ฤดูหวานรัก...Sweet Ogi - Megi วางแผงแล้ว /สนพ. ที่รัก
Group Blog
 
 
สิงหาคม 2554
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
16 สิงหาคม 2554
 
All Blogs
 
บทนำ - บทที่ 1 ปรากกับวายร้ายในชุดสูท


บทนำ

ภายในห้องประชุมขนาดใหญ่ของอาคารสูงแห่งหนึ่ง ณ กรุงปราก เมืองหลวงแห่งสาธารณรัฐเช็ก เนืองแน่นไปด้วยผู้ร่วมประชุมจากนานาประเทศ อันประกอบด้วยนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนทั้งจากองค์กรอิสระและจากองค์กรระหว่างประเทศ รวมถึงสื่อมวลชนแขนงต่างๆ ที่แห่แหนกันมาทำข่าว นี่คือการประชุมใหญ่ของนักเคลื่อนไหวและเรียกร้องสิทธิมนุษยชนที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี

โรสลิน เสฎฐวุฒิ อดีตนักข่าวที่ผันตัวมาเป็น นักเคลื่อนไหวอิสระด้านการละเมิดสิทธิมนุษยชนกำลังยืนอยู่บนเวที เพื่อชี้แจงถึงสถานการณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชนที่มีอยู่ทั่วโลกในเกือบสองร้อยประเทศด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว หญิงสาว คือ หนึ่งในนักเคลื่อนไหวแถวหน้าที่รู้จักกันดีระดับสากล ในแวดวงดังกล่าว

“สถานการณ์ความมั่นคงในอัฟกานิสถานเลวร้ายลงอย่างมากจากการโจมตีของกลุ่มกบฏส่งผลให้ประชาชนต้องแบกรับผลกระทบจากความรุนแรง ความขัดแย้งได้กระจายไปเกือบหนึ่งในสามของพื้นที่ทั้งหมดของประเทศ จนส่งผลให้รัฐบาลไม่สามารถปกครองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่สามารถใช้อำนาจได้เต็มที่และไม่สามารถให้บริการความช่วยเหลือต่างๆ ได้โดยเฉพาะในเขตชนบท การก่อกบฏนั้นได้คร่าชีวิตทหารอัฟกานิสถาน เจ้าหน้าที่ของรัฐ และประชาชน หลายพันคน รวมถึงการเลือกตั้งที่ผ่านมามีผู้กล่าวหาว่ามีการทุจริตกันในวงกว้าง ผู้หญิงยังคงถูกกีดกันในการมีส่วนร่วม”

“สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ทรัพยากรธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของประเทศ นำมาซึ่งความขัดแย้งอันรุนแรง รัฐบาลต้องใช้กองกำลังในการต่อต้านกบฏ ส่งผลให้ราษฎรไม่รู้อีกเท่าไหร่ สตรีและเด็กหลายหมื่นคนถูกข่มขืนกระทำชำเรา หน่วยทหารของรัฐและกองกำลังหลายกลุ่มเกณฑ์เด็กหลายพันคนอย่างผิดกฎหมายไปเป็นทหาร”

“ในซูดานยังมีการใช้ความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และการละเมิดสิทธิมนุษยชนยังมีอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีการทำข้อตกลง สันติภาพดาร์ฟูร์ ระหว่างรัฐบาลและกลุ่มย่อยของกลุ่มเคลื่อนไหวเพื่ออิสรภาพของชาวซูดานแล้วก็ตาม แต่ความขัดแย้งอันรุนแรงยังคงดำเนินต่อไป กองกำลังรัฐบาลทิ้งระเบิดโจมตีหมู่บ้านหลายแห่ง สังหารพลเรือน และสนับสนุนกลุ่มกบฏเชื้อสายชาด”

“รัฐบาลเกาหลีเหนือยังคงควบคุมชีวิตของประชาชนอย่างเข้มงวดในหลายๆ ด้าน หลายสิ่งอย่างสะท้อนถึงชีวิตที่ยากแค้นในประเทศนี้ รัฐบาลพยายามควบคุมข้อมูลแทบทุกเรื่อง ไม่มีสื่อที่เป็นอิสระ ส่วนการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตก็จำกัดอยู่เพียงในวงเจ้าหน้าที่ระดับสูงและชนชั้นสูงอื่นๆ และนักวิชาการก็ถูกจำกัดเสรีภาพ สื่อในประเทศยังถูกเซ็นเซอร์อย่างเข้มงวดต่อไป”

“นี่เป็นตัวอย่างเพียงเศษเสี้ยวของการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่แทรกซึมอยู่ในทุกมุมโลก แม้หลายฝ่ายได้พยายามเรียกร้องให้รัฐบาลทุกประเทศเคารพสิทธิมนุษยชนสากลตามปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนและปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้สนธิสัญญาว่าด้วยสิทธิมนุษยชน แต่การละเมิดสิทธิมนุษยชนหลากหลายรูปแบบ ยังคงมีอยู่ ตั้งแต่การใช้ความรุนแรงต่อพลเรือน ข้อจำกัดของเสรีภาพในการแสดงออก การชุมนุม การจัดตั้งสมาคม การเลือกปฏิบัติและการข่มขู่ต่อกลุ่มที่อ่อนแอ”

