ฤดูหวานรัก...Sweet Ogi - Megi วางแผงแล้ว /สนพ. ที่รัก
Group Blog
 
 
สิงหาคม 2554
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
24 สิงหาคม 2554
 
All Blogs
 
บทที่ 9 ชิงตัวนักโทษ




แดเนียลหน้านิ่วขณะนั่งรออยู่ในห้องผู้โดยสารวีไอพีของสนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมๆ กับรอปลายสายรับสาย แต่รอจนสัญญาณหลุดมาสามรอบ ณิชารีย์ก็ไม่รับสาย และก็คงไม่แปลก ถ้าเป็นแค่วันนี้ เพราะเธออาจติดประชุม หรือติดงานในห้องปฏิบัติการ แต่หลังจากคืนที่ทั้งสองกลับจากศรีราชา
ณิชารีย์ก็ไม่ค่อยว่างรับสายเขาเท่าไรนักหรือถ้ารับสาย ก็พูดคุยกันแค่สั้นๆ อย่างเป็นงานเป็นการ มิหนำซ้ำยังบอกว่าหากเขาต้องการสอบถามเกี่ยวกับโครงการวิจัย ก็สามารถติดต่อกับผู้ช่วยของเธอคนหนึ่งได้ ณิชารีย์อ้างว่าอาจจะสะดวกกว่า เพราะช่วงนี้ติดงานในห้องปฏิบัติการเสียส่วนใหญ่

หญิงสาวทำให้เขาสับสนเป็นบ้า คืนนั้น เขามั่นใจว่าเธอยอมเปิดใจให้เขาแล้วมากกว่าครึ่งหนึ่ง ทั้งสองเข้ากันได้ดี คุยกันถูกคอ ต่างสัมผัสได้ถึงความรู้สึกดีๆ ที่มีให้แก่กัน แต่ตอนนี้ ณิชารีย์ทำเหมือนทั้งสองกลับไปเป็นคนแปลกหน้าต่อกันอีกครั้ง เธอกำลังเล่นเอาเถิดเจ้าล่อกับเขา หลบเลี่ยงการพูดคุยหรือพบเจอหลังจากคืนนั้น แถมไม่เรียกตัวเองว่าณิชอย่างที่ตกลงกันไว้ด้วย

ชายหนุ่มเสยผมลวกๆ อย่างหงุดหงิด ภารกิจครั้งนี้ของเขาคงจะล่าช้ากว่าที่คิดอย่างไม่ต้องสงสัย ในเมื่อการเข้าใกล้ณิชารีย์ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด แองเจิล ฮาร์ท โปรเจกต์ คงต้องเป็นปริศนาดำมืดกันอีกต่อไป แดเนียลถอนหายใจอย่างระอาสุดขีด เรื่องภารกิจก็เรื่องหนึ่ง ส่วนเรื่องเสียหน้าก็อีกเรื่อง

เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขาสูญเสียความมั่นใจในตัวเอง แม้จะแค่บางส่วนก็เถอะ ผู้ชายอัตตาสูงแบบเขาไม่เคยต้องวิ่งไล่ตามผู้หญิงคนไหนเหมือนที่กำลังวิ่งไล่ตามณิชารีย์

ณิชารีย์เป็นผู้หญิงแบบไหนกัน จนถึงตอนนี้เขาชักไม่แน่ใจแล้วสิ ว่ารู้จักตัวตนแท้จริงของเธอ ไม่รู้ว่าเธอเป็นแบบไหนกันแน่ เป็นดอกเตอร์ณิชารีย์ผู้เปี่ยมความสามารถ นิ่งขรึม ห่างเหิน หรือ เป็นสาวสวยผู้อ่อนไหว และขี้อาย

เขาลองส่งข้อความผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ แต่ก็ไร้ข้อความตอบกลับจากปลายสาย ความหงุดหงิดทบทวีคูณขึ้นทุกที นี่ถ้าไม่ติดภารกิจด่วนบางอย่างที่เวียดนาม เย็นนี้เขาคงขับรถไปรับณิชารีย์อย่างไม่รีรอ และเชื่อมั่นว่าเขาจะสานสัมพันธ์ของทั้งสองให้กลับมาเป็นเหมือนคืนนั้นได้อย่างแน่นอน

จะเป็นเพราะน้องสาวของหญิงสาวหรือเปล่าที่เป็นสาเหตุของความห่างเหินเย็นชาครั้งแล้วครั้งเล่าของเธอ แดเนียลก็ไม่แน่ใจนัก แต่ไม่ว่าสาเหตุจะมาจากอะไร เขาก็ไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆ เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจในเวียดนามเรียบร้อย เขาจะมาสะสางเรื่องณิชารีย์ กับภารกิจที่ได้รับมอบหมาย ที่สำคัญ แองเจิล ฮาร์ท โปรเจกต์ คืออะไรกันแน่ เป็นสิ่งที่เขาต้องค้นหาคำตอบให้ได้

เสียงประกาศจากเครื่องขยายเสียงแจ้งเตือนครั้งสุดท้ายสำหรับผู้โดยสารเที่ยวบิน กรุงเทพฯ – เวียดนามดังขึ้น แดเนียลเก็บโทรศัพท์เคลื่อนที่ใส่กระเป๋าเสื้อ ลุกขึ้น เดินออกจากห้องพักผู้โดยสารวีไอพี
ใบหน้าคมสันนิ่งเฉย แม้จะยังหงุดหงิดเรื่องณิชารีย์ แต่เขามีความเป็นมืออาชีพพอ ภารกิจที่ได้รับมอบหมาย ล้วนแล้วแต่เป็นภารกิจที่ต้องไม่มีคำว่าล้มเหลว ดังนั้นความวอกแวกไม่ควรย่างกรายเข้ามาในทุกขั้นตอนของภารกิจ

