฟชั่น งานสักเองก็แบ่งออกเป็นหลายสายหลายแนว จากหลากหลายประเพณีหลายวัฒนธรรม เช่น Old School - New School - Gangster - Tribal - Black & Grey - Japanese Style ฯลฯ เยอะไปหมดครับจริงๆแล้ว แล้วแต่คนชอบ ส่วนตัวผมชอบงาน Tribal กับงานญี่ปุ่น งาน Tribal เองก็ยังแบ่งออกไปอีกหลากหลายตามประเทศหรือเผ่าต่างๆ มายัน เมารี ฯลฯ ส่วนงานญี่ปุ่นก็จะเป็นแบบเหมือนภาพสีน้ำ และมีองค์ประกอบต่างๆกันตามความชอบ เช่น มังกร ปลาต่างๆ เทพที่นับถือ ฉากหลังจะเป็นเมฆ ลม หรือคลื่นเป็นหลัก แต่ละสิ่งเองก็จะมีความเชื่อรวมอยู่อย่างมังกร หมายถึงโชคลาภ แต่ถ้าสองตัวโชคลาภทวีคูณ ปลาต่างๆก็หมายถึงมันจะปกป้องกันภัยแทนเรา หรือเทพต่างๆก็ตามที่มาความเชื่อนับถือนั้นๆ ถึงแม้ปัจจุบันจะมีเทคโนโลยี่เลเซอร์ลบรอยสักตาม ร.พ. ต่างๆแต่ก็อย่างที่ทราบกันดี เจ็บและแพงกว่าสัก 3เท่าได้ ดังนั้นตามประสบการณ์และความเชื่อส่วนตัวผม 1. เด็กๆไม่ควรสักครับ กว่าจะโตมาเดี๋ยวก็มีความชอบอื่นๆ ไอเดียรูปสวยๆเพิ่มอีกเยอะตอนโตน่ะ ไม่ก็อาจจะไม่ชอบแล้วก็ได้ 2. คนเมาไม่ควรสัก ไม่ควรอย่างยิ่ง รู้ๆกันอยู่ ตื่นมามีสติจะตกใจ 3. คนเห่อรัก อย่าครับอย่า ไอ้พวกชื่อต่างๆเนี้ย! วันนี้มันยังรักเรา วันหน้าอาจเป็นศตรู .......................................................... รอยสักผมเองผ่านมานานมันก็จางลงเมื่อ 2เดือนที่แล้วจึงเกิดโปรเจคที่จะไปลงใหม่ทั้งหมดอีกรอบ ใช้สีเข้มขึ้น และหลังจากนั้นเกิดอยากเติมให้เต็มถึงข้อมือ เลยทำเพิ่มไปอีก สรุปใช้เวลาไป 2เดือน (8ครั้ง ครั้งล่ะ 5ช.ม) แต่ก็ยังเหลือเก็บงานอีกนิดหน่อย "ภาพที่ 1 " ทำเพิ่มจากศอกถึงข้อมือ ภาพลำดับงาน รวมแล้ว 7-10 กว่าวันก็แผลหาย อาการคล่าวๆประมาณนี้ วันแรก = แผลสด, บวม วันสอง = แผลสด, บวม เริ่มอักเสพ และปวด (ตุ๊บๆ เหมือนมีหัวใจอยู่ในแผล) วันสาม = บวม, อักเสพ, ปวด และสเก็ตเริ่มขึ้น วันสี่ = เริ่มหายบวม, อักเสพ, ปวด และแผลเป็นสเก็ตแข็งเกือบหมด วันห้า = เริ่มหายบวม, เริ่มหายอักเสพ และแผลเป็นสเก็ตแข็ง วันหก = หายบวม หายอักเสพ และสเก็ตเริ่มลอก วัน7ถึง14 = สเก็ตเริ่มลอก ตามด้วยคัน"ภาพที่ 2 " ข้อศอกนี่ล่ะ ทั้งเจ็บทั้งเสียวสุดๆ " การสัก หมายถึง การใช้เหล็กแหลมจุ้มหมึกหรือน้ำมันแทงที่ผิวหนังให้เป็นอักขระเครื่องหมาย หรือลวดลาย โดยการสักในแต่ละวัฒนธรรมต่างก็มีความหมายแตกต่างกันไป ในสังคมกรีก การสักจะทำเฉพาะใบหน้าของทาส และอาชญากร ต่อมาเริ่มแพร่หลายมากขึ้นทั่วทวีปยุโรป จนกระทั่ง ค.ศ. 787 สันตะปาปาฮัดเดรียนที่หนึ่ง ได้ประกาศห้ามผู้ที่นับถือคริสต์ศาสนาสักบนใบหน้า เนื่องจากพระผู้เป็นเจ้าสร้างมนุษย์ขึ้นมา การมีรอยสักเช่นนี้จึงเป็นการลบหลู่ต่อพระผู้เป็นเจ้า ตามที่ปรากฏในพระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิม เลวีนิติ (19: 28) เจ้าอย่าเชือดเนื้อของเจ้าเพราะเหตุมีคนตาย หรือสักเป็นเครื่องหมายใดๆ ลงที่ตัวเจ้า เราคือพระเจ้า เนื่องจากการสักมีนัยยะของการหลงใหลที่ก่อให้เกิดความต้องการทางเพศ (fetishism) และการบูชาวัตถุ (worship of idol) ซึ่งเป็นข้อห้ามหนึ่งในบัญญัติสิบประการ " **ข้อมูลจาก //asmodeus.exteen.com/20060415/entry "ภาพที่ 3 " อีกมุม " ในประเทศไทย จุดประสงค์ในการสักหลากหลาย เช่น การสักหรือการสักเลกนั้นเป็นการทำเครื่องหมายที่ข้อมือ เพื่อแสดงว่าได้ขึ้นทะเบียนเป็นชายฉกรรจ์หรือไพร่หลวงที่มีสังกัดกรมกองแล้ว