All Blog
|
Shopaholic : เปิดถุง+พรีวิวของที่ซื้อมาใน Sep-Dec 2013 >> 33 items วันนี้ถือโอกาสเปิดถุงที่ช็อปไปเมื่อช่วง 4 เดือนหลังของปี 2013 ที่จริงเคยอัพลงพันทิปมาแล้วครั้งนึง แล้วก็ทิ้งช่วงไปไม่ได้อัพลงบล็อคซักที แต่ก็ไม่อยากให้เสียของเพราะในบทความนี้มี product บางตัว ที่ไม่ได้เอามาเขียน deep review จึงนำ preview/mini review มาให้อ่านกัน Wash mask 1.Tofu No Moriyata (มาส์คเต้าหู้)ทนกระแสไม่ไหวหลังจากที่ในไทยมีเข้ามาจำหน่ายอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อย แต่ก็ยังถือว่าร้านที่วางจำหน่ายนั้นหาซื้อลำบากเพราะสาขาไม่เยอะอย่าง Tsuruha ก็มีสาขาไม่มาก ด้วยความทีอยากได้จัด เลยหาสั่งซื้อจากในเน็ตเอาได้มาในราคา 400 -500.- บาท (Tsuruha ขาย 690.- / 120 ml)บางร้านสั่งหลาย ๆ กระปุกได้ราคาถูกกว่านี้ด้วยนะครับ จากรีวิวต่าง ๆ ที่ผมได้เที่ยวอ่านก่อนที่จะซื้อนั้นส่วนใหญ่จะบอกไปในทางเดียวกันคือ ใช้แล้วหน้าดูไบรท์ขึ้น ใสขึ้น แต่หลังจากที่ได้ลองใช้เองจริง ๆ แล้วกลับไม่พบคุณสมบัติเหล่านั้น สิ่งที่ใช้แล้วรู้สึกได้คือความชุ่มชื่นหลังล้างมาส์คออก วิธีใช้คือทาหลังจากที่เราจัดการล้างหน้า ให้อะอาดก่อนแล้วพอกไว้ประมาณ 15 นาที แต่ที่จริงจะพอกไว้นานกว่านี้ก็ได้เพราะมาส์คมันไม่ได้ มีส่วนผสมพวก Kaolin หรือ พวกสารดูดความมัน (ก็แน่ล่ะสิมันเป็นมาส์คให้ความชุ่มชื่นหนิ !!) แต่ที่ข้างกระปุกบอกไว้คือมาส์คทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีแล้วล้างออกซึ่งลองทำตามแล้วก็พบว่า ไม่ว่าจะพอกไว้กี่นาทีหลังล้างออกความชุ่มชื่นที่ได้จะไม่ต่างกันเท่ากัน ส่วนตัวชอบใช้พอกไว้หลังล้างหน้าแล้วไปทำกิจกรรมต่าง ๆ อ่านหนังสือ เล่นอินเตอร์เน็ต หรือเล่นมือถือเพราะปกติช่วงค่ำ ๆ จะอยู๋ในห้องแอร์แทบตลอดเวลา เลยทาไว้นานหน่อยหน้าจะได้ไม่แห้งเกินไป Preview มาส์คเต้าหู้ที่เพิ่งซื้อมานั้น ตอนแรกนึกว่าส่วนประกอบหลักจะเป็น Soybean Extract ที่มีผลการศึกษาโดยการนำเอาน้ำนมถั่วเหลืองมาทาหน้าแล้วผิวขาวขึ้น แต่กลับใส่เป็น Rice Bran Oil (Oryza sativa) มาแทน ซึ่งจากการหาข้อมูลของผมพบว่า เจ้าน้ำมันรำข้าวที่ใส่มาเป็นส่วนประกอบหลักนี้ถ้าอยู่ในรูปของการกินนั้นเคยมีการศึกษา โดยให้หนูกินน้ำมันรำข้าวติดต่อกันแล้วปริมาณคอเลสเตอรอลลดลง ส่วน Rice Bran Oil (Oryza sativa) กับผิวนั้นก็พบว่ามันมีประโยชน์ในเรื่องของการเป็น Natural Moisturizer มันมีวิตามินอีจำนวนมากประกอบอยู่แถม โมเลกุลของมันยังเล็กพอดีกับผิวอีก แถมยังมี gamma oryzanol ที่ช่วยลดการเสื่อมสภาพของผิวจากการถูกแดดทำร้าย ซึ่งดู ๆ ไปแล้วมันยังไม่ค่อยมีส่วนที่ทำให้เป็น whitening ซักเท่าไหร่ ซึ่งก็สร้างความประหลาดใจ ให้ผมพอสมควรที่คนส่วนใหญ่ที่ใช้นั้นมักจะบอกต่อ ๆ กันว่ามันทำให้หน้าขาวใสขึ้น -*- ส่วนตัวว่ามันก็มีส่วนบ้างแต่ไม่มากเท่าไหร่ เพราะสาร whitening ที่ใส่มานั้นเป็น Dipotassium Glycyrrhizate หรือสารสกัดจากชะเอมเทศที่ค่อนข้างใช้กันอย่างแพร่หลาย เพราะมันไม่ได้ยับยั้งแค่เอนไซม์ Tyrosinase ที่เป็นต้นเหตุของเม็ดสีเพียงอย่างเดียวมันยังทำหน้าที่ ยับยั้งพวก Superoxide anion (อ็อกซิเจนต้นเหตุที่ทำให้เกิดอนุมูลอิสระ) อีก แต่ทว่าลำดับที่ใส่มานั้นไม่ได้เป็นลำดับแรก ๆ เหมือนสารอื่น ๆ ส่วนผสมอื่นๆ ที่ใส่มานั้นส่วนใหญ่เน้นที่ความ เป็น moisturizer / hydration ให้แก่ผิวซะมากกว่าทั้ง Glycerin - ให้ผิวชุ่มชื่น ,pentylene glycol ให้ความชุ่มชื่น Caprylic/Capric triglyceride -ลดความมันส่วนเกิน ป้องกันการสูญเสียน้ำ และก็มีตัวทำละลายกะวิตามินอีกเล็กน้อย ส่วนสารสกัดจากถั่วเหลืองนั้น ใส่มาเป็นลำดับประมาณครึ่งหลังและใส่มา 2 รูปแบบคือสารสกัดจากน้ำนมถั่วเหลือง กับสารสกัดจากเมล็ดถั่วเหลือง คิดว่าการทำงานคงไม่ต่างกันมากเท่าไหร่ __________________________________________________________________________________ Exfoliate 2.Cute press : Pore Sulution Pore Clearing 2% BHA gelหลังจากที่ BHA ของ Paulas Choice หมดไป ความอยากลองสินค้าใหม่ ๆ ก็เกิดขึ้น ตัวของป้าพอลล่าเองผลการใช้ถือว่าใช้ได้โอเคเลยทีเดียวแต่ไม่ชอบบรรจุภัณฑ์กับเนื้อสัมผัส เท่าไหร่ จากที่ดู ๆ ไปมีคิวท์เพรสเนี่ยแหละเข้าท่าสุด ตอนที่ซื้อได้โปรลด 25% จากราคาเต็ม 279 บาท / 30 ml ลดแล้วเหลือ 210 บาท แถมได้สมัครบัตรสมาชิกฟรีอีก ตอนแรกที่ซื้อมาก็ไม่ได้หวังอะไรมากไปกว่าการผลัดเซลล์ผิว แต่พอหลังจากใช้ไปไม่กี่ครั้ง เริ่มรู้สึกว่าชอบมากขึ้นแหะ ชอบมากจนตอนนี้ชอบมากกว่า Paulas Choice ซะอีก ทั้งบรรจุภัณฑ์ที่เป็นแบบขวดปั้มสุญญากาศ ซึ่งของพอลล่าเป็นขวดเท ๆ ใช้ลำบากมากก