|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
2 B 1 : สองชีวิต...หนึ่งเดียว : ตอนที่ 27
เช้าวันรุ่งขึ้นก่อนกลับมหาวิทยาลัย...ชาครียาไปยืมเงินพ่อของไวทินมาหนึ่งพันบาทเพื่อเป็นเงินสำหรับการกลับไปใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ รับเงินมาแล้ว...ยังคิดไม่ออกเลยว่านอกจากบะหมี่สำเร็จรูปหนึ่งถุงในแต่ละมื้อ เธอจะกินอะไรเพิ่มได้อีก เมื่อต้องจ่ายทั้งค่าห้องพัก ค่าน้ำไฟ ค่าจิปาถะต่างๆ สังสัยคงต้องอดอยากรอจนถึงเดือนหน้า กว่าจะได้เงินค่าจ้างร้านกาแฟจะออกอีกครั้ง
หญิงสาวเดินทางมาถึงมหาวิทยาลัยเพื่อเข้าเรียนคาบบ่าย...แลเห็นหน้าห้องเรียนมีนักศึกษายืนออกันเต็มไปหมด
ชาครียาสงสัยว่าทำไมพวกเขาไม่เข้าห้อง เมื่อเธอเดินเฉียดเข้าไปใกล้ นิเกตก็ปรายหางตามองอย่างเชือดเฉือน ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงกระด้างปนเหยียดเยาะในลำคอ
ชาครียา เมื่อเช้าตรู่ประชาสัมพันธ์เค้าประกาศเรียกเธอให้ไปที่กองทะเบียน
ไปทำไม... ชาครียาเอ่ยถาม
จะไปรู้เหรอ เธอก็ไปถามพวกอาจารย์เองสิ นิเกตตอบเสียงห้วนพลางสะบัดหน้าหนีเหมือนชาครียาเป็นสิ่งน่ารังเกียจเต็มประดา และเพื่อนๆในกลุ่มนิเกตก็พากันทำกริยาใส่เธอเช่นเดียวกัน
ชาครียารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีแรงถึงขนาดต้องเดินกึ่งวิ่งอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยมาจนถึงกองทะเบียน เมื่อผ่านประตูเข้าไป ประชาสัมพันธ์ก็ร้องเรียกราวกับว่าได้รอเธออยู่นานแล้ว ก่อนพาเดินเข้าไปยังห้องประชุมใหญ่ ตรงกลางคือที่ตั้งของโต๊ะไม้สักรูปวงรีซึ่งมีอาจารย์ชั้นผู้ใหญ่นั่งรายล้อมอยู่ทุกที่นั่ง
นั่งลงก่อนชาครียา คณบดีของคณะบัญชีผายมือเล็กน้อย ขณะกล่าวด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์
หญิงสาวเดินไปแทรกลงนั่งบนเก้าอี้ด้วยอาการหวาดๆ...รู้สึกถึงสายตาทุกคนในห้องประชุมที่จ้องมาอย่างเย็นชา แฝงความรังเกียจเดียดฉันท์อยู่ในที
ก่อนอื่นต้องถามว่า...คุณได้อ่านข่าวหนังสือพิมพ์ของเช้านี้หรือยัง
เหมือนสายฟ้าฟาดลงกลางกระหม่อมเมื่อได้ยินคำถามนั้น...รู้ล่วงหน้าไปก่อนว่าเป็นฝีมือของนักข่าวคนนั้นแน่ ดวงตาจับจ้องหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งซึ่งกำลังถูกส่งต่อผ่านมืออาจารย์มาเรื่อยๆกระทั่งถึงมือเธอ
เราอยากให้คุณชี้แจงถึงสิ่งที่เกิดขึ้น รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษาเอ่ยถามเธอบ้าง
หนูไม่ได้ทำอะไร ชาครียากล่าวประโยคพูดแรกที่ผุดแวบเข้ามาในหัวสมองเธอออกมา
คุณชาครียา! เราไม่ได้ให้คุณมากล่าวปฏิเสธว่าคุณไม่ได้ทำอะไร เราต้องการให้คุณอธิบายว่าข่าวที่ลงหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ขณะนี้หมายความว่าอย่างไร รองคณบดีสาวกล่าวขึ้นด้วยเสียงกระด้าง
ชาครียาไม่ได้ตอบที่รองคณบดีสาวถาม...เธอรีบเปิดหนังสือพิมพ์ อ่านหน้าในอย่างละเอียด และเห็นว่านักข่าวคนนั้นลงข่าวตามความจริงทุกประการ บอกว่าเธอเป็นแค่นักศึกษามหาวิทยาลัยร่มเกล้าที่เข้ามาตามหาญาติ ไม่ได้ประกอบอาชีพทุจริตแต่อย่างใด
นี่ไงคะ! ชาครียาลุกขึ้นยืน...กางหน้าหนังสือพิมพ์ และชี้บรรทัดนั้นให้อาจารย์ทุกคนดู ข่าวก็ลงแล้วว่าเป็นการเข้าใจผิดกัน หนูแค่เข้าไปหาน้า ไม่ได้ขายบริการ เค้าแค่พาดหัวให้มันหวือหวาเท่านั้นเอง
ไม่มีอาจารย์คนใดแสดงอาการใยดีต่อสิ่งที่เธอพูด โดยเฉพาะรองคณบดีสาวที่มองมาอย่างเย็นชาที่สุด มีเพียงอธิการบดีที่ยังคงมีสีหน้าใจเย็น...ขณะเอ่ยปากพูดกับเธอด้วยเสียงสุภาพว่า...
