ความเดิมตอนที่แล้ว
เมื่อฉันอยากเรียนเมืองนอกฟรี - ตอนที่ 12 ลุ้นระทึก (ต่อ)
~*~*~*~ *~*~*~*~ *~*~*~ *~*~*~*~ *~*~*~ *
กุมภาพันธ์ 2003..........กรี๊ด......ว้าก......แว้ก
1 กุมภาพันธ์
เตรียมข้อมูลเกี่ยวกับการเรียนต่ออีกครั้งหนึ่งทีนี้หาข้อมูลอย่างเข้มข้นเกี่ยวกับการเรียนต่อที่
ออสเตรเลีย ทั้งเรื่องคณะที่จะเรียน ,มหาวิทยาลัย,เมืองที่จะเรียน, ค่าครองชีพ, งานพิเศษ เพราะฉัน
มันเงินน้อย แถมออสเตรเลียเนี่ยจะขอทุนยากมากเพราะคนต้องการไปเรียนเยอะมากเพราะฉะนั้น
ด้วยคุณสมบัติของฉันที่ได้กล่าวมาแล้วแต่ต้น จึงยากที่แข่งขัน แต่ทว่า......
มันอาจจะยาก ...แต่มันก็เป็นไปได้ (It may be difficult,but it is possible)
5 กุมภาพันธ์
เหนื่อยจังเลย....ช่วงนี้ชีวิตฉันราวกับนักธุรกิจใหญ่....ไม่มีเวลาให้กับใครเลยตั้งแต่ต้นปีแล้ว
วันจันทร์ถึงวันเสาร์ทำงานทุกวันตั้งแต่ 8.00 น.ถึง 17.00 น. และทำต่อไปถ้างานไม่เสร็จบางวันก็ถึง
1ทุ่ม (ฉันทำงานโรงงานนะ)พอวันเสาร์เย็นก็นั่งรถบริษัทเข้ากรุงเทพ เพื่อมาเรียนภาษาเยอรมันวัน
อาทิตย์ (ซึ่งจะประหยัดตังค์เพราะรถบริษัทไม่ต้องเสียเงิน ) พอเรียนภาษาเยอรมันวันอาทิตย์เสร็จ
ประมาณเที่ยงก็ต้องรีบไปต่อรถที่หมอชิตเพื่อกลับบ้าน(อันนี้จ่ายตังค์เอง) จะถึงบ้านประมาณ 2-3
ทุ่ม วันจันทร์ก็ต้องทำงานต่อ โอ้...ชีวิต...ไอ้เรือง
ช่วงนั้นจะโดยอาจารย์ประนามเพราะภาษาเยอรมันไม่ค่อยกระเตื้องเลย...อยากแก้ตัวจังเลยว่ามัน
เหนื่อย....แต่ก็ไปให้แกประนามทุกอาทิตย์แหละ.....หนุกดี......ไม่ได้เป็นนักเรียนมานานแล้ว
แถมคนที่ไปเรียน...ส่วนใหญ่จะเป็นคนทำงานแล้ว แล้วมีจุดมุ่งหมายเหมือนกันคือไปเรียนต่อที่
เยอรมัน ก็เลยคุยกันถูกคอ....เพื่อนบางคนมาเยี่ยมลูกค้าที่จังหวัดที่ฉันทำงานอยู่ก็จะแวะมาเยี่ยม
และในชั้นเรียนก็มีน้องที่ยังเรียนอยู่... ก็รู้สึกนับถือเขาเหลือเกิน รู้จักวางแผนอนาคตตัวเองแต่เล็ก
แต่น้อย...(ฉันเหมือนยายแก่เลย)
10 กุมภาพันธ์
ตอนนี้เริ่มร้อนรนอีกครั้ง ก็ตามข้อมูลของฉัน ทุน DAAD จะบอกผล ประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์นี่
นา...นี่มันก็อีก 4วันก็จะกลางเดือนแล้วนี่นา ( ปีนี้เดือนกุมภาพันธ์มี 28 วัน)
...สงสัย...ไม่ได้ ซะแล้วกระมั้ง...ไอ้เรือง...ส่งเอกสารไปมหาวิทยาลัยใหม่ได้แล้วมั้ง สมองของ
ฉันซึ่งจะใช้หลักตรรกยะในการคำนวณเสมอ พร่ำบอก
นี่...ยังไม่ถึงกลางเดือน อีกตั้ง 4วันถึงจะถึงกลางเดือน แกอย่าเพิ่งใจร้อนด่วนสรุปให้ไอ้เรืองมัน
หมดความมั่นใจซิ...ฟุตบอลเขายังทำคะแนนกันได้ในวินาทีสุดท้ายเลยหัวใจซึ่งใช้หลักธรรมเสมอ
มาปลอบใจฉันกระซิบบอก
11 กุมภาพันธ์
นอนไม่หลับ
12 กุมภาพันธ์
เริ่มคิดถึงแผนหนึ่งแผนสองแผนสามด้วยหัวใจที่ร้าวรอน
13 กุมภาพันธ์
8.00 น.
