..โดยรวมคุณหมอบอกว่าเราอาการดีขึ้น สดชื่นขึ้น แต่ยังคงต้องให้กินยาต่อไป
เราเริ่มเล่ารายละเอียดเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมาให้คุณหมอ เรารู้สึกว่าเราสบายใจที่จะเล่าความรู้สึก ความลับ หรือสิ่งที่เราคิดต่างๆให้คุณหมอฟังมากขึ้น..(เราคุยกับคุณหมอนานถึง ชั่วโมงครึ่ง..หลังจากออกจากห้องคุณหมอมา เรารู้สึกอยากเป็นเพื่อนกับคุณหมอเลย คุณหมอกลายเป็นคนที่รู้ความลับของเราเยอะที่สุด)
เราร้องไห้เยอะมากจนเริ่มมีความคิดของการไม่อยากอยู่ในสภาพนี้ ไม่อยากเศร้าแบบนี้ การฆ่าตัวตายเริ่มผ่านเข้ามาในความคิดเราเป็นระยะๆ แต่เราก็ผ่านมาได้ หยุดความคิดร้ายๆ แย่ๆ ทั้งหลายได้ทุกๆ ครั้ง..และที่สำคัญเราได้ความคิดบางอย่างเพิ่มเข้ามาจากความคิดร้ายๆ เหล่านี้..
ฟังดูอาจจะมีหลายๆ คน ที่ด่าว่า หรือคิดในใจว่า "ปัญญาอ่อนมากอะ อะไรๆ ก็ฆ่าตัวตาย"
ในภาวะที่เราร้องไห้ เสียใจ ทั้งที่เรื่องไม่มีเหตุผลที่ัจะร่้องไห้ เราคิดได้ทุกอย่างแต่เราไม่สามารถควบคุมการร้องไห้ของตัวเองได้ และยิ่งทำให้รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่ามาก แค่ขนาดร้องไห้ยังควบคุมไม่ได้
และเราได้ข้อสรุปว่า การที่คนจะฆ่าตัวตายได้ ไม่ใช่เรื่อง่ายๆ เลย เค้าต้องผ่านความพยายามหลายอย่างมากๆ เอาง่ายๆ เริ่มตั้งแต่คิดว่าไม่อยากอยู่แล้ว ก็จะต้องต่อสู้กับความคิดที่ถูกต้องกับความรู้สึกที่เลวร้าย ถัดมาว่าอยากตาย ก็ต้องมาสู้กับว่าจะตายยังไง กลั้นหายใจ กัดลิ้น ดำน้ำ ยังไงก็ไม่ตาย เอามีดผลไม้กรีดข้อมือ สุดท้ายก็เจ็บทนต่อไม่ได้ลุกมาทำแผล ปัญญาอ่อนป่ะละ
..ทุกๆ วันศุกร์เสาร์อาทิตย์ หรือที่เป็นวันหยุดต่างๆ พี่ชายจะพยายามชวนเราไปนอนที่บ้านเค้ามาตลอด (จริงๆ เป็นคอนโด ไม่ใช่บ้าน แต่เราติดคำว่าบ้าน) อ้างว่าคอนโดใหม่ อยากโชว์ ถึงขนาดทำห้องไว้ให้เราด้วย 1 ห้อง เราก็อิดออดมาตลอดๆ หลังๆ เราไม่สบายบ่อยขึ้น จากอาการภูมิแพ้และอาการซึมเศร้านี้
เราถูกเลี้ยงมาในครอบครัวคนจีนที่ยึดพี่ชายคนโตเป็นสำคัญ เวลาพี่ชายเราอยากให้เราไปไหนทำอะไร แม้ว่าเราจะไม่ชอบ ไม่อยาก ก็จะดื้อได้ไม่นาน สุดท้ายก็จะยอมจำนน.. เราก็ได้มาที่บ้านพี่สักที..ครั้งแรกๆ ที่มาเรายังมาด้วยความรู้สึกอึกอัด ไม่คุ้น อยากลับไปอยู่คนเดียวรู้สึกฝืนมาก.. พี่ก็บังคับให้เราอยู่ด้วยคืนวันศุกร์ถึงเช้าวันจันทร์ แล้วไปส่งที่ทำงาน..เวลาอยู่ด้วยกันก็ชวนเราเล่นเกม ดูบอล..เล่นวินนิ่ง.. (ถามชั้นหน่อยมั้ยว่าช้นเล่นเป็นรึเปล่า) ดูบอลก็ดูไม่เป็น รู้แต่ว่าลูกมันเข้าประตูเป็นใช้ได้...แล้วก็พาไปดูหนัง ตอนนี้ที่เข้าโรงอยู่ในโปรแกรมตอนนี้เราก็ดูเกือบหมดละ ครั้งที่ 2 และ 3 ก็เป็นแบบนี้ มาเรื่อยๆ..เราคิดตลอดว่าเราฝืน เราเบื่อ เราเหนื่อย เราอยากนอน ไม่อยากไปทำงาน ไม่อยากทำอะไรเลย
...แต่สุดท้ายเราก็พบว่า..
1. ในช่วงเวลาที่เราเล่นวินนิ่ง ที่เล่นไม่เป็นเลย กดๆ มั่วๆ ดูหนังติดกันหลายๆเรื่อง ดูบอลมั่วๆ เราไม่ร้องไห้เลยสักแอะ...
2. ที่พี่เราให้เรามาอยู่บ้านเค้า ไม่ใช่ว่าเผด็จการอะไรเลย..แต่เค้าเป็นห่วงเราและอยากดูแลเราใกล้ๆ แต่การแสดงออกทำให้รู้สึกเหมือนว่าบังคับ..เราเข้าใจเอาเองว่าเป็นฟอร์มของผู้ชาย (ไม่แน่ใจ) เช่น ทำห้องให้เรา ซึ่งดูเผินๆ เหมือนบังคับ แต่เราเพิ่งมาเข้าใจว่า เค้าอยากให้เราสบายๆ ไม่ต้องอยู่คนเดียว จะได้ไม่ต้องไห้ หรือ ทำร้ายตัวเองอีก
เราเลยเริ่มที่จะเต็มใจมาบ้านพี่มากขึ้น แม้ว่าเป็นวันธรรมดาก็ตาม..
แต่เรายังคงมีความรู้สึกที่ไม่ค่อยสบายตัวสบายใจ เท่าไร แต่เราไม่ร้องไห้เลยเวลาที่เราอยู่บ้านพี่ และเรารู้สึกว่าเรไม่ได้ไร้ค่าอีกต่อไป เพราะไม่ว่าเราจะแย่แค่ไหน พี่ก็รักเราและเป็นห่วงเราตลอด
..แค่นั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับเราตอนนี้..