Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2552
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
21 กรกฏาคม 2552
 
All Blogs
 
บินไปกับ...หางแดง...สุดท้ายก็แผลงฤทธิ์ :(ตอน2)

วันเตรียมตัวออกเดินทางไปมุยเน่ เพื่อดูทะเลทรายสีแดง สีขาว แกรนด์แคนย่อนเวียตนาม อยู่ที่จังหวัด Phan Thiet ลุ้นรถที่จะเดินทางไป เพราะก่อนมาเค้าบอกว่าเป็นรถพัดลมจ๊ะ ทำใจไว้แล้ว แต่พอเห็นรถที่มารับต้องบอกว่าแปลกใจมากๆ เป็นรถนอนแอร์ ขอย้ำว่านอน...นอนจริง ๆ นะ



ระยะทางจากไซ่ง่อนถึงมุยเน่ประมาณ 300 กิโลเมตร ใช้ระเวลาวิ่ง 6 ชั่วโมงจริง ๆ นั่งกันลืมไปเลย คิดว่ากรุงเทพฯ ชุมพร หรือไม่ก็ขอนแก่น อิอิ รถที่นี่ขับเลนขวา สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นแก้วมังกร วิถีชิวิตคนเวียตนามคล้ายๆ กับต่างจังหวัดบ้านเรา เพียงแต่ความเจริญของไทยดีกว่า ไม่มี 7-11 ให้เห็น มินิมาร์ทก็แทบจะไม่มี มีแต่ร้านขายของชำ แล้วเรือประมงที่นี่ค่อนข้างเยอะ และในเรือเกือบทุกลำจะมีเรือที่มีลักษณะเหมือนกระด้งใส่อยู่ในเรือ ไม่รู้เหมือนกันว่าใส่ไว้ทำไม



หลังจากนั่งแล้ว นอนก็แล้ว... ถึงมุยเน่บ่ายแก่ ๆ ต้องหาที่พักและทัวร์ที่จะพาไปทะเลทราย ได้ทัวร์ราคาคนละ 7 USD เป็นรถจิ๊ปคนขับเป็นเด็กหนุ่มวัยรุ่น ขับซิ่งใช้ได้ จนต้องรีบบอกอายุ เพื่อที่จะได้ขับสบาย ๆ ไม่รีบ โปรแกรมแรก Fairy Stream เป็นลักษณะลำธาร มีน้ำไม่มาก สามารถเดินในน้ำได้ และมีกลิ่นหอมของน้ำปลา โชยมาเป็นระยะ ชาวบ้านที่นี่หมักน้ำปลากันเป็นอาชีพ จะมีไกด์ตัวน้อยที่ไม่ได้สรรหาแต่มีการจัดโปรโมชั่นเองแถมมาให้ แรก ๆ ก็คุยน่ารักดี เค้าพูดภาษาอังกฤษเก่งมาก จนเราอายไปเลย ตอนกลับก็เริ่มขอเงิน (อันนี้มีการเตือนกันก่อนแล้วว่าเค้าจะขอเงิน พี่ๆ บอกไม่เป็นไร แลกกับความรู้) แต่จำนวนเงินที่ให้ไม่เป็นที่ต้องการนี่สิ เลยคุยกันยาว เค้าบอกว่าต้องให้เค้าตรงนี้ด้วย เพราะมีเบดบอยรออยู่ที่สะพาน เหมือนที่มีคนเคยโพสไว้ในพันทิพเลย แงแง "เราเตือนท่านแล้ว"



จากนั้นก็แวะแกรนด์แคนย่อน เค้าบอกว่าเรียกอย่างนี้ เป็นลักษณะหินสีแดงโดนน้ำเซาะเป็นร่องไม่ใหญ่มากแต่ก็สะดุดตาพอสมควร


และแล้วก็ปุเรงปุเรง ไปทะเลทรายสีขาวกัน ต้องผ่านทะเลทรายสีแดง แต่ยังไม่แวะ อันนี้ไว้ดูพระอาทิตย์ตกดิน รอก่อนนะเดี๋ยวจะมาเยือน ดูไปดูมาที่นี่ไม่น่าจะมีทะเลทรายได้ เป็นพื้นที่ติดทะเล แต่มีทะเลทรายแปลกดี ทรายละเอียดมาก ๆ เดินขึ้นเนินทรายเหนื่อยไม่ใช่น้อยดูเหมือนเดินง่าย แต่ต้องใช้พลังงานน่าดูทีเดียว เดินไปไม่เท่าไหร่ก็ขอหยุดดีกว่า เมื่อมาถึงแล้วสิ่งที่ต้องทำไว้เป็นที่ระลึกก็คือ ขอกระโดด ๆ ถ่ายรูปไว้ซะหน่อย แต่ไหงกระโดดไม่ขึ้นซะงั้น กระโดดจนหมดพลังงานก็เปลี่ยนท่าลงมานั่ง ๆ นอนๆ ถ่ายกันดีกว่า อิอิ พักกันพอสมควร ก็ออกเดินทางต่อ











