Contranrian Strategist : การลงทุนแบบย้อนรอย..
Group Blog
 
 
ตุลาคม 2553
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
24 ตุลาคม 2553
 
All Blogs
 

เริ่มต้นกันก่อน

ในระหว่างที่รอ อาจารย์ ผมจะค่อย ๆ ขยายความสิ่งที่ อ.สอนไปเท่าที่จะมีเวลานะครับ

1. การวิเคราะห์หุ้นของเรา จะเป็นการวิเคราะห์ทางเทคนิค โดยอาศัยการดูกราฟ และตความตามกราฟออกมา

การที่เราไม่ให้สนใจในสิ่งอื่น ๆ เช่นปัจจัยพื้นฐานของบริษัทนั้น ๆ ก็เพราะการวิเคราะห์แบบนั้นจะเป็นการเทรดหุ้นแบบ VI ซึ่งเป็นการถือหุ้นเพื่อหวังเงินปันผล (แตไม่รวมพวก VI เพราะติดหุ้น)

ส่วนเรื่องข่าวก็เช่นกัน เราจะหลีกเลี่ยง เพราะข่าวนั้น เค้าอาจจะนำเสนอแต่ดพียงบางส่วน โดยจะเลือกเอาเฉพะที่เค้าต้องการเผยแพร่เท่านั้น

อีกประการหนึ่ง ข่าวนั้นอาจเป็นสิ่งเร้า ที่จะทำให้เราไขว้เขวได้ เนื่องจากเราไม่รู้ว่าสิ่งที่เค้านำเสนอนั้นเป็นข้อเท็จจริง หรือเป็นสมมติฐาน การเสพข่าวจึงต้องเป็นข่าวที่เป็นข้อเท็จจริง และเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยพื้นฐาน หรือโครงสร้างของบริษัทเท่านั้น แต่ก็เป็นเพียงนำมาประกอบการตัดสินใจเท่านั้น เพราะในที่สุดทุกอย่างจะปรากฎออกมาทางกราฟทั้งสิ้น

ส่วนการวิเคราะห์จะออกมาได้ 3 ทางคือ
1. ขึ้น
2. ลง
3. ออกด้านข้าง

หากใครยังไม่รู้ว่าหุ้นตัวนั้นเป็นอย่างไรให้เปิดกราฟหุ้นตัวนั้น ช่วงระยะ 1 ปี แล้วถอยห่างจอมา 1 ก้าว

แล้วดูไปที่กราฟ
1. ถ้ากราฟด้านขวามันชี้สูงขึ้น แสดงว่าเป็นขาขึ้น
2. ถ้ากราฟด้านขวามันชี้ลง แสดงว่ากราฟเป็นขาลง
3. ถ้ากราฟมันขยับขึ้น ลง หาทางไปไม่ชัด เค้าเรียกออกข้าง

การวิเคราะห์ด้วยกราฟ จะเป็นการวิเคราะห์จากสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว เช่นปริมาณการซื้อขาย ราคาสูงสุดต่ำสุด ย้อนหลัง

ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นข้อมูลที่ "เป็นข้อเท็จจริง" จึงเป็นสิ่งที่ปราศจากข้อสงสัยว่ามันจะใช่แน่หรือไม่ เพียงแต่เรานำเอาข้อมูลเหล่านี้มากระบวนการทางความคิด "Thinking Process" ซึ่งเรามีอยู่แล้ว มาวิคราะห์เพื่อให้ได้ Output ที่จะพยากรณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

กระบวนการทางความคิดนี้แม้จะดีเพียงใด แต่ถ้าหาก Input ไม่ดี หรือเป็น Input ที่ยังไม่ Clearify หรือ เป็นสิ่งที่คิดเอาเอง ผลลัพธ์ที่ออกมาก็อาจจะไม่ดีได้เช่นกัน หรือหากดีก็คงเป็นเพียงเรื่อง "ฟลุ๊ก" เท่านั้น
ที่ อ. บอกว่าเปรียบเทียบคนเดินก้าวไปข้างหน้า ว่าพอเราเห็นปั๊บ เราก็คาดได้ว่าเค้าจะเดินต่อไป

หากเค้ายังหยุดอยู่กับที่เราก็ยังไม่อาจคาดได้ว่าเค้าจะเดินต่อไปข้างหน้า เว้นแต่จะมีสัญญาณการก้าวไปข้างหน้าเกิดขึ้น

