All Blog
|
Review : Freshel - whitening lotion (Moist) Freshel whitening lotion (Moist) มีอยุ่ช่วงนึงที่แอบเบื่อฮาดะ ลาโบะ ทำให้ต้องไปสำรวจตลาดเผื่อจะเจออะไรดี ๆ บ้าง และแล้วก็ไปเจอกับน้ำตบของ freshel ตัวนี้เข้า ด้วยชื่อเสียงของ freshel เอง ที่เป็นแบรนด์ในเครือคาเนโบ้ (Kanebo) ยิ่งเพิ่มความน่าสนใจเข้าไปใหญ่ และหลังจากแสกนส่วนผสมคร่าว ๆ อยู่นานจึงจัดสินใจเลือกน้ำตบ ตัว Freshel whitening lotion สูตร Moist (M) ซึ่งจะแตกต่างจากสูตร light (L) ตรงที่ไม่มีแอลกอฮอร์นอกนั้นส่วนผสมคล้ายกันแทบทั้งสิ้นต่างกันแค่เพียง ลำดับของความเข้มข้นที่ใส่มาเท่านั้น 1.สวนผสม (40%) Water, Diproplyene Glycol,Glycerine,Butelyne glycol, Ascorbyl Glucoside, PEG-20, Diglycerine Potassium Hydroxide, Dipotassium Glycyrrhizate, Trisodium EDTA, Disodium EDTA, Sodium Citrate , Vaccinium Myrtillus Extract, Critic Acid, Saccharum Officinarum (Sugar Cane) Extract, PEG-60 Hydrogenated Castor Oil, citrus grandis (grapefruit) fruit extract , Citrus Aurantium Dulcis (Orange) Fruit Extract , Citrus Medica Limonum (lemon) Fruit Extract , Soluble Collagen, Dimethoxy DI-p-CRESOL , Acer Sacchurum (Sugar Maple) Extract, Sodium Hyaluronate, Phenoxyethanol, Methylparaben, Ethylparaben, Propylparaben, Butylparaben, ถึงแม้จะใส่ส่วนผสมพวก natural extract มาหลากหลายชนิด แต่ถ้าสังเกตดูดี ๆ มันอยู่หลังสารกลุ่ม EDTA ซึ่งเป็นสารกันเสียประเภทหนึ่ง (แนว ๆ สารเพิ่มความเถสียร)แทบทั้งนั้น เพราะฉะนั้นมันเลยไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่ มาดูสารในลำดับต้น ๆ อย่าง Ascorbyl Glucoside วิตซีที่เกิดจากการต่อกันของ Ascorbic acid กับ glucose ที่อยู่ในลำดับที่ 5 ถือว่ากลาง ๆ สำหรับการเป็นสารแอคทีฟหลัก ด้วยคุณสมบัติที่เป็น anti-oxidant ที่มีความเถสียรอยู่ในตัวแต่เรื่องการเป็นWhitening ยังไม่เป็นที่แน่ชัดนัก แต่อย่างไรก็ตามเจ้าโทนเนอร์ตัวนี้ก็ได้ใส่ Dipotassium Glycyrrhizate สารไวท์เทนทิ่งที่ใช้กันอย่างแพร่หลายและเป็นที่ยอมรับกันในวงกว้างมาด้วย ส่วนทีเหลือนอกจากสารที่กล่าวมานี้เป็นสารให้ความชุ่มชื่นที่ใส่มาหลายตัว รวมถึงสารกักเก็บน้ำตัวดังอย่าง Sodium Hyaluronate ด้วย (ตัวนี้ใส่นิดเดียวก็เพียงพอ) (น้ำบางส่วนที่ถูกอากาศและแสงแดดอาจถูก oxidize เปลียนรูปวิตซีที่ใส่มาจนมีสีเหลืองบ้าง แต่นั่นก็พิสูจน์ว่าเค้าใส่วิตซีมาด้วยจริง ๆ ) โดยรวมแล้วสาระสำคัญต่างๆ ก็ใส่มาให้ครบทั้งด้าน anti-oxidant,Whitening และ สารให้ความชุ่มชื่น แต่ดูเหมือนว่าสารกลุ่ม whitening จะใส่มาให้น้อยไปหน่อยรวมถึง Ascorbyl Glucoside ที่ทางแบรนด์ วางให้เป็นตัวชูโรงแต่กลับใส่มาในระดับกลาง ๆ ซะงั้น แต่ยังดีที่ ไม่ได้ใส่แอลกอฮอร์มา (ก็แหงล่ะสูตร moist นี่ !!) ขอลงคะแนนให้ที่ 6/10 คร้าบบบ 2.