**********

บนถนนของกรุงฮานอยเนืองแน่นไปด้วยรถรา โดยเฉพาะมอเตอร์ไซค์ที่แออัดบนท้องถนน ส่งผลให้การจราจรติดขัดและไม่เป็นระเบียบ เสียงแตรรถดังแทรกขึ้นถี่ๆ

แดเนียลนั่งอยู่ในรถยนต์คันหรูติดฟิล์มทึบ ดวงตาคมหลังแว่นกันแดดทอดมองออกไปยังนอกกระจกรถ การเดินทางมาเวียดนามของเขาในครั้งนี้เป็นไปอย่างเงียบเชียบ ไม่กระโตกกระตาก นั่นเพราะเขาจำต้องมาปฏิบัติภารกิจลับที่ได้รับมอบหมายจากต้นสังกัด

“ซิน จ่าว” เด็กหนุ่มคนขับรถทักทายเป็นภาษาเวียดนาม

“ซิน จ่าว” แดเนียลทักทายกลับ
“เจ้านายจะมาพักโรงแรมเดิมหรือเปล่าครับ” คราวนี้คนขับรถถามเป็นภาษาอังกฤษ
“อือฮึ” แดเนียลตอบและยิ้มให้กับเด็กหนุ่มวัยสิบเก้าปี ชาวเวียดนาม ที่เป็นผู้ช่วยขับรถให้เขาทุกครั้งที่เขามาเวียดนาม โดยเฉพาะเมื่อต้องปฏิบัติภารกิจสำคัญใดๆ

เขาถูกโฉลกกับเด็กหนุ่มตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกันเมื่อเกือบสี่ปีก่อน ตอนนั้นเด็กน้อยรูปร่างผอมแห้งอาศัยอยู่กับแม่ มีชีวิตอดๆ ยากๆ เจสต้องการหาเงินไปซื้อยาให้แม่ที่กำลังป่วย จึงใช้วิธีล้วงกระเป๋าเงินจากนักท่องเที่ยว และเขาก็เป็นหนึ่งในเหยื่อของเจส แต่เขาไวไม่แพ้กัน รู้ตัวทันทีเมื่อถูกล้วงกระเป๋า จึงกวดฝีเท้าตามเจสไป และเหตุการณ์ในวันนั้นทำให้เขารู้ว่าเด็กน้อยมือนักล้วงกระเป๋ากับมารดามีชีวิตน่ารันทดหดหู่เพียงไหน

นั่นคือจุดเริ่มต้นของคนทั้งสอง เขาได้ให้ความช่วยเหลือเจส ให้เงินค่ารักษาพยาบาลมารดาของเด็กหนุ่ม นับจากนั้นมา เจสก็เคารพ ชื่นชม และสำนึกในบุญคุณของเขาเป็นอย่างมาก ยืนกรานว่าถ้าเขามาเยือนเวียดนามครั้งใด ก็อย่าลังเลที่จะเรียกใช้บริการจากเขา เจสย้ำว่าถ้าไม่มีเขา ก็คงไม่มีเจสในวันนี้ ทุกวันนี้ที่ได้เรียนหนังสือ ได้ทำงานเป็นผู้ช่วยไกด์ มีรายได้พอเลี้ยงดูตัวเองกับแม่ ก็เพราะความช่วยเหลือของเขา

ด้วยเหตุนี้เจสจึงเป็นผู้ช่วยขับรถของเขาไปโดยปริยาย ในทุกครั้งที่เขามาเยือนเวียดนาม

“คราวนี้เจ้านายจะมาทำงานอะไรหรือครับ ต้องเสี่ยงอันตรายอีกหรือเปล่า” เจสถามอย่างไม่ปิดบังความอยากรู้อยากเห็น จนแดเนียลยิ้มอ่อนใจ เจสย้ำกับเขาเสมอว่าเขา คือ วีรบุรุษในสายตาของเด็กหนุ่ม และเจสก็มุ่งมั่นว่าอีกหน่อยจะต้องทำอาชีพที่สุดแสนจะลึกลับ แต่เท่เป็นบ้าแบบนี้ให้ได้

เขาไม่เคยแย้มพรายเรื่องอาชีพสายลับ หรือนำเจสมาร่วมกับภารกิจใดๆ แต่ความสอดรู้สอดเห็นของเด็กหนุ่มมากมายอย่างไม่น่าเชื่อ

“กฎของเราคืออะไร เจส” แดเนียลแกล้งทำเสียงดุ หวังให้เด็กหนุ่มกลัว แต่วัตถุประสงค์หลัก คือ ไม่อยากให้เจสรับรู้ถึงภารกิจของเขา และนั่นไม่ใช่ว่าเขากลัวความลับจะรั่วไหล ถ้าเขาไว้ใจเจสไม่ได้ โลกนี้คงไม่เหลือใครให้เขาไว้ใจได้อีก ทว่าที่ทำเช่นนี้ เพราะไม่ต้องการให้เด็กหนุ่มย่างเท้าเข้ามาในโลกที่ต้องเสี่ยงไปด้วยอันตรายเฉกเช่นเขา