เราเข้าใจ และเชื่อว่าคุณไม่ได้กระทำความผิดจริง แต่สิ่งที่เราต้องการให้คุณทำก็คือแสดงความรับผิดชอบต่อการทำให้ชื่อมหาวิทยาลัยต้องแปดเปื้อนในวงสังคม ทำให้เพื่อนร่วมสถาบันและอาจารย์ของคุณต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง ทำให้เขาขาดความภูมิใจ เวลาเดินไปไหนมาไหนแล้วมีเข็มกลัดของร่มเกล้าติดหน้าอก
ทำไมต้องเสื่อมชื่อเสียงด้วย ในเมื่อข่าวก็เขียนอยู่ทนโท่ว่าหนูไม่ได้ทำอะไร ชาครียากล่าวเสียงสั่น...ทรุดตัวลงนั่งพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มไหลซึมออกมา
ถึงคุณไม่ได้ทำอะไร แต่ข่าวก็ลงรูปคุณ ชุดนักศึกษาที่คุณใส่ พร้อมชื่อมหาวิทยาลัยของเราด้วย ทำไมคุณถึงไม่ใช้สมองคิดบ้างว่าคุณยังดำรงอยู่ในฐานะนักศึกษาของเรา และไม่ควรก้าวเข้าไปในสถานที่แบบนั้น รองคณบดีสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงมีอารมณ์มากขึ้น
น้าของหนูกำลังเดือดร้อน... ชาครียาตอบตามตรง
เราเข้าใจเรื่องที่น้าคุณเดือดร้อน แต่คุณควรจะเปลี่ยนชุดนักศึกษาเสียก่อน ไม่ใช่เข้าไปทั้งอย่างนั้น อาจารย์แก่ๆคนหนึ่งกล่าวขึ้น...มองอย่างเอือมระอาในความโง่เง่าของเธอ
ชาครียานิ่งไปพัก...ก่อนจะจ้องหน้ารองคณบดีสาวแล้วตอบไปด้วยเสียงกระด้าง ในเวลาที่คนกำลังเดือดร้อน ไม่มีใครมานั่งใคร่ครวญว่าจะต้องเปลี่ยนชุดก่อนหรอกค่ะ
เราพยายามจะเข้าใจคุณ คุณชาครียา ดังนั้นกรุณาชี้แจงเรื่องที่ญาติของคุณได้รับเดือดร้อนด้วย
อธิการบดีซึ่งเป็นชายวัยกลางคนอายุประมาณ 40 ปลายๆได้เอ่ยถามเธอด้วยน้ำเสียงที่เย็น...เนิบนาบ...แสดงถึงความเห็นใจยิ่งกว่าผู้อาวุโสคนอื่นๆที่นั่งอยู่ตรงที่นั้น
น้าของหนูติดหนี้เค้าค่ะ หนูจะเอาเงินไปให้น้าใช้หนี้
น้าคุณไม่ได้อยู่บ้านเดียวกับคุณเหรอ
อยู่บ้านเดียวกันค่ะ แต่หนูไม่อยากให้น้าขายบริการ เลยต้องรีบเอาเงินไปให้ก่อน
น้าคุณขายบริการงั้นหรือ
ค.ค่ะ... ชาครียาเริ่มรู้ว่าตัวเองเพิ่งหลุดปากไป
แล้วทำไมคุณให้ข่าวไปว่าน้าของคุณเป็นพนักงานเสริมสวย
น..หนูไม่อยากให้น้าเสียชื่อเสียง เธอตอบตะกุกตะกัก
กลัวน้าเสียชื่อเสียง แล้วคุณไม่กลัวมหาลัยเราจะเสียชื่อเสียงอย่างงั้นเหรอ รองคณบดีสาวกล่าวแทรกขึ้น
การสอบปากคำดำเนินไปเกือบครึ่งชั่วโมง...ท่ามกลางความกดดันที่ทำให้ชาครียารู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิด เสียงเย็นกระด้างของรองคณบดีสาวคนนั้นดังแทรกมาให้ได้ยินเป็นระยะในเชิงกล่าวโทษเธอ อาจารย์หลายคนเริ่มแสดงความคิดเห็น เสนอพักการเรียนหนึ่งเทอม แล้วระหว่างนั้นให้เธอบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคม
ผลการเรียนของเค้าเป็นไงบ้าง อธิการบดีเอ่ยถามคณบดีคณะบัญชี...ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
เกรดของชาครียาค่อนข้างต่ำค่ะ เธอได้ 1.75 เมื่อเทอมที่แล้ว เทอมนี้ก็มีอาจารย์หลายคนรายงานว่าสอบมิดเทอมไม่ผ่านหลายวิชา อีกทั้งเข้าเรียนก็ไม่ค่อยสม่ำเสมอ
ทำไมหนูไม่แสดงความตั้งใจออกมาให้อาจารย์เห็นเลยล่ะชาครียา อธิการบดีเอ่ยถามเธอ
หนูขอโทษค่ะ ถ้ามีโอกาสได้เรียนอีก หนูจะตั้งใจมากกว่านี้ ชาครียากล่าวด้วยความรู้สึกอับอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี ท่าทางของเธอทำให้อาจารย์ผู้มีอายุหลายคนแสดงสีหน้าเห็นใจ แต่ไม่สะกิดความรู้สึกของรองคณบดีสาวคนนั้นแม้แต่น้อย
เห็นเด็กคนนี้เอาแต่กล่าวขอโทษๆ แต่ไม่แสดงความรับผิดชอบออกมาเลยสักอย่าง แกไม่เหมาะที่จะเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเราจริงๆ ร่มเกล้ามีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานเกือบ 100 ปี ไม่เคยต้องด่างพร้อยด้วยใครคนใดคนหนึ่งถึงขนาดนี้ เธอยังใช้เสียงเย็นชา...กล่าวคำพูดที่ฟังดูยิ่งใหญ่อลังการออกมาเรื่อยๆ
แล้วอาจารย์ต้องการให้หนูแสดงความรับผิดชอบอะไรคะ ชาครียาเงยขวับ...จ้องหน้าเขม็ง และเพราะเธอแสดงความก้าวร้าว รองคณบดีจึงตอกกลับมาด้วยเสียงกระแทก...แสดงถึงความโกรธ
ต้องการให้เธอแสดงความรับผิดชอบโดยการสำนึกว่าตัวเองไม่เหมาะจะเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยนี้ ทั้งด้วยความประพฤติ ลักษณะนิสัย และผลการเรียน
ใจเย็นๆก่อน คุณอาจารี อธิการกล่าวเตือนรองคณบดีสาว
หนูสำเหนียกตัวเองมาตั้งนานแล้วว่าไม่เหมาะกับที่นี่
ชาครียาพึมพำ...ด้วยเสียงดังเพียงรอดไรฟัน แต่คณบดีสาวสวยคนนั้นกลับได้ยิน
เห็นมั้ยคะ! ท่านอธิการ เห็นมั้ยคะ! ท่านคณาจารย์ทุกท่าน...ว่าเด็กคนนี้ไม่เหมาะสมที่จะเป็นนิสิตของมหาวิทยาลัยเราด้วยข้อเสียที่ตรงไหนบ้าง แกได้แสดงออกมาอย่างเด่นชัดโดยที่ดิฉันไม่ต้องเสียเวลาอธิบายให้มากความเลย
ชาครียาส่งเสียง หึ เบาบางในลำคอ ก่อนจะพูดออกมา ทำไมคุณต้องพยายามสรรหาถ้อยคำที่ฟังดูหรูหราเพื่อจะมากดความเป็นมนุษย์ของคนอื่นลงต่ำด้วย
เธอพูดอะไร...ชาครียา รองคณบดีสาวหันขวับมาจ้องหน้าเธอ