ผลการใช้ (30%) ตอนแรกที่แสกนส่วนผสมคร่าว ๆ ไว้นั้นความรู้สึกคือมันน่าใช้มาก ด้วยความที่เห็นวิตซีอยู่ในลำดับต้น ๆ แต่พอใช้ ๆ มันธรรมดาซะเหลือเกิน มาไล่ส่วนผสมดูอีกที่วิตซีอยู่ลำดับที่ 5 เลยนี่หว่า ความชุ่มชื่นที่ไม่ค่อยมี ส่วนทางกับส่วนผสมที่ใส่สารประเภทนี้มาหลายตัว เนื้อที่เป็นน้ำเหลว ๆ ซึ่งส่วนตัวรู้สึกมันเหลวเกินไปที่จะนำมาทำเป็นน้ำตบ ด้วยความที่ราคาไม่ได้สูงอะไรจึงตัดใจนำมาเทใส่สำลีแล้วเช็ดหน้าแทน หลังจากใช้ไปได้ซักระยะก็ไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงใด ๆ ทั้งสิ้น ได้แค่เพียงเตรียมผิวพร้อมรับการบำรุงและขจัดสิ่งสกปรกต่างๆ จากการใช้สำลีเท่านั้น คะแนนส่วนนี้ให้ไปที่ 4/10 คร้าบบบ 3.ความคุ้มค่า (20%) ราคา 200ml/490.- ถ้าใครจะนำมาเทใส่ฝ่ามือแล้วทาลงบนผิวหน้าเลย ถือว่าราคาเบาเมื่อเทียบกับน้ำตบด้วยกัน (ฮาดะ 170ml/520.-) หรือถ้าใคร นำมาใช้เป็นโทนเนอร์เช็ดผิวโดยเทใส่สำลีก็ถือว่าราคาปกติ ไม่ได้แพงอะไร ถึงราคาจะเกือบห้าร้อยบาทแต่อย่าลืมว่าได้ปริมาณถึง 200ml แต่ถ้ามองในด้านความคุ้มค่าจากส่วนผสมและผลการใช้แล้วยังแอบมีความรู้สึก เสียดายเงินอยู่ลึก ๆ มันน่าจะให้ความคุ้มค่ามากกว่านี้ เงินเกือบห้าร้อยบาท สามารถทำไปซื้อน้ำตบหรือโทนเนอร์เช็ดผิวที่ราคาเรทเดียวกัน แต่ส่วนผสมและผลการใช้ดีกว่านี้ได้ให้คะแนนในด้านความคุ้มค่าไปที่ 6/10 4.เนื่อผลิตภัณฑ์ / บรรจุภัณฑ์ (10%) เนื้อสัมผัสค่อนข้างเหลวเมื่อเทใส่สำลีแล้วเช็ดผิวไม่มีอาการเหนอะหนะอะไร แต่ความชุ่มชื่นก็ไม่มีด้วยเช่นกัน ขวดเป็นลักษณะโปร่งแสง แม้จะกรองแสงได้ ในระดับหนึ่งแต่ก็ยังมีโอกาสที่แสงแดดจะเข้ามาสัมผัสกับตัว product ได้อยู่ดี และยิ่งมีวิตซีเป็นส่วนประกอบด้วยแล้ว บรรจุภัณฑ์แบบนี้คงทำให้วิตซีเสื่อมสภาพลงได้ ถ้าไม่เก็บให้พ้นแสงแดด (วิตซีถ้าโดนแสดงแดดโดยตรงเสื่อมภาพแน่นอนครับ เหมือนกับภาพที่ได้โชว์ไปข้างต้น) คะแนนส่วนนี้ให้ไปที่ 7/10 สรุปคะแนน คะแนนรวมของ water essence จาก freshel ขวดนี้ได้ไปที่ >>> 55% ค่อนข้างต่ำตามน้ำผ้าที่ผมได้ใช้มากับตัวเอง ยังดีที่ปริมาณที่ให้มา ค่อนข้างเยอะและราคาที่ไม่สูงนัก ยังพอสู้กับตัวอื่น ๆ ได้อยุ่บ้าง (มั้ง !!) Favorite grade ผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้มันยังไม่โอเคเท่าไหร่ ถึงแม้ว่า>>>> D+ !!!!!!! จะมีส่วนผสมที่สามารถคาดหวัดได้ก็เถอะ แต่ยังดีที่ราคาไม่แพง จนรู้สึกซื้อมาแล้วเสียเปล่า ปริมาณ 200ml ขวดนึงก็ใช้ได้หลายเดือนอยู่เหมือนกัน (ถ้าใช้ทุกวันทั้งเช้าและเย็นน่าจะใช้ได้ถึง 2-3 เดือนเลยล่ะ) สำหรับคะแนนความชอบส่วนบุคคลนี้ขอตัดให้ที่ D+ คร้าบบ อย่างน้อยมันก็ไม่มีส่วนผสมที่ทำร้ายผิวนี่นา |
Jimmy Return
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 73 คน [?] มหากาพย์ศาสตร์แห่งความงาม Link |