FF2 บทที่ 1 ดินแดนแห่งอัลเทม

Original from FF2

ดินแดนที่เรากำลังจะพูดถึงกับโลกที่ท่านทั้งหลายใช้ชีวิตอยู่ขณะนี้ เปรียบเหมือนเส้นขนานสองเส้น ไม่อาจมีรอยต่อซึ่งกันทั้งในอดีตปัจจุบันหรืออนาคต ดินแดนของเราเดินทางควบคู่กันมาตั่งแต่สมัยแห่งเทพแห่งดิส จุดกำเนิดของดินแดนนี้ ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ ดินแดนแห่งนี้หากมองโดยรวมแล้ว ก็มีส่วนคล้ายคลึงกับแผ่นดินของเราท่านทั้งหลายอยู่มิใช่น้อย มีแม่น้ำ บึง ทะเล ภูเขา ถ้ำ หุบเหว ท้องฟ้า ดวงตะวัน และ จันทรา จะแตกต่างกันอยู่ก็เห็นจะมีแต่เพียงประชากรและอารยะธรรมที่มีอยู่ในดินแดนแห่งนี้

สิ่งที่เรากำลังพูดถึงคืออารยะธรรม และสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญา อย่างที่ดินแดนของพวกท่านใช้เรียกกัน ดินแดนของเรานี้ หาใช้ดินแดนที่มีแต่เพียง สัตว์ป่า หรือสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก แต่เรากำลังพูดถึงอาริยะชน ที่มีความเจริญ เมืองขนาดใหญ่ ความเจริญด้านวัฒนะธรรม มีการติดต่อซื้อขายแลกเปลี่ยนโดยใช้เงินตราระหว่างอนาจักรและเมืองต่างๆ ซึ่งถึงแม้จะมีอยู่ไม่มากเนื่องจากแต่ละอนาจักรสามารถดำรงคงอยู่ได้ด้วยตนเอง มีภาษาและการจดบันทึก วิทยาการที่ดูเหมือนจะมีพัฒนาการที่แตกต่างจากที่พวกท่านทั้งหลายมีอยู่ เพราะชนเผ่าของพวกเรา หาใช่เผ่าพันธุ์เดียวกับพวกท่านไม่ การพัฒนาด้านอำนาจจิตของเราแม้นจะเป็บผู้ไร้การศึกษาหรือเด็กน้อยนั้นต่างมีความสามารถในการใช้จิตที่สูงกว่าพวกท่านในระดับหนึ่ง

ประชากรที่มีต่างอยู่อย่างกระจัดกระจายตามเมืองและหมู่บ้านต่างๆ ซึ่งอยู่ห่างไกลกัน แต่ต่างมีสิ่งหนึ่งที่ต่างเหมือนอกันอยู่เพื่อบ่งบอกถึงความเป็นหนึ่งเดียวกัน คือการใช้อำนาจแห่งจิตหรือเวทย์ตามรูปแบบในคำภีร์โบราณที่ได้สืบทอดต่อกันมานานจนไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดถึงต้นกำเนิดของการใช้ว่าผู้ใดเป็นผู้ค้นคิด ทราบแต่เพียงว่ารูปแบบของการใช้อำนาจจิตสามารถแบ่งออกเป็นสองลักษณะมาตั้งแต่มีหลักฐานการจดบันทึก คือเสริมสร้างและทำลาย หรืออาจจะเรียกได้ว่า ด้านสีขาวและสีดำ มิได้มีกฎข้อห้ามใดที่ระบุให้ ศึกษาการใช้เวทย์เพียงสายเดียว แต่ชาวอัลเทมต่าง มีความเชื่อที่จะฝึกปรือ เวทย์เพื่อให้ชำนาญเพียงด้านเดียว เพราะว่าผู้ใดหากฝึกพลังแห่งเวทย์ทั้งสองด้านพร้อมกัน จะไม่สามารถบรรลุถึงขั้นสูงสุดแห่ง จิตวิญญาณซึ่งเป็นเป้าหมายแห่งชีวิตสูงสุดของดินแดนเรา แต่ก็ยังมีผู้คนบางกลุ่มที่หาได้ต้องการบรรลุถึงแก่นแท้แห่งจิตวิญญาณ ได้ทำการฝึกเวทย์ทั้งสองสายพร้อมกัน หากแต่ตามประวัติศาสตร์ที่ได้จารึกไว้ ก็ยังมิอาจมีผู้ที่บรรลุการใช้อำนาจแห่งจิตโดยการฝึกเวทย์ทั้งสองสายได้ อย่างไรก็ดีก็ยังมีผู้คนอีเป็นจำนวนมาก ในปัจจุบันที่มิได้สนใจการเวทย์เหล่านี้เนื่องจากการพัฒนา เครื่องมือเครื่องใช้หลายอย่างขึ้นมาทดแทน