ทำไมคุณไม่พูดออกมาตรงๆว่าคุณเกลียดดิฉันตั้งแต่เห็นหน้าในหนังสือพิมพ์ ทำไมไม่ยอมรับว่าคุณลงมือตัดสินความผิดดิฉันทันที โดยไม่ได้สนใจว่าข่าวเรื่องที่ดิฉันขายตัวจะเป็นจริงหรือเปล่า ชาครียาพูดด้วยน้ำเสียงที่ดัง...กระแทกกระทั้นราวคลื่นทะเลที่โหมซัดฝั่งลูกแล้วลูกเล่า
หยุดก้าวร้าวอาจารย์เดี๋ยวนี้...ชาครียา อธิการบดีเริ่มเอ่ยปรามเธอเสียงกระด้าง
แต่ชาครียาไม่ยอมหยุด...เธอจ้องหน้ารองคณบดีสาวคนนั้นไม่ลดละ ปากพร่ำพูดไม่หยุดถึงสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจมานาน
คุณมันก็แค่ลูกผู้ดีทิ่เติบโตมาพร้อมกับโอกาสทางการเงิน พร้อมความฉลาดทางหัวสมอง แล้วคุณก็ตัดสินว่าตัวเองเหนือกว่าคนอื่น เหมาะสมที่จะได้เรียนในร่มเกล้า จบเป็นนิสิตของร่มเกล้า และเป็นอาจารย์ของร่มเกล้า ดังนั้นเมื่อคุณเห็นคนชนิดที่คุณตีคุณค่าว่าต่ำอย่างดิฉัน...ได้เข้ามายืนในฐานะเดียวกับที่ๆคุณเคยยืนมาก่อน ก็เลยออกอาการรับไม่ได้ขึ้นมา
หยุดเดี๋ยวนี้ชาครียา อย่าให้ผมพูดเป็นครั้งที่สาม เสียงเตือนของอธิการบดีดังขึ้นอีก
รู้มั้ยทำไมดิฉันไม่เรียกคุณว่าอาจารย์ ชาครียาชี้หน้ารองคณบดีสาว และตะเบ็งเสียงใส่กลางโต๊ะประชุม ท่ามกลางความตกตะลึงของอาจารย์ชั้นผู้ใหญ่ทุกคน
เพราะคุณมันไม่เหมาะกับคำว่าอาจารย์ ครูหรืออาจารย์คือคนที่สร้างมนุษย์ให้มีพัฒนาการทางจิตใจและสมองขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง แต่คุณ! คุณมันก็แค่คนที่เรียนหนังสือสูงๆเพื่อจะมายืนเชิ่ดหน้าในวงสังคม เพื่อจะหาคำว่าอาจารย์มหาลัย หรือคำว่าดอกเตอร์จากที่โน่นที่นี่มาประดับศักดินาเท่านั้นเอง
ในฉับพลันนั้น ทุกเสียงของคณาจารย์ดังมา...บอกว่าให้เธอหยุด! หยุดพูดจาก้าวร้าวเดี๋ยวนี้! แต่หญิงสาวไม่ได้ยินอีกแล้ว คลื่นพายุลูกแล้วลูกเล่าซัดโหมอยู่ในร่างเธอ และพยายามจะหาทางออกมาให้ได้
นี่ดิฉันจะทนไม่ไหวแล้วนะคะท่านอธิการ รองคณบดีสาวลุกพรวดขึ้น...หันไปหาอธิการบดี
หยุดแสดงพฤติกรรมเลวๆแบบนี้ได้แล้ว อาจารย์คณะบัญชีเริ่มต่อว่าเธอด้วยอารามโมโหตามไปด้วย
ไม่มีสิ่งใดหยุดความบ้าบิ่นของชาครียาลงได้ นาทีนั้นเธอรู้สึกเหมือนตัวเองเปลี่ยนเป็นใครคนหนึ่ง...คนที่เธอกำลังพยายามจะสลัดเขาให้หายไปจากความทรงจำ
ชาตินี้คุณไม่มีวันเป็นอาจารย์ หรือเป็นแม่ของใครได้หรอก ในเมื่อคุณไม่เคยมีจิตวิญญาณของมนุษย์ที่เป็นผู้สร้าง คุณมันดีแต่เป็นผู้ทำลาย ผู้ที่ดีแต่ย่ำยีความเป็นมนุษย์ของคนอื่น!