วันนี้วันพฤหัสบดี...พรุ่งนี้ก็วันวาเลนไทม์แล้วนี่นา ....แต่ใจฉันมันเศร้าจัง
12.00 น.
เหนื่อย...กินอะไรไม่ค่อยลง
แต่มีโปรแกรมแล้วพรุ่งนี้ ฉันกับพี่ๆๆ เราจะไปฉลองความโสดกัน ....55555
ส่วนฉันจะไปฉลองความเศร้า.....
13.00-16.30 น.
ทำงานอยู่ในรายผลิต
17.00 น.
กลับมาที่ออฟฟิศ...ทันทีนั่งโต๊ะ....ก็เห็นซองเอกสารสีน้ำตาล
ด้วยความกลัว...ค่อยค่อย..มอง..เหลือบซ้ายเหลือบขวา...ไม่มีใครสนใจ
เอกสารลงทะเบียนจากสถานทูตเยอรมันแห่งประเทศไทย
...มือสั่นๆ.... ใจก็เต้นสั่นๆ..กลัวๆกล้าๆ
ตั้งสติอยู่ประมาณ5 วินาทีแล้วค่อยแกะซองเอกสารอย่างประณีต
ทันทีที่เห็นกระดาษแผ่นแรก....หน้าฉันที่เเดงมาจากความเหนื่อย......
เริ่มเเดงอีกครั้งด้วยความตื่นเต้น..
*-*-*-*-**-*-*-*-**-*-*-*-**-*-*-*-**-*-*-*--*-*-**-*-
RE: Your application for a scholarship inGermany
Letter of Award
Dear Miss. Dawrong Praditphausa
I take pleasure in letting you know that the selection committee of the German Academic
Exchange Service (DAAD) has taken a positive decision on yourapplication. Upon its
recommendation DAAD is granting you a scholarship
*-*-*-*-**-*-
กรี๊ด...เเว้ก....ว้าก...ได้แล้ววววววววว............ฉันได้ทุนแล้ววววววววว
พี่ พี่ดำรง หนูได้ทุนแล้ววววว ฉันตะโกนพร้อมกับวิ่งตุบตับไปที่พี่ที่เป็นผู้จัดการอีกเเผนกหนึ่งซึ่งได้
ให้ความเมตตาเเละคำปรึกษาเรื่อยมา
หนูได้ทุน แล้ว หนูได้ทุนไปเรียเยอรมันแล้ว
พี่ๆๆ ช่วยหนูดูหน่อยซิว่าหนูฝันไปหรือเปล่า นี่มันของจริงหรือเปล่า ฉันพูดเสียงสั่น พลางส่ง
เอกสารให้พี่ดำรงด้วยมือที่สั่นๆเช่นกัน พร้อมกันนั้นพี่ที่อยู่ในห้องคอมพิวเตอร์ก็พามารุมล้อม แล้ว
ช่วยกันดูเอกสารที่ฉันรอมาเป็นเวลาร่วมหกเดือน
นี่มันเอกสารจริงนี่ เธอได้ทุนแล้วล่ะ
นี่มันเป็น the document of award และอันนี้มันเป็น letter of award ซึ่งมันบอกว่าเขาให้ทุนเธอเท่าไร...นาน...2 ปีครึ่งแน่ะ..อันนี้ก็เป็นเอกสารที่เธอต้องเซ็นแล้วก็ส่งกลับไปให้เขาว่าเธอตกลงจะเอาทุน พี่ดีใจกับเรืองด้วย ,, เฮ้ยพวกเรา ต่อไปเราก็มีเพื่อนเรียนนอกแล้วนะเนี่ย..... ฮ่าฮ่าฮ่า อย่าง
นี้ต้องไปฉลองกันหน่อยแล้ว
พร้อมกันนั้นทุกคนก็มาร่วมแสดงความยินดีกับฉัน พร้อมกับฉันที่น้ำตาเกือบไหลด้วยความ
ดีใจ....และหวั่นใจกับอนาคตที่มองไม่เห็นชัด....