“เป็นที่น่าเศร้าใจว่า การละเมิดสิทธิมนุษยชนยังคงปรากฏให้เห็นอยู่ในหลายๆ ประเทศ มนุษย์อีกมากมายยังคงปฏิบัติต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันอย่างไม่ยุติธรรม ตัวดิฉันเอง ในฐานะนักเคลื่อนไหวสิทธิมนุษยชนตัวเล็กๆ คนหนึ่ง อยากจะเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหันมาตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวด้วยมาตรการที่เข้มข้นขึ้น และขอปิดท้ายด้วยวาทะของประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาที่ได้กล่าวไว้ในการปราศรัยที่มหาวิทยาลัยไคโรว่า เราไม่ควรถูกนิยามจากความแตกต่างของเราแต่ควรถูกนิยามจากความเป็นมนุษยชาติเดียวกันมากกว่า ขอบคุณค่ะ”

เสียงปรบมือดังขึ้นทั่วห้องประชุมหลังจากโรสลินกล่าวจบ หญิงสาวก้าวลงจากเวที ลงไปเป็นผู้ฟังด้านล่างบ้าง และผลัดเปลี่ยนให้เพื่อนร่วมสายงานจากประเทศอื่นขึ้นอภิปราย การประชุมครั้งนี้กินเวลาเกือบสามวัน ด้วยมีประเด็นมากมายที่สมควรได้รับการเปิดเผยและกล่าวถึง (จบบทนำ)

บทที่ 1
ปรากกับวายร้ายในชุดสูท

กลางเดือนกรกฎาคม อากาศในฤดูร้อนของปรากใกล้เคียงกับเมืองไทย โรสลินในชุดเสื้อยืด กางเกงยีน รองเท้าผ้าใบ พร้อมสะพายเป้ เดินทอดน่องไปตามทางเท้าบริเวณจัตุรัสเวนเซสลาส ผมดำเหยียดตรงยาวเลยบ่าไปเล็กน้อยถูกผูกรวบเป็นหางม้าเหมือนปกติ

การประชุมสิทธิมนุษยชนเพิ่งปิดฉากไป พรุ่งนี้ หล่อนก็จะบินกลับกรุงเทพฯ จึงฉวยเอาช่วงเวลาครึ่งวันหลังของวันนี้ชมกรุงปราก ตั้งใจจะชมให้ทั่วเท่าที่เวลาจะอำนวย นี่เป็นครั้งแรกที่มีโอกาสมาเยือนกรุงปราก

เมื่อพูดถึงปราก หลายคนอาจนึกถึงความโรแมนติกที่แต่งแต้มไปทั่วทุกอณูของปราก แต่สำหรับโรสลิน กลับเพลิดเพลินกับการเสพร่องรอยความทรงจำในอดีตมากกว่า แฟชั่น ความทันสมัย และความคึกคักที่ตรึงนักท่องเที่ยวได้ชะงัด
โรสลินรู้สึกขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ว่ากำลังย่ำเท้ากลับไปยังอดีต ทั้งที่ทุกวันนี้ ไม่มีใครอยากมาปรากเพื่อรื้อฟื้นถึงปัญหาต่างๆ ในวันวาน ไม่ว่าจะปัญหาทางศาสนา ความวุ่นวายทางการเมือง และสงครามทำลายล้าง ทุกคนมาเพื่อหวังตักตวงความสุขจากที่นี่

คงมีแต่หล่อนกระมังที่คิดไม่เหมือนชาวบ้าน โรสลินสำรวจบรรยากาศย่านจัตุรัสเวนเซสลาส ที่บัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจและชอปปิง

ในอดีตที่นี่เคยเป็นแหล่งของบรรดาผู้กล้าออกมาเรียกร้องอิสรภาพ เป็นเวทีต่อต้านการปกครองของรัสเซีย และเป็นมุมของผู้โหยหาประชาธิปไตย

โรสลินเลือกนั่งพักจิบเครื่องดื่มในร้านคาเฟ่ริมจัตุรัสฯ ที่สามารถชมนาฬิกาดาราศาสตร์ที่อยู่บนหอคอยของศาลาว่าการเมืองเก่า ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1410 ยิ่งถ้าเป็นช่วงใกล้เวลาตุ๊กตาปรากฏตัวเพื่อบอกเวลา ผู้คนจะมายืนออกันเนืองแน่นด้านหน้านาฬิกาโบราณ

วันก่อนเพื่อนนักเคลื่อนไหวสิทธิมนุษยชนจากกรุงเวียนนา เล่าให้ฟังในห้องประชุมว่า มีเรื่องเล่าในอดีตว่า นาฬิกาเรือนนี้จะตายทุกครั้งที่เกิดเรื่องชุลมุนทางการเมืองในกรุงปราก

หล่อนจิบเครื่องดื่มอย่างไม่เร่งรีบ ยังมีเวลาอีกหลายชั่วโมงในการชมเมือง และชื่นชมวิวโดยรอบ
ณ ตรงจุดที่โรสลินนั่ง แลเห็นรูปปั้นผู้นำปฏิวัติอยู่กลางจัตุรัส ความงดงามสง่าของโบสถ์ตินในย่านเมืองเก่าโดดเด่นตรึงใจ

