★My Japan Trip, 10-16 Apr 2014 [Day2: Asakusa, Ueno, Ameyoko]★
สวัสดีค่า...วันนี้เป็นวันที่ 2 ที่อยู่ญี่ปุ่น โดยวันนี้เราจะไปเที่ยวในโตเกียวกันค่ะ ที่แพลนไว้คือจะไป Asakusa, Ueno, Ameyoko จริงๆจะไป Akihabara ด้วยค่ะ แต่แผนล่มเพราะอะไรติดตามกันนะคะ
จากเดิมแพลนว่าจะออกจากโรงแรมสัก 8.00 น. แต่ปรากฏว่าตื่นกันก็ 8.00 น. แล้ว เลยได้แต่ทำใจว่าวันนี้ไปไม่ครบแน่ๆเลย ระหว่างเดินไปยัง Shinjuku station ก็แวะหาอะไรทานกันที่ 7-11 ได้โอนิงิริ มาคนละก้อนราคา ¥230
เนื่องจากเมื่อวานเราพลาดซื้อบัตร Fuji-Hakone pass ก่อนออกไปเที่ยวเลยต้องแวะไปซื้อบัตรนี้ก่อน ตอนไปถึงเคาท์เตอร์ มีคนรอต่อแถวอยู่ประมาณนึง ขั้นตอนการซื้อไม่ได้ยุ่งยาก เพราะพนักงานพูดภาษาอังกฤษได้ดี แค่บอกว่าเราต้องการตั๋วแบบไหน เดินทางไปวันไหน กลับวันไหน และต้องการเดินทางไปอย่างไร จากนั้นก็จองเวลาขาไปค่ะ ส่วนรายละเอียดค่าตั๋วต่างๆ จะมาเล่าอีกทีตอนไปนะคะ
ซื้อบัตร Fuji-Hakone pass เสร็จประมาณ 10.00 น. ก็ออกเดินทางไปวัดอาซากุสะ วิธีการเดินทาง จาก Shinjuku station ขึ้นสาย Marunouchi line (สายสีแดง) ไปลงที่ Ginza station แล้วต่อสาย Ginza line เพื่อไปลง Asakusa station ออกทางออก EX1 ถึงแล้วววทางเข้าวัดอาซากุสะ แต่จริงๆวัดนี้ ชื่อ Senso-ji Temple
จากนั้นเดินเข้าวัดไปทางโคมแดงเลยค่ะ สองข้างทางก็จะมีร้านค้าขายของที่ระลึกและของกินมากมาย
สำหรับของที่ระลึกนี่ทำอะไรเราไม่ได้ ส่วนของกินนี่ถือว่าไม่พลาดเลยทีเดียวค่ะ อ่านรีวิวมาหลายรอบเค้าบอกกันว่ามา Senso-ji Temple ต้องไม่พลาดที่จะกิน "ซาลาเปาทอด" ค่ะ 2 ชิ้น สนนราคา ¥320
ก่อนเข้าวัดก็ต้องทำการล้างมือล้างปากตามธรรมเนียมกันก่อน
จากนั้นก็เข้าไปไหว้พระขอพรกันในวัด และก็ออกมามุ่งหน้าไปยังจุดมุ่งหมายถัดไปค่ะ
ตอนออกมาน่าจะราวๆเกือบเที่ยง ระหว่างทางเห็นคนยืนต่อแถวซื้ออะไรบางอย่างอยู่ โดยมีทั้งคนแก่ คนวัยทำงาน และวัยรุ่น เรากับแฟนเลยเอีะใจ แล้วคิดว่าเราน่าจะลองซื้อกินดูบ้าง ปรากฏว่าสิ่งนั้นคือ...ซาลาเปาทอดไส้หมู นั่นเอง ถ้าจำไม่ผิดชิ้นละ ¥200 ... ค่อนข้างแฉะไปด้วยน้ำมัน ไม่ได้อร่อยอะไรมากมายค่ะ
จากนั้นก็มุ่งหน้าเดินไปยัง Asashi beer tower, Tokyo sky tree และ Sumida park ระหว่างทางก็เจอกับแผ่นโลหะปั๊มมือของคนดัง
และแล้วก็ถึงสักที เป้นสัญลักษณ์ของ Asashi beer tower และยังเห็น Tokyo sky tree ด้วย
แล้วเดินมุ่งหน้าต่อไปยัง Sumida park กะว่าจะมานั่งชิลๆ แต่เนื่องจากหิวแล้วเลยกันได้ไม่นาน ช่วงที่เราไปซากุระในแถบโตเกียวเริ่มร่วงแล้ว บรรยากาศเลยออกแนวแห้งแล้งหน่อยๆ
อย่างที่บอกค่ะ หิวแล้ว เพราะฉะนั้นไปหาอะไรทานกันดีกว่า โดยเมนูนี้เราไปกินตามน้องแป้ง Kirari ค่ะ จาก Sumida park ก้เดินย้อนกลับมายัง Asakusa Station หาห้าง ASAKUSA EKIMISE ร้านอยู่ที่ชั้น 7 ชื่อร้าน Kimu Katsu ค่ะ ร้านไม่ใหญ่มาก มีพนักงานดูแลอยู่ 2 คน
