It 's my way...
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2550
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
2 ตุลาคม 2550
 
All Blogs
 

ปางบุญ : ลมหายใจสุดท้ายของ...กวี

ลมหายใจสุดท้ายของ…กวี
ปางบุญ

………….. นี่คือเจ้าของบทกวีที่ยิ่งใหญ่
ก่อนที่เขาจะตายไป เขาถือดอกไม้อยู่ในมือ
ครั้งหนึ่งเขาเคยมีชื่อเสียงเลื่องลือ ว่าคือลมหายใจของประชาชน
เขายืนอยู่ตรงนั้น มีบางอย่างผูกพัน…แต่สับสน
เขารู้…เขาเกลียดชังความยากจน แต่ยังฝืนทนอยู่ต่อไป
ฝืนทนเพราะตรงนี้คือพี่น้อง ที่เคยร่วมร้องร่ำไห้
ฝืนทนเพราะหลายคนที่ตายไป ตายเพื่อให้เขาเป็นใหญ่ขึ้นมา
เป็นใหญ่ในบทกวี เป็นใหญ่ด้วยวลีที่มีค่า
เป็นใหญ่ด้วยถ้อยคำที่ร้อยเรียงออกมา งดงามเกินกว่า…ผู้ใด
บางครั้ง…เขาอยากออกไปจากตรงนั้น ออกไปจากความฝันอันยิ่งใหญ่
เชื่อไหม…บางวันไม่เคยได้กินอะไร นอกจากบทกวี
บทกวี…ที่วันนี้…ยังขายไม่ได้ แม้เที่ยวท่องล่องไปในทุกที่
คนทั้งแผ่นดินชอบฟังเสียงดนตรี แต่คนขายกวี…ยังอดตาย
เขาเคี้ยวกลืนบทกวีทีละชิ้น พยายามจะกลืนกินมันให้ได้
เพื่อที่จะได้มีชีวิตอยู่ต่อไป ดูลมหายใจสุดท้าย…ของกวี
…..………
เขาถือดอกไม้อยู่ในมือ นี่คือเจ้าของบทกวีที่ยิ่งใหญ่
ยัง…เขายังไม่ตาย เขาเปลี่ยนอาชีพใหม่…ไปแล้ว



<center>วิจารณ์ กวีนิพนธ์ เรื่อง “ลมหายใจสุดท้ายของ…กวี”

ศิลปะ…ที่กำลังจะตาย


LuckySeven

เป็นเรื่องน่าเศร้า…เมื่อต้องยอมรับว่าคนสมัยนี้ส่วนใหญ่นิยมเสพย์ศิลปะที่ฉาบฉวย และไม่ต้องใช้ความคิดพิจารณาลุ่มลึกมาก อย่างเช่น ภาพยนตร์ ดนตรี เสียจนหลงลืมงานศิลปะประเภทอื่น และปล่อยให้ศิลปะเหล่านั้นค่อย ‘ตาย’ ไปจากสังคมอย่างช้าๆ

‘ลมหายใจสุดท้ายของ…กวี’ เป็นงานของ “ปางบุญ” นามปากกาของ นงลักษณ์ ไมตรีมิตร นักเขียนหญิงรางวัลช่อการะเกด ที่มีผลงานทั้งเรื่องสั้น นวนิยาย ปกิณกะ และบทกวีต่างๆ เธอคือนักเขียนอิสระที่มีความพยายามในการดำรงชีวิตตามวิถีทางของนักเขียนอาชีพ

เมื่ออ่านบทประพันธ์บทนี้จบลง ก็จะทราบว่าเป็นเรื่องของนักกวีคนหนึ่งที่มีความใฝ่ฝันว่าจะสร้างสรรค์บทประพันธ์ของตนต่อไป เขาภูมิใจในบทกวีของเขาว่ามีความสวยงาม และไพเราะเกินกว่าใคร เขานึกถึงความยิ่งใหญ่ในอดีต ในยุคที่บทกวีเคยได้รับความนิยมอย่างสูงว่าเป็นลมหายใจของประชาชน ซึ่งน่าจะเป็นยุคแห่งการเรียกร้องประชาธิปไตยนั่นเอง

………….. นี่คือเจ้าของบทกวีที่ยิ่งใหญ่
ก่อนที่เขาจะตายไป เขาถือดอกไม้อยู่ในมือ
ครั้งหนึ่งเขาเคยมีชื่อเสียงเลื่องลือ ว่าคือลมหายใจของประชาชน

เมื่อยุคปัญญาชนหมดไป ยุคสมัยใหม่ก้าวเข้ามา สังคมเปลี่ยนแปลง เขาบังเกิดความสับสน เพราะเส้นทางนักกวีไม่ได้ราบรื่นเหมือนเช่นเก่า แม้อยากจะรักษาความฝันของต่อ แต่ก็เกลียดความยากจนที่มีอยู่