ปัง! เสียงทุบโต๊ะดังขึ้นลั่นมาจากบริเวณที่ท่านอธิการนั่ง...ก่อนจะตามมาด้วยเสียงสั่งอันทรงอำนาจ
ออกไปซะ...ชาครียา นับจากนี้คุณไม่ใช่นิสิตของมหาวิทยาลัยเราอีกต่อไป
ทุกสรรพเสียงเงียบงันลงหลังสิ้นประโยคนั้น ชาครียานิ่งงันราวถูกสตาร์ฟไว้ด้วยเวทมนตร์ของเทพยดา ทว่า...เวทย์นั้นก็คลายลงในอีกสิบวินาทีถัดมา เมื่อทุกคนในห้องประชุมได้เห็นว่าหญิงสาวลุกขึ้นอย่างสงบ และด้วยสีหน้าที่สงบ ไม่แสดงอาการเสียใจใดออกมาให้เห็น
ก่อนออก... หนูอยากพูดอะไรบางอย่าง เธอยังคงจ้องรองคณบดีสาว ด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความกระด้าง ก่อนจะแกะเข็มกลัดสัญลักษณ์มหาวิทยาลัยที่ติดหน้าอกออก...วางลงบนโต๊ะ
สิ่งนี้...ไม่ได้ทำให้ใครมีความเป็นมนุษย์มากขึ้นกว่าเดิมเลย
กล่าวจบ...เธอหันหลัง เดินจากไปด้วยความรู้สึกคล้ายกำลังติดปีก น่าแปลกเหลือเกินที่การถูกไล่ออกสร้างความเจ็บปวดให้เพียงเศษเสี้ยว ทั้งที่เมื่อครู่ ตอนนั่งในห้องประชุม เธอเอาแต่ครุ่นคิดตลอดว่าหากถูกคณาจารย์ตัดสินให้ออกจากมหาวิทยาลัย โลกคงถล่มทลาย แต่เมื่อเจอเข้าจริงๆ...เธอแทบจะไม่รู้สึกอะไรเลย
...เหมือนถอดห่วงโซ่ที่คล้องคอมาเกือบหนึ่งปีออกไปเสีย ต่อไปนี้...เธอไม่ต้องมานั่งเครียดเรื่องสอบ กลัวแทบขาดใจเวลาเปิดคอมพิวเตอร์ดูเกรด และนั่งกังวลตลอดทั้งเทอมว่าจะเรียนไม่จบ เธอเป็นอิสระแล้ว...อิสระจากระบบการศึกษาที่บีบคั้นเด็กหลายคนให้คิดอยากฆ่าตัวตาย
แต่แล้วความรู้สึกล่องลอยอย่างอิสระของชาครียาถูกทำลายลงโดยพลัน เมื่อรู้สึกถึงมือหยาบและแข็งแกร่งของใครคนหนึ่งที่เอื้อมมาฉุดแขนเธอไว้
ว่าไง น้องชาครียาได้เจอกันเป็นครั้งที่สองแล้วนะครับ
ชาครียาจ้องหน้าเขา และจำได้ว่าคือผู้ชายหน้าตาดีคนที่มาขอเบอร์โทรศัพท์เธอหน้ามินิมาร์ทเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน
ต้องการอะไร! เธอกล่าวเสียงห้วนและพยายามบิดข้อมือออก
คืนละเท่าไหร่
ว่าไงนะ ชาครียาเบิกตาโพลงขณะถามซ้ำ ทั้งที่รู้ไปล่วงหน้าแล้วว่าเขาหมายถึงอะไร
ตัวเธอน่ะ คืนล่ะเท่าไหร่ เป็นนักศึกษาด้วยกันจะลดมั้ย ถ้าถูกจะใช้บริการบ่อยๆ เขาต่อราคาเธอ...ราวกำลังต่อเสื้อผ้า
อย่ายุ่งกับฉัน! ชาครียาสะบัดข้อมือเต็มแรง...กำลังจะเดินหนี แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นว่าพวกเพื่อนๆเขายืนล้อมรอบตัวเธอไว้หมด