ไม่แปลกที่คนส่วนใหญ่มาที่นี่เพื่อเสพความโรแมนติก แต่สำหรับหล่อนความโรแมนติกเป็นเรื่องของความเพ้อฝันเสียส่วนใหญ่ อาจด้วยความเป็นคนบ้างานกระมัง หล่อนทุ่มเทกับงานด้านสิทธิมนุษยชนตั้งแต่เรียนจบปริญญาโทด้านวารสารศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์

ได้มีโอกาสคลุกคลีกับงานด้านนี้มาตลอดห้าปีเต็ม มีโอกาสเดินทางไปในหลายประเทศเพื่อเข้าร่วมสัมมนากับองค์กรระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชน มีโอกาสเขียนบทความลงในวารสารต่างประเทศหลายชิ้น

อีกทั้งยังมีส่วนร่วมในการประท้วงการละเมิดสิทธิมนุษยชนกับผู้คนหลายกลุ่ม เพื่อนสนิทหลายคนมักหยอกว่าหล่อนบ้างาน หายใจเข้าออกมีแต่งาน ทั้งชีวิตไม่เหลือพื้นที่ให้ความเพ้อฝันตามประสาหนุ่มๆ สาวๆ บ้าง

โรสลินยิ้มน้อยๆ ในสีหน้า หล่อนจะมีเวลาไปคิดเรื่องพรรค์นั้นได้อย่างไร แค่เรื่องงานเรื่องเดียวก็แทบไม่มีเวลาแล้วด้วยซ้ำ

แต่ใช่ว่าหล่อนจะไม่มีหนุ่มๆ มาติดพัน ภาพของบุลิน หรือ พี่แบงก์ เพื่อนรุ่นพี่ร่วมสถาบันการศึกษาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยผุดขึ้นในความคิด เขาลงทุนตามไปเรียนถึงที่สหรัฐอเมริกา หลังจากทราบว่าหล่อนได้ทุนไปเรียนต่อระดับปริญญาโทที่นั่น

บุลินเป็นเพื่อนรุ่นพี่ที่ดีที่สุดของหล่อนคนหนึ่ง ทุกวันนี้ยังคงมีความห่วงใยปรารถนาดีให้แก่กันเสมอมา แม้หล่อนยังไม่พร้อมมอบความรักฉันคนรักตอบแทนให้ก็ตาม แต่บุลินก็ยืนกรานว่าเขารอได้เสมอ

โรสลินไม่รู้ว่าวันนั้นจะมาถึงเมื่อไร อาจเป็นพรุ่งนี้ เดือนหน้า ปีหน้า หรืออีกสิบปีข้างหน้า อืม สิบปีอย่างหรือ หล่อนก็อายุ 38 ปีพอดี ถึงตอนนั้นบุลินอาจไม่ปรารถนาผู้หญิงวัยเฉียดสี่สิบคนนี้ก็ได้ หรือไม่เขาก็อาจแต่งงานไปแล้ว เพราะทนรอไม่ไหว

หล่อนส่ายหน้า ขำกับความคิดไร้สาระของตัวเอง นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนมัวครุ่นคิดแต่เรื่องอายุ การแต่งงาน และขึ้นคาน ใครรู้คงได้ขำ
หลังนั่งดื่มไปได้อีกสักพัก โรสลินก็ตัดสินใจเดินชมวิวต่อ ตั้งใจจะเก็บข้อมูล เพื่อนำไปเขียนบทความลงในนิตยสาร ตั้งหัวข้อเรื่องไว้แล้วว่า
‘นักสิทธิมนุษยชนประชุมใหญ่ ณ กรุงปราก’

ยังมีงานรอให้สะสางที่เมืองไทยอีกมากมาย ดังนั้นควรใช้เวลาที่เหลือในตอนนี้ให้คุ้มค่า ใช่ว่าจะมีโอกาสได้เดินทอดน่องหรืองนั่งชมวิวอย่างอ้อยอิ่งแบบนี้ได้บ่อยๆ ที่ไหนกัน

ตกเย็น โรสลินได้ชมวิวทิวทัศน์จนหนำใจ ได้เดินลัดเลาะไปตามตรอกแคบๆ ที่สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านรวงน่าสนใจ ได้ผ่านสะพานชาร์ลส์ ที่กลิ่นอายความโรแมนติกเข้มข้น จนแม้แต่หล่อนยังสัมผัสได้ ได้ชื่นชมคาเฟ่เก๋ๆ ริมแม่น้ำวัลตาวา

หล่อนมีโอกาสได้ชมปราสาทปราก และได้เสพงานสุดยอดสถาปัตยกรรมแบบโกธิกแห่งมหาวิหารเซนต์ วิตัส ที่ซึ่งพระศพของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 4 ฝังอยู่ที่นี่
ต้องเรียกว่าคุ้มค่าทีเดียวกับการเดินทางมาปรากครั้งนี้ นอกจากได้เป็นหนึ่งในตัวแทนคนไทยเข้าร่วมประชุมนักสิทธิมนุษยชนครั้งสำคัญ ยังได้สัมผัสเมืองที่งดงามมีเสน่ห์เมืองหนึ่งของโลก