ประชากรที่อาศัยอยู่ ณ. ดินแดนแห่งนี้ต่างเรียกตัวเองว่า ชนเผ่าอัลเทเมีย และเรียกพื้นแผ่นดินที่อาศัยอยู่ว่าอัลเทม อันเป็นคำที่เกิดมาจากเวทย์โบราณ อัลเทม่า ที่กล่าวกันว่าเป็นเวทย์ขั้นสูงสุดที่ผู้ที่สามารถใช้ได้ จักต้องเป็นผู้บรรลุอำนาจจิตขั้นสูงสุดสายใดสายหนึ่งจากทั้งสองสาย อัลเทม่า มีผลทั้งเสริมสร้าง และทำลาย หากแต่ในกาลปัจจุบัน แม้ว่าจะมีผู้ที่บรรลุเวทย์ขั้นสูงสุดอยู่บ้าง แต่ก็หาได้มีผู้ได้ล่วงรู้ การใช้เวทย์อัลเทม่าแม้เพียงผู้เดียว

จากคำบอกเล่าที่มีอยู่ คำภีร์แห่ง อัลเทม่า นั้นได้หายสาปสูญไปในดินแดนทะเลใต้ เนื่องจากราว 200 ปีที่แล้ว คราวที่อดีตจักรพรรดิแห่งพารามีเคีย ได้ส่งราชทูตมาทูลขอคำภีร์แห่งอัลเทม่า ที่ครอบครองโดยอนาจักรฟินน์ ไปเพื่อถ่ายทอดแก่จอมเวทย์แห่งอนาจักรพารามีเคีย เหตุที่ต้องนำคำภีร์อัลเทม่าจากฟินน์ไปก็เนื่องมาจาก เนื้อหาแห่ง อัลเทม่านั้น มิสามารถที่จะคัดลอกเพิ่มเติมได้ แม้นเคยมีความพยายามที่จะนำผู้ชำนาญเวทย์ มาคัดลอกอัลเทม่าอยู่หลายครั้ง แต่ไม่เคยมีผู้ใดเลย ที่สามารถฝึกและใช้เวทย์แห่งอัลเทม่าได้สำเร็จจากฉบับที่คัดลอกมา กล่าวกันว่า บุคคลสุดท้ายที่สำเร็จ มหาเวทย์อัลเทม่าขั้นสูงสุดคือ อดีตราชครูแห่ง อนาจักรฟินน์ ซึ่งเดินทางร่วมไปกับขบวนอารักขาคัมภีร์อัลเทม สู่จักรวรรดิพารามีเคีย