ทำเป็นหยิ่งอีก จะขายให้แต่เฉพาะลูกส.ส.หรือไงวะ เพื่อนของผู้ชายคนนั้น...เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่หยาบคาย...พอๆกับสายตาที่กำลังโลมไล้ไปทั่วร่างกายเธอ
ห้าพันพอมั้ย หรือหกพัน ผู้ชายหน้าตาดีคนเดิมกล่าวถามอีก
ฉันไม่ได้ขายตัว ในหนังสือพิมพ์ก็เขียนบอกไปไม่ใช่เหรอว่าเป็นแค่การเข้าใจผิดกัน ฉันแค่เข้าไปหาญาติเท่านั้น เธอกล่าวพลางเริ่มมองหาคนช่วย มีนักศึกษาหญิงหลายคนนั่งอยู่บริเวณนั้น แต่แทนที่พวกเธอเหล่านั้นจะห้ามปรามพวกผู้ชายที่กำลังคุกคามเธอ กลับจ้องมองมาด้วยสายตารังเกียจแทน
ใครๆก็รู้กันทั้งนั้นว่าเธออ้าง อย่าเล่นตัวเลยน่ะ ราคาแพงขนาดไหนก็บอกมา เพื่อนเรามีเงินจ่าย เพื่อนของผู้ชายคนนั้นกล่าวอีก ยืดมือเข้ามา...ทำท่าเหมือนกำลังจะรวบเอวเธอ
ไปให้พ้น! ชาครียาผลักเขาเต็มแรงด้วยความตกใจ กำลังจะวิ่งหนี แต่ก็โดนผู้ชายในกลุ่มนั้นฉุดกลับมาอีก น้ำตาเอ่อล้นขึ้นมาด้วยความกลัว ยังไม่ทันที่จะได้ร้องตะโกนเรียกคนช่วย ร่างของผู้ชายคนที่กอบกุมแขนเธอก็ถูกผลักเต็มแรงจนเซหวือไปอีกทาง...พร้อมๆกับการปรากฏตัวของอิชย์
หลังจากผลักชายที่ประทุษร้ายเธอออกไปได้...อิชย์ก็ดึงมือชาครียาให้หลบไปยืนด้านหลังเขา ก่อนจะยกนิ้วขึ้นชี้หน้าพวกผู้ชายกลุ่มนั้น
ห้ามยุ่งกับผู้หญิงคนนี้อีก ผมจะเตือนพวกคุณครั้งนี้แค่ครั้งเดียว และจะเป็นครั้งสุดท้ายด้วย
ผู้ชายกลุ่มนั้นเงียบ หันมองหน้ากันพักหนึ่ง ก่อนหนุ่มหัวฟูคนที่ดูใจกล้าสุดจะพูดขึ้น...
ที่จริงผู้หญิงสาธารณะเค้าต้องใช้ร่วมกันได้ไม่ใช่เหรอ หรือยัยนี่จะขายให้เฉพาะพวกสมาชิกทาบู
ฉันไม่ได้ขายตัว ไม่ได้ขายตัวได้ยินมั้ย! ชาครียาตะโกน...พูดซ้ำๆทั้งที่รู้ว่าพวกเขาไม่มีวันเชื่อเธอ
ไสหัวไปซะ ก่อนที่ผมจะเรียกเพื่อนมา อิชย์หยิบมือถือขึ้นมา...ทำท่าเหมือนจะกดโทรออก
ผู้ชายกลุ่มนั้นหันมองหน้ากันอีกครั้ง...ก่อนจะเริ่มถอยห่างออกไป โดยทิ้งคำสบถด่าไว้อีกหลายคำ
ไอ้กระจอก ถ้ามึงไม่ใช่พวกทาบู คงไม่กล้าทำซ่าส์อย่างนี้หรอก
อิชย์ไม่โต้ตอบอะไรทั้งนั้น เขายืนสงบนิ่ง...รอจนกระทั่งผู้ชายกลุ่มนั้นหายเข้าไปใต้เงามืดของอาคาร จึงหันมาหาชาครียาที่ยืนตัวเทิ้มสั่น แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
ไม่เป็นไรแล้วนะ...