เกือบสี่ทุ่ม โรสลินดูนาฬิกาข้อมือ อีกไม่ไกลก็จะถึงโรงแรม แต่ก็นึกโกรธตัวเองที่เพลิดเพลินกับการเดินชมวิว จนลืมเวลา เส้นทางเดินกลับโรงแรมเงียบเหงาในยามค่ำคืน มีผู้คนเดินสวนไปมาบางตาทีเดียว

โรสลินเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น อยากกลับที่พักให้เร็วที่สุด ตั้งใจว่าจะกลับไปเก็บข้าวของเตรียมเดินทางกลับในวันพรุ่งนี้

“อุ๊. . .! ” โรสลินหมดสิทธิ์เปล่งเสียงร้อง และตกใจอย่างรุนแรง เมื่อใครคนหนึ่งโผล่มาจากไหนไม่ทราบกระชากหล่อนเข้าไปชิดมุมตึก พร้อมกับปิดปากหล่อนด้วยมือหนาใหญ่

หัวใจหญิงสาวหล่นไปยังตาตุ่มในบัดดล มั่นใจว่าโดนจี้ชิงทรัพย์แน่ และหวังว่าคงไม่ถูกกระทำมิดีมิร้ายอย่างอื่นนะ

คุณพระช่วย! พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกช้างด้วย

โรสลินเบิกตากว้างขณะเพ่งมองคนตรงหน้าที่ยืนเบียดชิดจนหล่อนสัมผัสได้ถึงแผงอกแข็งแกร่งดังหิน โรสลิน อยากถอยห่าง รังเกียจความใกล้ชิดนี้ แต่ด้านหลังคือกำแพง จึงไม่มีที่ทางให้ถอยหนีได้ จำต้องปล่อยให้ทรวงอกอิ่มบดเบียดร่างกายของชายผู้นี้ต่อไปอย่างไม่มีทางเลือก

เขาเป็นผู้ชายตัวโตมากเชียวแหละ แต่ความมืดทำให้เห็นหน้าค่าตาเขาไม่ชัด พอเห็นรางๆ ว่าเขามีผมสั้นดำ คงน่าจะเป็นหนุ่มเอเชีย เขาสวมสูทสีทึมๆ โจรผู้ร้ายที่นี่ต้องสวมสูทอย่างดีในการปฏิบัติงานหรือนี่

“ถ้าคุณร้อง ผมยิงคุณไส้ทะลักแน่! ” ชายหนุ่มกระซิบกับโรสลินเป็นภาษาอังกฤษที่ฟังสำเนียงก็รู้ได้ทันทีว่าต้องเป็นภาษาแม่ของเขาแน่นอน
เสียงเย็นเยียบกับอะไรบางอย่างที่จ่อตรงเอวทำให้แข้งขาโรสลินเกือบทรุดไปเดี๋ยวนั้น สั่นเทาไปทั้งตัว หวาดกลัวจับจิตว่าจะถูกยิงทิ้งกลางตรอกเปลี่ยวๆ ในกรุงปราก

“ผมจะปล่อยมือ รับรองผมไม่ทำอันตรายคุณ ถ้าคุณสัญญาว่าจะไม่ร้อง” เสียงห้าวทุ้มกระซิบรินรดข้างหูอีกครั้ง
โรสลินขนลุกเกรียวขณะพยักหน้า เมื่อสัมผัสได้ถึงริมฝีปากอุ่นที่แตะใบหูแผ่วๆ เป็นระยะขณะเขาพูด

ให้ตายสิ! เป็นครั้งแรกในชีวิตที่หล่อนใกล้ชิดผู้ชายถึงขนาดนี้ ไหนร่างกายที่เบียดชิดกันตั้งแต่ศีรษะจดเท้าจนแทบเป็นเนื้อเดียวกันของทั้งสองอีก เขาบอกว่าจะไม่ทำอันตรายหล่อน แต่สิ่งที่เขากำลังทำถือเป็นสัญญาณการคุกคามที่ต้องนำมาซึ่งอันตรายแน่นอน

“ฉะ. . .ฉันมีเงินสดอยู่สามพันคราวน์เช็ก. . .คุณอย่าทำอะไรฉันเลยนะ” หล่อนวิงวอนเขาเสียงสั่นด้วยภาษาอังกฤษ เมื่อเขาปล่อยมือจากปากหล่อน ผิดไปจากโรสลินปากกล้าคนเดิม

ก็ใช่น่ะสิ ตอนนี้มีปืนจ่ออยู่ที่เอว ขืนปากกล้าไม่ดูตาม้าตาเรือ คงได้ตายเป็นศพต่างแดนไม่รู้ตัว

เขาสบตาหล่อนนิ่งอยู่ชั่วอึดใจ จังหวะนั้นหญิงชายคู่หนึ่งเดินผ่านมา โรสลินเกือบจะตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ แต่จำต้องพักความคิดนั้นไว้ เมื่อเขารู้ทัน กดกระบอกปืนเข้าที่เอวหล่อนหนักหน่วงขึ้น

โรสลินกลืนน้ำลาย ตามด้วยหายใจติดๆ ขัดๆ โอเค ในฐานะ นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนขาลุยคนหนึ่ง เคยพบเจอเหตุการณ์น่าหวาดเสียวมาบ้าง เคยถูกยิงปืนขึ้นฟ้าเพื่อข่มขู่ แต่. . .ยังไม่เคยมีใครเอาปืนจ่อเอวในระยะประชิดแบบนี้ ขยับดุกดิกสักนิดก็ไม่ได้ เพราะร่างกายใหญ่โตของเขากดล็อกหล่อนไว้ทั้งตัว

