เมื่อเท้ามันคัน อะไรมันๆ จะเกิดขึ้น
Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2558
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
13 กรกฏาคม 2558
 
All Blogs
 
Le journal d’un garcon aux cheveux longs (Ep.1)



บันทึกประสบการณ์เดินทางไปต่างประเทศและขึ้นเครื่องบินครั้งแรก เมื่อปี 1998

30/06/98, Paris

ตอนนี้กำลังเขียนบันทึกอยู่บนโต๊ะสีชมพูแหละ มุมดีๆ มุมหนึ่งของห้องพัก 


เราพักห้อง 701 ที่ FIAP เป็นคล้ายๆ หอพักเยาวชนหรืออะไรสักอย่าง แต่ดูดีกว่าหน่อย เหมือนโรงแรมแถวบ้านเรา คิดจะเขียนบันทึกเพราะพี่ป๋อมพูดเร่งเร้า ก็เพิ่งเริ่มเขียนเอาวันนี้แหละ คงจะไม่ค่อยประติดประต่อเพราะไม่เคยเขียนมาก่อนเลย อาจเขียน ๆ หยุดๆ เอาล่ะ จะเล่าเรื่องวันที่ผ่านๆ มาให้ฟัง เมื่อวาน 29 มิ.ย. เป็นวันเดินทาง เรามาถึงดอนเมืองเป็นคนสุดท้ายในทั้งหมด 6 คน (พี่เกก จ๊ะเอ๋ ตูน เต้ย พี่ป๋อม) เพื่อนๆ เป็นห่วงกันใหญ่เลย พอมาถึง (พี่ษาขับรถมาส่ง) ก็เจอพี่ใหญ่พอดีเลย มากับเฮียเซี้ยง 


ต่อมาก็เป็นเพื่อนจากคณะและก็เพื่อนโรงเรียนเก่า ตอนแรกคิดว่าคงไม่มีใครมาส่ง ทำไปทำมาอบอุ่นสุดๆ เลย 


เพื่อนโรงเรียนเก่ามีของขวัญมาให้ด้วย เป็นหมอนแต่ไม่ได้เอามาใช้ที่นี่ ของมันเยอะมากแล้ว กว่าจะร่ำลากันเสร็จเข้าสนามบินเป็นคนสุดท้ายอีกแล้วเรา กลัวคนอื่นจะรำคาญเหมือนกัน แต่พยายามปล่อยมุกเรียกคะแนนเสียงเอาไว้ ก็โอเคอย่างน้อยก็มีคนบางคนหัวเราะ(น้องเต้ย) บอกเดี๋ยวกลับไปจะเปิดคาเฟ่ให้แสดง อะไรจะขนาดนั้นหนู ตอนเครื่องขึ้นกะจะตื่นเต้นเสียหน่อย แต่จ๊ะเอ๋บอกความรู้สึกไว้หมดแล้ว เลยเฉยๆ แค่มีความรู้สึกหูอื้อก็แค่นั้น อ้อ แต่ตอนแรกก็ตื่นเต้นมายกหนึ่งแล้วกับการเกือบตกเครื่อง จำรายละเอียดไม่ค่อยได้แล้ว 


มาต่อตอนกินอาหารบนเครื่องแล้วกัน ก็เป็นอาหารฝรั่งแหละ ไม่ค่อยถูกโรคเท่าไหร่ กินไปได้เรื่องเลย ท้องอืดเหมือนตอนกินพิซซ่าไม่มีผิด คนที่แย่สุดๆ คงไม่พ้นเอ๋กับเต้ยที่นั่งขนาบข้างเรา คงทนดมกลิ่นตดกันอย่างชนิดที่เรียกว่าไม่ขาดสาย แต่จะทำไงได้ละ ตื่นเช้ามาก็เสิร์ฟอาหารอีกแล้ว คราวนี้กินแต่ของหวานกับที่เป็นน้ำๆ ตอนใกล้ถึงดีหน่อย ได้นั่งริมหน้าต่างแทนจ๊ะเอ๋ เห็นอะไรที่ไม่เคยเห็นด้วยตาจริงๆ มาก่อน ม่านเมฆหมอก แสงตะวันฉานฉาย ทอประกายทั่วท้องฟ้า ประทับใจอยู่เหมือนกัน ในที่สุดก็ถึง Charles de Gaulle ประมาณ 06.05 น. ตามเวลาท้องถิ่น กว่าจะได้ออกจากสนามบินก็วุ่นวายกับการรอเพื่อนบ้านไทยที่ต้องไปรถคันเดียวกัน ดูๆ แล้วไทยดูดีไม่บ้านนอกสุดแล้วมั้ง (เข้าข้างตัวเองสุดฤทธิ์) พอออกมาสู่อากาศแท้ๆ ของปารีส หนาว มีลมโกรก แต่ก็โอเคพอทน