เวลาใช้ต้องเทผ่านมือก่อนบางทีกะปริมาณไม่ถูก บางทีหกเลอะเทอะอีก Preview BHA ของคิวท์เพรสตัวนี้เป็น BHA ที่เนื้อดีมากทีเดียวล่ะ ยิ่งเทียบกับพอลล่าแล้ว คิวท์เพรสชนะขาด ส่วนตัวใช้ทาก่อนล้างหน้าทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที( สำหรับคนที่มีผิวแพ้ง่าย ให้ทิ้งไว้น้อยกว่านี้นะครับ) ช่วงไหนที่ไม่มีสิวจะใช้ประมาณ อาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง เอาไว้ลดโอกาส เกิดการอุดตันของผิว แต่ถ้าช่วงไหนมีสิวก็จะใช้ทุกวัน ราคาเมื่อเทียบต่อ ml แล้ว ถือว่าแพงกว่าพอลล่า นะครับแต่ถ้าซื้อตอนโปรโมชันแล้วราคาถือว่าพอ ๆ กัน ส่วนผสมของ BHA ตัวนี้นอกจาก Slicylic acid ตัวชูโรงในการผลัดเซลล์ผิว แล้วก็ยังมีสารสกัดอื่น ๆ ใส่มาให้อีกในระดับหนึ่ง แต่คงไม่ได้คาดหวังอะไรจากสารอื่น ๆ อยู่แล้วในแง่ของการบำรุง แต่ในแง่อื่น ๆ เช่นการนำสารเข้าผิว ความคงตัวของผลิตภัณฑ์อันนี้ผมคงให้คำตอบไม่ได้ว่าสารอื่น ๆ ที่ใส่มา มีประโยชน์ในด้านอื่น ๆ ด้วยหรือไม่ แต่ยังไงก็ตาม BHA ตัวนี้ผมชอบ !! 3. maXkin : AHA face treatment หลังจากที่ได้ลองใช้ AHA ของ Vitara จนหมดไป ก็เกิดอาการอยากลองใช้ของแบรนด์อื่น ๆ ดูแล้ว และที่ราคาใกล้เคียงกันก็มี Maxkin เนี่ยแหละที่กระแสพอ ๆ กัน ผมซื้อมันมาในราคาประมาณ 110 บาท / 20 ml จากร้านขายส่ง ซื้อมาไว้ผลัดเซลล์ผิวเช่นเดียวกับ BHA แต่ต่างกันตรงที่ AHA มันจะละลายในน้ำเพราะฉะนั้นใช้สำหรับรักษาสิวไม่ได้นะครับ แต่สำหรับรอยสิวนั้น สามารถใช้ได้ทั้ง AHA และ BHA เลย Preview ส่วนผสมถือว่าด้อยกว่าตัว Vitara เล็กน้อยนะครับ (Full Review ของตัว Vitara) Maxkin ทำออกมาได้ธรรมดามากไปหน่อยครับ เนื้อสัมผัสที่ชอบน้อยกว่า ถ้าเทียบกับ Vitara ทั้ง ๆ ที่ราคาพอ ๆ กันแต่ผมกลับชอบ Vitara มากกว่าแหะ แต่ว่าของแบบนี้แล้วแต่คนจริง ๆ ครับบางคนก็ชอบตัว Maxkin มากกว่า ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยสาร Active หลัก ๆ คือสารชนิดเดียวกันนั่นก็คือ AHA ครับ __________________________________________________________________________________ Cleanser 4. Neutrogena deep clean hydration bamboo gel cleanser (เจลล้างหน้าไม้ไผ่) อีกหนึ่งตัวที่ยอมรับว่าซื้อเพราะกระแสอีกตามเคย ราคาเต็ม 185 บาท ซื้อตอนโปรลดราคา ช่วงแนะนำสินค้าเหลือ 148 บาท ที่ซื้อไม่ใช่เพราะตามกระแสเพียงอย่างเดียวแต่ด้วยความที่ ตัวเองเป็นคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในห้องแอร์แทบตลอดเวลา ผลิตภัณฑ์สำหรับล้างหน้าเลยเลือกที่ ค่อนข้างอ่อนโยน ไม่แห้งตึงจนเกินไป และเจ้านูโทรเจลล้างหน้าไม้ไผ่ตัวนี้ก็เป็น ผลิตภัณฑ์ล้างหน้า ในรูปแบบเจลซึ่งเรื่องความแห้งตึงนั้นไม่ต้องห่วงมันมีน้อยกว่ารูปแบบโฟมอยู่แล้ว Preview ตอนล้างจะรู้สึกเหมือนมีอะไรลื่น ๆ อยู่ที่หน้ายิ่งตอนที่เอาน้ำเปล่าล้างออกแล้วความรู้สึกจะเหมือน มีอะไรมาเคลือบหน้าอยู่ สำหรับคนหน้าแห้งแล้วความรู้สึกนั้นเป็นความรู้สึกที่ดีมากครับ เมื่อล้างเนื้อเจลออกจนหมดแล้วก็จะไม่มีความรู้สึกของฟิล์มนั้นเคลือบหน้าอยู่แล้วล่ะครับ หลังล้างหน้ารู้สึกว่าหน้าไม่แห้งจนเกินไป แต่ก็ไม่ได้ชุ่มชื้นเว่ออะไรหรอกนะครับกำลังพอดี สำหรับราคาขนาดนี้ทำได้แค่นี้ก็โอเคแล้วล่ะ 5. KA Spongy Facial gel เจลล้างหน้าตัวนี้ซื้อมาใช้แก้ขัด เพราะโฟมล้างหน้าตัวเก่าเพิ่งหมดไปแล้วไม่มีเวลา ไปเดินเลือกตามห้าง เลยไปซื้อตามร้านทั่วไปแก้ขัดไปก่อน เจลล้างหน้า KA ตัวนี้ ตอบโจทย์บางส่วนได้พอดีคือเป็นเนื้อเจล หลอดเล็ก (เพราะต้องการนำมาใช้แก้ขัดเฉย ๆ) แถมยังมีลูกเล่นเป็นเม็ดบีทที่เป็นเม็ดเจลนุ่ม ๆ อีก อ่อลืมบอกไปค่าเสียหาย 25 บาทคร้าบบ Preview ล้างแล้วไม่ชุ่มชื้นเท่ากับตัวนูโทรไม้ไผ่ข้างบนนะครับ เม็ดเจลบีทที่ใส่มา ผมว่า เค้าใส่มาน้อยเกินไปแทบไม่รุ้สึกเลยว่ากำลังสครับอยู่ แต่ข้อดีคือมันไม่บาดหน้าครับ __________________________________________________________________________________ Pore Pack 6. Clear nose Men set หลังจากที่ใช้ Clear nose ไปจนติดในสรรหารูปแบบการใช้ใหม่ ๆ มาจนตัวมาส์คใกล้หมดหลอด เลยถือโอกาสซื้อกล่องใหม่มาใช้ เผอิญไปเห็นเคลียร์โนสตัวฟอร์เม็นวางขาย หยิบ ๆ ดูส่วนผสม เห็นว่าใส่สารบำรุงมามากกว่าตัวปกติเล็กน้อยสำหรับตัวที่เป็น Step 1 (ตัว micacle water ) ก็เลยลองซื้อมาใช้ดู หลังจากใช้แล้วคิดว่าผลลัพธ์ไม่ต่างกันเท่าไหร่ ส่วน step ที่ 3 นั้นตัว for men จะมีขนาดแผ่น cotton ที่ใหญ่ขึ้น อีกอย่างนึงที่ชอบมากกว่าสูตรธรรมดาคือเพจเกจสวยกว่าเยอะเลยล่ะครับ ราคาอยู่ที่ 298 บาท เท่ากับตัวปกตินั่นแหละครับ แต่ผมเคยเห็นตัวปกติที่ไม่ใช่ For men ขายตามเซเว่นใหญ่ๆ กล่องละ 275 บาท ต้องลองตามหาดี ๆ ล่ะกันนะครับไม่แน่ในว่าตอนนี้ เซเว่นปรับราคาเท่าวัตสันหรือยัง Preview เคยรีวิววิธีการใช้อย่างอื่นลอกสิวเสี้ยนเมื่อแผ่น Cotton หมดไปแล้วที่ [วิธีใช้ clear nose ให้โคตรคุ้ม] __________________________________________________________________________________ Toning 7. Freshel whitening lotion ตอนที่ซื้อนั้นเป็นช่วงที่ฮาดะใกล้หมด อยากหาอย่างอื่นมาใช้บ้างเลยไปส่องๆ ส่วนผสม ของเจ้าอื่นดูเห็นเจ้าตัวนี้มีสารบำรุงใส่มาพอสมควรโดยเฉพาะวิตซีที่ใส่มาเป็นลำดับต้นๆ บวกกับราคาที่ถูกกว่าฮาดะที่ 490 .