นิมิตเจ้าชีวิต (ตอนที่ 8)
เมื่อแม่เรียนจนจบโรงเรียนเขมะสิริอนุสรณ์ตอนปลายสงครามโลก โดยที่ต้องไปสอบไล่แถวบางกะปิเพื่อหนีการทิ้งบอมบ์ แม่ตื่นตั้งแต่ตีสี่ ท่องหนังสือกับไฟในเตา ออกเดินทางจากบ้านตีสี่ครึ่ง เพื่อจับรถรางเที่ยวแรกตีห้าที่ศรีย่าน พอหกโมงเช้าก็ถึงประตูน้ำ ต้องลงเรือยนต์เข้าไปในคลองบางกะปิ กว่าจะถึงโรงเรียนก็แปดโมงเศษ เข้าห้องสอบ การสอบดำเนินอยู่อย่างนี้ทุกวันเป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์ ต่อจากนั้น สงครามก็สงบลงในปี พ.ศ.2488 แล้วแม่ก็ได้เข้าเรียนต่อทีโรงเรียนที่เปิดสอนเป็นแห่งแรกหลังสงคราม คือ โรงเรียนพาณิชยการพระนคร ซึ่งตั้งอยู่ในอาณาเขตของวังบูรพาภิรมย์ ปัจจุบันคือ สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตพาณิชยการพระนคร โดยมีท่านผู้หญิงสมโรจน์ สวัสดิกุล ณ อยุธยาเป็นอาจารย์ประจำชั้น และจบการศึกษามีเพื่อนร่วมรุ่นอย่าง ท่านผู้หญิงสมร ภูมิณรงค์ และคอลัมนิสต์ชื่อดัง ลัดดา ฯลฯ ด้วยความอุปถัมภ์ของท่านผู้ใหญ่ทั้งสอง คือ พ.อ.ม.จ. นักขัตรมงคล กิติยากร (ยศขณะนั้น) พระชนกของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ กับเจ้าคุณพิชัยฯ (พลตรี พระยาพิชัยสงคราม (แก๊ป สรโยธิน)และคุณหญิง
จบแล้ว แม่ได้ไปสอบเข้าเป็นเจ้าหน้าที่การเงินของโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า โดยสอบได้ที่ 1 มี พ.ท.พิณ กำลังเอก (บิดาของพล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก) เป็นผู้บังคับบัญชา
คืนหนึ่ง แม่นอนหลับฝันไป เห็นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ประทับอยู่บนบัลลังก์ทองประดับเพชรระยิบระยับในท้องพระโรงโล่งๆกว้างใหญ่สวยงาม พื้นเป็นพรมแดงและทอง ภายในประดับด้วยทองอร่าม ส่วนพระองค์ท่านทรงเครื่องกษัตริย์พร้อมพระมหามงกุฎ แม่ได้คลานเข้าไปเฝ้าเพียงคนเดียว ไม่มีแม้แต่ทหารหรือใครเลย เมื่อคลานเข้าไปถึง หน้าบัลลังก์ ก็หมอบกราบและคุกเข่าขึ้นเอื้อมมือไปรับสิ่งของที่ทรงกอบลงมาพระราชทาน เป็นแก้วแหวนเงินทองเป็นกำๆจากพระหัตถ์ แม่ขนลุกซู่ปลื้มปิติเหลือเกินที่ได้รับพระราชทานของ หมอบกราบอีกครั้ง เงยหน้ามองพระพักตร์อย่างเต็มๆตา แม่เล่าว่าจำไม่ลืมจนถึงบัดนี้ นับว่าคงเป็นนิมิตอันดีที่ในอนาคตจะได้เข้าๆ ออกๆพระราชวังและท้องพระโรงในฐานะข้าราชบริพาร
แม่เล่าว่าไม่เข้าใจว่าทำไมมองเห็นชัดนัก เพราะตัวแม่เองก็เป็นเด็กบ้านๆธรรมดาๆคนหนึ่ง ไม่เคยเห็นอะไรแบบนั้นมาก่อน เห็นแค่หลังคารั้ววัง เช่นวัดพระแก้วแต่ไกลๆ ไม่น่าจะนึกฝันอะไรมาได้ขนาดนั้น ในภายหลัง รายละเอียดทั้งหมด กลับตรงกับความเป็นจริงอย่างน่าตกใจ