ลัดมาตอนถึง FIAP เลยละกัน มีการแบ่งออกเป็นกลุ่มย่อยพร้อมด้วยคนคุม 1 คนไทยแลนด์อยู่กับบราซิล เบลารุส จอร์เจีย ปาเลสไตน์ มีผู้ดูแลชื่ออีตา Boris หน้าตาดีทีเดียว จ๊ะเอ๋ก็ชอบ งานนี้มีเรื่องให้เมาท์มากมายหลายกระบุง เรื่องหลัก : ความสัมพันธ์พิเศษระหว่าง Boris กับ... Karyma นางงามมิตรภาพจากเบลารุส เธอสวยเข้ากับคนอื่นได้ดีมาก พวกเราเลยอิจฉาก็แค่นั้น ตอนเช้า Boris มาพาไปเดินเล่นแต่ก็ไกลอยู่นะ เล่นเอาขาลากไปตามๆ กัน อากาศก็หนาว เออ แวะกินโค้กขวดละ 20 ฟรังก์ เป็นร้อยๆ บาทเลย นึกแล้วเสียดายตังค์ ยิ่งมีน้อยๆ อยู่ กลับมาที่พักก็ทานอาหารเที่ยงอีกแล้ว กลัวอาหารไม่ย่อย ท้องผูก Boris แจกคูปอง 20 points ห้ามทานเกินไม่งั้นต้องจ่ายเอง อย่างเอ๋โดนไป 3 ฟรังก์ ทานเสร็จแล้ว Bravo! แอบไปปลดทุกข์ในห้องน้ำชั้นล่าง หายอึดอัดหน่อยเสร็จแล้วก็นั่งเมาท์พลางทานสตรอเบอรี่ที่ซื้อมา 20 ฟรังก์ กล่อง ตอนไปเดินเล่น พี่ป๋อมกับจ๊ะเอ๋บอกจะช่วยแชร์เลยติดหนี้เราคนละ 7 ฟรังก์ สตรอเบอรี่ก็อร่อยดี หวานสดกว่าแถวสีลมเยอะ ทำไปทำมาก็ขึ้นมาห้องพักพร้อมสัมภาระ มาถึงก็ชักรูปไป 2 – 3 รูปแล้ว สรุปปัญหาดีกว่า ตอนนี้ยังไม่ค่อยกล้าพูดภาษาฝรั่งเศสเพราะไม่ค่อยคล่องและฟังไม่ค่อยได้ใจความเลย มีหลุดภาษาอังกฤษเยอะทีเดียว ก็เอก Eng นี่นา เอาเป็นว่า I will try ละกันเนอะ ขอต่ออีกนิด ตอนนี้มองออกไปนอกหน้าต่างหอพักไม่ใช่สีลมอีกแล้วนะ เป็น Paris เมืองหลวงของฝรั่งเศสอย่างชนิดที่เรียกว่าเนื้อแท้เลยแหละ แม้อากาศจะไม่ค่อยสดใสแต่ก็ทำให้ยิ้มออก พร้อมนึกถึงการต่อสู้เพื่อชัยชนะ(สำหรับคนอื่น) แต่เพื่อความฝันสำหรับตัวเอง มื้อเย็นกินสเต็กเหลือ เบียร์เหลือ ตอนที่เขียนอยู่นี่ 2 ทุ่ม 45 แล้วนะ ฟ้ายังสว่างอยู่เลย เหมือนตอนเย็นบ้านเรา ...ออกไปเดินเล่นกับพี่ป๋อมมาเพิ่งมาถึง 22.30 ฟ้าเพิ่งเริ่มมืด ไปเดินเล่นไม่ได้อะไรเลย นอกจากความเหนื่อย อาการหวัดและปวดขา