มาดูเมนูที่เราสั่งกันค่ะ
ซูมๆ แต่ละเมนู
สนนราคาอาหารที่จ่ายไป คือ ¥3,270 ค่ะ ถือว่าแพง แต่เราว่าคุ้ม เพราะมันอร่อยมากกกก ทั้งหมู ทั้งข้าว ทั้งผัก คือมันอร่อยไปหมดซะทุกอย่าง โดยในเซ็ตจะสามารถเติมข้าว ผัก ซุป และเครื่องดื่ม อีกอย่างประทับใจในการบริการของเค้าด้วยค่ะ
จากที่กินอื่มแล้ว ก็ไปเที่ยวกันต่อเลย โดยเราจะไปดูซากุระที่สวน UENO กันค่ะ วิธีการเดินทาง จาก Asakusa station ขึ้นสาย Asakusa ไปลงที่สถานี Ueno จุดประสงคืที่มาที่นี่ไมา่ใช่อะไรค่ะ อยากเห็นซากุระแค่นั้น แต่ว่าเหลืออยู่น้อยมากๆ แต่คนก็ยังมาฮานามิกันอยู่ ผู้คนคึกคักดีค่ะ
แล้วระหว่างเดินกลับ ก็เจอทางเดินเข้าไปเหมือนจะมุ่งหน้าไปยังศาลเจ้า (หรือวัด) เลยลองเดินเข้าไปดูค่ะ
ตอนเดินออกมาเห้นทาโก๊ะยากิน่ากิน เลยจัดไป 6 ลูก ¥500
จากสวน ueno เราก็ไปกันต่อที่ตลาดอะเมโยโกะ โดยเราเดินไปนะคะ ไม่ไกลกันมากค่ะ ในโซนนี้มีของกินมากมายทั้งของคาว ของหวาน ผลไม้ ราคาไม่แพง มีร้านเครื่องสำอาง ร้านเกมส์ คือ เดินไปนี่แทบจะแวะทุกร้านเลยค่ะ
กินก่อนเลย สตอเบอร์รี่เสียบไม้ ¥200
แล้วก็เดินสำรวจตลาด ราคาของกันไปเรื่อยๆ
จากนั้นก็ไปต่อกันที่ ตึกม่วง (takeya) เราเดินไปเช่นกันค่ะ หลงนิดหน่อย แต่สุดท้ายก็มาถึง เอาแผนที่มาให้ดูค่ะ
พอถึงตึกม่วงแล้ว สติ สตางค์ ไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวค่ะ ตึกม่วงจะมีสินค้าหลายชนิดเลยนะคะ ทั้งขนมของฝากพวกปีอกกี้ ช้อคโกแลตต่างๆ เครื่องสำอาง และพวกวิตามินต่างๆ
ที่ตึกม่วงเราได้เครื่องสำอางมาพอสมควร แทบจะได้ตาม wish lists เลยก็ว่าได้ ส่วนขนมได้จากที่นี่มาพอสมควรจะเป็นพวกป๊อกกี้ ชอคโกแลตเมจิ ส่วนพวกคิตแคตทีแรกเราจำผิดคิดว่าที่นี่ราคาแพงกว่าตลาดอะเมโยโกะ เราเลยกลับไปตลาดอะเมโยโกะอีกครั้ง ก็ได้ขนมเป็นของฝากกันมาอีกพวกคิตแคตและทาโร่ และก็ได้เครื่องสำอางมาเพิ่มอีก เพราะจากที่เราสำรวจตลาดรอบแรก เราพอจำได้ว่าที่ตลาดมีอะไรถูกกว่าที่ตึกม่วงเลยกลับมาซื้อที่นี่ค่ะ
มาดูของที่เราไปเสียทรัพย์มาค่ะ
ดูจากปริมาณของที่ซื้อมาแล้ว เรากะแฟนไม่สามารถไปต่อได้แล้วค่ะ หนักและเหนื่อยมากๆ เลยตัดสินใจกลับที่พักดีกว่า ได้ราเมงแถวๆชินจูกุเป็นอาหารเย็นค่ะ เป็นร้านเล็กๆ สั่งโดยใช้การกดตู้อัตโนมัติ เราก็ดูรูปเทียบตัวอักษรเอาค่ะ แต่ปรากฏว่าดูพลาดเราอยากกินแบบเย็นแต่ได้ร้อน ส่วนแฟนอยากกินแบบร้อนแต่ได้เย็นมา ก็ขำๆดีค่ะ สองชามนี้สนนราคา ¥1040
จากนั้นก่อนกลับก็แวะ 7-11 อีกนิด ได้เบียร์มากินให้ชื่นใจคนละกระป๋อง
จากนั้นก็นอน เตรียมพร้อมจะลุยกันต่อในวันพรุ่งนี้ค่ะ
Create Date : 20 มกราคม 2558 |
|
0 comments |
Last Update : 26 มกราคม 2558 20:24:06 น. |
Counter : 2286 Pageviews. |
|
|
|