การเล่นหุ้นก็เหมือนกัน หากสังเกตให้ดี เราจะไม่เคยแนะนำให้ซื้อหุ้นที่กำลังเดินถอยหลังเลย รวมทั้งหุ้นที่กำลังยืนอยู่กับที่ Sideway

แต่เราจะเน้นให้ซื้อหุ้นที่กำลังก้าวเดินไปข้างหน้า ไม่ว่าเพิ่งจะย่างก้าวแรก หรือเดินมาหลายก้าวแล้วก็ตาม

ลองกลับไปทบทวนเรื่องจังหวะการเข้าซื้อหุ้นดู ว่าทั้ง 3 แบบไม่มีแบบไหนเลยที่ให้เข้าซื้อหุ้นตอนมันถอยหลัง หรือ อยู่นิ่ง

ทบทวนการ Entry ให้
1. Aggressive Entry
2. Wait for Retracement
3. Wait for Second Break Out

การเข้าซื้อหุ้นตอนมันลง ก็เหมือนเราคาดการณ์ว่าเราเห็นคนเดินถอยหลังอยู่ แล้วเราคาดว่าก้าวต่อไปเค้าจะเดินไปข้างหน้า นั่นเป็นการสรุปที่ Invalid มาก

หรือการเข้าซื้อหุ้นตอนมัน sideway ซึ่งเหมือนกับเราคาดว่าคนที่ยืนอยู่เฉย ๆ แล้วก้าวต่อไปเค้าจะก้าวไปข้างหน้า แบบนี้ก้เสี่ยงเช่นกัน

เราจึงบอกว่า ซื้อหุ้น แล้วได้กำไรเร็ว ต้องซื้อหุ้นตอนมันขึ้น เราพเราเห็นก้าวสุดท้ายของเค้าว่าก้าวไปข้งหน้า เราจึงเชื่อว่าก้าวถัดไปก็จะต้องไปข้างหน้า

ซื้อหุ้นแบบนี้แล้ว กลับไปบ้านจะนอนด้วยความสุข หลับก็ฝันว่าพรุ่งนี้มันจะขึ้นไปเท่าไหร่ มีความหวังตลอด

โดย: เด็กลาดพร้าว (zombie99 )





























อาจารย์ตอบให้ในแต่ละตัว จะใช้ความรู้ทุกบทมาประกอบกัน ให้ทำความเข้าใจให้ดี เพราะถ้าเข้าใจกราฟ 10 กราฟขึ้นไป จะเข้าใจบทเรียนทั้งหมดได้ 80% แล้ว



กราฟ ptt
ระหว่างวันแรกที่ ทะลุ break out ราคา high ในรอบ 200 วันที่ 285 มี volume 30 ล้านหุ้นคือ คนติดหุ้นมานานมาก วันนี้ เป็นวันที่ทุกคนกำไรหมดหลังจากติดหุ้นมานานร่วมปี จึงพร้อมใจกันขายทำกำไรออกมา 30 ล้านหุ้น วันต่อมา หุ้นราคาสูงขึ้นไปอีก แต่ คนที่ซื้อเมื่อวานเป็นคนชุดใหม่ทั้งหมด ที่มารับหุ้น 30 ล้านหุ้นจากคนชุดเก่าที่ติดไว้ จึงมีคนอยู่ 2 พวก
พวกแรก ต้องการถือยาวเอากำไรมาก
อีกพวก คือ พวกเล่นสั้น
วันต่อมาที่ปรากฏ volume 24 ล้านหุ้น แสดงว่า พวกเล่นสั้นขายออกมาทำกำไรซะก่อน เหลือเก็บไว้ 6 ล้านหุ้นในมือผู้เล่นยาว
การที่ float 30 ล้านหุ้น ถูกขายออกมา 24 ล้านหุ้นในวันถัดมา เหลือพวกเล่นยาว 6 ล้านหุ้น ย่อมไม่อาจทำให้หุ้นไปต่อได้ เพราะ
30 ล้านหุ้น float มี 6 ล้านเล่นยาว 24 ล้านเล่นสั้น
ต้องใช้เวลาในการที่จะนำคนที่เล่นยาว มาซื้อหุ้น 24 ล้านหุ้นไปทั้งหมด เวลาที่จะใช้ในการซื้อจากพวกเล่นสั้น และทำให้ราคาขึ้นต่อไป คือ เวลาที่ใช้ในการพักตัวของหุ้น
ถ้าเปลี่ยนเป็น 30 ล้านหุ้นวันแรก วันต่อมา ขายกันออกมา 6 ล้านหุ้น แสดงว่า 24 ล้านหุ้นเล่นยาว เหลือเพียง 6 ล้านหุ้นที่เล่นสั้น การพักราคา ย่อมจะสั้นมากกว่ากรณีแรก
ดังนั้น สรุปว่า ถ้าวัน break out มี float เท่าไหร่ วันถัดมา ที่ราคาพักตัว มี volume น้อยลงอย่างมากทันที เวลาที่ใช้พัก จะสั้นมากครับ