เสียงฝีเท้าใครอีกก็ไม่รู้เดินใกล้เข้ามาอีก โรสลินหวังว่าจะมีใครเอะใจ หรือ ถ้าให้ดีเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจไปเลย แล้วเข้ามาช่วยหล่อน จับวายร้ายนี่ไปเข้าคุกเสีย
พลันหล่อนก็เบิกตากว้างยิ่งกว่าเดิม เมื่อเขาประกบจูบอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย โรสลินตั้งท่าจะดิ้นขัดขืน แต่ปลายกระบอกปืนก็กดหนักๆ อย่างคุกคาม เช่นเดียวกับริมฝีปากเขาที่บดเบียดอย่างดุเดือดบ้าคลั่ง เหมือนตอนที่หล่อนดูภาพยนตร์ต่างประเทศไม่มีผิด

ที่สำคัญตอนนี้หล่อนเหมือนกำลังจะขาดใจตายอยู่รอมร่อ อยากจะหายใจก็ยากเย็นเหลือเกิน เขาไม่เว้นจังหวะให้หล่อนได้สูดอากาศเข้าปอด ซ้ำยังอยากจะปิดปากให้แน่นสนิทที่สุด เพราะกลัวจูบของเขาจะล้ำลึกมากไปกว่านี้ แค่นี้ก็น่ารังเกียจมากพออยู่แล้ว

อืม ถึงแม้จะไม่ได้น่ารังเกียจมากอย่างที่ควรจะเป็นก็เถอะ และนั่นอาจเป็นเพราะกลิ่นกายและรสชาติจูบที่หอมสะอาดของวายร้ายคนนี้

ผู้ร้ายที่นี่นอกจะใส่สูทอย่างดีแล้ว ยังรักษาความสะอาดเป็นอย่างดีอีกด้วย!
สุดท้ายจำต้องเผยอปากเล็กน้อยเพื่อสูดอากาศหายใจ แต่นั่นก็เพียงพอให้เขาฉวยโอกาสรุกล้ำหล่อนด้วยลิ้นอุ่นๆ ช็อกและตกใจสุดขีดยิ่งกว่าครั้งไหนในชีวิต

หล่อนอาจเก่งกล้าในหลายเรื่องๆ เป็นนักเคลื่อนไหวสิทธิมนุษยชนขาลุย ปากกล้า แต่ยอมรับอย่างไม่อายเลยว่าหล่อนอ่อนหัดในเรื่อง. . .จูบ

โรสลินตัดสินใจผลักอกเขาอย่างแรง ไม่สนใจแล้วเรื่องปืน แต่ก็เปล่าประโยชน์อยู่ดี เขากักขังหล่อนไว้ด้วยร่างกายอันแข็งแกร่งใหญ่โตยากจะหลุดพ้น และตอนนี้ทั้งสองก็เหมือนสองหนุ่มสาวที่กำลังจูบกันดูดดื่มอยู่ริมทาง หล่อนไม่แน่ใจว่านี่เป็นเรื่องปกติของคนที่นี่หรือไม่ แต่สำหรับหล่อนนี่คือภาพอุจาดตาอย่างแน่นอน
วายร้ายในชุดสูทค่อยๆ ถอนจูบออกช้าๆ ในที่สุด เขาหันมองทางซ้ายขวาอย่างระมัดระวัง และมีสีหน้าเหมือนกับโล่งใจ

หล่อนยังมีสีหน้าตื่นตระหนก นัยน์ตาไม่เล็กหรือโตเกินไปเบิกกว้างเมื่อวายร้ายในชุดสูทหันกลับมา

“ผมขอโทษที” เขาเอ่ยเป็นภาษาอังกฤษ น้ำเสียงสุภาพแตกต่างจากน้ำเสียงข่มขู่ก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง พร้อมกับเก็บปืนเหน็บไว้ที่เอวอย่างมิดชิด

กว่าสมองจะกลับมาทำงานปกติก็ใช้เวลาหลายวินาที เมื่อสติกลับคืนมาครบถ้วน โรสลินก็ขึ้นเข่าทันที หวังจะเอาให้เขาจุก แต่วายร้ายว่องไวกว่าที่คิด หลบได้ทันท่วงที หญิงสาวเลยตัดสินใจผลักอกเขาออกอย่างแรง วิ่งหนีพรวดทันทีอย่างไม่ต้องคิด นี่เป็นโอกาสเหมาะสุดที่จะหนีพ้นจากวายร้ายในชุดสูท ขืนรีรอ มีหวังได้ถูกหมอนี่ลากไปทำปู้ยี่ปู้ยำที่ไหนแน่ เพราะดูเหมือนมันจะไม่ได้หวังแค่ทรัพย์สิน

ชายหนุ่มหันมอง ใบหน้าคมคายยังเปื้อนยิ้มน้อยๆ ราวกับกำลังขำอะไรสักอย่าง
ขณะจัดสูทให้เข้าที่เข้าทางและเตรียมจะก้าวเท้าเดิน หางตาก็เหลือบเห็นแสงวิบวับบนพื้น เมื่อก้มมอง เห็นสร้อยข้อมือเส้นหนึ่งตกอยู่บนพื้น เขาก้มหยิบขึ้นมา คงเป็นของสาวน้อยคนเมื่อกี้ หันขวับอีกครั้ง ไม่เห็นวี่แววของหล่อนแล้ว และไม่รู้จะไปตามที่ไหน