โอเค อาชีพสายลับ อาจหอมหวานเย้ายวนใจ ท้าทาย เต็มไปด้วยมนตร์ขลัง แต่อย่าลืมว่าทุกวินาทีของคุณคือความเสี่ยง คุณอาจถูกคร่าชีวิตด้วยกระสุนนัดเดียวกลางถนนเก่าๆ ซอมซ่อ กลางตลาดเก่าๆ โดยที่สุดท้าย อาจไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าไอ้ซากศพบนถนนนั่นคือ หนึ่งในผู้ร่วมทำคุณประโยชน์แก่โลกใบนี้

เจสหน้าเจื่อน “ห้ามถาม ห้ามสงสัย ครับ”
“จำได้ก็ดีล่ะงั้นก็ขับรถต่อไปซะ”

“คร้าบ” เด็กหนุ่มตอบเสียงยานคางเล็กน้อย หน้าตาเซ็งจับจิตอย่างไม่ปิดบัง
แดเนียลยิ้มมุมปากน้อยๆ อย่างกลั้นไม่อยู่ เพราะเอ็นดูและห่วงใยเจส หนุ่มน้อยยังมีมารดาที่ต้องดูแล ดังนั้นไม่มีทางที่เขาจะยอมให้เด็กหนุ่มเอาชีวิตมาเสี่ยงกับอาชีพอันตรายแบบนี้แน่ แม้เด็กหนุ่มแสนเฉลียวฉลาด มีไวพริบปฏิภาณชั้นยอด และหูตาไวยิ่งกว่าเรดาร์ชั้นเลิศ จะมีแววของการเป็นสายลับที่ดีก็ตาม

“เจ้านายผมก็ล้อหล่อ เมื่อไหร่เจ้านายผมจะมีครอบครัว มีลูกมีเมียสักทีน้า” ผ่านไปได้สักพัก เจสก็เหมือนจะทนไม่ไหว ขอกระเซ้าเย้าแหย่เจ้านายที่เคารพรักสักหน่อย

หนุ่มหล่อถอนหายใจเนือยๆ เมื่อมองใบหน้าสุดแสนทะเล้นตึงตังผ่านกระจกส่องหลัง “ทำไม อยากให้ฉันมีลูกเมียนักหรือไง”

“ผมก็ห่วงเจ้านายของผมนะครับ เจ้านายก็ถึงวัยที่สมควรมีครอบครัวได้แล้ว มัวแต่ทำงานเสี่ยงๆ แบบนี้ เมื่อไรจะได้เห็นแดนนี่ตัวน้อยกันละครับ”

“อย่าว่าแต่นายจะไม่มีโอกาสเห็นแดนนี่ตัวน้อยเลย แม้แต่เจสตัวน้อย นายก็จะไม่มีโอกาสได้เห็น ถ้านายยังพูดมากแบบนี้” แดเนียลแกล้งขู่

อีกฝ่ายตัวหดทันที แต่ไม่วายขอยียวนอีกสักคำรบตามนิสัยทะเล้นตึงตัง “ผมกลัวแล้วคร้าบ”

แดเนียลส่ายหน้าขำๆ ขณะเดียวกัน ก็ครุ่นคิดถึงสิ่งที่เด็กหนุ่มหยอกเย้า นั่นสิ เขาคิดจะใช้ชีวิตแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน ตลอดชีวิตหรืออย่างไรกัน และแม้แต่วินาทีนี้ เขาก็ยังไม่อาจหาคำตอบให้ตัวเองได้ ก่อนหน้านี้ เขาเคยคิดว่าพอใจกับชีวิตอิสระแบบหนุ่มโสดกับอาชีพเสี่ยงๆ อย่างที่กำลังอยู่ แต่น่าแปลกว่าพักหลังๆ ความคิดเรื่องการมีครอบครัวเริ่มแวบเข้ามาในบางครั้ง อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และที่น่าขำคือ ความคิดประหลาดเช่นนี้ผุดขึ้นหลังจากเขาได้รู้จักดอกเตอร์ณิชารีย์

‘คุณอาจเคยสนุกกับการล้อเล่นหัวใจผู้หญิงมานับไม่ถ้วน ระวังล่ะ ถ้าคุณพลาด ติดกับหัวใจตัวเอง เมื่อนั้น คุณอาจยิ้มไม่ออก และอาจต้องสูญเสียอะไรๆ มากกว่าที่คุณคิด ผมเคยผ่านชีวิตสายลับหนุ่มโสดอย่างสนุกสนานย่ามใจมาก่อน ผมจึงอยากบอกคุณไว้เพื่อเตือนใจว่า บางครั้งสายลับอย่างเราอาจไม่มีสิทธิ์ตกหลุมรักใคร และเราได้เลือกเส้นทางชีวิตของเราเองแล้วตั้งแต่วันที่เราตัดสินใจเป็นสายลับ’

คำเตือนด้วยความปรารถนาดีของมิสเตอร์ลีผุดขึ้นในความคิด ใบหน้าคมสันเคร่งขรึมครุ่นคิด หวังว่าเขาคงจะไม่ติดกับหัวใจตัวเองอย่างที่ชายสูงวัยเตือนไว้หรอกนะ

ก็ผู้หญิงที่สุดแสนจะเข้าใจยากคนนั้น วิ่งเล่นในหัวยามเขาเผลออยู่บ่อยครั้ง อย่างเช่นในตอนนี้ ภาพของสาวสวยก็เด่นชัดในห้วงความคิด แดเนียลล้วงโทรศัพท์เคลื่อนที่ขึ้นมา ตั้งท่าจะกดโทร. หาณิชารีย์ แต่ลังเลอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะเปลี่ยนใจเก็บโทรศัพท์เคลื่อนที่ลงในกระเป๋าเสื้ออีกครั้ง