-/ 200 ml (ฮาดะ 520.- / 170 ml) วิธีใช้ ใช้เป็นขั้นตอน Cleaning check คือเหยาะ ๆ ใส่สำลีแล้วเช็ด ๆ เนื้อมันไม่ชุ่มชื้นพอที่จะเทใส่มือแล้วตบ ๆ เหมือนฮาดะได้ ตัวที่เลือกมาเป็นตัวสำหรับผิวแห้งเลยไม่มีแอลกอฮอร์ใส่มา มีตัวสำหรับผิวมันด้วยแต่ใส่แอลกอฮอร์มาแล้วก็ปรับเนื้อให้แห้งไวขึ้น ดู ๆ แล้วสูตรสำหรับผิวแห้ง น่าจะเวิร์คกว่าเลยจัดมาลองดู [อ่านรีวิวเต็มรูปแบบที่นี่] 8. Botanic : Whitening Skin Refreshing Toner โทนเนอร์อีกตัวที่ซื้อมาเพราะใส่วิตซีมาเป็นลำดับต้น ๆ กลัวประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเหมือนกัน แต่ด้วยราคาที่ถูกกว่าพอสมควร (ไม่แน่ใจเรื่องราคาแต่น่าจะ 325 .- / 200 ml ) วิตซีเองใส่มาในลำดับที่ 3 ค่อนข้างหวังผลกับวิตซีที่ใส่มาได้พอสมควร ถือว่าตัวนี้ค่อนข้างสวนกระแสเพราะส่วนใหญ่ถ้าพูดถึง botanic ก็จะนึกถึงพวกรีมูฟเวอร์กัน ไม่ค่อยมีใครนึกถึงโทนเนอร์ซักเท่าไหร่ หลังจากเปลี่ยนแพคเกจแล้วโบตานิคดูน่าใช้ขึ้นเป็นกองเลย ส่วนผสมก็ปรับไปในทิศทางที่ดีขึ้น และยิ่ง Boots จัดโปรโมชันลดราคาอยู่บ่อย ๆ ทำให้ราคาถูกลงไปอีก จะนำมาทำเป็น Cleaning check ก็ได้หรือจะนำมาทำเป็น cotton mask ก้ไม่มีใครว่ากัน [อ่านรีวิวเต็มรูปแบบได้ที่นี้] 9. Hada Labo super hyaluronic acid moisturizing lotion (ฮาดะสีขาว) ขวดที่ 3 แล้วสำหรับฮาดะขวดใหญ่และขวดที่ 3 สำหรับขวดเล็ก ที่ซื้อมานี้เป็น Bonus set แถมมาส์คชีทไฮยาราคาประมาณ 89 มั้ง ตอนซื้อได้โปรซื้อครบ 500 ได้รับส่วนลด 25 บาทเท่ากับว่าซื้อกล่องนี้มาในราคา 495 ได้ฮาดะขวดใหญ่กับ มาส์คชีทอีก 1 แผ่น ส่วนเจ้าขวดเล็กนี้ผมซื้อแยกมาอีกทีนะครับไม่ได้แถมมาเน่อ ส่วนผสมหลัก ๆ ก็เน้น Hyarulonic acid ที่ใส่มาถึง 3 รูปแบบเลยครับ ตัวของไฮยาหน้าที่ของมันคือเติมน้ำให้ผิว เพิ่มความชุ่มชื่นให้แก่ผิวนั่นแหละครับ ถึงแม้ว่าหน้าเราจะมัน แต่ยังไงก็ยังต้องการการเติมน้ำให้แก่ผิวอยู่ดี ไม่แน่นะครับที่หน้าเรามันนั้นอาจเป้นเพราะผิวเราขาดน้ำจนผิวต้องผลิตน้ำมันออกมา เพื่อไม่ให้หน้าแห้งจนเกินไปก็เป้นไปได้ครับ เพราะฉะนั้นแล้วคนที่หน้ามันก็ยังจำเป็น ที่จะต้องเติมน้ำให้ผิวเช่นกัน [อ่านรีวิวเต็มรูปแบบของฮาดะสีขาวได้ที่นี้] __________________________________________________________________________________ Essence / Serum 10. SK-II : Facial Treatment Essence ซื้อเป็นขวดเล็กมาใช้เพราะว่าขวดใหญ่เพิ่งหมดไปแต่เงินยังไม่มีที่จะซื้อขวดใหญ่มาใช้ เลยซื้อไซส์ 30 ml มาใช้ไปก่อน ขวดเล็กพกพาง่ายที่สำคัญเป็นขวดพลาสติกไม่ต้องกังวล ว่าขวดจะหล่นแตกเหมือนขวดแก้ไซส์เต็ม ค่าเสียหาย 600.- ลองหาดูตามร้าน ที่หิ้วของในห้างมาขาย บางร้านถูกกว่านี้ก้มีครับ SK-II : Facial Treatment Essence หรือที่เราเรียกกันติดปากว่าน้ำป้าเจี๊ยบนะครับ เน้นสารบำรุงแค่เพียงตัวเดียวนั่นก็คือ Saccharomycopsis Ferment Filtrate หรือ Pitera นั่นก็คือยีสต์ชนิดหนึ่ง ยังไม่มีผลการวิจัยว่าสายพันธุ์นี้ดีกว่าสายพันธุ์อย่างไรนะครับ แต่ยังไงก็ตามมันเป้นลิขสิทธิ์เดียวของ SK-II ที่เห้นแบรนด์อื่นใช้คำว่า Pitera อาจไม่ใช่ สายพันธุ์เดียวกันกับที่ SK-II ใช้หรือถ้าใช่ก็อาจใช้กรรมวิธีในการผลิตที่ต่างกันก็เป้นไปได้ครับ [รีวิวเต็มรูปแบบคลิ๊กที่นี้] 11. Olay White Radiance Cellulent white essence SK-II Cellumination essence EX หลายคนคงรู้จักดีกับ whitening ตัวดังจาก SK-II ราคาเบาะ ๆ แค่ครึ่งหมื่นเองอ่า O_o ส่วนประกอบที่หลายหลากแต่ราคาที่แพงจนสู้ไม่ไหว ทำให้ผมต้องเสาะหาไวท์เทนนิ่งที่ให้ผลคล้าย ๆ กันก็ไปเจอกับเจ้าโอเลย์ตัวนี้เอาเข้า Olay White Radiance Cellulent white essence ราคาเต็มอยู่ที่ 999 / 30 ml ซื้อตอนที่บิ๊กซีลดเหลือ 699 แถมได้โปรต่อที่สองคือซื้อครบ 500 ได้รับส่วนลดอีก 40 บาท ทำให้เจ้าโอเลย์ตัวนี้ซื้อมาแค่ 659 บาทเท่านั้น เรียกได้ว่าลดไป เกือบ 35% กันเลยทีเดียว comment ส่วนผสมหลัก ๆ ยังคงเป็น Niacinamide ที่โอเลย์ใช้เป็นตัวชูโรงในทุก ๆ ไลน์ แต่ที่ ดูจะโดดเด่นกว่าตัวอื่นคือ Undecylenoyl Phenylalanine หรือ UDP ที่มีผสมอยู่ใน SK-II Cellumination essence EX เรียกได้ว่าโอเลย์ขวดนี้เป็นแฝดน้องของ เซลลู เลยก็ว่าได้ แต่ยังไงก็ตามมันไม่ได้เหมือนกันซะทีเดียวนะครับตัวของ SK-II มีสารอื่น ๆ ที่ไม่มีในโอเลย์อีกหลายตัว แต่สารหลัก ๆ ที่ใส่มาในโอเลย์ก็ถือว่าเป็นแฝดน้องของ SK-II ได้ล่ะหน่า 12. Ganier : Dark spot corrector Correcteur Anti-Taches Daily Illumination Serum หลายคนบอกว่านี่คือวิตซีในรูป Ascorbic Acid ที่ราคาถูกที่สุด ผมก็มีความคิดเห็นเช่นเดียวกัน วิตซีของการ์นิเย่ตัวนี้ราคาเต้มอยู่ที่ 299 ซื้อตอนโปรเปิดตัวเหลือ 269 แต่ตามร้านขายส่งขายกัน ที่ 249 ใส่ Ascorbic Acid มาเป็นลำดับที่ 3 ในแพคเกจของต่างประเทศจะระบุไว้เลยว่า ใส่มา 5% แต่ราคาสูงกว่าที่ขายบ้านเราเท่านึง ทำให้ผมเริ่มเอะใจว่าที่นำมาขายในบ้านเรานั้น ใส่มาถึง 5% รึเปล่า ถึงแม้ว่าต้นทุนของ Ascorbic Acid จะไม่ใช่ของที่แพงอะไรเท่าไหร่ แต่ที่เค้าขายกันราคาเป็นพัน ๆ เลยก็คือกระบวนการและขั้นตอนการผลิตที่แตกต่างกันไป ทำให้ความเสถียรของผลิตภัณฑ์ต่างกันออกไป Preview อย่างที่บอกไปว่าราคาขายที่ต่างกันออกไปอยู่ที่กรรมวิธีในการผลิตการ์นิเย่ตัวนี้ถือว่าราคา ไม่ได้แพงอะไร ก็ต้องยอมรับว่าผลิตภัณฑ์จะให้ดีเท่าวิตซีหลอดละเป็นพันได้ยาก บางทีบีบออกมาเนื้อวิตซีกับเนื้อครีมแยกออกจากกันก็มี ยิ่งถ้าเอาไปทาบริเวณที่ sensitive หน่อย ทำเอาแสบจนต้องไปล้างออก เช่น รอบดวงตาและรอบปาก รวมถึงปีกจมูก ความรู้สึกเหมือนทาวิตซีของออนเรนทอลหนะครับที่ทาแล้วแสบเป็นบางบริเวณ หมายความว่าวิตซีที่ราคาระดับแมสส่วนใหญ่จะเป็นกันแบบนี้ครับ เค้ายังทำเนื้อออกมา ได้ไม่ดีพอ การปลดปล่อยสารต่าง ๆ ยังไม่ดีพอทำให้ทาแล้วแสบหน้าเอาได้ ในบางครั้งวิตซีแยกชั้นออกมาอย่างชัดเจนครับ 13. Smooth E สมูทอีตัวนี้เป็นตัว Original ของแบรนด์ Smooth E เลยก็ว่าได้ส่วนผสมที่โค่ด basic ไม่มีอะไรเลยนอกจากวิตามินอีกะวิตามินซี (คิดว่าวิตซีที่ใส่มาคงใส่มาไม่มากเท่าไหร่ น่าจะใส่มาเป็นสารเพิ่มความเสถียรมากกว่า) ตามที่แบรนด์เคลมมา เคลมเรื่อง กรรมวิธีการผลิตที่ใส่เทคนิค MES (ที่เข้าว่ากันว่าจะทำให้การซึมของสารบำรุงในครีมดีขึ้นกว่าปกติ) ถ้าเป้นไปถามนั้นจริงถือว่าวิตามินอีหลอดนี้เป็นวิตอีธรรมดาที่ไม่ธรรมดาซะแล้วครับ ซื้อมาตอนที่เซเว่นจัดโปรแถมแสตมป์ 1 หลอดได้แสตมป์ 36 ดวง ราคาเต็ม 104 บาท ซื้อครบทุก 50 บาทได้แสตมป์อีก 1 ดวง สรุปคือซื้อ 104 บาทได้แสตมป์ 38 ดวง ตีเป็นเงินคือ 10 กรัม ราคาแค่ 66 บาท !!! เท่านั้น ใครที่อยากลองดูว่าเหมาะกับตัวเองรึเปล่า ราคานี้ถือว่ากำลังดีครับ ไม่แพงจนเกินไป Preview เนื้อครีมดีสมกับที่แบรนด์เคลมมา เรื่องของส่วนผสมไม่ขอพูดอะไรมากเพราะถือว่า ไม่ได้มีอะไรที่โดดเด่นกว่าวิตามินอีในแบรนด์อื่น ๆ เท่าไหร่ ขอติดนิดนึงเรื่องน้ำหอม ที่กลิ่นมันเตะจมูกมาก ใครที่ผิวแพ้น้ำหอมเลี่ยงตัวนี้ไปได้เลย ส่วนตัวใช้วิตามินอี มาหลายแบรนด์เหมือนกันครับ ต้องยอมรับว่าสมูทอีเนื้อดีที่สุด ซึมเข้าผิวไวสุดครับ __________________________________________________________________________________ Oil / Balm 14. Bio Oil ออยบำรุงผิวตัวนี้ซื้อมาจากบิ๊กซีด้วยราคาโปรโมชันลดเหลือ 299 ไม่ได้หวังอะไรไว้เท่าไหร่ แค่อยากลองเล่น skincare พวกออยบำรุงผิวดูเฉย ๆ แต่หลังจากที่ซื้อมาแล้วนั้น ส่วนตัวรู้สึกว่ามันก็ใช้ได้เหมือนกันนะเนี่ย บางทีหน้าแห้งจัด ๆ ก็ใช้ตัวนี้เนี่ยแหละ นวด ๆ ตบ ๆ มันเข้าไปถ้ามันมันเกินไปก็ใช้ทิชชู่ซับออก อันที่จริงจุดประสงค์หลัก ๆ ของBio Oil เลยคือช่วยในเรื่องของแผลเป็น หรือหน้าท้องแตกลาย ไม่ได้ถูกวางให้ใช้กับหน้าหรอกแต่เนื่องจากส่วนผสมของมัน ค่อนข้างจัดเต็มพอสมควร Retinyl Palmitate นี่ก็คือวิตามินเอที่ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับ ลดเลือนริ้วรอยนิยมใช้กัน Tocopherol นี่ก็วิตามินอี แถมยังใส่สารบำรุงอื่น ๆ มาอีกเพียบ เห้นแบบนี้แล้วจะอดในใช้แต่กับตัวได้ไง ในเมื่อใช้กับหน้าแล้วไม่เกิดอาการแพ้ใด ๆ แล้วส่วนผสมที่จัดเต็มขนาดนี้อีก Preview เนื่องจากมันเป็นออยจึงแนะนำให้ใช้แค่ช่วงกลางคืนเท่านั้น แนะนำให้ใช้ช่วงที่ล้างหน้าเสร็จ เช็ดหน้าแค่หมาด ๆ พอแล้วก็ละเลงไอโอออย ตบ ๆ นวด ๆ มันเข้าไป 15. Egyptian Magic Cream อีกหนึ่งไอเท็มที่ซื้อมาตามกระแสอีกเช่นกัน ด้วยความที่หลาย ๆ ท่านบอกกันมาว่า Egyptian Magic Cream มันเหนือกว่าวาสลีนมากนะคุณ ทำให้ต้องซื้อมาเป็นของตัวเอง เอาให้จนได้ กระปุกนี้พรีมาจากในเน็ตราคาประมาณ 1200 (ราคาเต็มวัตสัน / loft ขาย 1800 ) วิธีใช้คือนวด ๆ เนื้อบาล์มจนเป็นออยแล้วค่อยใช้ทา