01/07/98, Paris

ตื่นมาด้วยความสดใส หัวใจเบิกบาน มีเมทเป็นหนุ่มอิตาเลียนหล่อๆ ตั้ง คน ชื่อ Paolo กับ Thomas อายุแค่ 18 ปีเอง เดี๋ยวกะจะให้ของที่ระลึกพร้อมขอที่อยู่ให้เต้ ทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้อยู่ที่สถานี เอ๊ย! อยู่บน métro แล้ว 


ปเที่ยวรอบกรุงปารีสหลายที่มาก Palais Royal


และที่ Louvre ถ่ายรูปมาเสียเยอะเชียว สวยๆ ทั้งนั้น แต่เสียดายดันทำหมวกที่ซื้อมาจากจตุจักรหายไปซะ กะจะไปใส่เดินชายทะเลเสียหน่อย มื้อเที่ยงนี้หิวเป็นพิเศษ เลยกินเยอะหน่อยบวกกับมีน้ำพริกปลากุเลาด้วย คราวนี้ซึ้งบุญคุณน้ำพริกจริงๆ ช่วยให้เจริญอาหารได้มากเลย


ตอนบ่ายก็เที่ยวสถานที่สำคัญต่างๆ ของ Paris ได้ไปทุกที่ที่เคยเห็นในหนังสือเลย เสียอย่างเดียวต้องอยู่บนรถ ได้ลงที่เดียว คือ สัญลักษณ์ของกรุงปารีส : หอไอเฟล 


ตอนเย็นมีงานเลี้ยงที่ Palais Royal เลยแต่งเป็นสาวชุดดำ งานนี้ดีหน่อยรวมวัยรุ่นหมดเลย ได้คุยกับพวกคนจีนและญี่ปุ่นก็เป็นมิตรดี งานนี้วัยรุ่นสนุกกันใหญ่เพราะมีเต้นด้วย พวกเต้นเก่งๆ ก็อวดฝีเท้าสุดฤทธิ์ จากงานสนุกๆ ก็เริ่มกร่อยเพราะอากาศตอนกลางคืนหนาวมาก ลมแรงและยังมีของ(แจก)เต็มไม้เต็มมืออีก ชอบ dict ของ Hachette มากเพราะจะได้ไม่ต้องซื้อ กลับมาถึง FIAP ก็อาบน้ำกินยานอน เพราะตอนเช้าต้องออกเดินทางไป Nantes

02/07/98 Paris, Nantes

เอาอีกแล้ว เช้าตื่นมาเจอเมทใหม่อีก 2 คน (พวกอิตาเลียนย้ายออกไปแล้ว) เป็นชาวบราซิลซึ่งอยู่กลุ่มที่ 22 เหมือนกันแต่เพิ่งมาถึง ทรมานสุดๆ ตอนเดินทางไปขึ้น TGV เนี่ยแหละต้องแบกสัมภาระที่หนักขึ้นกว่าเดิม กว่าจะได้ขึ้นรถเล่นเอาแย่ไปเหมือนกัน ได้นั่ง TGV ริมหน้าต่าง มันคงวิ่งเร็วมากแหละ แต่นั่งในขบวนรถเงียบ นิ่มมาก ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย 


นั่งสักพักก็ถึงจุดหมาย คิดว่าจะได้เจออากาศดีๆ เปล่าเลย แย่กว่าที่ปารีสอีก ออกมาจากสถานีรถไฟแบบว่าลมแรงมาก หลังจากนั้นก็เข้าหอพักของมหาวิทยาลัย Freshe Blanc เป็นหอพักแยกชายหญิง แล้วดันพักชั้นบนสุด แบกของขึ้นบันไดกันแทบแย่ (ไม่มีลิฟท์) จัดของได้สักพักกะจะลงมารับของแจกเสียหน่อย อีตา Marc ผู้ควบคุมอีกคนดันมาทักผิดว่าเราเป็นชะนี แถมไล่ลงไปข้างล่างอีก ก็เลยต้องตกกระไดพลอยโจร

