ความเดิมตอนที่แล้ว
เมื่อฉันอยากเรียนเมืองนอก - ตอนที่ 5 How to ไล่ล่าหาความฝัน (ต่อ)
เดือนกันยายน 2002 ........ใจสั่งมา(ว่าต้องสู้)
3 กันยายน
หายป่วยแล้ว กำลังใจเริ่มมา ตอนนี้ใจฉันเริ่มเอนเอียงมาทางเยอรมันมากแล้วนับเป็นเปอร์เซนต์ก็
เยอรมัน:ออสเตรเลีย / 70:30 จากการค้นหาข้อมูลร่วมเดือนที่ผ่านมา....สำหรับฉันผู้ซึ่ง
- เกรดปริญญาตรีได้ประมาณ 2 ปลายๆ
- ทำงานในบริษัทเอกชน(ไม่ได้ส่วนไหนที่บ่งบอกความเป็นข้าราชการหรืออาจารย์เลย)
- ไม่ได้เรียนในมหาวิทยาลัยที่บางทุนของDAAD กำหนดไว้
- มีประสบการณ์ทำงานเกือบ 2ปีหลังเรียนจบ (ไม่ครบ 2 ปีไป 10 วัน)
- และพำนักอยู่ในประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศกำลังพัฒนา
- ตัวเลขในบัญชีตอนนี้ 38,499 บาท(เมื่อเดือนที่แล้วอยากได้กางยีนส์ใหม่ตัวหนึ่ง ขอโทษนะสมุด
บัญชีธนาคาร...โทษฐานที่ทำให้ตัวเลขของแกไม่สวย T_T)
ดังนั้นฉันจะสมัครทุนนี้ได้หนึ่งเดียวเท่านั้น.......และเอกสารที่ต้องส่งไปให้มหาวิทยาลัยที่เยอรมัน
พร้อมกับการขอทุน DAAD มีดังนี้ (ที่จะเขียนต่อไปนี้อ้างอิงมาจาก www.daad.de นะจ้ะ)
1.* Application form 4 pages withphoto , 4x, ส่ง
2. Biography- handwritten, 1x, ส่ง
3. Biography- typed , 4x, ส่ง
4. Study or research plan , 4x, ส่ง
5. High school transcript ofrecords- certified, 3x,ไม่ส่ง เพราะหาไม่ได้
6. B.A. or B.S. certificate andtranscript of records- certified, 3x, ส่ง
7. M.A. or M.S. certificate andtranscript of records- certified, 3x, ไม่ส่ง
8. German languagecertificate , 3x, ไม่ส่งเพราะไม่มี
9. Confirmation of employment andapproval of application by employing agency, 4x, ส่ง
10. 2 letters of recommendation,4x each, ไม่ส่ง
11. Document of acceptance aProfessor at German university , 3x , ไม่ส่งก็เขายังไม่รับฉันนี่นา
( x หมายถึง จำนวนสำเนา )
1. Application form 4pages with photo อันนี้ฉันพริ้นมาจาก www.daad.de แล้วเอามากรอกราย
ละเอียดด้วยมือขวา ฉันใช้เวลาประมาณ 3วันในการกรอก ก็คนมันฉลาดน้อยนี้นา บางคำไม่เคลียร์ก็
ต้องไปเปิดภาษาเยอรมันว่า...จริงๆแล้วเขาต้องการอะไรกันแน่.....มันมีช่องงานอดิเรกด้วย....ตอน
แรกฉันกะว่าจะกรอกไปว่าฉันสามารถต่อยมวยไทยได้...( Thai boxing) แต่ได้ไปคุยกับพี่ที่ฝ่ายบุคคล
พี่เขาก็ประชดมาว่า
,, .. ระวังเขาจะรีบรับแกนะ...ไอ้เรือง... เอาไปต่อยไปหาเรื่องคนอื่นเขาเนี่ย ทำไมแกไม่กรอกว่า
แก....เล่นบาสเกตบอลล่ะ ฉันเห็นแกเล่นออกบ่อย มันดีกว่า มันเหมือนกับการทำงานเป็นทีมนะ,,
ก็ฉันลืมไป ตอนแรก...แค่คิดว่ามวยไทยเป็นวัฒนธรรมไทยเราควรจะแสดงอะไรให้เขาเห็นเท่านั้นเอง
ลืมตัวไปหน่อยเท่านั้นเอง ..เเง..เเง..เเง.....
5 กันยายน
ไปถ่ายรูป......ฉันใส่เสื้อเชิ้ตสีส้มตัวเก่ง ที่ใช้ถ่ายสมัครงานเมื่อสามปีที่แล้วและมีหลายบริษัทหลวมตัว
เรียกไปสัมภาษณ์ ถ่ายกับกล้องดิจิตอล
,, พี่ๆ ช่วยแต่งรูป ให้หน่อยนะจ๊ะ...ตรงคิ้วน่ะมันบางไปหน่อย ..พี่ช่วยเขียนให้มันเข้มกว่านี้หน่อย
..ส่วนแก้ม...เติมบรัชออนสีชมพู ส่วนขนตาก็เติมมาสคาร่า...ให้หน่อยนะ อ้อ ตรงปกเสื้อสีมันซีดไป
หน่อยพี่ช่วยเติมสีให้อีกหน่อยนะ...ส่วนผม และริมฝีปาก.......