ตอนนี้เขากำลังอยู่ในภารกิจสำคัญยิ่งยวด ควรจดจ่อกับภารกิจด่วนตรงหน้าคงจะดีกว่า แดเนียลตัดสินใจปัดเรื่องหญิงสาวทิ้งไป

แดเนียลขมวดคิ้ว ขณะจดจ่อกับวิวนอกหน้าต่างรถ เพ่งมองไปยังบริเวณกลุ่มผู้ชุมนุมหน้าศาลอุทธรณ์ของกรุงฮานอย และหลังจากอ่านป้ายประท้วง ซึ่งมีทั้งภาษาเวียดนามและอังกฤษ จึงพอทราบว่า กลุ่มคนเหล่านี้มาประท้วงศาลที่พิพากษาจำคุกกลุ่มผู้ต่อต้านรัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์ของเวียดนามเป็นเวลาหลายปี

เจสชะลอรถ ชะเง้อมองกลุ่มผู้ประท้วงด้วยความสนใจไม่ต่างกัน

“พวกนี้ประท้วงมาสามวันสามคืนแล้วนะครับ อึดและถึกจริงๆ ”

ชายหนุ่มนิ่งเงียบไม่ได้ตอบกลับ สายตายังจดจ่ออยู่ที่กลุ่มผู้ชุมนุม ใบหน้าคมสันเคร่งขรึมยากจะคาดเดาความรู้สึก

“พอมีข่าวออกมาว่า เจ้าหน้าที่จะย้ายนักโทษทางการเมืองไปขังไว้ในคุกนอกเมือง กลุ่มผู้ชุมนุมก็มารวมตัวกันเรียกร้องให้ปล่อยนักโทษทางการเมืองทันทีครับเจ้านาย อันที่จริงผมก็อยากไปร่วมประท้วงด้วยเหมือนกันนะครับ แต่คิดไปคิดมา ช่วยงานเจ้านายดีกว่า” เจสยังคงความเป็นหนุ่มน้อยช่างพูดได้ตลอดทาง
ขณะนั้นสายตาของแดเนียลสะดุดกับหญิงสาวร่างเล็กที่ปะปนในกลุ่มผู้ประท้วง ลักษณะช่างคุ้นตานัก แดเนียลถอดแว่นกันแดดออก เพื่อมองให้เห็นกันชัดๆ

อุแม่เจ้า! นี่มันแม่สาวคลั่งสิทธิมนุษยชนขึ้นสมองนี่นา เจ้าหล่อนมาโผล่ที่เวียดนามได้อย่างไร อย่าบอกนะว่าเธอนิยมการเดินสายเรียกร้องสิทธิมนุษยชน

แดเนียลเพ่งมองอย่างไม่เชื่อสายตา เมื่อเห็นโรสลินยืนอยู่ข้างๆ แกนนำผู้ประท้วง คอยยกมือชูตามจังหวะอย่างหนักแน่นและเอาจริงเอาจัง

ไม่รู้จะเรียกว่าของเธอแรง หรือ บ้าดี!

สงสัยเจ้าหล่อนคงไม่ยอมรามือเรื่องที่รัฐบาลเวียดนามจับกุมนักโทษทางการเมืองกลุ่มนี้แน่ แต่ยังดีที่ยอมรามือจากการตามไล่ล่าเขาแล้ว แม้จะยังมีการสัมภาษณ์ให้ข่าวประณามเขาอยู่ แต่ไม่มีการยื่นจดหมายขอเข้าพบใดๆ อีก แดเนียลยิ้มขำมุมปาก แม่สาวนั่นคงเข็ดตั้งแต่วันที่บุกเดี่ยวเข้าไปหาเขาถึงห้องพักอย่างบ้าบิ่น

รถคันดังกล่าวเคลื่อนผ่านกลุ่มผู้ชุมนุม แดเนียลเลิกสนใจกลุ่มคนเหล่านั้นและหญิงสาวร่างเล็กแต่ความมุ่งมั่นเต็มเปี่ยมคนนั้น หันมาสนใจกับภารกิจเบื้องหน้า เขากดโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอีกครั้ง กดส่งผ่านข้อความกับผู้ช่วยคนสำคัญของเขาอีกคนที่นี่ อย่างไม่ต้องกังวลว่าอาจจะถูกดักฟัง เพราะเดอะ วัน เทเลคอม กำลังมีผลประโยชน์ยื่นหมูยื่นแมวกับเขา

ภารกิจปล้นนักโทษ คงต้องอาศัยผู้ช่วยมากกว่าหนึ่งคน และเขาต้องหาคนที่เป็นมืออาชีพ เพราะนี่ถือเป็นภารกิจที่เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต

เจสขับรถมาจอดหน้าโรงแรมหรูกลางใจเมืองของกรุงฮานอย และหันไปพูดกับแดเนียลอย่างอารมณ์ดี “เจ้านายครับ มีธุระด่วนเรียกใช้เจสได้ตลอดเวลานะครับ เพื่อเจ้านายแล้ว เจสว่างเสมอ”

“ขอบใจ มีธุระแล้วฉันจะเรียก” แดเนียลตอบเสียงขรึม และก่อนก้าวลงจากรถก็หันมาย้ำเตือนกับเด็กหนุ่มเสียงเอาจริงเอาจัง ไม่ต่างจากพี่ชายสอนน้องชาย

“อย่ามัวแต่ทำงาน จนลืมเรื่องเรียนล่ะ เรียนให้จบ เรียนให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ จำไว้ ความรู้คือทรัพย์สมบัติที่ไม่มีใครมาพรากมันไปจากนายได้”