ทานข้าวเที่ยงที่ cafétéria universitaire ที่ห่างออกมาหน่อย กินเสร็จก็แบ่งเป็นกลุ่มย่อย (ลืมบอกไปว่ามี 150 คนที่จะร่วมชะตาเดียวกันที่ Nantes) กลุ่มเราก็ไปเดินเล่นที่งาน Animations Nantaises pour la Coupe du Monde เป็นงานขายของออกร้านเกี่ยวกับฟุตบอลโลกเนี่ยแหละ เลยซื้อแสตมป์ไปชุดหนึ่ง 30 ฟรังก์ และโทรกลับบ้านด้วย แม่รับบอก 3 ทุ่มพอดี ถามสารทุกข์สุกดิบกันพอสมควร  หมดค่าโทรไปกว่า 30 unité


เดินเล่นเที่ยวนี้ไม่สนุกเลย ฝนตกตลอด ทำให้บรรยากาศเสียมากเลย ตอนเขียนอยู่นี่ก็เพิ่งจะกินอาหารเสร็จ เป็น réception จัดโดย Mairie de Nantes อาหารพอกินได้

03/07/98, Nantes

เมื่อคืนนอนสบายมากเพราะเหนื่อยสุดๆ น้ำไม่อาบ ของก็ไม่ได้จัด ตื่นสายตอนเช้าเลยทานได้แต่ช็อคโกแลต หลังจากนั้นไปเดินชมสวนที่ Jardin des Plantes ดอกไม้ที่นี่สีสดดีจัง 


ต่อจากนั้นก็นั่ง tramway วนไปรอบๆ เมือง แวะถ่ายรูปที่นั่นที่นี่ จำไม่ได้ว่าที่ไหนบ้าง มี réception ตอนเที่ยงที่ conseil général และนั่งรถชมเมืองต่อ ระหว่างทางเอาสีมาป้ายตาด้วยแหละ ให้มันได้บรรยากาศฟุตบอลโลกหน่อย วันนี้ดูคู่ Brésil - Danemark เป็นคู่แรก กะจะถ่ายรูปไว้ดูสักรูป 


ออกมาเขียน journal ข้างนอกเพราะไอ้พวกบ้าบอลเชียร์กันหนวกหู ไม่มีสมาธิ เออ! วันนี้เขาแวะให้ช็อปที่ fnac เลยซื้อ dict ไป 2 เล่มไม่แพงเท่าไหร่ ซื้อ Nouveau 3 ฝากน้องฮวดด้วย มีเรื่องหน้าแตกคือ ไปถามยาม fnac ขอเข้าห้องน้ำ มันทำหน้าขำมากแล้วบอกไม่มี เหมือนคุณไม่รู้เหรอว่าห้างที่นี่ไม่มีห้องน้ำ

04/07/98 Nantes, Saint Nazaire

ของวันที่ 4 เพิ่งมาเขียนวันที่ 5 เพราะมัวแต่ขี้เกียจเลยจำอะไรไม่ค่อยได้ ไปดูรูปเอาเองแล้วกัน 


ตอนเช้าไปเที่ยว la Brière คล้ายทะเลน้อยบ้านเรา เป็นการนั่งเรือ (แจว) ชมธรรมชาติ เสร็จแล้วก็แวะ shopping ที่ centre-ville ของ Saint Nazaire (ลืมบอกไปว่าตอนนี้อยู่ที่ Saint Nazaire แล้ว) กินข้าวเที่ยงที่ Maison de Sports และก็ไปเที่ยว la Base Sous-Marine 


เป็นท่าเรือเก่าๆ ไม่มีอะไรเท่าไหร่ ต่อจากนั้นก็ไปดูเรือดำน้ำ ของที่ระลึกเยอะดี แต่ไม่ซื้อ เปลือง เมืองไทยสวยกว่าเยอะ เสร็จแล้วก็มา réception ที่ Hôtel de Ville ได้เต้นรำแบบพื้นเมืองด้วย และก็ไปเดินตากแดดริมทะเลสักครู่ ไชโยทำที่คาดผมหายอีกแล้ว อุตส่าใช้มาตั้งนาน เสือกมาทำหาย อุปกรณ์เสริมสวยเลยหายไปอีกหนึ่ง หลังจากนั้นไปทานอาหารค่ำที่ Salle Jacques Brel 


