การคุยกันในเรื่องศาสนาของต่างศาสนิก

ผมได้พบบ่อยในการยกมาเทียบกันระหว่างหลักการของต่างศาสนิก ซึ่งมักจะยกมาผิดๆ โดยยกหลักปฏิบัติ มาเทียบกับหลักศรัทธา ซึ่งเป็นการคำถามที่ผิดๆ และก้ได้คำตอบซึ่งไม่เข้าใจ ในตรรกะนั้น
ทุกศาสนา มีทั้งหลักศรัทธาและหลักปฏิบัติ ผมขอแนะนำว่าหากอยากเปรียบเทียบกัน ก็ควรเอาหลักศรัทธาเทียบกับหลักศรัทธา
และเอาหลักปฏิบัติเทียบกับหลักปฏิบัติครับ
คุณถึงจะได้คำตอบที่เป็นจริง และหลักศรัทธานั้นพิสูจน์ด้วยการประจักษ์แจ้งแบบสัมผัสไม่ได้ ต้องพิสูจน์กันด้วยสติและปัญญา ที่จะใช้พิจารณาในคำสอนของแต่ละศาสนา
หากพิสูจน์ในหลักปฏิติบัติต่อหลักปฏิบัติ ก็ลองเอามาพิจารณากันทีละข้อสิครับ ว่าการปฏิบัติใดน่าปฏิบัติมากกว่ากัน
ผมเป็นมุสลิม ศรัทธาต่อพระเจ้า ศรัทธาในศาสนาอิสลาม ซึ่งมีการสอนที่แยกแยะเอาไว้ชัดเจน ในหลักการศรัทธาและหลักการปฏิบัติ โดยไม่ปนกันแต่เกี่ยวพันกันเป็นหนึ่งเดียว เช่น
หลักการศรัทธา 6 ข้อ
หลักการปฏิบัติ 5 ข้อ
อันเป็นพื้นฐานของการเป็นมุสลิม
และหลักปฏิบัติ ต่อการดำเนินชีวิต และใช้ชีวิต ตามความเป็นจริงในทุกๆการกระทำ ซึ่งประกอบไปด้วย
ข้อใช้ให้ทำซึ่งเป็นประโยชน์
ข้อห้ามทำเพราะเป็นอันตราย
ข้ออนุญาติให้ทำสิ่งซึ่งเพิ่มประโยชน์
ข้อที่อนุญาติให้ทำหากละเสียจะเป็นประโยชน์
มุสลิมมีชีวิตอย่างเป็นระบบ ตรงต่อความเป็นจริงของธรรมชาติ ด้วยคำสอนของศาสนาอิสลาม ไม่ใช่งมงายดังที่คนทั่วๆไปเข้าใจผิดๆ เพราะการยกมาเทียบผิดที่ผิดทาง
หากอยากรู้ความจริงในอิสลาม ก็ต้องแยกออกว่า นี่คือ
หลักการปฏิบัติ และก็เอาหลักการปฏิบัติ ที่มีกล่าวไว้แต่ละศาสนามาเทียบเคียงกัน
และลิส รายการศรัทธามาเทียบกับการศรัทธาของแต่ละศาสนา
แล้วให้คนมีความรู้ในแต่ละศาสนามาอัตถาธิบาย แล้วค่อยพิจารณาว่า ศาสนาใดให้เหตุให้ผลแบบใหน แล้วคุณค่อยตัดสิน เพื่อตัวคุณเองนะ เพราะว่า คุณจะตัดสินเชื่อหรือไม่เชื่อแทนคนอื่นคงไม่ได้หรอกครับ ทุกๆคนต้องตัดสินใจเพื่อความเชื่อของตนเองทั้งนั้น
ทุกวันนี้ศาสนา ทุกๆศาสนาต้องเกี่ยวพันกับ วิทยาศาตร์ มนุษย์ศาสตร์ ชีวะและเคมี อุสาหกรรม อิเล็คทอร์นิค ซึ่งไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้เลย เพราะฉนั้นการพิจารณาในเรื่องศาสนา ต้องประกอบด้วยความเป็นไปได้ ในหลักวิชาเหล่านั้นด้วย มิฉนั้นความเห็นในทางศาสนา จะเป็นเพียงแค่วิชาที่เพ้อฝันเท่านั้น เพราะว่าจากนี้ไป จะมีคำถามจากนักวิชาการในศาสตร์ต่างๆตั้งคำถามต่อฝ่ายศาสนา ในเรื่องวิชาการเหล่านั้น หากฝ่ายศาสนาอธิบายไม่ได้ หรือไปขัดกับวิชาเหล่านั้นโดยไม่มีเหตุผลมาประจักษ์ จะได้รับการดูหมิ่นจากนักวิชาการเหล่านั้น ว่างมงาย และนักวิชาการเหล่านั้น คือมนุษย์ส่วนมากที่มีการศึกษาที่เรียกันว่า ทางโลกทุกคนเลยครับ คือผมหมายถึงคนที่เรียนสายสามัญทุกคนได้เรียนวิทยาการที่กล่าวมา
เพราะฉนั้นการจะกล่าวอะใรกันในเรื่องของศาสนา ต้องพิจารณาในวิชาการเหล่านั้นประกอบด้วย อาจไม่ต้องพูดออกมาในวิชาการสมัยใหม่ๆนั้น แต่ต้องพร้อมที่จะอธิบายเมื่อคนสมัยใหม่มาถามแย้ง
ทุกๆคน เมื่อนับถือศาสนาใด ก็คิดว่าศาสนาที่ตนนับถือนั้นดีที่สุด ซึ่งเป็นธรรมดาครับ เพราะใครนับถือศาสนาที่ตนเองเห็นว่าไม่ถูกต้อง คนๆนั้นก็ไม่มีสติแล้วละครับ เพราะฉนั้นหากเราเกิดสงสัยว่าทำใมเขาคิดแบบนั้น เมื่ออยากรู้ก็ถามกันได้ครับ เมื่อเขาตอบมาแล้วฝืนความรู้สึกเราก็แย้งกันเพื่อความกระจ่างได้ครับ แต่ต้องอยู่บนพื้นฐาน ที่ให้เกียรติกันและสุภาพ ไม่พูดแบบเหน็บแนมกัน และจะดีที่สุด คือพูดตรงกับที่คิด ไม่เชื่อก็บอกว่าไม่เชื่อ คิดว่าไม่ใช่เพราะอะใรก็บอกไปเลย การกระทบกระทั่งในเรื่องของต่างความเชื่อนั้นต้องมีแน่ๆ แต่หากว่า บริสุทธใจ ก็ไร้ปัญหาครับ

Create Date : 01 สิงหาคม 2549		2 comments
Last Update : 1 สิงหาคม 2549 12:08:19 น.
Counter : 1028 Pageviews.
Share Tweet