ปกติทาบริเวณรอบจมูกและทาแทนลิปมัน ที่ริมฝีปากไป อาจทาที่ที่แห้งมา ๆ ด้วยเช่นแผลเป็นที่ขาก็ใช้เจ้านี่ทาได้ครับ ถึงแม้ว่าตอนนี้ยังไม่เห็นผลของแผลว่าแผลเป็นที่ขาจะดีขึ้นเท่าไหร่ แต่ตอนที่ทาลงแผลเป็นนั้น จากที่แห้งอยู่มันชุ่มชื่นขึ้นอย่างมาก (อันที่จริงวาสลีนก็ทำได้) Preview ส่วนผสมมันไม่มีอะไรเลยนอกจากสารให้ความชุ่มชื่นทั้งหลาย ทำให้รุ้สึกว่าราคา 1800 ที่ ขายนั้นมันแพงเกินไป แตกต่างจากวาสลีนมั้ย ขอตอบว่าต่างนะครับแต่น้อยมากกก ใครที่อยากได้ Egyptian Magic Cream มาใช้คงต้องคิดหลาย ๆ ตลบหน่อยว่าต้องการ ซื้อมาทำอะไร ถ้าต้องการแค่แทนวาสลีนเฉย ๆ ผมบอกเลยว่าไม่จำเป็น แต่ถ้าต้องการ สารบำรุงเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือต้องการเนื้อสัมผัสที่ดี Egyptian Magic Cream กระปุกนี้ ผมอนุญาตให้คุณเสียเงินซื้อได้ แค่ทว่าอยากให้ลองสั่งพวกที่แบ่งขายกันในเน็ตก่อนนะครับ เผื่อใครไม่ถูกใจจะได้ไม่เสียดายของ __________________________________________________________________________________ Mask Sheet 16. My Beauty Diary : Lemon C หนึ่งในสูตรมาส์คที่ชอบมากที่สุดจาก My beauty diary และเป็นอีกสูตรที่จำได้ว่า หาซื้อได้ยากมากกกกกก ทันทีที่เห็นจัดโปร 1 แถม 1 ที่วัตสันก็กลัวว่าจะไม่มีของเหมือนกัน แต่พอไปถึงเห็นว่ามีของก็เลยจัดมา 10 กล่องกันเลยทีเดียว ตกแล้วแผ่นนึง 27 บาท ถูกกวาพรีออร์เดอร์ซะอีก กลายเป็นสถิติใหม่ทำให้ MBD โปร 1 แถม 1 เป็นโปรที่ถูกที่สุด จากที่ปกติโปรที่ถูกที่สุดคือชิ้นที่ 2 ลด 5o% เหลือ 2 กล่อง 163 บาท และโปรที่ถูกรองลงมาคือ 2 กล่อง 169 บาท ครับ แต่ถ้าพรีจะตกประมาณ 3 แผ่นร้อยได้ครับ (เพราะที่ไต้หวันถูกมากมาก ตกแผ่นนึงไม่ถึง 25 บาทด้วยซ้ำ แต่พอเข้าไทยทีราคาพุ่งปรี๊ดดดดดดด !!) Preview แผ่นมาส์คบาง แต่เหนียว ทำให้แนบกับผิวหน้าพอดิบพอดี บวกกับสารบำรุงที่ อัดแน่นจัดเต็มตามสไตล์ MBD ถึงแม้ว่าสูตรนี้จะไม่ได้ใส่วิตซีมามากเท่าไหร่ แต่ก็ทำผมติดใจได้ ชอบมากแค่ไหนก็ลองดูตามรูปได้เลยครับ 555 17. Leader Clinic Mask ซื้อมาพร้อมกับ Montvert ข้างบนหนะครับ 1 แถม 1 เช่นกัน (ถ้าจำไม่ผิดปกติแผ่นละ 69 บาท) แบรนด์นี้เน้นความชุ่มชื้นแบบสุด ๆ เรียกได้ว่าคนหน้ามันอาจไม่ชอบเลยก็ได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปซักก็ทำให้เนื้อมันพอดีกับผิวหน้าครับ สูตร Regenerist ใส่รกแกะมาให้ด้วย 55 ไม่รุ้ว่าจะหวังผลกับมันได้มากน้อยแค่ไหน สารสกัดที่ใส่มาให้นั้นก็หลากหลายดีครับ ที่เด่นๆ สำหรับผมก้คงเป็นเมือกหอยทากครับ มีประโยชน์เยอะแยะสารบำรุงทั้ง AHA ทั้งไฮยารูรอน ล้วนมีอยู๋ในเมือกหอยทาก แต่กระนั้น มันไม่ได้ใส่มาลำดับแรก ๆ นะครับ สูตร firming เรียกได้ว่าแทบจะลอกสูตรข้างบนมาเลยทีเดียวแต่ตัดเมือกหอยทากออก และเพิ่มสารสกัดอื่น ๆ เข้าไปแทนครับ ยังไงก็เถอะตกแล้วแผ่นนึง 35 บาทถือว่าทำออกมาใช้ได้เลยทีเดียวครับ (ถ้าไม่มีมายด์เรื่องความชุ่มชื่นที่จะได้รับแบบสุด ๆ นะ) หลังจากที่ลองใช้แล้วทั้ง 2 สูตรสิ่งแรกที่รู้สึกคือแผ่นมาส์คดีกว่าที่คิด ถึงจะดีไม่เท่ามาส์คแผ่นละหลายร้อยก็เถอะ ส่วนเรื่องน้ำเอสเซนส์นั้น รู้สึกว่ามันเหนียวพอสมควร ถ้าไม่ได้อยู่ในห้องแอร์หลังมาส์ค อาจไม่ชอบมาส์คตัวนี้ไปเลยก็ได้ 18. Montvert whitening facial essence mask ซื้อมาตอน 1 แถม 1 ที่วัตสันเช่นกัน ราคาเต็มไม่แน่ใจแต่น่าจะอยู่ที่แผ่นละ 89 บาท มีมากมายหลายสูตรให้เลือกซื้อ ลองใช้ไปแค่ตัวเดียว สิ่งที่รู้สึกได้คือเนื้อมันค่อนข้างเหนอะพอสมควร แผ่นชีททำออกมาได้ค่อนข้างสบายผิวหน้าครับ ส่วนผสมของแต่ละสูตร ก็เลือกเอาแล้วแต่ชอบเลยค้าบบ สูตร Aqua Water เน้น Hyarulonic acid ใส่มาเป็นลำดับต้น ๆ มีสารให้ความชุ่มชื้นอย่าง Aloe หรือสารสกัดจากว่านหางจระเข้ใส่มาให้ด้วย ตามมาด้วยสารสกัดอืน ๆ อีกเล็กน้อย สูตร Vita white เน้นสารบำรุงจาก Niacinamide มีวิตามินซีและอี ใส่มาให้เป็นติ่งอยู่ลำดับท้าย ๆ คาดว่าน่าจะใส่มาเพื่อเพิ่มความคงตัวของมาส์คมากกว่า คงไม่ได้ใส่มาเพื่อนบำรุงอะไรเท่าไหร่ มีสารสกัดที่ใส่มาส่วนใหญ่เป็นสารสกัดจากมะนาวและส้มครับ อ่อใส่ไฮยามาให้ด้วยครับสูตรนี้ สูตร whitening เหมือนสูตร vita white แทบทั้งสิ้น ทั้ง Niacinamide , Ascorbyl Phosphate , Tocopherolและไฮยา คงมีแต่สารสกัดจากพืชต่าง ๆ เท่านั้นที่ต่างกัน สูตร Patinum เน้นสารให้ความชุ่มชื่นอย่าง Hya เป็นหลัก มีคอลลาเจนใส่มาให้ด้วย 555 ไม่รู้จะหวังผลกับคอลลาเจนได้มากน้อยแค่ไหน เพราะยังไม่เคยมีงานวิจัยรองรับว่าคอลลาเจนสามารถ ซึมเข้าาสู่ผิวได้ แต่ถ้ามันกองอยู่ที่ผิวก็ถือว่าเพิ่มความชุ่มชื้นไปครับ สูตร Collagen คล้ายกับสูตร