ความตื่นเต้นผสมหวาดกลัวทำให้ชาครียาไม่มีแรงแม้แต่จะเอ่ย จึงได้แต่ก้มหัวให้หลายๆครั้งแทนการขอบคุณ
ไปเถอะ ผมจะขับพาไปส่งบ้านนะ เขาแตะไหล่เธอเบาๆเป็นเชิงปลอบประโลม...แล้วพาเดินไปยังรถเก๋งสีขาวที่จอดอยู่ใกล้ๆ ชาครียาขึ้นไปนั่งรถอย่างง่ายดายเมื่อเขาเปิดประตูให้...รู้สึกว่าน้องรหัสของไวทินช่างเป็นคนดีเหลือเกิน ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้คนอ่อนโยนอย่างเขาเข้าไปสมัครในชมรมเลวร้ายอย่างนั้น
เมื่อออกรถ...เขาก็เริ่มเปิดประเด็นสนทนาที่ทำเอาหัวใจชาครียาเกิดสั่นไหวขึ้นมาอีก
นาคินไม่ลง death match อีกเลยหลังจากที่แข่งแพ้ในคืนนั้น เขาแค่มาปรากฏตัวเฉยๆในสนามแข่ง และก็มักจะมาพร้อมผู้หญิงคนใหม่
ขอร้องเถอะค่ะ ฉันไม่อยาก... ชาครียากำลังจะบอกอิชย์ว่าไม่ต้องพูดเรื่องนาคินให้เธอฟัง แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้แสดงท่าทีสนใจเธอ เขายังพูดต่อไปเรื่อยๆ
ศุกร์ที่แล้วนาคินมาปรากฏตัวที่ทาบูคลับไม่ถึงสิบนาที แล้วก็ออกไป ศุกร์นี้คาดว่าเขาจะไม่มา เพราะอาทิตย์ที่แล้ว เขาเพิ่งทะเลาะกับจอมเดช รู้สึกจะเถียงกันเรื่องที่นาคินไม่ค่อยทุ่มเทให้กับชมรมเหมือนเดิม
ชาครียานั่งก้มหน้าเงียบ...พยายามที่จะไม่นึกหน้าผู้ชายคนนั้น เธอจะกดความทรงจำเกี่ยวกับเขาลงไปให้ลึก เหมือนอย่างเคยทำกับเรื่องของไวทินมาก่อน และเพราะเอาแต่ก้มหน้า หญิงสาวจึงไม่รู้ว่าอิชย์ได้ขับรถเลยผ่านปากซอยเข้าอพาร์ตเมนต์เธอไปแล้ว และกำลังแล่นขึ้นทางด่วนด้วยความเร็วสูง
เมื่อรู้สึกตัวอีกที แล้วหันมองวิวรอบข้าง สีหน้าเธอพลันซีดเผือด...เธอหันไปหันมาด้วยร่างกายที่เริ่มจะสั่นเทิ้มขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะร้องถามเขาด้วยเสียงที่เกือบสั่น
เดี๋ยวก่อนคุณอิชย์ คุณจะพาฉันไปไหน!
อิชย์ไม่ตอบอะไรทั้งนั้น ยังคงเร่งความเร็ว และวางสายตาให้จับจ้องไปยังเบื้องหน้าทิศเดียวเท่านั้น ไม่หันมองเธอ ไม่แสดงอาการแยแสต่อการร่ำร้องขอความเห็นใจของเธอ เขาแค่จะทำหน้าที่ของตนเองให้เสร็จ หน้าที่ในการรับใช้อมนุษย์ตัวหนึ่ง...ที่ดิ้นเร่าอยู่ในใจเขา
.....................................
รถแล่นมาถึงสนามแข่ง death match ที่คุ้นตา เหงื่อกาฬพาลไหลแตกทั่วร่าง ชาครียาหันไปมาอย่างลุกลี้ลุกลน เธอเอ่ยถามอิชย์อีกครั้งว่าพาเธอมาทำอะไรที่นี่ และเขายังไม่ยอมตอบอีกเช่นเคย ได้แต่ปลดเข็มขัดนิรภัย แล้วเปิดกระจกรถ...คุยกับตฤนและจอมเดชที่ยืนคอยอยู่หน้าจุดสตาร์ท
วันนี้แข่ง match ธรรมดาได้มั้ย อิชย์ตะโกนถามตฤนผ่านเสียงเพลงที่เปิดดังกระหึ่มบริเวณนั้น
ได้... ตฤนกล่าวยิ้มๆ พลางเดินไปขึ้นรถบีเอ็มสีแดงที่จอดเทียบอยู่บริเวณเดียวกับรถของอิชย์
ชาครียานั่งลังเลใจอยู่พัก ก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูรถแล้ววิ่งหนีไป แต่ก้าวขายังไม่ถึงห้าก้าว จอมเดชก็วิ่งเข้ามาล็อคเอวเธอ แล้วกระชากลากถูกลับมาที่รถของอิชย์ตามเดิม
ปล่อยฉันนะ ปล่อย ขอร้องล่ะ ได้โปรด... ชาครียาเอามือยึดขอบประตูรถไว้ ไม่ให้เขายัดเธอกลับเข้าไปในรถของอิชย์
กลัวอะไรนักเล่า! ตอนอยู่กับนาคิน...เธอก็เคยลงสนามแล้วนี่ จอมเดชกล่าวเสียงเรียบ พลางดันหัวชาครียาเต็มแรงให้จนเธอแทบกลิ้งกลับเข้าไปในรถ ก่อนจะปิดประตูใส่หน้าดังโครม