เจสถอนหายใจเบาๆ ชะเง้อคอมองฮีโร่ในดวงใจสืบเท้าหายเข้าไปในโรงแรม ก่อนจะบ่นงึมงำเป็นภาษาตัวเอง “เรียนก็ต้องเรียนอยู่แล้ว แต่ก็อยากเป็นฮีโรบ้างนี่หว่า” จากนั้นก็เคลื่อนรถออกไปอย่างจำใจ

ภายในห้องพักของโรงแรม แดเนียล นั่งทำงานอยู่หน้าจอไอแพดตัวจิ๋ว เขาต้องสื่อสารกับผู้ร่วมทีมในภารกิจครั้งนี้ เพื่อยืนยันว่าปฏิบัติการปล้นนักโทษทางการเมือง ที่ชื่อ เหงียน วัน อาน ได้ถูกเตรียมการไว้อย่างเรียบร้อยอย่างที่ต้องการ โดยเฉพาะชิพเครื่องส่งสัญญาณจีพีเอส ที่ต้องติดอยู่ที่ตัวนักโทษ เพื่อจะได้ทราบตำแหน่งของตัวนักโทษ และเพื่อง่ายต่อการติดตาม หากเกิดความผิดพลาดใดๆ

‘ไซมอน ผมขอคอนเฟิร์มภารกิจวันพรุ่งนี้’

‘คอนเฟิร์ม แดนนี่ ผมจัดการตามที่คุณสั่งเรียบร้อย ถ้านักโทษอยู่ในรถคันที่คุณว่า ก็น่าจะราบรื่น ไม่มีปัญหา’

‘แต่เราควรเตรียมแผนสำรองไว้ แผนการอาจไม่ได้เป็นไปตามขั้นตอนที่เราคิดเสมอไป เหงียน วัน อาน เป็นบุคคลที่รัฐบาลหมายหัว และไม่มีทางยอมให้คลาดสายตาง่ายๆ การปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ ต้องไม่มีช่องโหว่สักนิดเดียว’ แดเนียลพิมพ์ข้อความตอบกลับ

‘แผนสำรอง? คุณอยากให้ผมจัดการยังไง’
‘ไม่ว่าในกรณีใดๆ เราต้องช่วยนักโทษหนีไปให้สำเร็จให้ได้ นั่นคือสิ่งที่คุณต้องพึงระลึกไว้เสมอ ถ้าหากผมเกิดพลาดพลั้ง คุณมีหน้าที่พาตัวมิสเตอร์อาน ไปซ่อนตัวในที่ๆ ผมสั่ง’
‘โอเค แดนนี่ แต่คุณไม่เคยทำงานพลาด’

‘แต่ผมไม่อยากประมาท’ แดเนียลตอบกลับ ใบหน้าคมสันเคร่งขรึม ก่อนจะเช็กสัญญาณจีพีเอสบนหน้าจอ เหงียน วัน อาน ยังถูกขังอยู่ในเรือนจำในกรุงฮานอย

เดอะ วัน เทเลคอม ขายข้อมูลลับให้เขาว่า ทางเรือนจำวางแผนย้ายตัว เหงียน วัน อาน ในเช้าวันพรุ่งนี้ ด้วยรถขนส่งนักโทษทะเบียน. . .และตรงขึ้นไปทางเหนือของฮานอย

ยังไม่มีใครทราบแน่ชัดว่านักโทษผู้นี้จะถูกพาไปฝากขังไว้ที่ไหน แต่ที่สำคัญ จะมีการวางแผนซ้อนแผนด้วยการหลอกล่อให้กลุ่มผู้ชุมนุมที่แน่นอนว่าพรุ่งนี้จะต้องมารวมตัวกันมากมาย หน้าเรือนจำเพื่อขัดขวางการขนย้ายนักโทษทางการเมืองคนสำคัญ และแผนซ้อนแผนนั่นก็คือ การใช้รถขนส่งนักโทษอีกคันมาหลอกล่อ

แผนหลอกล่อเหล่านี้เอื้อต่อแผนการเขาเป็นยิ่งนัก เพราะเขาไม่ต้องการความวุ่นวายของกลุ่มผู้ชุมนุม เพราะเผลอๆ กลุ่มผู้ประท้วงจะเป็นตัวป่วนและทำลายแผนการของเขาได้

แดเนียลเก็บอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหลายลงในกระเป๋าสีดำหลังใช้งานเสร็จ ตั้งใจจะลงไปหาอะไรดื่มที่คอกเทลเลานจ์ชั้นใต้ดินของโรงแรมเสียหน่อย แต่พลันใครบางคนก็ผุดขึ้นมาในห้วงความคิดอีกครั้ง เขาหยิบโทรศัพท์เคลื่อนที่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ริมฝีปากหยักได้รูปเม้มเหยียดเป็นเส้นตรง เมื่อไม่มีการตอบรับใดๆ จากณิชารีย์ นอกจากมิสคอลของผู้ช่วยเธอเท่านั้น

เขาเพิ่งค้นพบอีกอย่างว่า นอกจากณิชารีย์จะฉลาด สวย มีเสน่ห์ อ่อนไหว เต็มไปด้วยความลับ เธอยังดื้อและใจแข็งมากๆ อีกด้วย

หลังจากครุ่นคิดอยู่หลายวินาที ก็ตัดสินใจส่งข้อความถึงณิชารีย์อีกครั้ง เขาไม่ได้ต้องการสื่อสารกับผู้ช่วยเธอเลยสักนิด

‘Don’t know y r u so mad at me that u keep spinning my head. But I miss u every sec. . .my little devil. ’