เขายืนอยู่ตรงนั้น มีบางอย่างผูกพัน…แต่สับสน
เขารู้…เขาเกลียดชังความยากจน แต่ยังฝืนทนอยู่ต่อไป

เขายังพยายามที่จะดำรงชีวิตในฐานะนักกวีต่อไป ด้วยเพราะนึกถึงคนอาชีพเดียวกันที่เคยลำบากและดิ้นรนหาหนทางเพื่อทำนุบำรุงความฝันมาด้วยกัน และคิดถึงนักกวีคนเก่าๆที่เคยล้มเลิกงานของตนไป เปิดโอกาสให้เขาได้ก้าวเข้ามาเป็นหนึ่งในเส้นทางนักกวี

ฝืนทนเพราะตรงนี้คือพี่น้อง ที่เคยร่วมร้องร่ำไห้
ฝืนทนเพราะหลายคนที่ตายไป ตายเพื่อให้เขาเป็นใหญ่ขึ้นมา
เป็นใหญ่ในบทกวี เป็นใหญ่ด้วยวลีที่มีค่า
เป็นใหญ่ด้วยถ้อยคำที่ร้อยเรียงออกมา งดงามเกินกว่า…ผู้ใด

บางครั้ง เขาเองก็อยากล้มเลิกอาชีพนี้ อยากละทิ้งความฝันของตนเอง เพราะการยึดอาชีพนักกวีไม่สามารถช่วยให้เขาหาเงินได้ น่าแปลกที่คนทุกหนแห่งนิยมฟังเสียงดนตรีแทน แต่บทกวีกลับขายไม่ออกไม่ว่าอยู่แห่งหนใด

บางครั้ง…เขาอยากออกไปจากตรงนั้น ออกไปจากความฝันอันยิ่งใหญ่
เชื่อไหม…บางวันไม่เคยได้กินอะไร นอกจากบทกวี
บทกวี…ที่วันนี้…ยังขายไม่ได้ แม้เที่ยวท่องล่องไปในทุกที่
คนทั้งแผ่นดินชอบฟังเสียงดนตรี แต่คนขายกวี…ยังอดตาย

เพราะบทกวีกินไม่ได้ นักกวีจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากละทิ้ง สุดท้าย…แม้ความฝันจะยังคงอยู่ในใจ แต่เขาก็ต้องยอมเปลี่ยนอาชีพเพื่อให้ตัวเองอยู่รอด

เขาเคี้ยวกลืนบทกวีทีละชิ้น พยายามจะกลืนกินมันให้ได้
เพื่อที่จะได้มีชีวิตอยู่ต่อไป ดูลมหายใจสุดท้าย…ของกวี
……….
เขาถือดอกไม้อยู่ในมือ นี่คือเจ้าของบทกวีที่ยิ่งใหญ่
ยัง…เขายังไม่ตาย เขาเปลี่ยนอาชีพใหม่…ไปแล้ว

ชื่อเรื่อง ‘ลมหายใจสุดท้าย…ของกวี’ สื่อถึงการต่อสู้ดิ้นรนที่จะดำรงสถานะในเส้นทางของนักกวีไว้อย่างถึงที่สุด เพื่อดำรงลมหายใจสุดท้ายไว้…เขาถึงกับต้องกลืนกินงานของตนเอง เป็นการถ่ายทอดอารมณ์ความขมขื่นของนักกวีให้ผู้อ่านได้ร่วมรับรู้ผ่านกลอนบทนี้

ภาษาที่ ‘ปางบุญ’ เลือกใช้ใน ‘ลมหายใจสุดท้าย…ของกวี’ ไม่เน้นที่ความไพเราะหความสละสลวยของคำ และฉันทลักษณ์แบบกลอนไทยไว้เลย เสมือนการบรรยายไปเรื่อยๆแต่ยังคงความคล้องจองระหว่างวรรคไว้เพื่อให้ดูคล้ายกลอนแปด แต่ก็เป็นกลอนแปดที่มีจำนวนคำในวรรคไม่แน่นอน กวีนิพนธ์บทนี้จึงอาจเรียกได้ว่าเป็นกลอนเปล่า และเป็นกลอนที่เน้นในเรื่องของการให้ความหมาย และให้แง่คิดโดยใช้สัญลักษณ์ต่างๆ อย่างเช่น ความตาย ดอกไม้ และลมหายใจ

ลมหายใจ ในกวีนิพนธ์บทนี้ เป็นสัญลักษณ์ของการดำรงอยู่ในความฝัน ในอาชีพนักกวี และ ดอกไม้ หมายถึง ความฝันอันเป็นอุดมคติของนักกวีทั้งหลายที่ร่วมเดินอยู่ในเส้นทางเดียวกัน ส่วน ความตายสื่อถึงการล้มเลิก การละทิ้งความฝันและอุดมการณ์ที่เคยมีเพราะถูกบีบคั้นด้วยเรื่องการหาเลี้ยงชีพ