เมื่อกล่าวถึงอนาจักรต่างๆในอัลเทม ในปัจจุบันจะสามารถแบ่งออกเป็นสามอนาจักร อันได้แก่ฟินน์ คาชูออน และ พารามีเคีย ซึ่งแต่เดิมนั้นมีเพียง ฟินน์และคาชูออน เนื่องจากพารามีเคียนั้นไม่แน่ชัดว่ามีกำเนิดอย่างไร ดำรงอยู่ในลักษณะและภาวะใด อนาจักรฟินและคาชูออนซึ่งต่างปกครองอนาจักรของตนมิได้ยุ่งเกี่ยว มีสัมพันธไมตรีซึ่งกันและกันบ่อยครั้งนัก เนื่องจากวิถีการดำรงชีวิตซึ่งแต่ต่างกันโดยสิ้นเชิง ในฟินน์นั้นผู้คน ต่างดำรงชีวิตเพื่อการคบค้าสมาคม มีการพัฒนาวิทยาการต่างๆมากมายเพื่อใช้ในการอำนวยความสะดวก มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนติดต่อระหว่างเมืองต่างๆอยู่เป็นนิจ มีการใช้เงินตราที่เรียกว่า กิลด์ในการทำการค้าอย่างแพร่หลายทั่วอนาจักร ศูนย์กลางการปกครองของฟินน์นั้นอยู่ที่เมืองฟินน์ ซึ่งปกครองโดยพระราชาฮิลเดรียน ซึ่งครองบัลลังค์มายาวนานกว่า 40 ปีแล้ว พระราชามิได้ทรงมีโอรสเพื่อสืบทอดพระราชบัลลังค์แต่อย่างใด มีเพียงพระราชธิดาผู้สามารถนามฮิลด้า คอยช่วยพระราชบิดาผู้ชราภาพบริหารปกครองบ้านเมือง ราชอนาเขตแห่งฟินน์นั้นกว้างใหญ่ไพศาล ประกอบด้วยหัวเมืองน้อยใหญ่มากมายทางภาคกลางและภาคเหนือของอัลเทม แต่ละเมืองต่างปกครองและป้องกันตนเองจากภยันตรายต่างๆ แต่ก็ยังให้ความภักดีแก่ฟินน์ เนื่องจากสัมพันธภาพระหว่างกันนั้นหาใช่เมืองขึ้นไม่ หากแต่เป็นแนวร่วมที่เอื้อประโยชน์เพื่อการดำรงอยู่ซึ่งกันและกัน ทั้งทางการค้าและทางการทหาร ดินแดนของฟินน์นั้นประกอบด้วยทุ่งกว้างและป่าเขาอันอุดมสมบูรณ์ มีแม่น้ำหลายสายไหลผ่าน ส่วนทางภาคเหนือมีหุบเขาและหิมะปกคลุม ตลอดปี ทางตอนใต้ของอนาจักรนั้นมีชายหาดเป็นแนวยาวซึ่งอยู่ในอ่าวอัลเทีย ชาวฟินน์น่านน้ำใช้ในการเดินทางติดต่อหากันระหว่างเมือง และเดินทางสู่ คาชูออนในบางคราว

อนาจักรฟินน์นั้นมีกองทัพที่เกรียงไกร ใช้ต่อกรกับสัตว์ร้าย วิญญาณและปีศาจ ซึ่งกล่าวกันว่าอาศัยอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองฟินน์อย่างชุกชุม ไม่มีผู้ใดที่สามารถรอดกลับมาจากการเดินเท้าสำรวจแผ่นดินทางตะวันตกเฉียงใต้ของอนาจักรฟินน์แม้เพียงผู้เดียว แต่จากการบอกเล่าของพ่อค้าและชาวประมงผู้ที่เคยล่องเรือผ่านดินแดนแถบนั้นเมื่อไม่นานมานี้ สามารถสันนิฐานได้ว่า อาจมีอารยธรรมโบราณอยู่แถบนั้น เคยมีผู้เล่าถึงหอคอยโบราณซึ่งปรากฏอยู่บนเกาะกลางทะเล แต่ไม่เคยมีผู้ใดเข้าใกล้ เนื่องจากการปรากฏตัวของสัตว์ยักษ์ในทะเลซึ่งอาศัยอยู่แถบนั้น ซ้ำยังมีคำเล่าถึงหมู่บ้านแห่งจอมเวทย์ซึ่งอยู่ห่างไกลทางตอนใต้ แต่ก็ยังมิได้มีผู้ใดเคยได้เคยไปเยือนมาก่อน