platinum ข้างบนต่างกันตรงที่สูตรคอลลาเจนใช้ คอลลาเจนที่เข้มข้นกว่า แล้วก็ลดความเข้มข้นของไฮยาลง ส่วนสารสกัดต่างๆ ก็ปรับเปลี่ยนไปตามสูตร Preview ทั้ง 4 สูตรโดยรวมแล้วคล้ายกับ leader mask ด้านบน ทั้งเรื่องของความเหนียวของน้ำเอสเซนส์และลักษณะมาส์คชีท __________________________________________________________________________________ Sunscreen 19. Cancer Coucil : Active Sunscreen กันแดดตัวนี้สามารถใช้ทาได้ทั้งหน้าและตัว ด้วยราคาที่ไม่แพงแถมยังมีโปรโมชันกันอยู่บ่อย ๆ อย่างที่ซื้อมานี้ก็ซื้อมาในราคาลด 50% ที่ Tops Supermarket เหลือไม่ถึง 120 บาท เคยเห็นที่บู๊ทลด 50% ทุกไลน์ในแบรนด์นี้เลยก็มีครับ อันที่จริงกันแดดของ Cancer Coucil มีให้เลือกหลายแบบเลยนะครับสำหรับเด็ก สำหรับกันน้ำ Cancer Coucil นี้เป็นแบรนด์ของออสเตเรียครับ จากที่เก็บข้อมูลมาเป็นกันแดดที่ ขายดีเป็นอันดับต้น ๆ ของที่โน้นเลยล่ะครับ ความนิมอย่างล้นหลานว่าแบรนด์นี้แหละ ที่เอาแดดที่ออสเตเรียอยู่ (ถ้าบ้านเราความนิยมคงประมาณ Banana Boat นะครับผมว่า) Preview กันแดดได้ดีแต่มีข้อเสียคือใช้ทาหน้าแล้วหน้าจะมันมาก ประมาณนูโทรจีน่า Fine fairness แต่ใช้แล้วหน้าจะมีมันมากกว่า คิดว่าหมดแล้วคงไม่ได้ซื้อมาใช้อีก ไม่ใช่ว่าไม่ดีอะไร แต่ไม่ได้ชอบขนาดนั้น ส่วนใหญ่ก็ใช้ทาคอซะมากกว่าเพราะทาหน้าแล้วมันเหนอะไป 20. JuJu Aquamoist C Whitening UV Make Up Base H ถ้าพูดถึงจูจู ทุกคนคงนึกถึงน้ำตบ ๆ ของจูจูหรือไม่ก็ตัวเติมน้ำทั้งหลายที่จูจูได้ทำการตลาดเอาไว้ ผมคนนึงที่เพิ่งรู้ว่าจูจูได้นำผลิตภัณฑ์อื่น ๆ นอกจากบำรุงเข้ามาขาย กันแดดจูจูตัวนี้ ซื้อมาจากวัตสันเอามาลดล้างสต็อค เหลืออีกประมาณ 1 ปีหมดอายุ ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจอะไร แต่พอเห็นราคาเท่านั้นแหละรีบคว้าขึ้นมาทันที ขึ้นมาทันใด หลอดนี้ราคาเพียง 89 บาทเท่านั้น เนื้อกันแดดออกแนวเป็นเบสม่วงเวลาเกี่ยวจะทำให้ผิวดูไบรท์ขึ้นอีกนิดหน่อย สำหรับคนที่แต่งหน้า มันอาจเอาไปใช้แทนเบสไม่ได้ซะทีเดียว อาจต้องใช้อย่างอื่นเพิ่มเติม แต่ถ้าใครที่ไม่ได้ แต่งหน้าอะไรตัวนี้ถือว่าคอสเมติกใช้ได้เลยทีเดียว Preview เนื้อมันคล้าย ๆ กับนูโทรจีน่าสูตร fine fairness เช่นกันแต่ดูไบรท์กว่าเพราะให้สีตอนเกลี่ย เป็นโทนสีมวงนั่นเองครับ ใครที่เคยใช้พวกกันแดดที่มีคุณสมบัติปรับผิวให้ไบรท์ขึ้น น่าจะคุ้นเคยกับเนื้อแบบนี้ดี หลังจากทาแล้วแล้วหน้าไม่มันเท่าลอลีออลนะครับ เนื้อจะออกแนวแมทหน่อย ๆ ไม่แห้งจนเกินไป ปริมาณที่ให้มาคือ 38 ml ถือว่าไม่มากไม่น้อย 21. Loreal : UV Perfect กันแดดที่เรียกได้ว่าใช้สารกันแดดระดับเดียวกับลังโคม (แบรนด์ Hi end ในเครือ) มาพร้อมกับราคาที่แมสสุด ๆ แถมหลอดนี้ที่คุณเห็นอยู่นั้นจัดโปรที่เซเว่นด้วยนะครับ ได้แสตมป์มา 30 ดวง บวกกับ 2 ดวงจากยอดซื้อทุก 50 บาท เท่ากับว่า หลอดนี้มีราคาเพียง 107 บาทนั้น (15 ml) อ่อเซเว่นมีขายแต่สีเนื้อนะครับ แต่ไม่ต้องห่วงทาไปแล้วไม่รู้สึกว่ามีสีเนื้ออยู๋บนหน้าแต่อย่างใด แต่ถ้าใครกังวง ว่าจะทำให้เมคอัพของตนจะเพี้ยนแนะนำให้ใช้สีขาวไปเลยครับ เคยเจอถูกสุดคือที่โลตัสครับขนาด 30 ml สีขาวขายไม่ถึง 180 บาท !!! แต่ดันไม่มีของขายซะงั้น เรียกได้ว่าเป็นกันแดดเกรดเออีกตัวที่ทำออกมาในราคาไม่แพง สารกันแดดเสถียรที่สุดแบรนด์หนึ่ง ใช้เทคโนโลยี Tinosorb ที่ทำให้กันแดดเสถียรเอามาก ๆ (ถ้าเป็นฝั่งนูโทรจีน่าจะใช้เทคโนโลยี ที่ชื่อว่า helioplex) ข้อเสียอย่างเดียวที่ทำเอาหลาย ๆ คนเลิกใช้ไปเลยคือเนื้อของกันแดด ที่ทาเสร็จแล้วหน้ามันแผล็บ ขนาดผมเป็นคนหน้าแห้งยังรู้สึกได้เลยครับว่าหน้ามัน จากกันแดดตัวนี้ กันแดดลอลีออลเคยรีวิวไว้เต็ม ๆ แล้วครับที่นี่ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ 22. RJK UV White Sun Protectiong Fluid กันแดด RJK หรือ Rojukiss (ชื่อเก่า) ผมซื้อมาจากวัตสันกับโปรโมชันซื้อครบ 250 บาท ได้รับสิทธิ์ซื้อในราคาลด 50 % ราคาเต็ม 695 (อ้างอิงจากหน้าเว็บ RJK ประเทศไทยนะครับ ไม่แน่ในว่าวัตสันขายราคาตามนี้รึเปล่า) ลด 50% เหลือไม่ถึง 350 ถือซะว่าซื้อกันแดด ทั่วไปมาใช้ก็แล้วกัน ก่อนหน้านี่มีพี่ในวงการ (พี่โจ้) แนะนำมา บอกว่าตัวนี้กันแดดระดับเดียวกับ ลอลีออล (ถ้าพูดถึงกันแดดลอลีออลกับนูโทรจีน่านี่ทุกคนจะรู้กันว่าเสถียรมาก) แต่เนื้อดีกว่ามากตอนแรกก็ว่าจะไมซื้อแล้วล่ะเห้นราคามันสูงกว่าปกติ ขนาดลดแล้วก็ยังรู้สึกว่าแพงอยู่ดียังไม่ได้ลองใช้จริงนะครับ ไว้ใช้แล้วเป็นไงจะมารีวิวให้ฟัง แต่จากที่ลองป้าย ๆ ดูเนื้อดีจริง ๆ อย่างที่เค้าว่านั่นแหละ ปล ขอบอกว่าราคาแลกซื้อที่มันลด 50% หนะถูกกว่าพรีออร์เดอร์ซะอีก __________________________________________________________________________________ Body SunScreen 23. Biore UV Mild Care Milkมาถึงกันแดดตัวกันบ้างครับ กันแดดบีโอเรตัวนี้เป็นกันแดดไม่กี่ตัวของบีโอเรที่ ไม่มี่แอลกอฮอร์ ราคาประมา290 บาท แต่ผมซื้อตอนลดเหลือประมาณ 260 270 บาท ที่ชอบที่สุดคือเนื้อที่เป็นแนว Milky ผสม Jelly ทาแล้วแห้งสนิทไปกับผิวพร้อมกับ ผลทางคอสเมติกที่ทำให้รู้สึกเหมือนว่าทาแป้งฝุ่นทับลงไป จากการที่ใช้ดูแล้วตัวกันแดดค่อนข้างอ่อนโยน ทาแล้วสบายผิวไม่เหนียวเหนอะหนะ แอบรู้สึกว่าแพงไปหน่อยสำหรับกันแดดทาตัว แต่ถ้าแลกกับการที่ได้เนื้อสัมผัส ที่อ่อนโยนต่อผิว และความสบายหลังทาถือว่าพอหยวนกันได้ Preview แบรนด์เคลมว่าสามารถใช้กับผิวของเด็กได้ ดู ๆ แล้วถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ค่อนข้างอ่อนโดย ระดับนึง เคยนำมาทาหน้าก็ไม่พบอาการแสบหรือแพ้แต่อย่างใด ข้อเสียอย่างเดียว ที่อยากให้ปรับปรุงคือ PA มันแค่ 2 บวกเท่านั้น ทำให้วันไหนที่ลุย ๆ หน่อยก็ต้อง เปลี่ยนไปใช้ตัวอื่นแทน แต่ยอมรับเลยว่าเป็นกันแดดตัวอีกตัวนึงที่ชอบมาก ๆ ในขณะนี้ นี่แหละครับกันแดดทาตัวที่ผมเคยโปรยไว้ในเพจว่าเป็นกันแดดทาตัวตัวโปรดอีกตัวครับ __________________________________________________________________________________ Body Lotion 24. Nivea Body lotion in-shower intensive Skin Conditioner ตามกระแสอีกแล้วครับท่าน ซื้อมาจากบิ๊กซีกับโปรโมชันเปิดตัวลดราคาจาก 149 บาท เหลือ 99 บาท ด้วยความที่ตัวเองเป็นคนที่ทาโลชันแค่แขนกับคอทำให้รุ้สึกว่าถ้ามีอะไร ที่ทำให้เราทามันทั้งตัวได้ก็คงจะดี เห็นนีเวียทำ Product ตัวนี้ออกมา เลยคิดในใจว่า เอาว ะ ลองดูซักหน่อย วิธีใช้คือใช้ทาตอนที่อาบน้ำเสร็จแล้วก็ชโลม ๆ ทา ๆ มันเข้าไป นวด ๆ ตบ ๆ แล้วก็ล้างออก แต่ก็พบกับเหตุการณ์สุดระทึกเมื่อพบว่าตอนที่ล้างครีมออกแล้ว ผิวของผมไม่ต่างอะไรจากตอนที่ไม่ได้ใช้ครีมเลย อาจรู้สึกชุ่มชื้นขึ้นมาบ้าง แต่น้อยมาก นี่คนเป็นอีกตัวหนึ่งที่ผมไม่มีบุญพอที่จะใช้แล้วรู้สึกว่ามันดีกับตัวเอง Preview ส่วนผสมเน้นพวก Oil ต่าง ๆ เป็นหลัก triglyceride glycerin แต่ก็ถือเป็นอีกหนึ่ง item ที่ผิวหวัง อาจเป็นเพราะตัวเองตั้งความหวังไว้กับครีมตัวนี้ด้วยล่ะมั้ง ใช้แล้วแทบไม่รู้สึกอะไรกลับไปใช้โลชันทาผิวปกติดีกว่า : (( ตอนแรกหวังไว้ว่าฟีลมันต้องเหมือนกับเอาออยทาตัวแล้วล้างน้ำออก ซึ่งผมว่า ผมก็ไม่ได้หวังอะไรมากมายเลยนะเนี่ย ไม่ได้หวังให้ชุ่มชื่นล้ำลึกอะไร แต่สุดท้ายก็เป็นอีกหนึ่ง item ที่สอบตก !!! 25. Dove indulgent nourishing body lotion with Shea Butter อีกหนึ่งโลชันที่ซื้อมาใช้ซ้ำเป็นขวดที่ 2 แล้ว ไม่ใช่เพราะความชุ่มชื้นที่ได้จากมันเพียงอย่างเดีว แต่เป็นเพราะกลิ่น Shea butter ที่หอมและเรียกน้ำย่อยได้ดี (กลิ่นประมาณวานิลาแก่ ๆ ) ซื้อจากท็อปลดราคาเหลือ 99 บาท (จาก 139) ซื้อ 2 ขวดได้เซรัมบำรุงผมอีก 1 เซ็ต คุ้มขนาดนี้เลยเรียกเพื่อนมาแชร์ซื้อไปอีกขวดเพื่อที่จะได้ของแถม แล้วก้เอาของแถมมาแชร์กันอีกรอบ (ดูวุ่นวายเนอะ 55) โลชันโดฟตัวนี้เคยได้รับเลือกเป้น Personal Care Of the year 2012 ด้วยล่ะครับ ส่วนผสมก็ตามสไตล์โลชันที่เน้นเรื่องความชุ่มชื่นเป็นหลัก เช่น triglyceride เนื้อโลชัน ค่อนข้างข้น ทาตอนกลางวันแล้วตากแดดเหนียวตัวแน่นอน เลยเอาไว้ทาตอนกลางคืน จะได้หอมกันถ้วนหน้า ของแถมที่ได้มา 26. Johnsons Body care : Oxygen fresh lotion ซื้อมาตอนเซเว่นซื้อ 1 แถม 1 ราคาขวดละ 59 บาท 2 ขวดก็ 59 บาท เช่นกัน 555 สีฟ้าเป็นสูตรที่เน้นความเย็นเนื่องจากใส่แอลกอฮอร์มาในระดับนึง ใครที่ไม่ชอบก็ เลี่ยงไปแต่ผมได้นำสิ่งที่ไม่ชอบพลิกมาเป็นโอกาส เนื่องจากแอลกอฮอรเป้นตัวทำละลาย ที่ดีมาก ๆ ตัวนึง เวลาใช้ผมเลยนะมาผสมกับ Bio oil ผสมเป็นเนื้อเดียวกันก่อนแล้วค่อยทา ผลที่ออกมาคือเนื้อไม่เหนอะจนเกินไปแถมยังลดฤทธิ์ที่จะทำให้ผิวแห้งของแอลกอฮอร์ลงอีก ที่ชอบอีกอย่างคือตอนทาแล้วมันจะเย็นสบายผิวทาแล้วซึมแห้งไวมาก และด้วยความที่เป็นเนื้อเป็นรูปแบบเจล เพราะฉะนั้นแล้วไม่เหนอะผิวแน่นอนครับ 27. Johnsons Body care : 24 Hour Lasting Moisture Body Lotion ซื้อมาพร้อมตัวข้างบน ไม่มีอะไรโดดเด่นเท่าไหร่ ขณะทากลิ่นที่หอมเตะจมูกมากครับ แต่เมื่อทาไปได้ซักพักก็จะจางหายไปเอง ความชุ่มชื้นมีบ้างแต่ก็ไม่ได้มากอะไร เนื้อเป็นโลชันนะครับไม่ได้เป็นเจลเหมือนตัวข้างบน ส่วนตัวเอาไว้ทาขำ ๆ ให้ฟินกลิ่นตอนทาเล่น ๆ เฉยๆ 28. Bath & Body Works : Sexy Dahlia Rush Body lotion สำหรับตัวนี้มีคนซื้อมาฝากครับตัวนี้เป็นโลชันกลิ่นแนวหมากฝรั่งรสองุ่นหนะครับ ทาแล้วหอมจริงแต่หอมแบบอวล