จนกระทั่งยกเลิกไปในสมัยรัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ส่วนการสักหน้าผาก หรือการสักท้องแขนใช้เฉพาะกับผู้ต้องโทษจำคุก เพื่อประจานความผิดตามกฎมณเฑียรบาล จนยกเลิกไปในสมัยเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 รวมทั้งการสักยันต์เพื่อปกป้องคุ้มครองจากภยันตรายเช่นเดียวกับพระเครื่อง หรือเครื่องรางของขลังอื่นๆ ตลอดจนเมตตามหานิยม " **ข้อมูลจาก //asmodeus.exteen.com/20060415/entry "ภาพที่ 4 " ต้นแขนใน " ในญี่ปุ่น การสักหรือที่เรียกว่า Irezumi แปลว่า การเติมหมึกนั้น คาดว่าเริ่มปรากฏในประมาณศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตกาลจากหลักฐานทางโบราณคดีที่ขุดค้นพบ ต่อมาในคริสต์ศตวรรษที่ 8 การสักถูกใช้เสมือนการจำแนกและประทับตราคนกลุ่มต่างๆ เช่น เพชฌฆาต สัปเหร่อ อาชญากร จนกระทั่งคริสต์ศตวรรษที่ 17 การสักแบบ Horibari ที่มีลวดลายประดับประดา (decorative tattoo) ทั่วร่างกายตลอดจนศีรษะ เริ่มปรากฏขึ้นจนกลายเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายใน ค.ศ. 1750 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่พวก eta ซึ่งเป็นชนชั้นที่มีฐานะทางสังคมต่ำที่สุดในขณะนั้น ลวดลายที่ใช้นิยมนำมาจากจิตรกรรมที่มีชื่อเสียงในยุคนั้น ตลอดจนเทพต่างๆ ตามความเชื่อทางศาสนา หรือนิทานพื้นบ้าน การลบรอยสักมีวิธีการต่างๆ หลายวิธี แต่ละวิธีก็มีข้อดี และข้อเสียที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็น - การผ่าตัดออก (SURGICAL EXCISION): เหมาะในรายเป็นรอยสักที่มีขนาดเล็ก หรือเป็นจุดๆ จะได้มีแผลที่มีขนาดเล็ก แต่ในรายที่มีรอยสักขนาดใหญ่ อาจจะใช้ตัวขยายเนื้อ (TISSUE EXPANSION) ช่วยเหลือได้ - การกรอผิวด้วยเครื่องกรอผิว (DERMABRASION): ในรายที่เป็นรอยสักมืออาชีพ การใช้การกรอผิวอย่างเดียว หรือร่วมกับการใช้เกลือแกงบริสุทธิ์จะช่วยให้ได้ผลดี ซึ่งในรายที่สักตื้นๆ การกรอผิวมากกว่าสองครั้งสามารถให้ได้ผลดีแผลเป็นน้อย ซึ่งในการทำครั้งที่สอง ควรจะรอประมาณ 3 ถึง 6 เดือน - การลอกด้วยสารเคมี (CHEMICAL PELING): มักใช้กรดบางชนิด หรือสาร PHENOL ทำให้เกิดเป็นรอยแผลไฟไหม้ขึ้นบริเวณรอยสัก แต่วิธีนี้มักจะมีผลแทรกซ้อนสูง จึงไม่ค่อยใช้กัน - การสักเพิ่มขึ้น (OVERTATTOOING OR RETATTOOING) - การลบด้วยไฟฟ้า (ELECTRIC CAUTERY) - การลบด้วยเครื่องเลเซอร์ (LASER BEAM): ที่นิยมใช้กันได้แก่ Q-SWITCHEDND-YAG และ Q-SWITCHED RUBY LASER ซึ่งมักจะได้ผลดีในรายที่เป็นสีน้ำเงิน และดำ ซึ่งวิธีนี้ได้ผลดี และมีผลข้างเคียงเช่นกัน ได้แก่ ผิวหนังเป็นรอยริ้ว หรือเป็นรอยด่างขาว " **ข้อมูลจาก //asmodeus.exteen.com/20060415/entry .......................................... อีกครั้งก่อนจบ ก่อนสักต้องคิดให้รอบคอบ อย่าด่วนตัดสินใจ ถามคนรอบข้างก่อนครับโดยเฉพาะผู้หลักผู้ใหญ่ อย่างผมโตแล้วยังต้องวางแผนเวลาไปทำงานใส่แขนยาว เวลาเล่นกีฬาหรือออกกำลังกายก็ใส่ปลอกแขน ระวังตัวหน่อยเพราะต้องเข้าสังคมอาจมีผู้ใหญ่หรือบางคนไม่ชอบไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ต้องให้ถูกที่ถูกทางหน่อยครับ วันหน้าถ้าทำเพิ่มเดี๋ยวจะมาอัพใหม่ สวัสดีครับHappy Jiving JoeIke กดเพื่อกลับไปด้านบน
Create Date : 09 ตุลาคม 2552
Last Update : 20 เมษายน 2553 16:56:39 น.