กราฟ tpoly
วันแรกของการ break out 200 วัน เป็น spread กว้างมาก คือ จากราคาปิดวันก่อนหน้าที่ 2.14 ไป high ที่ 2.34 ในวัน break ด้วย volume 70 ล้านหุ้น แสดงว่า
float tpoly ในรอบ 200 วันคือ 70 ล้านหุ้น
วันต่อมา tpoly ราคาลดลง เพราะพวกทำกำไรระยะสั้น ขายออกมา 34 ล้านหุ้น เหลือพวกถือไว้ 36 ล้านหุ้นประมาณ 50%
วันต่อมา ราคานิ่ง พวกมีกำไรเห็นว่าไม่ไป ด้วยความใจร้อนเล่นสั้น จึงขายหุ้นออกมาอีก ในวันต่อๆมา คือ
10ล้านหุ้น 14ล้านหุ้น 8 ล้านหุ้น 6 ล้านหุ้นตามลำดับ
รวมประมาณ 38 ล้านหุ้น
เห็นอะไรหรือไม่
วันล่าสุด ทำไมหุ้นขึ้นทะลุ 2.36 ไปได้
คำตอบคือ รายใหญ่ เอาหุ้นจากพวกเล่นสั้นกลับคืนมาหมดแล้ว เวลา 4 วันคือเวลาพักตัวของหุ้นนั่นเอง
ข้อสังเกตอีกอย่างคือ รายใหญ่รู้ได้ไงว่า จะไล่ได้ในวันล่าสุด
เพราะวันสุดท้าย มี volume 4 ล้านหุ้นเท่านั้่น volume ที่ขายคืนมา ช่างแห้งเเล้งเหลือเกิน
















กราฟ thai
มี float 40 ล้านหุ้นในวัน break 200 วันของเขา วันที่ March 2 2010 หลังจากนั้น เขา ขึ้นมาตลอด 9 เดือนที่ผ่านมา
60 วันล่าสุด sideway ในกรอบระหว่าง 34 - 43.25
วันที่ Sep 30 2010 มีการไล่ไปถึง 42 แล้วมี volume 22 ล้านหุ้น สูงสุดในรอบ 60 วัน
แสดงว่า float ใน รอบนี้ 22 ล้านหุ้น ราคาแนงต้านที่ 42
วันที่ 14 ตูลา ทำการ break ไปยืน 42.25 ได้เป็นผลสำเร็จ เป็นการยืนยันการขึ้นต่อไปเนือระดับ 42 บาทครับ
วันต่อมา ซื้อขึ้นไปไม่ใช่เรื่องแปลก จะเห็นว่า หุ้น 16 ตัวที่ให้ไป มี thai ไปด้วยในวัน พฤหัสครับ
เพราะมันเริ่มเดินก้าวใหม่อีกแล้ว



















กราฟ pdi

200 วันเป็นกราฟที่เป็นเส้นตรงเลย แสดงว่า 200 วันเป็น sideway
Aug 10 2010 เขาพยายาม break 200 วันขึ้นไปที่ 25.25 42ล้านหุ้น ซึ่งลักษณะน่าจะ break จิงแต่ .......
ราคาปิดกลับปิดที่ 23.7 แสดงว่า break นั้น เป็น break หลอกครับ
pdi กลับลงมา sideway ในกรอบเดิมอีกครั้ง
กราฟ 60 วันของเขา
มี float 42 ล้านหุ้นที่ระดับ 22.9 เป็นแนวต้าน
14 Oct เกิด spread กว้างสุดในรอบ 60 วัน ทะลุ break out 22.9 22 ล้านหุ้น แสดงว่า หุ้นจะเปลี่ยนกรอบการเล่น เหนือ 22.9 ด้วย float 22 ล้านหุ้น ที่กราฟ 20 วัน
แต่ float 200 วันของเขา 42 ล้านหุ้น ราคา 25.25 จึงเหลือ ระดับ 22.9 - 25.25 และเวลาการสะสมหุ้นอีก 42 - 22 = 20 ล้านหุ้นอีกระยะ