จากนั้นไม่นาน วันหนึ่ง พลตรีขุนเสนาทิพ ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อย จปร.ได้นำนิตยสารต่างประเทศมาให้แม่ดู ลงข่าวพระเจ้าอยู่หัวทรงหมั้นกับหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ท่านก็พลอยตื่นเต้นยินดีไปด้วย และในฐานะที่ท่านก็รู้จักทั้งท่านนักขัตรฯและคุณตา รู้ตื้นลึกหนาบางเป็นอย่างดี ท่านก็เอ่ยมาประโยคหนึ่งว่า ฉันทายว่า ท่านนักขัตรฯต้องเอาเธอไปอยู่ด้วยแน่นอน เพราะท่านรักพ่อของเธอมาก
ประโยคนี้นับเป็นคำทำนายที่แม่นยำ แต่ตอนนั้น แม่ก็นึกว่าคงเป็นไปไม่ได้ ตอนนั้นแม่ได้ลงเรียนคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์อยู่ทีเดียว
แล้ววันบังเอิญอันแสนแปลกก็มาถึง แม่ไปรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จนิวัติพระนครพร้อมพระคู่หมั้นที่ท่าราชวรดิฐ ไปพร้อมประชาชนอีกเรือนหมื่นเรือนแสน ที่ต่างก็ยินดีกับข่าวดีอันพิเศษสุดนี้ เมื่อขบวนเสด็จพระราชดำเนินทางชลมารคเทียบท่าราชวรดิฐ ก็ทรงพระดำเนินมาตามลาดพระบาทเพื่อประทับรถยนต์พระที่นั่งผ่านประชาชนที่คอยเฝ้ารับเสด็จอยู่สองข้างทาง แม่กับเพื่อนก็ยืนรับเสด็จกันอยู่ในที่นั้น และยืนอยู่แถวหลังสุดด้วยซ้ำ
ทันใดนั้น ท่านนักขัตรฯก็บังเอิญทอดพระเนตรเห็นแม่เข้าพอดี จึงรับสั่งทัก และทรงสั่งให้แม่ไปเฝ้าที่วัง อยากพบอยู่พอดี พอท่านทรงทัก ขบวนทั้งขบวนก็หยุดโดยอัตโนมัติ แม่ก้มกราบพระเจ้าอยู่หัว และพระคู่หมั้นก็หันมายิ้มด้วย ไม่ทราบว่าท่านทอดพระเนตรเห็นแม่ได้อย่างไร เป็นเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดเหลือเชื่อมาก
ภายหลังเมื่อเข้ามาทำงานอยู่ในวังแล้ว คืนหนึ่ง แม่ได้ฝันถึงพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 แม่เข้าไปในสถานที่แห่งหนึ่ง เป็นห้องที่ไม่กว้างนักเห็นท่านบรรทมอยู่บนพระแท่นด้วยเครื่องทรงเต็มยศชุดทหาร ฉลองพระองค์สีขาว พระสนับเพลาดำแถบทอง ทรงพระมาลาคุ่มๆเป็นกะโล่ ทรงสายสะพาย สายรัดประคต มีแถบเหรียญยาว แม่คลานเข้าไปใกล้ๆกราบพระบาท ท่านลืมพระเนตรขึ้นมาทรงแย้มพระสรวลกับแม่ แม่ยังจำได้แม่นยำเมื่อตื่นขึ้นมารู้สึกดีมาก
ในการทำงานบางครั้งก็ต้องเข้าไปนอนในที่ๆเป็นสถานที่เก่าๆ วังเก่าๆ ก่อนนอนแม่ต้องกราบแล้วกราบอีกไม่รู้จะเอาเท้าไปไว้ทิศใด อีกครั้งตอนเข้าไปค้างในพระบรมมหาราชวังก็ฝันเห็นพระบรมรูปของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ซึ่งแม่เล่าว่า เห็นรายละเอียดชัดมาก มีความรู้สึกเหมือนได้เฝ้าพระองค์จริง ทรงหันกึ่งข้างๆให้ แม่เล่าว่าตื่นขึ้นมาก็ยังจำได้แจ่มชัด ติดตา ส่วนที่เกี่ยวข้องกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน ก็คือ แม่ฝันเห็นสมเด็จพระบรมราชชนก แม่เล่าว่าท่านงามเหมือนในภาพ เสด็จพร้อมขบวนเข้านาย แต่งพระองค์แบบโบราณเป็นขบวนยาว ซึ่งแม่ไม่รู้จักว่าใครเป็นใคร แต่จำพระพักตร์ของสมเด็จพระบรมราชชนกได้เท่านั้น จำได้อีกท่านหนึ่งในขบวนคือ คุณท้าวอินทรสุริยาที่ถึงแก่อนิจกรรมไปแล้ว ท่านเคยอาศัยอยู่ในวังสวนจิตรฯ ยามชรามีห้องพักอยู่ตรงข้ามกับสถานีวิทยุอ.ส. ภายหลังท่านได้ไปบวชชีอยู่ทีวัดวชิราลงกรณ์จนสิ้นอายุขัย
มาวันหนึ่ง ขณะที่แม่ได้เข้าไปค้างที่พระที่นั่งบรมพิมานในพระบรมหาราชวัง คืนนั้นเป็นคืนวันที่ 8 มิถุนายน แม่เล่าว่าเข้านอนจนเคลิ้มแต่ยังไม่หลับ แม่นอนขวางพระทวารเอาผ้าห่มคลุมถึงคอเพราะแอร์เย็นมาก มีความรู้สึกว่ายังไม่ได้หลับลงไป
....เวลาตึกสงัด ไม่น้อยกว่าตีสองหรือตีสาม บรรยากาศโดยรอบมืดสนิท แม่กำลังจะเข้าภวังค์สู่นิทราอันแสนสุข ทันใดนั้นแม่ก็รู้สึกว่ามีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาจากอีกด้านหนึ่งซึ่งตอนแรกแม่นึกว่าเป็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพราะมีพระองค์ที่คล้ายกันมากๆ สูงไล่เลี่ยกัน มีพระอิริยาบทที่คล้ายกันอีกด้วย แต่ถ้าเป็นพระองค์ท่านจริง ก็น่าจะเสด็จฯมาจากอีกทางมากกว่า ร่างนั้นทรงฉลองพระองค์ชุดบรรทม พอเสด็จมาใกล้ๆ ก็ย่อพระองค์ลงจนแม่เห็นพระพักตร์ได้ชัดโดยไม่ทราบสาเหตุ ทั้งๆที่ในห้องก็มืดสนิท เหมือนจะทรงทักทายด้วย
แม่ตัวชาเห็นพระพักตร์ถนัด เป็นล้นเกล้าฯรัชกาลที่ 8 ชัดๆ ท่านยังทรงหนุ่มอยู่และงามมากๆเหมือนในพระรูปที่เราท่านเห็นกันจนชินตา แม่ยืนยันว่าไม่ได้หลับฝันไป เห็นชัดๆจากที่นอนอยู่ แล้วก็เสด็จฯไปทางห้องบรรทมของพระเจ้าอยู่หัวอีกด้านหนึ่ง
เช้าวันรุ่งขึ้น แม่ถึงบางอ้อ เมื่อมีพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลถวาย ร.8 เนื่องในโอกาสเสด็จสวรรคตวันที่ 9 มิถุนายน ซึ่งสถานที่ที่เสด็จสวรรคตก็คือพระที่นั่งบรมพิมานนั่นเอง แม่หมอบกราบพระรูปด้วยความรู้สึกที่ตื้นตันและเศร้าสลด อาลัยถึงพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงจากไปอย่างไม่มีวันกลับโดยที่ยังอยู่ในวัยหนุ่มแน่น สามารถทำคุณประโยชน์ให้แก่ชาติบ้านเมืองอย่างมากมาย แม้จะเกิดมาไม่เคยได้เฝ้าใกล้ๆ แต่ยังทรงพระเมตตาเสด็จฯมาให้เฝ้าฯอย่างใกล้ชิดโดยไม่คาดฝัน
อันความฝันนี้ก็แปลก บางครั้งเหมือนเป็นนิมิตล่วงหน้าว่าชีวิตเราจะดำเนินไปในรูปแบบใด บางครั้งก็อาจมีการทักทายกันอย่างไม่เป็นทางการทั้งๆที่ไม่เคยพบเคยเห็น... กราบทูลลา...เพคะ
Create Date : 24 มีนาคม 2552 |
|
12 comments |
Last Update : 24 มีนาคม 2552 23:44:16 น. |
Counter : 9635 Pageviews. |
|
|
|