อาหารทะเล อลังการมาก แต่เยอะเฉพาะปริมาณ รสชาติไม่ค่อยสด จืด ไม่มีน้ำจิ้ม ถ้ามีน้ำจิ้มเปรี้ยว หวานเผ็ดเสียหน่อยจะกินได้อีกเยอะเลย และพี่ป๋อมของเราก็ได้เป็นคอรัสให้ชะนีฝรั่งคนหนึ่งร้อง My Heart Will Go on มันสุดๆ ก็ไอ้ตรงที่มี dance เนี่ยแหละ แม้เพลงจะไม่ค่อยคุ้น แต่ก็พอทำเนา ไอ้เด็กพวกนี้มันชอบเต้นกันจริงๆ เราเองก็ชอบ เต้นไปมองคนไป เพลินดี

05/07/98, Saint Nazaire

ตื่นมากินอาหารเช้าแล้ว อยู่บนรถกำลังรอไอ้พวกสาย รถ numéro3 นี่สายตลอด จริงๆ กำลังจะออกไปเที่ยวตามโปรแกรมที่น่าเบื่ออีกแล้ว 


ไปเที่ยวโบสถ์อะไรสักอย่าง ไม่รู้จัก จากนั้นไปดูการทำนาเกลือและกินข้าวเที่ยง  เป็นเนื้อแกะสุกๆ ดิบๆ กินเสร็จไปชายหาด la Baule ผู้ชายเขาเล่นบอล เราเล่นวอลเลย์ และโทรกลับบ้าน 

ตอนนี้อยู่บนเรือเร็ว จะนั่งกลับ Nantes (จาก St. Nazaire) เป็นโปรแกรมที่ดีนะที่ให้นั่งเรือชมเมือง แต่อากาศหนาวและนานไปหน่อย ขอชมว่าโปรแกรมเป็นที่น่าพอใจมาก เที่ยว กิน นอน c'est tout แต่มันก็เหนื่อยจนบางครั้งต้องแอบหลับในรถ กลับมาถึง Nantes ตอน 5 ทุ่มแน่ะ เพิ่งได้ทานข้าวเย็น จำได้ว่าทานเสร็จก็ขึ้นนอนเลย ไม่ดูดนตรีอะไรทั้งสิ้น ตอนแรกกะดูพี่นรินทร์ร้องเพลง แต่เธอไม่ร้องเลยขึ้นนอน เพราะพรุ่งนี้ต้องออกเดินทางไป Marseille ตั้งแต่เช้า ต้องจัดของให้เรียบร้อยก่อน

06/07/98 Nantes, Marseille

ตอนนี้อยู่บนรถ เอาของขึ้นรถเรียบร้อยหลังทานอาหารเช้าเดิมๆ พร้อมออกเดินทางสู่ทางใต้ของฝรั่งเศส Marseille ออกมาก็แวะ Cathédrale de Nantes และ L'Edit de Nantes เป็นโบสถ์และปราสาท สวยดีแต่ไม่มีอารมณ์ดู เหนื่อย ง่วง หลังจากทานเที่ยงแล้วไป shopping ที่ fnac ไม่ได้ซื้ออะไรเลย งก อยากเหลือเงินกลับไปใช้เยอะๆ มากกว่า หลังจากนั้นทานมื้อเย็น สั่ง crêpe ที่ข้างในเป็นอาหารทะเลแต่ผิดหวังมาก เพราะมันบดทุกอย่างรวมกัน เลยอ้วกแตก สรุปว่าไม่กิน กินพวกขนมปังผลไม้ โยเกิร์ตแทน และก็มาขึ้นรถไฟจะออกเดินทางไป Marseille ของหนักมาก หนักขึ้นทุกวัน ที่สถานี Nantes ได้ถ่ายรูปกับเครื่องอัตโนมัติด้วย 1 รูป 10 francs รถไฟนอนของฝรั่งเศสไม่ต่างกับบ้านเรามาก สบายกว่าแน่นอน สะอาด 