ๆ ถ้าทามากไปผมว่ามันก็รู้สึกว่ามันฉุนเกินไป เอาไว้ทาแค่ตอนกลางคืนเท่านั้นเพราะทากลางวันแล้วเดี๋ยวไปดีกับกลิ่นกายแล้วกลายเป็นเห็นจะยุ่งเอา ส่วนตัวชอบแบรนด์นี้อยู๋แล้ว อาจเป็นเพราะเรื่องกลิ่นที่ทำออกมาได้ชัดเจนในทุก ๆ กลิ่น ดมแล้วรู้เลยว่าเป็นกลิ่นนี้ ตอนที่ทาเสร็จกลิ่นยังติดตัวอยู่ ขณะว่าทาแล้วไปเลอะหมอนเลอะผ้าห่ม ทิ้งไว้วันนึงยังได้กลิ่นอยู่เลย อย่างว่า Bath & Body Works เค้าดังเรื่องกลิ่นอยู่แล้ว 29. Bath & Body Works : sea island cotton triple moist body cream ครีมบำรุงผิวจาก Bath & Body Works เช่นกันซื้อมาจากท็อปราคาอยู่ที่ 450 บาท ถ้าซื้อตามร้านหิ้วจะถูกกว่านี้ เนื้อเป็นครีมเลยค่อยข้างหนักกว่าตัวโลชันข้างบน กลิ่นก็หอมแนวดอกไม้หน่อย ๆ ไม่หอมแรงเท่าตัวข้างบนครับ ความุช่มชื่นถือว่า ทำออกมาได้ดีครับไมต้องใช้เนื้อครีมเยอะก็สามารถทาได้ทั้งแขน ประหยัดไปอีกเปราะ ส่วนเรื่องกลิ่นติดทนแอบรู้สึกว่าเนื้อโลชันทำออกมาได้ดีกว่า แต่เนื้อครีมจะชุ่มชื้นมากกว่า ไม่รู้ว่าเป้นเพราะคนละกลิ่นกันด้วยรึเปล่า แต่ส่วนตัวชอบทั้ง 2 แบบ แต่แอบรู้สึกว่าแพคเกจแบบครีมจะดูใช้ง่ายกว่าครับ แบบโลชันตอนใกล้หมด ไม่รู้ว่าจะต้องเขย่ากันยังไงให้ได้เนื้อโลชันออกมา แต่ถ้าเป็นของแพคเพจของตัวครีม จะเป็นหลอด ๆ ตอนใกล้หมดก็เอากรรไกรตัดเอา : P 30. Creabtree & Evelyn : Wisteria body cream Body cream ไฮเอ็นด์ตัวนี้ราคาพันกว่าบาทของพี่สาวครับ กลิ่นนี้ติดกันทั้งบ้าน ชอบกันทั้งพี่ทั้งน้อง กระปุกที่ 3 แล้วสำหรับกลิ่นนี้ กลิ่นมันหอมแบบธรรมชาติมากครับ ตอนแรกที่พี่สาวทานึกว่าใครฉีดน้ำหอม เพระใช้แค่นิดเดียวกลิ่นฟุ้งหอมไปทั้งห้อง เนื้อครีมค่อนข้างข้นแต่ไม่เหนอะผิว เน้นกลิ่นเป็นหลักเช่นกันสำหรับ Creabtree & Evelyn Preview ต้องบอกก่อนว่าทั้งตัวครีมและโลชั่นนั้นกลิ่นเป็นกลิ่นเดียวกัน ต่างกันเพียงแค่ครีมจะมีเนื้อที่ข้นกว่าและโลชันจะมีกลิ่นที่แรงกว่าครับ ของแพงและดีวันนี้ขอเสนอ Body Lotion จาก CrabTree & EveLyn คร้าบบบ โลชันตัวนี้กลิ่นหอมมากกกก คาดว่าคงไม่ใช่กลิ่นที่มาจากน้ำหอมเหมือนแบรนด์แมสทั่วไป แต่คงเป็นกลิ่นที่มาจากน้ำมันหอมระเหยครับ กลิ่นมันหอมแบบชื่นใจ หอมติดตัวและกลิ่นมันไม่เพี้ยนด้วยครับ หอมเหมือนฉีดน้ำหอมเลยล่ะ ยิ่งฟีลิ่งตอนทานะแม่เจ้าาอย่างกับอยู๋ในสปาที่จุดน้ำมันหอมระเหย จุดเทียนหอม กลิ่นมันกังวานไปทั่วทั้งห้องเชียวล่ะ เนื้อสัมผัสให้ความรู้สึกเหมือนตอนทาลิปมันแพง ๆ ที่โคตรชุ่มชื้นแต่ไม่รู้สึกว่าปากมัน ไม่รุสึกว่ามันเหนอะ โลชันตัวนี้ให้ความรู้ึกแบบนั้นเลยครับ โคตรชุ่มชื้นแต่ไม่เหนอะตัว เอาเป็นว่าโลชันตัวนี้เอามามินิรีวิวให้ดูกันเล่น ๆ และกันนะครับไม่ได้แนะนำไม่ได้ recommand ให้ลองซื้อมาใช้หรอกนะครับ เพราะราคามันสูงยิ่งกว่า Skincare หลาย ๆ ตัวอีกหนะ __________________________________________________________________________________ Other 31. Dove advance care : ultimate white เป็น Deodorant ของโดฟครับ ไม่มีแอลกอฮอร์ เวลาใช้แอบรู้สึกว่าซึมช้าไปหน่อย แต่กลิ่นทำออกมาใช้ได้ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้หอมเท่าโลชันเชียร์บัตเทอร์แต่ก็เรียกได้ว่า หอมใช้ได้ ของแบบนี้คงต้องลองเองนะครับง่าชอบกลิ่นแบบนี้กันรึเปล่า 32 เม็ดมาส์ค Kose ก่อนหน้านี้อยากได้เม็ดมาส์คมาใช้มาก ขอเถอะยี่ห้ออะไรก็ได้เห็นคนอื่นได้ทำมาส์ค เป็นสูตรของตัวเองใส่โน้นผสมนี่ รู้สึกอยากทำออกมาเป็นสูตรเฉพาะของเราแบบสุด ๆ และแล้วก็ได้เม็ดมาส์คนี้มาจนได้ ได้มาจากตลาดนัดทั่วไป เห้นว่าขายของแท้ เลยไปมอง ๆ ดู ตอนแรกขายเป็นเซทกับน้ำโสม แต่ส่วนตัวไม่อยากได้น้ำโสมเท่าไหร เป้นพวกโรคกลัวแอลกอฮอร์ เลยได้มาแค่เซทเม็ดมาส์ค ต่อราคากันไปมา ได้มาที่ 100 บาทถ้วน (อาจหาได้ถูกกว่านี้ ) คิดไว้ว่าจะเอามามาส์คฮาดะ โลชันโน้นนี่ที่ตนเองมี เม็ดมาส์คของโคเซ่เองมีหลุมสำหรับแช่เม็ดมาส์คด้วยเวลาใช้ก็เอาเม็ดมาส์คใส่หลุมแล้วก็ เหยาะโลชันต่าง ๆ ที่ตัวเองชอบลงไป แช่ไว้ซักพักเม็ดก็จะพองออก แต่พอได้ใช้เข้าจริงรู้สึกว่ามันค่อนข้างเปลืองโลชัน ใช้ทีฮาดะหายไปประมาณ 10% เท่ากับว่าถ้ามาส์คด้วยอาดะก็จะตกครั้งละประมาณ 60 - 70 บาท แพงกว่า My Beauty Diary ซะอีก แถมเม็ดมาส์คตอนฟูแล้วก็รู้สึกว่ามันไม่ได้ดีเว่ออะไร หลายคนอาจชอบการทำมาส์คแบบนี้แต่สำหรับผมแล้วผมชอบ mask sheet สำเร็จรูปมากกว่า __________________________________________________________________________________ จบไปแล้วขอภาพหมู่กันซักหน่อย |
Jimmy Return
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 73 คน [?] มหากาพย์ศาสตร์แห่งความงาม Link |
ขอบคุณมากๆครับ