ทำไม pdi float 200 วันเป็น 42 ล้านหุ้น
แต่ float 60 วันที่ราคาต่ำกว่าเป็น 22 ล้านหุ้น
20 ล้านหุ้นที่ต่างกันคือ คนที่ติดหุ้นอยู่ระหว่าง 22.9 - 25.25 ถือไว้ไม่ยอมขายขาดทุน float มันจึงหายไปเรื่อยๆ เมื่อราคาหุ้นลดต่ำลงมา
















กราฟ sgp
5 วันล่าสุด แนวรับ 18.4
วันแรก 18.4 10 ล้านหุ้น
วันที่ 2 18.4 4 ล้านหุ้น
retest 2 ครั้ง ด้วย volume ที่ต่ำลงแสดงว่า 18.4 เป็นแนวรับจริง
จะเห็นว่า แนวรับแรกเป็น 17.7 แต่ตอนนี้เป็น 18.4
แนวรับ มีการยกตัวขึ้น
สรุป หุ้นยังเดินหน้าต่อ แต่จะก้าวใหญ่ต่อไปหรือไม่ ให้รอวันที่ spread กว้าง ทะลุ break ผ่าน 19.4 ขึ้นไป จึงจะเล่นต่อได้
























กราฟ hemraj

break 200 day by 330 m shares with widening spread at 24 May 2010
กราฟ เป็นขาขึ้นมาโดยตลอด
Aug 25 break ด้วย 630ล้านหุ้น มากกว่า float แรกถึง 2 เท่าตัว หลังจากนั้น หุ้นไปแตะ 2.24 และลงมา sideway ในกรอบ 1.81 - 2.24 ในรอบ 60วัน
มาดูในรายละเอียด 60 วัน
แนวต้าน จาก 2.24 เป็น 2.16 และเป็น 2.06 ในที่สุด
แนวต้าน ลดต่ำลง เป็นการแสดงจิตวิทยาที่สำคัญมากประการหนึ่งคือ
คนขาย ไม่รอให้ราคาขึ้นไปสูงเท่าเก่า แต่ชิงขายออกมาก่อน แสดงว่า แรงขายมากกว่าแรงซื้ออย่างมาก
แสดงแนวโน้ม ที่ไม่ค่อยดี เสมือนคนเดินก้าวหน้ามาเรื่อย แต่เริ่มก้าวสั้นลง และช้าลง
แต่ถ้าจะแสดงว่า หยุดเดิน ต้อง ทะลุ 1.81 ลงไป โดยไม่ต้องอาศัย volume จึงจะเป็นการหยุดเดินโดยสมบูรณ์
แล้วเราควรจะรอหรือไม่
คำตอบคือ เราควรขายออกตั้งแต่วันที่ แนวต้านลดต่ำลงเป็น 2.16 แล้ว

hemraj แสดงอาการ high ของวันลดต่ำลงเรื่อยๆ
แสดงถึงจิตวิทยาผู้เล่น ที่คนขาย ยอมลดราคาขายลงมาเรื่อยๆ
แนวรับ 1.81 น่ากลัวมากว่าจะเอาไม่อยู่

หุ้นทำ Lower high Lower Low มาโดยตลอด
เปรียบเสมือนคนเดินถอยหลังมาโดยตลอด
แล้วหนูจะอนุมานว่าพรุ่งนี้มันจะเดินหน้าหรือถอยหลังล่ะจ๊ะ
การซื้อหุ้น หนูซื้อเพราะคิดว่ามันต่ำแล้ว นั่นกำลังคิดว่าหนูจะเล่นหุ้นเพียงเพื่อว่ามันจะไม่ขาดทุนเท่านั้นหรือ
เปลี่ยนความคิดใหม่จร้า เล่นหุ้นต้องใจเพชรฆาต หวังเอากำไร
ถ้าเล่นเพื่อว่ามันจะไม่เสีย เอาเงินไปฝากธนาคารดีกว่าจร้า
โดย: เด็กลาดพร้าว (zombie99 ) วันที่: 16 ตุลาคม 2553 เวลา:21:26:59 น.