(ผมไม่รู้ว่าคุณโกรธผมเรื่องอะไร ถึงแกล้งให้ผมปั่นป่วนแบบนี้ แต่ถึงยังไง ผมก็ยังคิดถึงคุณทุกวินาที. . .คนใจร้ายของผม)

เมื่อส่งข้อความไปแล้ว แดเนียลก็เก็บโทรศัพท์เคลื่อนที่ลงกระเป๋าอีกครั้ง สาวเท้าออกไปจากห้องพัก. . .การนั่งดื่มอะไรในคอกเทลเลานจ์ อาจช่วยให้เขาลืมเรื่องผู้หญิงใจร้ายไปได้สักพัก
**********

เช้าวันรุ่งขึ้น หน้าเรือนจำแห่งหนึ่งในกรุงฮานอย กลุ่มผู้ชุมนุมได้ย้ายสถานที่ชุมนุมจากหน้าศาลอุทธรณ์ของกรุงฮานอยมาเป็นที่นี่แทน ด้วยวันนี้ นักโทษทางการเมืองคนสำคัญ จะถูกเคลื่อนย้ายไปขังไว้นอกเมือง กลุ่มผู้ชุมนุมจึงหวังมาสร้างแรงกดดัน เรียกร้อง และขัดขวาง การเคลื่อนย้ายนักโทษในครั้งนี้

โรสลินเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ประท้วง หญิงสาวเดินทางมาจากประเทศไทยเพื่อมาร่วมชุมนุมกับกลุ่มผู้ประท้วงและเพื่อนนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนชาวเวียดนามที่สนิทสนมกันมานาน

สำหรับโรสลินแล้ว ถึงไหนถึงกัน ขอแค่เป็นการต่อสู้เรียกร้องเพื่อเพื่อนมนุษย์ หล่อนพร้อมสู้สุดใจขาดดิ้น เพื่อประกาศจุดยืนอันแน่วแน่ของนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนว่าพร้อมต่อสู้เพื่อเพื่อนมนุษย์ในทุกหย่อมหญ้าบนโลกนี้ ไม่ว่าหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนก็ไม่มีทางขัดขวางอุดมการณ์ของหล่อนได้ ไม่ว่าจะตำรวจ ทหาร รัฐบาล นายทุน หรือแม้แต่. . .นักธุรกิจหน้าเลือดหื่นกามนั่น!

ความแค้นที่เกือบถูกแดเนียลลวนลามขณะอยู่ในห้องเขาตามลำพังยังไม่จางหายไปง่ายๆ เจ็บใจที่หมู่นี้เผชิญเหตุการณ์ถูกคุกคามบ่อยครั้ง อย่างคืนที่ถูกลวนลามในกรุงปรากนั่นก็เหมือนกัน ไอ้วายร้ายในชุดสูทขโมยจูบแรกของหล่อนไป โดยไม่อาจป้องกันตัวเองได้

ทั้งที่เผชิญกับการถูกคุกคามเช่นนี้จนชาชิน หลายครั้งที่ถูกขับไล่จากฝ่ายตรงข้าม อย่างเช่นตอนไปร่วมเป็นแกนนำต่อต้านการรุกล้ำที่ดินทำกินของชาวบ้าน บนเกาะในจังหวัดพังงา ฝ่ายนายทุนทั้งยิงปืนขู่ ส่งนักเลงรูปร่างล่ำบึก ให้มาใช้กำลังขับไล่กลุ่มผู้ประท้วง เกิดความโกลาหลวุ่นวาย จนพาดหัวข่าวหน้าหนึ่ง แต่อย่างน้อยการต่อสู้ครั้งนั้น หล่อนกับชาวบ้านที่ถูกเอารัดเอาเปรียบก็เป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งของการปักหลักสู้อย่างไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ของหล่อน

แต่แน่นอนสิ่งนี้ไม่ใช่การคุกคามทางเพศ!
โอ๊ย! หล่อนเกลียดผู้ชายพวกนี้เป็นบ้า

เกลียดอย่างนั้นหรือ ไม่อาจปฏิเสธว่าจูบของวายร้ายในชุดสูทไม่ได้น่ารังเกียจอย่างที่ควรจะเป็น เช่นเดียวกับอาการหัวใจเต้นถี่รัวเร็วกว่าปกติจนน่าขำ เมื่อวันที่บุกเข้าไปหาเขาถึงในห้องพัก จนต้องสรุปเอาว่า คงเป็นเพราะหล่อนใจคอไม่ค่อยดีนักกับการอยู่กับผู้ชายสองต่อสองในห้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นผู้ชายที่หล่อเหลาอย่างร้ายกาจ

แล้วก็ไม่ควรจะรู้สึกรู้สากับคนจำพวกนี้ ที่อยู่ตรงกันข้ามกับอุดมการณ์ของหล่อนโดยสิ้นเชิง โอเค โรสลินยอมรับว่าสิ่งที่เขาพูดวิเคราะห์มาคือโลกแห่งความเป็นจริง ขณะสิ่งที่หล่อนกำลังต่อสู้ อาจเป็นได้แค่โลกแห่งความฝัน แต่หล่อนจะต่อสู้เพื่อสิ่งนี้ให้ถึงที่สุด ถ้ามีคนร่วมฝันมากพอ ทำไมความฝันเหล่านี้จะเป็นจริงไม่ได้ล่ะ อีกอย่างถ้าไม่มีคนอย่างพวกหล่อนหรือเพื่อนๆ ร่วมอุดมการณ์ โลกใบนี้คงเต็มไปด้วยการเอารัดเอาเปรียบกันทุกหย่อมหญ้ายิ่งกว่านี้

