การออกมาให้ข่าว ก่อนทำหน้าที่ เพื่อเดินตามธง
ข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์วันนี้ ได้ลงเกี่ยวกับการให้สัมภาษณ์ ของบุคคล 4 คน ซึ่งแต่ละคนมีอำนาจสูงสุดในแต่ละสาขา เป็นไปในทำนองเดียวกัน ทุกคนมีธงตั้งไว้หมดแล้ว ตามที่อ่านการให้สัมภาษณ์ ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลก เพราะแต่ละคน ให้สัมภาษณ์ในทำนองที่ ท่านๆได้เห็นความผิดไว้แล้ว สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ไม่มีครั้งใดที่ท่านๆต้องออกมาให้ข่าวก่อนการทำหน้าที่ ในที่ของท่านๆ ครั้งนี้ เวลานี้ ทำใมท่านๆต้องทำแบบนี้ หรือเมืองไทยในขณะนี้ มีวาระพิเศษ หรือเพราะว่าความความเชื่อถือของสังคมที่มีต่อท่านๆสั่นคลอน จนต้องใช้แผนการตลาด เช่นเดียวกับนักการเมือง ก็อาจจะใช่ เพราะขณะนี้ วิกฤติศรัทธา ได้ขยายวงไปสู่ ท่านๆด้วยแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ อนาคตประเทศไทย คงต้องวุ่นวายมากกว่าเดิมและแตกแยกมากกว่าเก่า อาจถึงขั้นเกิดขบวนการใหม่ๆขึ้นได้ในประเทศไทย ทั้งหมดนี้ก็แค่มุมมองของคนแก่ๆคนหนึ่ง อาจไม่ตรงความจริงก็ได้ ขอให้เป็นเช่นนี้เถอะ เพื่อให้คนแก่ๆคนนี้ทุกข์ใจเพราะคิดและมองผิดไปเอง
Create Date : 08 มิถุนายน 2549 |
|
1 comments |
Last Update : 8 มิถุนายน 2549 9:02:05 น. |
Counter : 483 Pageviews. |
|
|
|
นายจรัญ ภักดีธนากุล เลขาธิการประธานศาลฎีกา กล่าววันนี้ (15 ก.ค.) ในการเสวนาเรื่อง สิทธิมนุษยชน : เส้นทางกระจายอำนาจจัดการทรัพยากรของชุมชนในมิติของนักวิชาการ ว่าจากที่ได้ศึกษาผลการวิจัยและงานของนายเสน่ห์ จามริก ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ แล้วเห็นว่า ในโลกนี้ได้แบ่งเป็นประเทศมหาอำนาจกับรัฐบริวารที่ประเทศมหาอำนาจจะใช้ระบบเศรษฐกิจเสรีเข้าครอบงำให้รัฐบริวารจัดระบบตามที่รัฐมหาอำนาจต้องการ เพื่อรัฐมหาอำนาจจะได้ดูดทรัพยากรธรรมชาติที่ต้องการผ่านวิธีต่างๆ ไม่ว่าจะใช้ระบบทุน การทหาร การปกครอง วิชาการ และอื่นๆ โดยผ่านสิ่งที่เรียกว่า กระแสโลกาภิวัตน์ซึ่งไม่มีคุณภาพในเรื่องคุณธรรมและจริยธรรม มีเพียงเรื่องของทุน เทคโนโลยี สินค้าและบริการ
ช่วงเช้าวันนี้ ผมฟังรายการนายกฯ ทักษิณ คุยกับประชาชน ก็ได้นิยามคำว่า กระแสโลกาภิวัตน์ที่หมายถึง ทุน คน สินค้าและข้อมูลข่าวสาร ไม่มีการพูดถึงคุณธรรมและจริยธรรม ซึ่งการที่รัฐมหาอำนาจใช้กระแสโลกาภิวัตน์เข้ามาในรัฐบริวารจะกระทบต่อกฎหมายและความเป็นธรรมของคนที่รัฐบริวารจะทำเพื่อสนองต่อรัฐมหาอำนาจ ซึ่งก็ใกล้เคียงกับสถานการณ์ของประเทศไทยในปัจจุบันและประเทศอื่นๆ ที่เป็นรัฐบริวารที่มีอะไรก็จะต้องรายงานให้ประเทศมหาอำนาจได้ทราบ เลขาธิการประธานศาลฎีกา กล่าว