เขาสำรวจสร้อยในมือ เป็นสร้อยทองคำขาวเขียนชื่อ Rosalyn และเพิ่งสังเกตว่ามันขาดเสียแล้ว คงเกิดจากเหตุการณ์เมื่อสักครู่ เขาตัดสินใจหย่อนสร้อยข้อมือลงในกระเป๋าเสื้อ คงทำอะไรไม่ได้ดีไปกว่านั้น ในเมื่อเจ้าของวิ่งหนีหายไปแล้วอย่างไร้ร่องรอย และเขาก็ไม่มีเวลาตามหา ยังมีภารกิจด่วนรอเขาอยู่

**********

โรสลินวิ่งหนีไม่ลืมหูลืมตา กลัวจับใจว่าวายร้ายนั่นจะตามมา แต่ก็โล่งใจเมื่อเหลียวหลังหลายครั้ง ไม่พบใครวิ่งตามมา กว่าจะมาถึงโรงแรม โรสลินก็เหนื่อยหอบ ยังไม่หายขวัญเสียกับเหตุการณ์เมื่อสักครู่

“ไฮ! โรส ทำอะไรมา เหนื่อยหอบขนาดนี้” เพื่อนสาวนักสิทธิมนุษยชนชาวมาเลเซียทักทายเป็นภาษาอังกฤษ เมื่อบังเอิญพบกันที่หน้าลิฟต์

“เปล่า. . .ไม่มี. . .อะไร. . .หรอก. . .แค่ลอง. . .วิ่ง. . .นิดหน่อย” โรสลินตอบเสียบหอบ และไม่กล้าเล่าว่าถูกวายร้ายที่ไหนก็ไม่รู้กระชากไปขยี้จูบริมทาง

“ว้าว! น่าสนุกดีจังนะ” เห็นได้ชัดว่าสาวมาเลเซียทั้งขำและถูกใจในคำตอบของอีกฝ่าย

ตั้งแต่อยู่ในการประชุม สาวมาเลเซียคนนี้ก็เอ่ยปากชื่นชมหลังจากหล่อนขึ้นไปพูดบนเวทีแล้ว เธอบอกว่าแม้โรสลินจะอายุน้อยก็จริง แต่มีความสามารถ มุ่งมั่น ตั้งใจจริง และเต็มที่กับงานด้านสิทธิมนุษยชน

“จ้ะ สนุกมาก” โรสลินสูดอากาศเข้าปอดอย่างหนักหน่วง การวิ่งหนีวายร้ายนั่นทำให้หล่อนแทบหมดแรง

“แล้ววันนี้ ไปชมเมืองปรากเป็นยังไงบ้าง ฉันไม่มีเวลาเลย ไม่งั้นจะไปด้วย เสียดายอดสัมผัสความโรแมนติกเลย เพิ่งได้มาครั้งแรกด้วย ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้มาอีก” สาวมาเลเซียพูดอย่างเสียดาย

“ดีแล้วล่ะที่เธอไม่ได้ไปชม ไม่เห็นจะโรแมนติกเลยปราก กักขฬะ ป่าเถื่อน ไร้อารยธรรมสิ้นดี” โรสลินนึกถึงวายร้ายในชุดสูทนั่น

สาวมาเลเซียอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนยิ้มขำ “ฉันชอบเธอจริงๆ เลยโรส มีอะไรแปลกๆ ให้ฉันขำเรื่อย ไปล่ะ พรุ่งนี้ต้องเดินทางแต่เช้า บาย”

“บาย” โรสลินเอ่ยลาเมื่อเพื่อนร่วมอาชีพเดินออกจากลิฟต์ ส่วนหล่อนพักอยู่อีกชั้น ภาพเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ผุดขึ้นมาอย่างไม่ได้รับเชิญอีกครั้ง

บ้าจริง! หล่อนจะไม่มีวันมาเหยียบปรากอีกแน่นอน ครั้งเดียวเข็ด ต้องมาเสียจูบแรกที่นี่ให้กับผู้ร้ายที่ไหนก็ไม่รู้ และจะจำจนวันตายว่าหล่อนถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนที่นี่!

ลาก่อนตลอดกาล กรุงปราก. . .

***********

ภายในห้องประชุมขนาดย่อมของอาคารแห่งหนึ่ง ณ ประเทศไทย อันเป็นที่ตั้งของบริษัท ซินเซียร์ เอเชีย บริษัทยายักษ์ใหญ่อันดับหนึ่งในภูมิภาคเอเชีย
รองศาสตราจารย์ดอกเตอร์ ณิชารีย์ สินมหัต นักวิทยาศาสตร์ด้านไวรัสวิทยา และหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านนาโนเทคโนโลยี วัยสามสิบสองปี หัวหน้าทีมวิจัยค้นคว้า แคปซูลนาโนบอต รักษาเชื้อไวรัสเอชไอวี กำลังรายงานความคืบหน้าของโครงการดังกล่าว ที่ได้ดำเนินการมาเกือบห้าปี ให้แก่กรรมการบริหารของบริษัทและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐที่ให้การสนับสนุนโครงการสำคัญระดับประเทศ
ยารักษาเชื้อเอชไอวีคือสิ่งที่มนุษยชาติกำลังเฝ้ารอคอยอย่างใจจดใจจ่อและมีความหวัง