กวีนิพนธ์บทนี้สะท้อนภาพของนักเขียนในยุคปัจจุบันที่ไม่สามารถยึดงานการประพันธ์เป็นอาชีพได้ เพราะขาดการตอบรับจากสังคม มีการใช้น้ำเสียงเสียดสีเมื่อกล่าวถึงดนตรี ในเมื่อคนยังนิยมเสพย์ศิลปะอยู่ แต่ทำไมไม่นิยมเสพย์กวีนิพนธ์ ดังนั้นหนทางสุดท้ายของนักประพันธ์ในสมัยนี้จึงมีอย่างเดียวคือต้องเปลี่ยนอาชีพใหม่ มิเช่นนั้นก็ต้องอดตาย เพราะคนในสมัยปัจจุบันไม่นิยมบทกวี

‘ลมหายใจสุดท้าย…ของกวี’ สะท้อนภาพชีวิตนักกวีในมุมที่ค่อนข้างตกอับ ไม่มีคนเห็นคุณค่า และไม่สามารถขายงานของตนได้ จนสุดท้ายก็ต้องตายไปจากการดำรงอยู่ในเส้นทางแห่งอุดมการณ์ เพื่อมาดำรงอยู่ในเส้นทางของความเป็นจริงแทน

หากนักกวีล้มเลิก หรือ ตาย ไปจากความฝันของตนกันหมดทุกคน กวีนิพนธ์ก็จะขาดการสืบสานต่อ งานวรรณกรรมที่ให้คุณค่าทั้งความงาม และความคิดอีกประเภทหนึ่งของโลกก็จะสูญหายไปอย่างน่าเสียดายยิ่ง ‘ลมหายใจสุดท้าย…ของกวี’ น่าจะสามารถเป็นกำลังใจแก่นักเขียน หรือนักกวีรุ่นใหม่มิให้ท้อถอยในเส้นทางสายวรรณกรรม รวมไปถึงกระตุ้นให้สังคมได้ตระหนักถึงสถานการณ์วิกฤตของวรรณกรรมประเภทกวีนิพนธ์ในปัจจุบัน…ได้อย่างไม่มากก็น้อย




 

Create Date : 02 ตุลาคม 2550
5 comments
Last Update : 7 ธันวาคม 2550 7:03:48 น.
Counter : 1386 Pageviews.

 

สวัสดีค่ะ แวะมาอ่าน และให้กำลังใจทั้งเจ้าของบ้านนี้ และคุณปางบุญค่ะ

 

โดย: ณ กมล 4 ตุลาคม 2550 23:40:14 น.  

 

ป้าเล็กเสียไปแล้วค่ะ เสียใจด้วยนะคะ

 

โดย: ผ่านมา IP: 124.120.1.191 18 มกราคม 2551 9:48:18 น.  

 

เขายังไม่ตาย

 

โดย: สทร IP: 202.149.25.225 19 มกราคม 2552 18:24:56 น.  

 

ให้กำลังใจผู้อื่น ก็เหมือนให้ตน
คนตายคงไม่มีโอกาสตอบแทนเรา นี้คงเป็นเหตุที่ตรงนี้เงียบ. อยากรู้อยากได้อะไรในปางบุญล่ะ
ขอ และถามมาสิ.

 

โดย: กรรม IP: 202.149.25.197 24 มกราคม 2552 17:41:17 น.  

 

พอจะมีใครทราบประวัติ พอสังเขปของปางบุญบ้างไหมคะ
พอดีเป็นนักศึกษาที่ชื่นชมในผลงานและกำลังศึกษาวรรณกรรมเรื่องสั้นของท่าน จึงอยากจะทราบค่ะ

 

โดย: พิชญ์ IP: 202.28.118.123 15 ตุลาคม 2558 14:40:36 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


I am LuckySeven
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




Welcome to LuckySeven 's world



สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิด โดยนำงานเขียนเฉพาะเชิงนวนิยายใน blog แห่งนี้ไปใช้เผยแพร่ทั้งโดยการคัดลอก และดัดแปลงเพื่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ แต่ไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการนำไปใช้เสนอเพื่อประโยชน์ทางความรู้ วิชาการและสังคม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นควรได้รับอนุญาตอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้ประพันธ์เสียก่อน

*สำหรับงานเขียนในบล็อคย่อยอื่นๆซึ่งเป็นประโยชน์ทางความรู้ด้านวิชาการ สามารถนำไปใช้ได้โดยไม่จำเป็นต้องขออนุญาตก่อน*
Friends' blogs
[Add I am LuckySeven's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.