นายจรัญ กล่าวต่อว่า ระบบดังกล่าวทำให้ประชาชนอยู่ในฐานทุนที่เอาเงินมาคุม และอยู่ในฐานของผู้ทรงอำนาจรัฐที่ใช้ 16 ล้านเสียง ถ้าคำนวณเสียงละ 1 พันบาทของผู้มีอำนาจ ก็จะเป็นเศษเงินของฐานทุนที่เอาเงินมาคุม ซึ่งถือว่าเป็นการบกพร่องของรัฐบริวารที่ลอกเลียนแบบประเทศมหาอำนาจ ส่วนหนึ่งก็เป็นเรื่องของระบบกฎหมายไทยที่มีมากว่า 100 ปี ที่เราต้องเร่งออกกฎหมายอย่างรีบร้อนเพื่อหนีการยึดครองของอำนาจประเทศในตะวันตก โดยการทำระบบกฎหมายให้สอดคล้อง แม้ศักยภาพของนักกฎหมายไทยในยุคนั้นจะไม่สามารถต่อยอดด้านกฎหมายกับคุณธรรมได้อย่างแนบเนียน ดังนั้น การพิจารณาจะยึดตามลายลักษณ์อักษร ยึดติดกับกฎหมาย ซึ่งหลังจากนี้คงต้องมีการปรับเพราะกฎหมายที่เขียนออกมาใช้ควรเป็นเครื่องมือของการนำไปสู่ความยุติธรรม ฐานของกฎหมายต้องอยู่ที่คุณธรรม จริยธรรม และศีลธรรม เพราะกฎหมายใดที่ขัดศีลธรรมถือว่าแย่กว่ากฎหมายที่ขัดรัฐธรรมนูญ
เลขาธิการประธานศาลฎีกา กล่าวต่อไปว่า การกระจายอำนาจบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติสู่ชุมชนในขณะนี้ เรายังไม่มีบทพิสูจน์ที่เพียงพอว่าการใช้ระบบรวมศูนย์อำนาจดีพอหรือไม่ แต่ส่วนตนเห็นว่าถ้าเราแยกหรือกระจายจะเกิดประโยชน์กับประเทศมากกว่า เพราะวิธีการจะหลากหลายและเหมาะสมกับชุมชนนั้น ๆ จะทำให้เกิดการแข่งขัน นำไปสู่การพัฒนาและความรู้สึกของการเป็นเจ้าของ การหวงแหนดูแลรักษาและนำมาซึ่งการประสานดุลการบริหารระหว่างส่วนกลางกับท้องถิ่น ซึ่งหากทำได้จะเป็นการทำให้เกิดการดูแลและจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน แต่ทั้งนี้การกระจายอำนาจจะต้องสร้างความเข้มแข็ง ความพร้อมของชุมชนต้องมาก่อนโดยการให้ความรู้ และขณะเดียวกันหากชุมชนมีความพร้อมก็ต้องแสดงศักยภาพให้เห็น หลังจากนั้นก็จะนำมาสู่การพัฒนาแผนและวิธีปฏิบัติ รวมทั้งกฎหมาย
ต้องยอมรับความจริงว่าบุคลากรในกระบวนการยุติธรรมเป็นผลผลิตของกระบวนการเรียนกฎหมายในกรอบความคิดเดิม ระบบสร้างนักกฎหมายของเราไม่ได้มีแผนสร้างระบบนักคิด ยังไม่เป็นไปตามความคาดหวังของประชาชน สิ่งที่ทำเป็นเพียงการบรรเทา แต่ไม่ได้แก้ไขความเสียหาย ซึ่งเรื่องนี้ต้องแก้ที่ระบบกฎหมาย การเรียนการสอน นักกฎหมายคงต้องไม่ใช่ทาสของกฎหมายที่นักการเมืองเขียนขึ้นเพื่อประโยชน์ของตัวเอง ไม่ว่าจะเขียนกฎหมายด้วยเจตนารมณ์อย่างไร แต่นักกฎหมายต้องใช้เพื่อให้เกิดความยุติธรรม นายจรัญ กล่าว
ภายหลังการกล่าวเสวนา นายจรัญได้เปิดเผยถึงการแก้ปัญหาวิกฤติบ้านเมืองโดยศาลว่า ในช่วงเดือนนี้ประมุข 3 ศาลคงต้องหารือกันอีกครั้ง