“โครงการของเราสำเร็จไปเกือบหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วค่ะ เดอะ เพอร์เฟ็กต์ บัคกี้บอลล์ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางโมเลกุล 1 นาโนเมตร ที่เราสังเคราะห์มาจากอนุพันธ์บัคกี้บอลล์ ชนิดหนึ่ง มีประสิทธิภาพเต็มร้อยในการฆ่าเชื้อไวรัสเอชไอวีหลังจากทำปฏิกิริยากับแสงอินฟาเรด ซึ่งเราเป็นบริษัทแรกที่สามารถสังเคราะห์อนุพันธ์บัคกี้บอลล์ที่มีความสมบูรณ์แบบในการทำลายล้างเชื้อไวรัสหรือเซลล์ขยะ
เดอะ เพอร์เฟ็กต์ บัคกี้บอลล์ จะถูกบรรจุในเปลือกนาโน ที่ทำหน้าที่นำส่งยาแบบนำวิถี นั่นคือ ตัวยาจะถูกส่งตรงเข้าไปทำลายเชื้อไวรัสเอชไอวีโดยตรง โดยไม่ส่งผลกระทบต่อเซลล์ดีๆ ส่วนอื่นของร่างกาย เนื่องจากตัวเซ็นเซอร์ที่เราติดไว้ในแคปซูล ได้ถูกติดตั้งโปรแกรมให้ทำหน้าที่ปล่อยแสงอินฟาเรด เพื่อให้ทำปฏิกริยากับเดอะ เพอร์เฟ็กต์ บัคกี้บอลล์ เมื่อเจอเชื้อไวรัสเอชไอวี มันมีความฉลาดเทียบเท่ากับมนุษย์ เป็นสุดยอดแคปซูลนาโนบอตที่มนุษย์กำลังรอคอย”
ดอกเตอร์สาวสวยอธิบาย

“แคปซูลนาโนบอตในโครงการนี้เกือบจะสำเร็จ แปลว่าก็ยังไม่สำเร็จอยู่ดี ตรงนี้คุณพอจะอธิบายให้ผมฟังได้มั้ย” เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐท่านหนึ่งย้อนถาม
หญิงสาวชะงักนิ่งไปชั่วอึดใจ

“กฎพื้นฐานของโลกเราก็คือ ทุกสิ่งอย่างย่อมมีข้อดีและข้อเสียในตัวของมันเอง และ เดอะ เพอร์เฟ็กต์ บัคกี้บอลล์ ก็เป็นหนึ่งในกฎพื้นฐานนั้น จากผลการทดลองกับกลุ่มผู้ติดเชื้อ การสะสมของสารเดอะ เพอร์เฟ็กต์ บัคกี้บอลล์ ในระยะหนึ่ง ก่อเกิดผลกระทบต่อร่างกายมนุษย์ที่. . .ไม่ค่อยน่าพอใจนัก นั่นคือ มันส่งผลต่อระบบการทำงานของสมอง อาจทำให้เกิดอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบได้ค่ะ”

“งั้นนี่ก็ยังไม่อาจป็นยารักษาเชื้อเอชไอวี มันยังถือเป็นงานวิจัยที่อาจล่องลอยในความฝันอย่างไม่รู้จะสิ้นสุดเมื่อไหร่ และมันใช้เวลานานกว่าที่คุณเอกภพได้อธิบายให้ผมฟังแต่แรก นานเกินไปมาก” ชายสูงวัยหันไปทางประธานบริษัท ซินเซียร์ เอเชีย ที่เริ่มมีสีหน้าลำบากใจ

“เราต้องขอเวลาอีกสักหน่อย ผมรับรองว่าการค้นคว้าวิจัยในครั้งนี้จะสัมฤทธิผลในไม่ช้า” ประธานแห่งซินเซียร์ เอเชีย ตอบอ้อมแอ้ม

“ห้าปีแล้วนะ ไหนตอนแรกคุณบอกผมว่าการวิจัยค้นคว้าจวนเจียนจะแล้วเสร็จ ไม่น่าจะใช้เวลาเกินสองปี แต่นี่มันล่วงเข้าปีที่ห้าแล้ว เราลงทุนกับโครงการนี้ไปไม่รู้เท่าไหร่ เพราะเราเชื่อว่าเห็นแสงรำไรที่ปลายทาง แต่วินาทีนี้ ผมชักไม่แน่ใจแล้วสิ เพราะว่าแสงรำไรที่ว่านั่น อาจเป็นแค่ภาพลวงตา”

เห็นได้ชัดว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐมีน้ำเสียงมึนตึงขึ้นทุกที และนั่นยิ่งทำให้นายเอกภพใจเสียขึ้นทุกขณะ กลัวว่าทางรัฐบาลไทยจะถอนความร่วมมือและการลงทุน