แบ่งเป็นห้องส่วนตัวย่อยๆ ห้องละ 6 เตียง ฟากละ 3 เตียงซ้อนกันขึ้นไป เรานอนชั้นกลางตรงข้ามกับ Butros คุยกันหยอกกันสักพัก ก็ต่างคนต่างหลับ มาตื่นอีกทีตอนถึง

07/07/98, Marseille

มาถึง Marseille กี่โมงไม่รู้ รู้แต่ว่าเช้าและกินข้าวเช้าเลย เราต้องมารวมกับกลุ่มอื่นด้วย เห็นมีพวก Japon, Chine ที่เคยเจอกันที่ Paris อาบน้ำแต่งตัว sexy เสร็จก็ออกมาจากห้องเป็นที่กรี๊ดกร๊าดพอสมควร พอออกมาเจอคนอื่นก็ (อีกแล้วค่ะ) โดนเมาท์เพราะความฉงนสนเท่ห์อีกนั่นแหละ บางคนรับได้ บางคนรับไม่ก็เชิดใส่ กำลังนั่งเรือชมเมืองอยู่จ๊ะ พวกบราซิลหนวกหูเหมือนเดิม ชอบทำเด่น ไอ้พวกบ้า


แวะเกาะซึ่งเป็นที่ตั้งของ Chateau d'If เหมือนคุกในหนังเรื่อง the Rock เป็นเกาะกลางทะเล เดินเล่นสักพักก็นั่งเรือกลับมาทานอาหารเที่ยงที่ Ils du Frioul เป็นเกาะเล็กๆ เกาะหนึ่ง หลังจากนั้นก็ให้เวลาชั่วโมงกว่าๆ ไปเดินเล่น เล่นน้ำตามอัธยาศัย เราไม่เล่นน้ำ ไม่อยากเปียก เดินเสร็จก็มานั่งตากลมเขียน journal เนี่ยแหละ เสร็จแล้วนั่งเรือกลับ ตอนมาถึง le vieux port ระหว่างรอรถกลับที่พักอีตาบ้า Boris แสดงความป่าเถื่อนออกมาอย่างสุดทุเรศ ชาวเอเชียและคนอื่นทุกคนที่ไม่ได้มีมันเป็น héro ประจักษ์ถึงความต่ำของมัน ทีนี้แหละมึง อย่าให้กูมีโอกาสเอาคืนเชียว กลับมาถึงที่พักนอนหลับไปเลยจนมีคนมาเรียกลงไปกินมื้อเย็น  อาหารหมาไม่กินมากเลย กินไปหน่อยนึง 


หลังจากนั้นไปชมคู่ระหว่าง Brésil กับ Hollande ทั้งที่ไม่ชอบฟุตบอลแต่ก็พยามเชียร์ Pays Bas อย่างออกหน้าออกตา แม้บราซิลจะยิงนำไปก่อน แต่คำอธิษฐานของเราเป็นจริง เพราะ Pays Bas ตีเสมอได้ จบด้วยการยิงลูกโทษ ลุ้นระทึกสุดๆ  แต่แพ้มันจนได้ นักบอลฮอลแลนด์ยิงไม่เข้าติดกันตั้ง 2 คน เหมือนโดนมนต์ดำ  แต่ช่างมัน ไว้ให้มันแพ้รอบชิงจะสะใจกว่า คราวนี้จะได้เห็นน้ำตาผู้แพ้เป็นแน่ ดูเสร็จนัดเจอกันที่ Mc หน้า Vélodrome ด้วยความหิวก็คว้ามากิน 1 ชุด เป็นนักเก็ต 30 francs ประทังความหิวไปได้บ้างแล้วเดินกลับ ถึงครึ่งทางแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มที่จะกลับมานอน (รวมเราด้วย) และกลุ่มที่จะไป plage เพื่อทำการเฉลิมฉลองชัยชนะของบราซิล

08/07/98, Marseille

นอนสบายๆ พี่ป๋อมก็มาเคาะให้ลุกขึ้นอาบน้ำ อาบเสร็จก็ลงมา petit déjeuner ปรากฏว่าคนอื่นรอแล้ว เลยเป็นวันแรกที่ไม่ทานเช้าที่นี่ แม้ปกติจะไม่ทานอยู่แล้วก็ตาม รับอาหารเที่ยงเน่าๆ แดกไม่ลงมาคนละถุง ดูท่าทางคงต้องอดมื้อเที่ยงอีกตามเคย 