กราฟ cpf
ทำ high 26.75 float 200 ล้านหุ้น
60 วันล่าสุด
แนวต้านลดลง จาก 26.75 เป็น 26 ตอนนี้เป็น 24.4
แนวรับ 23.4
กรอบ 23.4 - 24.4 แคบมากครับ แค่ 5% เท่านั้น
แสดงว่า แนวต้าน กดลงมาเรื่อยๆ
อีกไม่นาน อาจจะทะลุลงได้เลยครับ
เห็นแบบนี้ ไปเล่นตัวอื่นดีกว่า
























กราฟ ah
คงชัดเจนว่า มี spread กว้าง volume สูงสุดในรอบ 60 วัน
เข้าได้เลยครับ แต่ ถ้าต่ำกว่า 15.4 ปั๊ป
คัท ทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข




























กราฟ bgh

แนวต้านลดลงจาก 39.75 เป็น 38.25 แล้ว
แนวรับ 36.75 กำลังโดนท้าทาย
float 16 ล้านหุ้น เปิด gap มาจาก 35
โอกาสสุดท้าย ต้องไม่ลงมาปิด gap ต่ำกว่า 35
แต่ถ้าเป็นอาจารย์
ไปเล่นตัวอื่น จะนอนหลับสบายใจกว่า



























qh กราฟ วันที่ 4 Oct เกิดอะไรขึ้น
จิตวิทยา ของ spread
spread กว้างบวก หมายถึง คนซื้อไล่ซื้อ คนขายถอยหนี แรงซื้อมากมายมหาศาล ไล่ตามซื้อ match ราคา สูงขึ้นไปเรื่อยๆ
spread กว้างลบ หมายถึง คนขายไล่ขาย คนซื้อถอยหนี แรงขายมหาศาล ไล่ตามขาย match ราคา ต่ำลงไปเรื่อยๆ

qh ถ้าพิมพ์มาแล้วกลับดูด้านหลังมันแสดงถึงการเบรคนิวไฮตลอดด้วยโวลุ่มที่เพิ่มขึ้น แต่นี่เราดูด้านหน้าก็มีความหมายตรงกันข้ามแหละจร้า

qh ในวันนั้นของเดือน
แสดง spread กว้างด้านลบ แสดง สันยานขาย โดยไม่จำเป็นต้องทะลุแนวรับ
แต่สันยานแบบนี้ แม่นยำมาก ในการเห็นการเริ่มก้าวเดิน ว่า ก้าวถัดไป เป็นยังไง

spread qh ในวันนั้น กว้างที่สุดในรอบ 20 วันที่ผ่านมา
อาจารย์ คิดว่า จุดนี้ อาจจะต้องมีประสบการณ์พอควร ในการตัดสินใจ คัท

วิธีการหาหุ้น ขั้นแรก
หาตัวที่ ราคาสูงสุดในรอบ 200 วันครับ

การเห็นการขึ้นของหุ้น ต้องแม่นยำไม่เกิน 3 วันทำการ
ถ้าซื้อแล้วไม่ไปแรง ขายออกทันทีในวันที่ 3

โดย: โก๋หลังวัง





หลักการเป็นเทรดเดอร์ที่จะให้กำไรนั้น มีขั้นตอนคร่าว ๆ ดังนี้

1. ค้นหาหุ้นในดวงใจเข้าไว้ใน List เค้าเรียกว่า Hit List
2. เมื่อได้หุ้นตามข้อ 1. แล้ว ก็ตัดสินใจเลือกมาให้เหลือเฉพาะที่เราเห็นว่ามันน่าจะมีโอกาส Entry จริง ๆ มาซัก 10 ตัวพอ

เพราะเราไม่ใช่เทรดเดอร์รับจ้าง หรือเป็น fund Man
3. หลังจากนั้นก้กำหนดยุทธวิธีในการที่จะเข้าหุ้นแต่ละตัว
4. จัดทำแผนงาน รวมทั้ง Trigger ต่าง ๆ ที่จะคอยส่งสัญญาณ
5. นังเฝ้าคอยทำตามแผน เพื่อคอยจังหวะ Entry
6. คอยดูแลจัดการพอร์ตว่าตัวไหนควรจะต้องคัท ตัวไหนควร entry เพิ่ม (เพราะการเข้าซื้อหุ้นไม่ใช่ซื้อโครมเดียว)
7. ทุกอาทิตย์กลับมาทบทวน Hit List รวมทั้งจดข้อผิดพลาดในการเทรดของเรา พร้อมทำคำเตือนไว้ว่าจะไม่ทำอีก