,, เอ่อ..น้องครับ...ให้พี่ตัดหน้าน้องทิ้ง..แล้วเอาหน้าคัทรียาหรือคลาวเดีย มาใส่ไหมครับ..,,
,,เเฮ่ๆๆ พอเเล้วค่ะพี่ แต่เมื่อไรมารับรูปได้ล่ะค่ะ,,
,, อีกชั่วโมงครึ่งมารับก็แล้วกันครับ ,,
,,ฮ้าาาาา......แต่พี่เขียนแปะหน้าร้านไว้ว่ารูปด่วนครึ่งชั่วโมงรับได้เลยนี่นา,,
,,จากความต้องการของน้องเนี่ยะพี่ยังไม่รู้เลยว่าชั่วโมงครึ่งที่พี่บอกจะพอหรือเปล่า ยังไงน้องก็แวะมา
ดูอีกทีก็แล้วกันนะครับ ,,,
สองชั่วโมงถัดมาฉันก็ได้รูปสวยเหมือนไปทำเบบี้เฟสมาก็ไม่ปาน..ฮ่าๆๆๆๆๆๆ
และในใบแบบฟอร์มมีอยู่ข้อหนึ่งซึ่งฉันมั่นใจเป็นอย่างมากก็กรอกไป คือประมาณว่าแปลได้ว่า...คุณ
สนใจอะไร....ฉันก็เติมลงไปทันทีเลย..ว่าไวโอลีน...ช่วงนั้นจะชอบฟังไวโอลีนที่เป็นไวโอลินที่เป็น
เพลงบรรเลง โดยเฉพาะของ Mozart มากคือฟังแล้วมันหลับดี ไม่ฝันร้ายด้วย ตอนหลังพี่คนหนึ่งเขา
อ่านแล้วเขาบอกว่า...ประโยคนี้เนี่ยมันแปลว่า..ความสามารถพิเศษก็ได้นะ แล้วแต่คนจะตีความ.....
ทำไงดี...ตอนนั้นฟังเพลงบรรเลง ไวโอลิน แล้วฝันเห็น ...โปรเฟสเซอร์มาสัมภาษณ์แล้วถามถึงข้อ
นี้..แล้วให้เล่นไวโอลินให้ดู...พอฉันเล่นไม่ได้...โปรเฟสเซอร์ชี้หน้าด่าเป็นภาษาเยอรมันฟังไม่ออก
หรอก..แต่ความหมายมันไปทางลบแน่ๆ,, แง..แง...แง..แง...
10 กันยายน
เริ่มใกล้เส้นตายที่ต้องส่งเอกสารไปที่มหาวิทยาลัยที่เยอรมันแล้ว (15 ตุลาคม 2002)... แว้ก.ว้าก
....ไอ้เรือง....คั้นสมองอันน้อยนิดของแกออกมาเร็วๆ...แกต้องเขียน Biography และ Study plan อีก
ทั้งจดหมายสมัครเรียน และจดหมายสมัครทุน.....
ทำไมสมองแกขี้เกียจ..ขี้เลื่อย..อย่างนี้เนี่ย.,หัวใจเริ่มบ่น
เฮ้ย...นี่ยังไม่ใช่เวลาที่แกจะมานั่งๆนอนๆขี้เกียจอยู่นะโว้ย....แกต้องเขียน Biography กับ Study
plan อีกนะโว้ย.,,หัวใจเริ่มสำทับต่อ
เออๆๆก็กำลังพยายามอยู่นี่ไง อย่าเร่งซิวะ มันคิดไม่ออก
หลังจากฟังการทะเลาะเบาะแว้งของสมองทั้งสองข้างและหัวใจแล้ว ฉันก็รู้สึกเซ็งเล็กน้อยประจวบกับ
ช่วงนั้น มีเหตุการณ์ที่ทำให้ฉันเสียสมาธิไปเล็กน้อย ใจไปริงโลดกับเรื่องอื่น คือมีพี่ที่โรงงาน จะ
แต่งงานสองงาน
- งานที่หนึ่งฉันได้รับการทาบทาม ให้มาเป็นผู้ช่วยเจ้าสาว ( ไม่รู้ว่าใช่คำนี้จะถูกต้องหรือเปล่า เพราะ
จากการอธิบายขอบเขตหน้าที่แล้วจะไม่ใช่เพื่อนเจ้าสาว จะประมาณนี้ คือ ต้อนรับแขกและช่วยทำไง
ก็ได้ให้เจ้าสาวได้รับความสะดวกและดูสวยงามอยู่ตลอดเวลาในช่วงเวลางานเช่น ซับหน้ามัน ซับเหงื่อ
ถือช่อดอกไม้ ไปเอาของที่เจ้าสาวต้องการ ลากกระโปรงเป็นต้น ตอนแรกเกือบได้เป็นผู้ช่วยเจ้า
บ่าว..โชคดีที่ยังมีคนเห็นว่าฉันเป็นผู้หญิง...เฮ้ย..โล่งอก)
- งานแต่งงานที่สองฉันได้รับการทาบทามให้มาเป็นพิธีกรคู่กับพี่ผู้ชายที่เป็นว่าที่ผู้จัดการฝ่ายบุคคลที่
บริษัท ซึ่งตอนหลังฉันขอเปลี่ยนหน้าที่กับพี่อีกคนหนึ่งมาเป็นฝ่ายต้อนรับแขกเหรื่อ เนื่องจากจะทำให้มี
โอกาสได้เกิดมากกว่าเอ้ย.......ไม่ใช่ช่วงนั้นอากาศเปลี่ยนทำให้เสียงฉันไม่ใสเหมือนที่เคย....อีก
อย่าง..... ฉันชอบทำงานที่ต้องติดต่อสื่อสารและจัดการคนอื่นมากกว่า...และพี่เจ้าสาวมักจะมาเป่าหู
ฉันอยู่เสมอ...