ผู้ชายคนนั้นรำคาญเหนื่อยหน่ายกับสิ่งที่หล่อนดั้นด้นต่อสู้เรียกร้องเพื่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน หัวใจเขาแห้งแล้งเกินไป จนไม่มีคำพูดสักคำจากหล่อนจะตรงเข้าไปสะกิดใจนักธุรกิจหน้าเลือดอย่างเขาได้ง่ายๆ เขาถึงไล่หล่อนกลับแบบนั้น ซ้ำยังมีหน้ามาทำเรื่องทุเรศกับหล่อนอีก

แต่ อนิจจา! พักๆ เหตุการณ์เมื่อวันนั้นก็ผุดขึ้นมาก่อกวนสมาธิ ยิ่งหน้าหล่อๆ นั่น มักล่องลอยเข้ามาในห้วงความคิดยามอยู่คนเดียวบ่อยๆ. . .โดยเฉพาะยามค่ำคืน

“โรส. . .โรส. . .โรส. . .”

เสียงเรียกของเพื่อนนักสิทธิมนุษยชนชาวเวียดนามทำให้โรสลินสะดุ้งน้อยๆ “หืม”

“เหม่ออะไร แถมหน้าตาเคร่งเครียดเชียว” เพื่อนสาวชาวเวียดนามถามไถ่อย่างห่วงใย

“ไม่มีอะไรหรอก อืม แน่ใจเหรอว่าเรือนจำจะเคลื่อนย้ายนักโทษวันนี้” ประโยคหลังถามเสียงจริงจัง

“ชัวร์ คงอีกสักพักแหละ ยังไงเราจะต้องกดดันไม่ให้เคลื่อนย้ายเหงียน วัน อาน ไปขังไว้ที่อื่นเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นการกดดันให้นิรโทษกรรมนักโทษทางการเมืองจะยากยิ่งขึ้น” อีกฝ่ายตอบเสียงจริงจังไม่แพ้กัน

โรสลินพยักหน้าอย่างหนักแน่นและเข้าใจ

“เฮ้! นั่นไงรถเคลื่อนออกมาแล้ว” นักสิทธิมนุษยชนสาวชาวเวียดนามชี้ไปยังรถขนนักโทษสีดำที่กำลังเคลื่อนออกจากหน้าประตูเรือนจำ

กลุ่มผู้ชุมนุมร่วมพันคนที่มารวมตัวกันพร้อมใจกันเคลื่อนตัวไปดักที่ด้านหน้าของเรือนจำ เพื่อขัดขวางรถคันดังกล่าว เจ้าหน้าที่ของทางเรือนจำไม่ได้ใช้ความรุนแรงใดๆ ต่อกลุ่มผู้ประท้วง นอกจากยืนกั้นเป็นแนว เพื่อเปิดทางให้รถเคลื่อนผ่านออกไปได้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ผ่านไปร่วมยี่สิบนาที รถขนส่งนักโทษยังติดอยู่หน้าเรือนจำ จนทางเจ้าหน้าที่ต้องประกาศขอความร่วมมือจากกลุ่มผู้ชุมนุม แต่ก็ไม่เป็นผล

โรสลินรู้สึกประหลาดใจกับมาตรการที่แปลกไปของทางการ หล่อนเตรียมใจกับการสลายกลุ่มผู้ชุมนุมด้วยแก๊สน้ำตากับกระบอง แต่นี่ทุกอย่างดูสงบนิ่งอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่มีการใช้ความรุนแรงใดๆ กับกลุ่มผู้ชุมนุม ทั้งที่นักโทษที่อยู่ในรถคันดังกล่าวเป็นนักโทษทางการเมืองคนสำคัญ

ไม่แน่ใจว่าตัวเองคิดมากไปหรือไม่ แต่สัญชาตญาณและประสบการณ์การร่วมชุมนุมมาหลายครั้ง บอกหล่อนว่า การเคลื่อนย้ายนักโทษครั้งนี้น่าจะมีอะไรตุกติก โรสลินพยายามร้องเรียกเพื่อนสาวนักสิทธิมนุษยชนชาวเวียดนามที่สนิทสนมกัน แต่ไม่เป็นผล คลื่นฝูงชนแยกทั้งสองให้อยู่ห่างกันคนมุม ไม่ว่าจะตะโกนเรียกอย่างไร อีกฝ่ายก็ไม่มีทีท่าจะได้ยิน

โรสลินหันซ้ายแลขวา อยากจะปรึกษาใครสักคนถึงมาตรการในการขนย้ายนักโทษที่น่าประหลาดใจครั้งนี้ แต่ก็ไม่มีใครจะให้ปรึกษาได้สักคน กลุ่มผู้ชุมนุมรอบข้างทุกคนพูดภาษาอังกฤษได้แค่งูๆ ปลาๆ และหล่อนก็พูดภาษาเวียดนามได้ไม่กี่คำ

หญิงสาวสำรวจรอบกายเพื่อสังเกตหาพิรุธ หล่อนไม่ใช่คนที่ใครจะมาเล่นตบตาได้ง่ายๆ หรอกนะ จังหวะนั้นสังเกตเห็นรถคันหนึ่งเคลื่อนออกจากประตูเล็กด้านข้างอย่างเงียบเชียบ โดยไม่มีใครสังเกตเห็น