นั่งรถไปเมืองเล็กๆน่าเที่ยวข้าง Marseille ชื่อ Aix-en-Provence รถจอดให้ลงตรงน้ำพุกลางเมือง พร้อมแจกแผนที่ซึ่งเอามาจากการท่องเที่ยวแถวนั้น และต่างแยกย้ายให้เวลาหลายชั่วโมงทีเดียว อาหารเที่ยงถุงที่เขาแจก เรากับพี่ป๋อมกินกันตอนสายๆ หมาไม่แดกแต่ไม่อยากถือ 


เสร็จแล้วเดินมาตามถนนสายหลัก เข้าร้านโน้นออกร้านนี้ส่วนใหญ่ก็เป็นร้านหนังสือ เข้า tabac ซื้อไฟแช็คด้วย เป็นลายฟุตบอลโลก 10 francs กะเอาไปฝากเตี่ย นึกได้ว่าพี่ใหญ่ฝากซื้อไพ่ ลองหาดูแต่ไม่มีเลยกะไปซื้อเอาแถวปารีส เห็นนาฬิกาใน Monoprix ก็อยากซื้อแต่มันไม่สวยเพียงแต่เป็นของนอก สู้เก็บเงินไว้รวยเมืองไทย ซื้อของแพงๆ สวยๆ ใส่ดีกว่า มีให้เลือกล้านเจ็ด เสร็จแล้วก็เดินต่อไปเรื่อยๆ เจอจ๊ะเอ๋กับพี่เกกนั่งทานมื้อเที่ยงอยู่ริมถนน เศษอาหารใส่ถุงที่เรากินไปแล้วตั้งแต่เช้า แต่เธอคงไปแอบซื้อสลัดที่ไหนมากินด้วย เพราะมันไม่มีผักเลย  แวะกินน้ำแล้วเดินต่อเข้าตรอกนั้น ออกตรอกนี้ สักพักก็หิว เลยจะหาอะไรที่มันเป็นรูปเป็นร่างทานเสียหน่อย 

ในที่สุดก็มาหยุดตรงหน้าร้าน O'franco เป็นร้านเล็กๆ อยู่ในซอยลึกแต่มีไก่อบเลยอยากกินขึ้นมา เข้าไปในร้านไม่มีคนเลย แต่แต่งร้านน่ารัก เลยนั่งสั่งอาหารสั่งโค้กไปคนละกระป๋อง ไก่อบ 1 ตัว มาแบ่งกันกิน นั่งไปได้สักพักก็เริ่มมีคนเข้าร้าน คนทำอาหารพิถีพิถันพอสมควร ค่อนข้างช้ากว่าจะได้ แต่พออาหารมาตั้งตรงหน้าก็โอเค กลิ่นหอมเครื่องเทศ ไก่ร้อนอย่างดี ไม่ไหวแล้ว นานๆ จะได้กินอย่างนี้ คำแรกอร่อยมากทำให้คลายอาการคิดถึงอาหารไทยลงไปได้บ้าง อาหารเป็นสูตรโปรตุเกสเพราะเจ้าของร้านมีพื้นเพแถวนั้น ผักกับเครื่องเทศรสชาติดีทีเดียว ไก่ก็หอมอร่อยแต่เสียดายกินไม่หมด เพราะมันยัดไม่ไหวแล้ว กินแล้วปวดขี้ เลยขี้ซะที่ร้านเลย จ่ายเงินเสร็จสรรพออกกันคนละ 43 francs นับว่าคุ้มกับอาหารดีๆ ไม่นึกเสียดายเลยจริงๆ กินเสร็จเดินย้อนกลับมาตามถนนสายเดิม ชมนกชมไม้ไปตามเรื่อง แวะ tabac ซื้อ cartetéléphonique อีก 40 francs = 50 unités เดินย้อนมาถึงน้ำพุ พี่ป๋อมเดินหาห้องน้ำ ส่วนเราโทรศัพท์กลับบ้าน อัตราการโทรลดเหมือนเราโทรกลับบ้านจากกรุงเทพฯ ตอนกลางวัน เพียงแต่มันลงทีละ unité คุยกับเตี่ย 2-3 คำพอใช้บัตรที่ได้มาจาก Paris กับ Nantes หมดก็พอ บัตรใหม่ยังไม่ได้ใช้แต่ตูนมาขอยืมไปแล้ว บอกจะซื้อให้ใหม่ 