พวกแกจะทำให้ฉันทำอะไร ไอ้พวกบ้า ไอ้บ้าเอ๊ย! ชาครียาลุกขึ้นมากรีดใส่อิชย์...ใกล้จะสติแตกเข้าไปทุกทีแล้ว
ไม่ต้องกลัวคุณชาครียา งวดนี้มีผมกับคุณตฤนแค่สองคน และไม่ใช่ death match ที่ต้องปิดตา เราจะแข่งกันสบายๆ ไม่ขับเร็วมาก
อิชย์กล่าวพลางเร่งเครื่องให้เกิดเสียงดังบรืน...บรืน...เพื่ออุ่นเครื่อง รถของตฤนก็กำลังทำเหมือนๆกัน ชาครียาเริ่มกวาดสายตาไปทั่วบริเวณเพื่อจะหาคนช่วย เห็นรถของสมาชิกในทาบูจอดเรียงเป็นหน้ากระดานด้านหลัง แต่ไม่มีวี่แววเจ้า hell boy ของนาคินเลย
แป๊นนน...แป๊นนนน...แป๊นนนนนน...เสียงแตรดังขึ้นสามครั้งเป็นสัญญาณให้ออกสตาร์ท รถของอิชย์แล่นเร็วหวือออกจากจุดเดิมที่มันอยู่ แต่ไม่เร็วมากเท่ารถของตฤน อิชย์เริ่มขับรถอย่างสบายๆตามที่บอกไว้ทีแรก
ค..คุณ...ทำอะไร เธอถาม...เมื่อเห็นอิชย์ปล่อยให้รถของตฤนขับแซงไปด้วยสีหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาว
ชาครียามองชายหนุ่มที่นั่งข้างเธอด้วยความสงสัยปนตื่นตะลึงสุดขีด ไม่เข้าใจว่าเขาต้องการอะไร ทำไมต้องพาเธอมาสนามแข่งรถ แล้วที่สำคัญคือ...ทำไมต้องแกล้งแพ้ตฤน!
แล้วคำถามในหัวเธอก็ได้รับการเฉลยในอีกสามนาทีถัดมา เมื่อรถของอิชย์แล่นวนกลับมายังจุดสตาร์ท...โดยมีรถของตฤนซึ่งเข้าเส้นชัยไปนานแล้วจอดรออยู่ เขาหยุดรถ...เปิดประตูแล้วลงไปคุยตกลงกัน
ผมแพ้แล้ว...อยากได้อะไรก็บอกมา
ตฤนยิ้ม...ด้วยสีหน้าที่ของคนใจดีอย่างที่เขาเคยมีมาตลอด ก่อนจะกล่าวออกมาว่า
เอาตุ๊กตาหน้ารถของนาย
ตกลง อิชย์ตอบทันที...พร้อมกับหันหน้ากลับมามองชาครียาที่นั่งอยู่ในรถ
ท่ามกลางสายตาของผู้ชายเกือบสิบกว่าคนที่มองเข้ามา ชาครียานั่งตัวแข็งอยู่ตรงเบาะหน้ารถ ความเย็นเฉียบวาบไปทั่วทุกรูขุมขน เลือดแทบไม่ไหลเวียนไปเลี้ยงสมองอีก สติใกล้จะดับลงไปทุกที
ลางสังหรณ์บอกว่า...เธอกำลังจะได้เจอสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่านรก!
ติดตามตอนต่อไปได้ที่ลิงค์นี้ //my.dek-d.com//story/view.php?id=344279
Create Date : 31 มีนาคม 2551 |
|
3 comments |
Last Update : 31 มีนาคม 2551 15:04:07 น. |
Counter : 846 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: veeda 31 มีนาคม 2551 18:42:51 น. |
|
|
|
| |
โดย: Aree-Yong IP: 118.174.152.238 1 เมษายน 2551 18:39:10 น. |
|
|
|
| |
โดย: peek IP: 125.26.59.84 28 เมษายน 2551 15:59:16 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]
|
Welcome to LuckySeven 's world
สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิด โดยนำงานเขียนเฉพาะเชิงนวนิยายใน blog แห่งนี้ไปใช้เผยแพร่ทั้งโดยการคัดลอก และดัดแปลงเพื่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ แต่ไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการนำไปใช้เสนอเพื่อประโยชน์ทางความรู้ วิชาการและสังคม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นควรได้รับอนุญาตอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้ประพันธ์เสียก่อน
*สำหรับงานเขียนในบล็อคย่อยอื่นๆซึ่งเป็นประโยชน์ทางความรู้ด้านวิชาการ สามารถนำไปใช้ได้โดยไม่จำเป็นต้องขออนุญาตก่อน*
|
|
|
|
|
|
|