บ่อยครั้งที่ความเหงาถูกนิยามไปในทางที่ดูไม่ดีนัก
เรามองความเหงา เหมือนเป็นความว่างเปล่าของชีวิต
เรามองคนเหงา เหมือนคนที่แบกรับแต่ความโศกเศร้าเอาไว้
รวมไปถึงความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนว่า ความรักและความเหงา
ต่างอยู่คนละฟากกัน
หลายคนเลยอยากที่จะรัก เพราะไม่อยากที่จะเหงา
แต่แท้จริงแล้ว เราอาจไม่รู้ว่า
ความเหงา...มักซ่อนตัวเงียบๆ อยู่ในความรักเสมอ
ทุกครั้งที่เราเหงา.... จึงไม่ใช่เพราะว่าเราเป็นคนไม่มีความรัก
แต่คงเป็นเพราะว่าความรักนั้น...
อยากให้เราได้พูดคุยกับตัวเองมากขึ้นก็เป็นได้
ในความเหงานั้นแม้จะมีความหม่นเศร้า
หรือความรู้สึกที่อ้างว้างเปล่าเปลี่ยวปะปนอยู่บ้าง
แต่ก็ยังมีมุมงดงาม ของความรู้สึกบางอย่างและแอบแฝงอยู่...
และถ้าเปรียบความเหงาเป็นสีที่ถูกระบาย
แม้จะเป็นสีหม่นๆ แต่ภายใต้สีหม่นนั้น
ก็ยังมีสีฟ้า สีชมพู สีเหลือง สีม่วง สีแดง สีขาว สีเทา เจืออยู่เต็มไปหมด
...ว่าแต่ว่า คุณได้เคยลองสังเกตดูบ้างรึเปล่า....
ถ้าช่วงเวลาหนึ่งคุณมีความรู้สึกเหงาขึ้นมา
โดยหาสาเหตุไม่เจอ
คุณจงยอมรับเสียเถอะว่า คุณกำลังมีความรู้สึกพิเศษบางอย่าง
ซึ่งความเหงานี้ไม่ได้เข้ามาทำร้ายอะไรคุณหรอก
แต่มันเข้ามาเพื่อทำให้เรามีรสชาติของชีวิตอีกรสชาติหนึ่ง
หวานมั้ย...ก็ไม่หวาน
ขมมั้ย...ก็ไม่ขม อาจจะขมนิดหน่อย
แต่รวมๆ แล้วก็ทำให้ชีวิตคุณไม่ราบเรียบจนเกินไป
เพราะฉะนั้น...อย่าซึมเศร้าไปกับความเหงาที่ผ่านเข้ามา
ยิ้มและมีความสุขไปกับมันดีกว่า
ความเหงาสร้างอะไรทิ้งไว้ให้เราอีกตั้งเยอะ
โดยเฉพาะ... การรู้จักรักตัวเองยังไงหล่ะ...
เคยอ่านเจอมาว่า เวลาเศร้าหรือประมาณหมดอาลัยตายอยากในชีวิต ." อย่าฟังเพลงนี้ "
ฟังแล้วชวนให้ฆ่าตัวตายดีนักแล
ทำให้เราไม่เคยฟังเพลงนี้จบเลยซักครั้ง ฟังผ่านแว้บไปแว้บมา
เมื่อถึงวันที่มีปัญหาชีวิต มานั่งฟังเพลงนี้แบบจริงจัง อืมม.. มันได้อารมณ์เหงา โดดเดี่ยวจริงๆ น่ะแหละ
นั่งฟังหลายรอบ ไม่ได้ชวนให้อยากตายเลยสำหรับเรา
แค่..อยากซุกตัวอยู่ในซอกหลืบ
เงียบๆ คนเดียวมากกว่า
ขอพักเอาแรงหน่อยนึง ไว้สู้ปัญหาวันข้างหน้า