ส่วนอนาจักรคาชูออนนั้นแตกต่างกับอนาจักรฟินน์โดยสินเชิง ชาวคาชูออนนั้นหาได้มีความหลงใหลในวิทยาการและการคบค้าสมาคม เยี่ยงชาวฟินน์ ชาวคาชูออนนั้นไม่นิยมในวัตถุ ต่างอาศัยอยู่ตามหุบเขาลำเนาไพร ซึ่งเป็นภูมิประเทศส่วนใหญ่ในคาชูออน เพื่อศึกษาความลับแห่งธรรมชาติ ดวงดาว และชีวิตนิรันดร์ จุดศูนย์กลางการปกครอง อนาจักรคาชูออน คือปราสาทโบราณแห่งคาชูออนซึ่งตั้งอยู่กลางป่าทึบ ปราสาทคาชูออนนั้นแม้นไม่งามวิจิตรดังปราสาทแห่งฟินน์ แต่ก็ช่างใหญ่โตแข็งแรง น่าเกรงขาม ยากแก่การโจมตียิ่งกว่าปราสาทฟินน์ยิ่งนัก ปราสาทคาชูออนถูกสร้างขึ้นในหุบเขารูพระจันทร์เสี้ยวและหอมล้อมด้วยทะเลสาปด้านในอีกชั้นหนึ่ง การที่จะเข้าสู่ปราสาทคาชูออนจึงทำได้เพียง เข้าจากทางเท้าด้านหน้าโดยตรง เท่านั้น ชาวคาชูออน แม้นจะรักสงบ ดำรงชีวิตอยู่อย่างราบเรียบ แต่ก็มีฝีมือในการรบและใช้อาวุธไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าอนาจักรฟินน์ อย่างไรก็ดีในระยะเวลาอันใกล้นี้ เจ้าชายสก็อตแห่งอนาจักรคาชูออนกำลังจะเดินทางมาเพื่อเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงฮิลด้าแห่งอนาจักรฟินน์

ด้านอนาจักรพารามีเคียนั้น อันที่จริงไม่มีใครทราบว่าตั้งอยู่ที่ใดในอัลเทม มีเพียงการสันนิฐานว่า อยู่ในเทือกเขาทางตอนใต้ของคาชูออน แต่หาได้มีใครเคยพบทางเข้าออกสู่อนาจักรพารามีเคียแต่อย่างใด การบุกเบิกเส้นทางสู่พารามีเคียนั้นเป็นการลำบากยากเข็ญ เนื่องจากดินแดนส่วนใหญ่เป็นทะเลทรายและเป็นที่อาศัยของสัตว์มีพิษมากมาย ยังเป็นที่ถกเถียงกันเรื่องการมาถึงฟินน์ของคณะอัญเชิญคำภีร์อัลเทม่าในครั้งนั้นว่าใช้เส้นทางใด

อนาจักรพารามีเคียนั้นปกครองโดย ราชวงศ์พารามีเคียมายาวนานหลายพันปี ชาวพารามีเคียนั้น มีผู้สำเร็จเวทย์ดำขั้นสูงอยู่เป็นจำนวนมาก ชาวพารามีเคีย ที่เคยมีผู้พบเห็นต่างมีลักษณะเงียบขรึม ไม่สนทนาปราศรัยกับผู้ใดเกินจำเป็น ในความคิดของชาวฟินน์แล้ว พารามีเคียเปรียบเสมือนปริศนา ที่ต้องการคำเฉลยมาช้านาน ส่วนชาวคาชูออนนั้นแม้นจะมีพรมแดนต่อเนื่องกับ พารามีเคีย แต่ก็หาได้สนใจในพารามีเคียไม่ เนื่องจากชาวคาชูออน พึงปรารถนาแต่สิ่งที่มีอยู่แห่งตนเท่านั้น

จากนี้ไปเป็นเรื่องราวที่จะถูกเล่าสืบต่อไปอีกนานแสนนานในอนาจักรทั้งสาม ถึงความกล้าหาญ ความรัก คุณธรรม การผจญภัย ที่ปรากฏในอัลเทม ของกลุ่มคนที่ต่อสู้อย่างอาจหาญกับปีศาจ อสูร และวิญญาณร้าย ที่รุกรานบ้านเกิดเมืองนอนของตน

Create Date : 16 เมษายน 2549		0 comments
Last Update : 27 พฤษภาคม 2549 22:47:25 น.
Counter : 596 Pageviews.
Share Tweet