ประธาน ซินเซียร์ เอเชีย ทุ่มสุดตัวกับโครงการนี้ ทว่ามันกินเวลาและเงินลงทุนมากกว่าที่เขาคาดไว้ และตอนนี้สถานะทางการเงินของซินเซียร์ เอเชีย ก็อยู่ในขั้นย่ำแย่ ถ้าไม่ได้เงินสนับสนุนจากทางรัฐบาลละก็ งานวิจัยครั้งนี้คงต้องปิดฉาก

แต่เขาจะไม่มีวันยอมให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นเด็ดขาด โลกทั้งโลกจะต้องจารึกผลงานชิ้นโบแดงครั้งนี้ของเขาไว้ตลอดกาล เขาต้องการให้ซินเซียร์ เอเชีย ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของมวลหมู่มนุษยชาติ ในฐานะที่คิดค้นยารักษาเชื้อไวรัสเอชไอวีได้เป็นรายแรกของโลก

เมื่อนั้นซินเซียร์ เอเชีย ก็จะได้จดสิทธิบัตร แคปซูลนาโนบอต รักษาเชื้อไวรัสเอชไอวี ที่คนทั่วโลกกำลังเฝ้ารอและพร้อมทุ่มไม่อั้นเพื่อยาตัวนี้

“เอ่อ ท่านครับ บางที งานวิจัยตัวยา อาจล่าช้าไปบ้าง นั่นเป็นสิ่งที่เรากำหนดไม่ได้ก็จริง แต่ผมมั่นใจว่า แคปซูลนาโนบอต จะสำเร็จสมบูรณ์อย่างแน่นอน แค่ขึ้นอยู่กับว่าช้าหรือเร็วเท่านั้น” นายเอกภพพยายามหว่านล้อม
เจ้าหน้าที่ระดับสูงหัวเราะหึหึ

“นานแค่ไหนล่ะ หรืออีกสิบปี ผมบอกคำเดียวว่าเราทนรอไม่ไหว เงินทุนของเรา
จมไปกับโครงการนี้ ไม่รู้เท่าไหร่ ตอนนี้เบื้องบนระงับทุนสนับสนุนให้กับโครงการนี้แล้ว และผมคงช่วยอะไรคุณไม่ได้ นอกจากขอแนะนำว่าคุณอาจต้องหาผู้สนับสนุนเพิ่ม ไม่เช่นนั้น โครงการนี้ และ แองเจิล ฮาร์ต โปรเจกต์ (Angel Heart Project) อาจต้องปิดฉากลงในไม่ช้า”

นายเอกภพหันไปสบตากับดร. ณิชารีย์ และส่งสัญญาณทางสายตาบางอย่าง

“ท่านค่ะ ดิฉันเชื่อว่าคงไม่น่าจะกินเวลาเกินหนึ่งหรือสองปี นี่เราก็ใกล้จะประสบความสำเร็จแล้ว เรากำลังอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการทดลอง ถ้าเราล้มเลิกตอนนี้ก็เท่ากับทุกสิ่งที่เราทำกันมาไม่มีประโยชน์อะไรเลย เราจะย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง มันน่าเสียดายกับการค้นคว้าวิจัยที่ผ่านมา” รศ.ดร. ณิชารีย์ พยายามอธิบาย

“ผมก็ไม่ได้หมายความว่า โครงการนี้จะต้องปิดตัวลงในตอนนี้ แต่ทางรัฐบาลต้องขอระงับทุนสนับสนุน ดังนั้น ทางซินเซียร์ เอเชีย อาจต้องดิ้นด้วยตัวเองบ้าง อย่างที่ผมแนะนำ คุณควรหาผู้ร่วมสนับสนุนเพิ่มอีกสักราย บอกตามตรง เราสู้ไม่ไหวกับโครงการที่ลงทุนมากมายมหาศาล ยืดเยื้อขนาดนี้ ที่สำคัญสุดท้ายอาจเป็นแค่ความฝันหรือไม่ก็ไม่มีใครรู้ได้”

“แต่. . .” นายเอกภพตั้งท่าจะพูดแทรก

“ผมก็เสียใจที่สถานการณ์เป็นแบบนี้ แต่อำนาจตัดสินใจไม่ได้อยู่ที่ผมคนเดียว นี่คือคำสั่งจากเบื้องบน” เจ้าหน้าที่ระดับสูงเอ่ยจบก็ลุกขึ้น “ผมหวังว่าคุณคงจะแก้ไขสถานการณ์นี้ได้อย่างที่ผมอยากให้เป็นนะ อันที่จริง โครงการนี้ กับ แองเจิล ฮาร์ต โปรเจกต์ ไม่ควรปิดฉากลงด้วยความล้มเหลว เราลงทุนกับโครงการนี้ไปไม่น้อย คุณก็รู้ดีนี่ คุณเอกภพ” (จบบทที่1)

***********




Create Date : 16 สิงหาคม 2554
Last Update : 16 สิงหาคม 2554 13:54:15 น. 2 comments
Counter : 388 Pageviews.

 
จะรออ่านเป็นเล่มนะค่ะคุณเชอรรี่


โดย: yaowarat IP: 124.120.179.56 วันที่: 16 สิงหาคม 2554 เวลา:21:05:58 น.  

 
ขอบคุณค่าคุณเยา^^


โดย: อิสย่าห์ (isaiahland ) วันที่: 17 สิงหาคม 2554 เวลา:0:45:59 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

isaiahland
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add isaiahland's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.