23 comments
Counter : 9423 Pageviews.
โดย: y@i IP: 61.7.181.195 วันที่: 15 ตุลาคม 2552 เวลา:11:54:48 น.
โดย: JoeIke (Ike the Ronin ) วันที่: 15 ตุลาคม 2552 เวลา:18:26:27 น.
โดย: y@i IP: 61.7.179.54 วันที่: 21 ตุลาคม 2552 เวลา:19:06:04 น.
โดย: JoeIke (Ike the Ronin ) วันที่: 26 ตุลาคม 2552 เวลา:2:33:16 น.
โดย: y@i IP: 61.7.179.232 วันที่: 2 พฤศจิกายน 2552 เวลา:21:29:07 น.
โดย: ping IP: 125.24.96.9 วันที่: 19 พฤศจิกายน 2552 เวลา:3:34:59 น.
โดย: Macky IP: 168.120.73.82 วันที่: 19 พฤศจิกายน 2552 เวลา:9:52:27 น.
โดย: JoeIke (Ike the Ronin ) วันที่: 3 ธันวาคม 2552 เวลา:23:09:59 น.
โดย: limarch IP: 124.120.193.76 วันที่: 8 ธันวาคม 2552 เวลา:13:44:07 น.
โดย: JoeIke (Ike the Ronin ) วันที่: 23 ธันวาคม 2552 เวลา:21:03:19 น.
โดย: Flukiiz IP: 203.144.144.165 วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:15:01:13 น.
โดย: JoeIke (Ike the Ronin ) วันที่: 3 มีนาคม 2553 เวลา:21:27:36 น.
โดย: 4122 IP: 117.47.170.171 วันที่: 23 สิงหาคม 2553 เวลา:13:36:15 น.
โดย: หยง IP: 58.8.240.180 วันที่: 4 ตุลาคม 2553 เวลา:12:18:26 น.
โดย: JoeIke (Ike the Ronin ) วันที่: 4 ตุลาคม 2553 เวลา:21:38:40 น.
โดย: Aum IP: 125.27.206.99 วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:23:26:05 น.
โดย: JoeIke (Ike the Ronin ) วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:20:30:01 น.
โดย: Aum IP: 182.53.93.155 วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:22:57:09 น.
โดย: PM.PING IP: 183.89.193.156 วันที่: 12 พฤษภาคม 2554 เวลา:2:36:00 น.
โดย: อุ๋มอิ๋ม IP: 49.237.230.227 วันที่: 10 กันยายน 2554 เวลา:11:41:58 น.
โดย: สระ อิ IP: 115.67.38.172 วันที่: 1 มกราคม 2556 เวลา:12:48:45 น.
โดย: JoeIke (Ike the Ronin ) วันที่: 13 มกราคม 2556 เวลา:10:16:50 น.
โดย: แหบเสน่ห์ IP: 182.52.84.189 วันที่: 2 ตุลาคม 2556 เวลา:15:17:37 น.
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 32 คน [? ]
About JoeIke As known in MySpace Astist by the name of JoeIke, this up-and-coming local sound engineer has marched his way through various kinds of music and lessons. But the introduction of music sequential got him addicted and completely lost his soul to Eletronic Music. Inspired by the routine of Drum and Bass tempo snap, beautiful grand piano riffs and sinful synthesizer loops, JoeIke combines all of his favorites into his own musical creation. With the profound knowledge of sequencer software and computer hardware.