ได้เวลาเตรียมตัวไปดูพระอาทิตย์ตก แต่ฟ้าดูแปลก ๆ และได้รับการคอนเฟิร์มจากไกด์ว่าวันนี้ฟ้ามีเมฆมาก อาจจะไม่เห็นพระอาทิตย์ โอม ขออย่าเป็นเช่นนั้นเลย...แต่แล้วคำร้องขอก็ไม่สัมฤทธิ์ผล เพราะยิ่งเย็นเมฆยิ่งมาก แล้วที่ทะเลทรายสีแดงนี่คนเยอะมาก เป็นคนท้องถิ่นซะส่วนใหญ่ น่าจะเพราะอยู่ติดถนนคนท้องถิ่นสามารถนั่งรถประจำทางจูงลูกจูงหลานมาที่นี่ได้สะดวก ไม่เหมือนกับที่ทะเลทรายสีขาว จะเป็นชาวต่างชาติเป็นส่วนมากเนื่องจากต้องใช้รถส่วนตัวเข้าไปจากถนนหลักอีกประมาณห้ากิโลเมตร ทำให้ไม่สะดวกในการเดินทาง ทะเลทรายสีแดงอีกฝั่งเป็นทะเลสวยทีเดียว
ทั้งสองทะเลทรายจะมีเด็ก ๆถือแผ่นพลาสติดขนาดพอดีคนนั่งให้เช่า เพื่อที่จะได้เอาไว้สไลด์ลงมาจากเนิน แต่แค่จะเนินขึ้นเนินก็ยังไม่ไหวแล้วก็เลยต้องขอสละสิทธิ์





เมื่อพระอาทิตย์ไม่ทำงาน ก็ไม่รู้จะอยู่ไปไยให้หมอง...
เศร้าจริง ๆ แต่ไม่เป็นไรทะเลทรายก็ยังสวยงามในความทรงจำ

แต่ละคนที่ตัวมีแต่เม็ดทราย เพราะลงไปเกลือกกลั้วกันซะขนาดนั้น กองทัพเดินด้วยท้อง คืนนี้จะมีอะไรให้กินกันเพราะที่ผ่านมาไม่ค่อยจะเห็นร้านอาหาร แต่ก็ลองเดินดูกันก่อน เจอร้านชื่อร้าน POPULAR ซะด้วย ท่าทางน่าจะดี แต่พอเข้าไปนี่สิคนเต็มร้านมาก ๆ การันตีได้เป็นอย่างดีว่าป๊อปปูล่าจริงๆ ได้โต๊ะนั่งแล้ว แต่ก็ยังไม่มีใครสนใจใยกะเหรี่ยงตาดำ ๆ อย่างพวกเราเลย จนเวลาผ่านไปความหิวเข้าครอบงำ ทุกคนมองหน้ากัน...ย้ายร้านมั้ยไปหาเอาข้างหน้า เพราะนั่งไปเรื่อย ๆ ก็ดูเหมือนยังไร้อนาคต มติเอกฉันท์ย้ายร้านแบบไม่ต้องออกเสียงเพราะทุกคนลุกพร้อมกัน เย้ มีความรู้สึกว่ามีสายตาหลายๆ คู่มองตามมา คงคิดว่าอะไรของกะเหรี่ยงพวกนี้เนอะ คนที่นี่ชอบคิดว่าพวกเราเป็นฟิลิปปินส์ หรือไม่ก็มาเล เพราะพี่และน้อง ที่มาด้วยกันผิวคมเข้ม ส่วนสองหมวยไม่มีผล ไม่เห็นมีใครบอกว่าเป็นญี่ปุ่นเลย นานจะมีคนบอกว่าเป็นคนไทย เย้ (เค้าได้ยินพูดกันก็เลยบอกถูก แป่ว)

เดินออกมาจากร้านเห็นร้านอาหารฝั่งตรงข้ามก็ดูดี เพียงแต่ไม่ค่อยมีลูกค้า แต่ไม่เป็นไรอะไรก็ได้หิวแล้วนิ ดูเมนูแล้วก็สั่ง อะไรก็ได้ที่ควิก ๆ กว่าจะเข้าใจก็ ... ในที่สุดก็ได้ข้าวผัดทะเล รสชาติยามนี้อะไรก็อร่อย ซุปอะไรก็ไม่รู้ใส่ปลามาชิ้นเบ้อเร่อชิ้นเดียวแล้วก็ใส่สับปะรดกับดอกกระเจี๊ยบ เปรี้ยวๆ ดี แล้วหนุ่มน้อยบริกรช่างจ้อก็เพียรเข้ามาพูดคุยจนต้องสั่งปลาเผา แต่ทำไมถึงเป็นปลาทับทิมละนี่ ปลาที่นี่สดจริงๆ ไม่คาว แต่ก็ต้องบอกว่าไม่ถนัดเหมือนเคย แตะนิดแบบพอเพียง น้ำจิ้มซีฟู๊ดที่นี่ แปลกดีเคยดูทีวีบ้านเราเลยรู้ว่าประกอบไปด้วย พริกไทย เกลือ น้ำมะนาว ผสมกันมา เค็มนำ เปรี้ยวตาม ก็โอเค แต่สู้น้ำจิ้มรสแซบบ้านเราไม่ได้จ้า



หลังจากอิ่มท้อง กลับที่พักคืนนี้หลับสนิทไม่ฝันอะไรทั้งนั้น ต่อให้เอาหิ้งห้อยทั้งต้นลำภูก็ยังไม่ฝันอิอิ



Create Date : 21 กรกฎาคม 2552
Last Update : 13 สิงหาคม 2552 7:59:31 น. 0 comments
Counter : 437 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

oonrak_baby
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เพลงแบ่งปัน
หอมอันใดจะหอมเท่าใจละมุน
ขาวปุยนุ่นไม่ขาวเท่าใจเมตตา
หวานอันใดจะหวานเท่ากรุณา
สวยเจ้าเอย ดุจฟ้าระบายสีคราม
ฝนอันใดฉ่ำใจเท่าฝนปราณี
ร้อยพันปีไม่สวยเท่าสีของใจ
ฟ้าขาว ๆ น้ำที่ว่าใส ๆ
ก็ไม่ใสเท่าใจเราใสเอง
cursor
Friends' blogs
[Add oonrak_baby's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.