ข้อ 1. การหาหุ้นในดวงใจ

หุ้นในดวงใจจะต้องประกอบด้วยสิ่งเหล่านี้

1.1 มี Big Picture เป็นขาขึ้น วิธีดูว่าเป็นขาขึ้น หรือ sideway หรือ ขาลง ย้อนกลับไปดูข้างต้นจร้า
1.2 คัดดูความแข็งแกร่งของหุ้น ฝรั่งเค้าใช้ ADX แต่พี่ใช้ดูว่า ย้อนหลังไป 20 วัน ราคาหุ้นควรมีราคาสูงกว่าที่ผ่านมาได้ตาม % ที่เรากำหนด (แล้วแต่แต่ละคนจะกำหนด)
1.3 จะต้องมีกราฟอย่างน้อย 1 วันที่มีช่วงกว้างทางขึ้นของราคาซัก 5 ช่องขึ้นไป
1.4 มีการ Break out มาแล้ว เช่น 20 60 100 200 All time high
All time High ดีกว่า 200 200 ดีกว่า 100 ไปเรื่อย ๆ
1.5 มีโวลุ่มเฉลี่ย (ของพี่ใช้ 5 วัน) สูงขึ้น เมื่อเทียบกับที่ผ่านมา แล้วแต่จะกำหนดกันแค่ไหน


จะเสริมเรื่องแนวรับ แนวต้านให้อีกนิดนึงจร้า

ที่ อ.โก๋ท่านบอกว่าแนวต้านคือแนวที่เมื่อหุ้นขึ้นไปถึงราคาระดับหนึ่งแล้ว ต่อมาราคาลดลง แล้วกลับขึ้นไปใหม่ จะถึงที่เดิมหรือไม่ก็ตาม ด้วยโวลุ่มที่น้อยกว่าเดิม แล้วลงกลับมาอีก ถือว่าตรงนั้นเป็นแนวต้าน

ในทางกลับกัน หากหุ้นลงมาถึงระดับหนึ่งแล้วกลับขึ้นไป แล้วลงมาอีก จะถึงที่เดิมหฟรือไม่ก็ตาม แต่โวลุ่มครั้งหลังน้อยกว่าครั้งแรก แล้วมันเด้งกลับขึ้นไปอีก จะเรียกตรงนั้นว่า แนวรับ

ต้องสังเกตให้ดี เนื่องจาก อ. สอนเราขั้น Advance เลย เพราะเราอาจไม่สังเกตว่ามีคำว่า Retest

แนวต้าน โดยหลักทั่วไป คือบริเวณที่หุ้นจะมีการทำการซื้อขายกันมาก หรือเป็นบริเวณที่หุ้นพยายามไปถึงจุดนั้น แต่ก็ไม่สามารถผ่านได้ เค้าเรียกตรงนั้นว่าแนวต้าน ซึ่งในความหมายของ อ.โก๋คือจุดหยุดขึ้นครั้งแรก

การที่จะยืนจุดหยุดขึ้นนั้น เราจะดูได้จากหุ้นพยายามขึ้นไปหาจุดเดิมที่เป็นจุดหยุดตกครั้งแรก แต่ไปถึงแต่ไม่สามารถผ่านได้ หรือไปไม่ถึงแล้วลงกลับมา "ด้วยโวลุ่มที่น้อยลงกว่าเดิม" ยิ่งน้อยเท่าไหร่ยิ่งยืนยันเท่านั้น เราเรียกตรงนั้นว่า แนวต้าน ตามควาหมายของ อ. หรือที่ อ.ใช้คำว่ Re-Test หรือจะเรียกว่า "จุดยืนยันการหยุดขึ้น" ก็เหมือนกันจร้า

ในทางกลับกัน หุ้นเมื่อลงมาถึงระดับราคาหนึ่งแล้วกลับเด้งขึ้นไป เราจะเรียกว่า จุดหยุดตกครั้งแรก หรือบางคนก็เรียกว่า "แนวรับ" และหากหุ้นขึ้นไปแล้ว ลงกลับมาอีก จะมาถึงที่เดิมหรือไม่ก็ตาม แล้วกลับขึ้นไปอีก โดยตอนลงมาครั้งนี้ ลงมาด้วยโวลุ่มที่เบาบางกว่าครั้งแรก ยิ่งน้อยเท่าไหร่ยิ่งดีั