พอเจอกันตามเวลานัดก็เดินมาขึ้นรถบัส ระหว่างทางทักคนญี่ปุ่นด้วยแหละ คนที่เราบังเอิญไปชนเขาตอนแจก dict ที่ Palais Royal ชื่อ Yoshi น่ารักทีเดียว ดูดีที่สุดในกลุ่ม Japon แล้วแหละ ขึ้นรถบัสกลับมา Marseille จำได้ว่าหลับไปสักครู่ตื่นขึ้นมาเพราะแดดส่องตา ชะนีฝรั่งข้างหลังเสือกไม่ปิดม่าน โดนแดดเผาซะเกรียมเลย มองไปข้างหน้าก็เห็น Boris เซ็ง! ดูคนขับก็สับสนตัวเองเหมือนจะหลงทาง รู้สึกว่าเขาไม่เตรียมการให้พร้อมเท่าที่ควร ไม่เหมือนที่ Nantes ไม่ว่าโปรแกรมการท่องเที่ยว รถรา อาหารการกิน สู้ที่ Nantes ไม่ได้เลย โดยเฉพาะของแจกต่างกันมากๆ เลย

กลับมาถึงที่พัก มีการนัดหมายให้เอาของลงมาข้างล่างก่อนมื้อเย็นเพราะตอนเช้าออกตั้งแต่ 6 โมง กลัวจะไม่ทันกัน เอาของลงมาเสร็จ (หนักมาก) จะเดินไปกินมื้อเย็น มีคนดักตรงทางเข้าแจกของที่ระลึก โถ! ทำไมเพิ่งแจกและแจกน้อยด้วย ให้เลือกระหว่างพวงกุญแจกับที่ติดไท เลยเลือกที่ติดไท กินเสร็จขึ้นมาอาบน้ำนอน ระหว่างที่เขียนนี้เพิ่งอาบน้ำเสร็จ พรุ่งนี้ไม่อาบแล้ว เดินทางเลย เขียนไปก็มีเสียงโห่ร้องได้ยินแว่วๆ เพราะบางกลุ่มดูบอลทางทีวีกันอยู่ คู่ระหว่าง France กับ Croatie แข่งที่สนาม Parc des Princes ที่ Paris ใครชนะจะเข้าไปชิงชนะเลิศกับ Brésil ซึ่งไปนอนรอแล้ว ส่วนผู้แพ้ก็ชิงที่ 3 กับ Hollande เดี๋ยวต้องถามเต้ยหรือตูนดูว่าใครชนะ กลับ Paris จะได้ดูอย่างมากอีก 1 รอบ ไม่คู่ชิงที่ 3 ก็ชนะเลิศ แล้วแต่ดวงดีในการจับสลากแค่ไหน เอา 200 คนไปดูรอบชิง 300 ไปดูชิงที่ 3 เมื่อกี้ตูนมาเอาแชมพูกับสบู่ที่ยืมมาคืน ถามแล้วผลปรากฏว่าชาติเจ้าภาพได้เข้าชิงกับ Brésil คู่นี้มีลุ้นแน่เพราะใครชนะก็ได้ เกลียดทั้งอีพวกเด็กบราซิล ทั้งอีตา Boris อยากเห็นมันหงอยทั้งคู่

Le journal d’un garcon aux cheveux longs (Ep.2)

Le journal d’un garcon aux cheveux longs (Ep.3)





Create Date : 13 กรกฎาคม 2558
Last Update : 8 กุมภาพันธ์ 2561 2:17:43 น. 0 comments
Counter : 1262 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Thaisoloclub
Location :
Rome Italy

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 32 คน [?]




Friends' blogs
[Add Thaisoloclub's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.