เนี่ย......บริษัทแฟนพี่เนี่ย......แทบไม่มีผู้หญิงเลย....เขาก็เลยอยากได้ผู้หญิงไปช่วยเป็นฝ่ายต้อนรับ
แขกคู่กับเพื่อนเขา...สักคน เรืองว่าให้พี่ติดต่อใครดีล่ะเนี่ย
ให้ตายซิ.....ฉันไม่ได้คิดอะไรเลยจริงๆนะ :-D และโชคดีที่งานแต่งงานที่แล้วฉันทำหน้าที่ได้เข้าตา
กรรมการ เจ้าบ่าวเจ้าสาวพอใจในผลงานทำให้เหมือนมีใบประกาศนียบัตรแปะอยู่ที่หน้า 5555 ตกลง
ฉันก็ได้เป็นฝ่ายต้อนรับของงานนี้
จากงานนี้ก็ได้รับคำชมในผลงานเช่นเคย แต่ได้ยินเสียงต่อว่าเล็กๆจากสาวๆบริษัทฉัน
,, ไอ้เรืองทำไมแกต้องจัดคนนั่งโต๊ะเดียวกันเป็นคนบริษัทเดียวกันด้วยนะ แทนที่แกจะจัดผสมกันฉันจะ
ได้เกิดกับเขาบ้าง....ก็ไม่ได้เกิดเลย,,
,, ขอโทษทีพี่แต่มันเป็นนโยบายจากเบื้องบนนะพี่.......เรืองก็กะว่าจะทำแบบ..ที่พี่ว่าแหละ...เพราะเรา
ก็หัวอกเดียวกัน,,
20 กันยายน
กลับมาได้แล้ว....ไอ้เรืองกลับมาคิดเรื่องความฝันแกได้แล้วเเกยังไม่ได้ทำอะไรอีกหลายอย่างที่ต้อง
ทำนะ...
26 กันยายน
ค่อยยังชั่ว.....ฮี่...ฮี่..คลอดออกมาแล้วสองอย่างหลังจากที่สมองได้ทำการอุ้มท้องมาอย่างยาวนาน...อันแรกก็เป็นจดหมายสมัครเรียนของฉัน....ก็จะเป็นดังนี้
ที่อยู่ของฉัน
e-mail :Dawrong_Praditphausa@yahoo.com
Germany university of Technology
01087 Germany
Dear Sirs,
My name is Dawrong Praditphausa ,the international student from Thailand .This is the
formal letter to apply inMaster of Science in ET Engineering ofGermany university of
Technology on the second semester 2003.
Briefly, I graduated fromThailand university with Bachelor degreein ET Engineering . After
Graduation ,as the requirement of my major , I wasassigned to work at ABC company for
putthe training period such as 6 months. Later on ,I got a permanent job at DEF company
, //www.def.com and I amcurrently working until present. My ambition is to enhance
my profession in thefield of ET Engineering by integratingmy working experience and
further study in advanced level . I have been spending my free timeother than company
working hour to do self-study on the facets of ETEngineering. However , the opportunity
of advanced knowledge in this field isvery limited in Thailand. The best option for me is to
seek further educationoversea. I, therefore , applied to your university in Master of Science
in ET Engineering of Technology
I would like begin studies at youruniversity this coming winter semester of 2003, if I am
admitted , I request.Any assistance you may be able to give me will be deeply
appreciated. Theenclosed documents comprise my personal profile and all required
documents as listing below.
Thank you for your consideration,I look forward to hearing from yoursoon.
Sincerely yours
Miss. Dawrong Praditphausa
Enclosed documents
1.Application form
2. DAAD scholarship applicationform
3.Biography typed เเว้ก....อันนี้ยังไม่ได้คิดเลย
4. Biography handwritten
5. Study plan ว้าก....อันนี้ยังไม่ได้หาข้อมูลเลยเพื่อเขียนเลย
6.B.Eng certificate and transcriptof records
7.Confirmation of employment ใบรับรองจากบริษัท
8.Letter of employeerecommendation ใบรับรองจากบริษัท
9.The other documents
~*~*~*~ *~*~*~*~ *~*~*~ *~*~*~*~ *~*~*~ *