เราจะเรียกจุดนี้ว่า จุดยืนยันการหยุดตก ซึ่ง อ. ก็บอกว่าตรงนี้เป็นแนวรับ เพราะ อ. เห็นพวกระดับแอดว้านซ์จร้า แต่ อ. ก็มีคำว่า Re-Test ประกอบไว้



เรื่อง Float

Float คือปริมาณหุ้นที่มีการเทรดสูงสุดเท่าที่เคยปรากฎมาในรอบ 200 วัน (เพราะเราวิเคราะหฺ แค่ 200 วัน) จะเกิดในวันที่ หุ้นขึ้น หรืออาจจะเกิดในวันที่หุ้นลงก้ได้
ทั้งนี้เนื่องจากเราไม่สามารถที่จะหา Float ที่แน่อนได้จึงต้องอาศัยการประเมินจากสิ่งนี้
ดังนั้น Float ในความหมายของเรา คือ จำนวนหุ้นที่ผู้ถือหุ้นประสงค์จะนำมาเทรดในตลาด ซึ่งอาจจะรวมไปถึงหุ้นที่ยืมมาเทรดด้วย (Short sell)
ดังนั้น Float 200 วัน ก็คือจำนวนหุ้นที่มีการเทรดสูงสุดในรอบ 200 วันนั่นเอง
ส่วน Float 60 วันก็คือจำนวนหุ้นที่มีการเทรดในรอบ 60 วันล่าสุดนั่นเอง

ทำไมเราต้องดู float

เพราะมันจะทำให้เราคาดการณ์ได้ว่า การเบรคของหุ้นในรอบ20 60 100 200 วันควรจะมีโวลุ่มมากแค่ไหน ซึ่งเท่ากับเป็นการวัดความมั่นใจการในเบรคครั้งนั้นนั่นเอง

เราเอาสิ่งนี้มาจาก ทฎษฎีเทน้ำลงแก้ว มาประยุกต์
สมมติเราเอาแก้วมา 1 ใบ แล้วเราเอาน้ำจำนวนหนึ่งเทลงไปในแก้ว
ระดับน้ำก็จะสูงขึ้นมาในระดับหนึ่ง
หากเราเทน้ำออก แล้วเทน้ำเข้า ด้วยปริมาณน้ำที่เท่าเดิม
เราก็เชื่อว่าระดับน้ำในแก้ว ก็คงจะสูงขึ้นเท่าครั้งก่อน
น้ำที่เท ก็คือโวลุ่ม ส่วนระดับน้ำที่ขึ้นก็คือ ราคานั่นเอง
ในบางครั้งเราจะอาศัยสิ่งนี้ มาประเมินราคาหุ้นที่คาดว่าจะเกิดในอนาคตได้

เทคนิคอีกอย่างหนึ่งซึ่งสามารถนำมาใช้ได้ และบางครั้งกำไรงามมาก ๆ คือ
ถ้าสมมติหุ้นตัวใดตัวหนึึ่งถูกขายทิ้งในวันเดียว โดยมีโวลุ่ม (ซึ่งเราประเมินว่าไม่มีการ short sell) เท่ากับ Float สูงสุดของเค้าที่เคยมีมา นั่นหมายถึงว่าหุ้นตัวนั้นได้ถูกเปลี่ยนมือไปแล้วโดยสมบูรณ์ หรือเรียกว่าล้างท้องแล้ว

การกลับขึ้นจะมีโอกาสมาก และจะขึ้นกลับเร็วด้วย (แต่เป็นเพียงการขึ้นสั้น ๆนะ) แล้วสุดท้ายก็จะกลับลงมาใกล้ที่เดิม ด้วยโวลุ่มที่น้อยลง นั่นคือ เกิดสัญญาณยืนยันการหยุดตก
กรณีนี้ถ้า อ.โก๋ไม่ลืมก็ลองถามดู หุ้นั้นคือ CPF ครับ แต่นานแล้ว

โดย: เด็กลาดพร้าว (zombie99 )




 

Create Date : 24 ตุลาคม 2553
0 comments
Last Update : 25 ตุลาคม 2553 13:51:53 น.
Counter : 1114 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


v_horizon
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




Friends' blogs
[Add v_horizon's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.