ชัวร์! สัญชาตญาณร้องบอกว่ารถตู้คันนั้นต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ โรสลินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตัดสินใจพาตัวเองออกจากกลุ่มผู้ชุมนุม เหลียวมองหารถอะไรก็ได้สักคัน บังเอิญเห็นรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างคันหนึ่งจอดอยู่ในบริเวณนั้น รีบกวักเรียกทันที และบอกให้คนขี่มอเตอร์ไซค์ขี่ตามรถตู้คันดังกล่าวไป ขณะเดียวกันก็ลองโทร. ติดต่อเพื่อนสาวชาวเวียดนาม แต่ไม่มีคนรับสาย คาดว่าเสียงจากกลุ่มผู้ชุมนุมคงกลบเสียงเรียกเข้า
ไม่เป็นไร ถ้าเพื่อนหล่อนเห็นเบอร์โทร. ที่ไม่ได้รับ คงติดต่อกลับมาเอง โรสลินสั่งย้ำคนขี่มอเตอร์ไซค์ห้ามคลาดกับรถตู้คันดังกล่าวเด็ดขาด

***********

ภายในรถตู้คันเล็ก เหงียน วัน อาน อยู่ในชุดนักโทษ ข้อมือถูกล่ามด้วยกุญแจมือ มีผู้คุ้มสองนายพร้อมด้วยอาวุธปืนพกแมกาซีนคอยเฝ้าอยู่ด้านหลังของตัวรถ ส่วนด้านหน้ามีเพียงคนขับรถร่างสูงใหญ่เพียงคนเดียวเท่านั้น ที่ขับมุ่งตรงไปทางทิศเหนือของกรุงฮานอย

“พวกนั้นบื้อฉิบเป๋งเลย แผนตบตาโง่ๆ ก็หลอกได้” ผู้คุมนายหนึ่งเอ่ยกับเพื่อน

“ก็นั่นสิ โคตรซื้อบื้อเลย กว่าพวกมันจะรู้ว่าในรถคันนั้นไม่มีนักโทษ คงเสียงแหบแห้ง หมดแรงกันหมดนั่นแหละ” ผู้คุมอีกนายตอบอย่างสะใจ

“ไม่อยากเชื่อเลยนะว่าพวกนั้นจะโง่ขนาดนี้”

“ถ้าไม่โง่ จะมารวมตัวต่อสู้เพื่อไอ้บ้านี้ทำไม” คนตอบพยักพเยิดไปทางนักโทษที่นั่งหน้านิ่งขรึม

“ก็จริง ไม่รู้จะเรียกร้องอะไรกันหนักหนา ประเทศเรากำลังก้าวหน้า ต้องมาสะดุดเพราะไอ้พวกหัวเอียงซ้ายบ้าๆ พวกนี้” อีกฝ่ายเห็นด้วย หันมองนักโทษด้วยสายตาไม่เป็นมิตร

จู่ๆ รถตู้ก็เบรกดังเอี๊ยด ผู้คุมทั้งสองนายกับนักโทษแทบหัวคะมำ
“เฮ้ย! เกิดอะไรขึ้นวะ” ผู้คุมนายหนึ่งตะโกนถามคนขับเป็นภาษาเวียดนาม แต่คนขับยังนิ่งเงียบ เลยตะโกนถามซ้ำ

ฝ่ายคนขับค่อยๆ หันหน้ามอง ยักไหล่แทนคำตอบ

ผู้คุมคนเดิมหน้านิ่ว ขณะจ้องมองคนขับรถหนวดเฟิ้ม และเครารกรุงรัง
“แกเพิ่งมาทำงานใหม่หรือไง ฉันไม่เคยเห็นหน้า”

คราวนี้คนขับยิ้มมุมปากแทนคำตอบ และนั่นทำให้สองผู้คุมเริ่มเอะใจ ต่างสบตากัน พร้อมใจกันเตรียมจะชักปืน แต่ก็ต้องชะงักนิ่ง เมื่อคนขับหนวดเฟิ้มไวกว่า ชักปืนขึ้นจ่อคนทั้งสอง และสั่งเสียงเย็นเยียบเป็นภาษาอังกฤษ

“ชูมือขึ้น ถ้ายังไม่อยากตาย”

ผู้คุมทั้งสองสบตากันและชูมือขึ้นเหนือศีรษะช้าๆ ทันใดนั้น เสียงปืนก็ดังขึ้นบริเวณประตูท้ายรถสองสามนัด จากนั้นประตูก็ถูกกระชากเปิดออก ตามด้วยไอ้โม่งสองคนก็เล็งปืนเข้ามาในรถ

สองผู้คุมหน้าซีดเผือด นั่งนิ่ง ไม่กล้าขัดขวางนักโทษที่หนึ่งในสองไอ้โม่งลากตัวลงไปจากรถ เพื่อพาหลบหนีไป สองผู้คุมหันไปทางคนขับที่ยังคงจ่อปืนมา คนขับตั้งท่าเหมือนจะเหนี่ยวไกปืน เท่านั้นเอง สองผู้คุมก็
หน้าซีดเป็นไก่ต้มหนักกว่าเดิม ไม่รู้ว่าใครจะโดนปลิดชีวิตเป็นรายแรก ทั้งสองจดจ้องนิ้วที่เตรียมจะเหนี่ยวไกปืนแบบตาไม่กะพริบ ต่างหันสบตากันแวบหนึ่ง ก่อนจะแข่งกันกระโดดหนีลงจากรถ แข้งขาขวิด ศีรษะแทบคะมำ

ด้านคนขับก็เหนี่ยวไกปืนดัง. . .คลิก (จบบทที่ 9)



Create Date : 24 สิงหาคม 2554
Last Update : 24 สิงหาคม 2554 12:00:39 น. 0 comments
Counter : 778 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

isaiahland
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add isaiahland's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.