14 กุมภาพันธ์
วันนี้เป็น วันแห่งความรัก ค่ะ
เมื่อคืนนอนไม่หลับเลย
วันนี้แต่งหน้ามาทำงานด้วย
มีแต่คนแปลกใจ...สงสัยฉันจะมี...ความรัก...ซะกระมั้ง
(เวลาโดยปกติ ..หน้าจะเต็มไปด้วยเหงื่อ...และจะมันย่อง เพราะเป็นวิศวะ-กรรม-กร เป็นที่รู้กันว่า
เป็นวิศวกรฝ่ายวิจัยและพัฒนา หรือวิศวกรที่ทำงานเยี่ยงกรรมกรเพราะต้องอาบเหงื่อต่างน้ำ)
มีแต่ฉันกับพี่ๆที่สนิทกันมันเกิดอะไรขึ้นกับฉัน
จากเดิมที่วางแผนว่าจะไปฉลองความเศร้า
ฉันก็เปลี่ยนเป็นฉลองความสำเร็จ แทน
ปลายเดือนกุมภาพันธ์
ตอนแรกกะจะไม่บอกพ่อกับเเม่จะทำวีซ่าและเอกสารทั้งหมดแล้วเอาไปเซอร์ไพร์สทีเดียวเลย
แต่หัวใจฉันบอกว่า..ฉันเหลือเวลาที่จะอยู่กับพ่อแม่อีกแค่เดือนครึ่งเท่านั้น เพราะฉันต้องไปเยอรมัน
ต้นเดือนเมษายน 2003....ควรจะใช้เวลาที่เหลือให้มีค่ามากที่สุด ให้เวลาท่านให้มากๆ .....เพราะอีก
เกือบสามปีกว่าฉันจะได้กลับมา ก็เลยไปบอกท่าน
แม่ พ่อ หนูเรื่องจะบอกจ้ะ คือหนูได้ทุนแล้ว หนูได้ไปเรียนแล้วที่ประเทศเยอรมัน แล้ว จ้ะ
แม่ฉันถึงกับน้ำตาไหลด้วยความดีใจ ปนความสลดเล็กน้อย ที่ฉันต้องไปเยอรมันต้นเดือนเมษายน
แต่ความดีใจมีมากกว่าแล้วจากวันพ่อกับเเม่ก็วุ่นวายกับการจัดการจัดของที่จะให้ฉันเอาติดตัวมา
เยอรมันด้วย พร้อมกับป่าวประกาศเรื่องของฉันให้ญาติๆฉันฟัง ช่วงนี้ชื่อของฉันจะดัง ติดข่าวดัง
10 อันดับของหมู่บ้านหนองงูหางกระดิ่งทีเดียว
ส่วนฉันก็ต้องมาวุ่นวายกับการไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลของรัฐทำวีซ่า ไปรับตั๋วเครื่องบิน เตรียม
ภาษาเยอรมันและอังกฤษ เสื้อผ้าเสื้อกันหนาว ยารักษาโรคหนังสือ หลักฐานเอกสารสำคัญต่างๆ รวม
ทั้ง ร่ำลาญาติพี่น้องเพื่อนฝูง อาจารย์ หัวหน้างานเพื่อนรวมงาน รวมทั้งนำ ช้างไม้ 1คู่ พวงมาลัย 5
พวงไปถวายพระพรหมด้วยนับจากวันนั้นจนถึงวันนี้ทำให้ต้องมาตกระกำลำบากอยู่ที่เยอรมันที่คน
เยอรมันเรียกว่าด้อยชลันท์
มีนาคม 2003 .........บทส่งท้ายก่อนหัวใจออกเดินทาง
3 มีนาคม
วันนี้ก็ครบหนึ่งปีพอดีของการตามหาความฝันอันแรกของฉัน ฉันถามตัวเองว่า....ฉันฝันหรือ
เปล่า....สิ่งที่เกิดขึ้นนี้มันเป็นความจริงหรือเปล่า จนแม้กระทั่งฉันได้วีซ่ามาแล้ว ได้ตั๋วเครื่องบิน
(ซึ่งทาง DAAD เป็นผู้จ่ายกะตังค์) ฉันก็ยังไม่แน่ใจ สิ่งที่เกิดขึ้นกับฉันนั้นเป็นเพราะ
- ฉันโชคดีมาก(ตามที่ได้ยินหลายคน...เวลาได้ยินข่าวฉัน..เขามักจะพูดว่าไอ้เรือง...เเกโชคดีจังเลย)
หรือเป็นเพราะ
- ฟลุคมาก (เพราะโอกาสที่คนทำงานเอกชนแถมด้วยคุณสมบัติที่ไม่ค่อยเยอะอย่างฉันได้มา...มันก็
เป็นเรื่องที่ผิดปกติ )
- ฉันมีความพยายามมาก (คนใกล้ตัวฉัน พ่อแม่พี่น้องเพื่อนร่วมงานที่ใกล้ชิด และที่ปรึกษาคนยาก
บอกมาเพราะเขาเหล่านี้มีส่วนร่วมและได้เห็นในการพยายามของฉันอยู่เสมอ)
แต่จากการกลั่นกรองด้วยหัวใจและสมอง(วันนี้สมองและหัวใจสามัคคีกัน :-D) ฉันคิดว่า ทุกอย่างที่
เขาพูด เขาให้ความเห็นนั่นแหละ ฉันมีหมดเลย ฉันมีทั้งความพยายาม ความโชคดี และก็ฟลุคด้วย
ทุกสิ่งมารวมกัน ทำให้ฉันได้มีวันนี้ .....มันยาก....มันเหนื่อย ฉันเสียน้ำตา...เสียใจ....เสียเหงื่อมา
มากเพื่อให้ได้มาซึ่งวันนี้....ฉันไม่รู้หรอกว่าวันหน้าฉันจะเรียนสำเร็จหรือเปล่า..แต่ฉันเชื่อว่า..ตราบใด
ที่เรายังมีความฝันและพยายายามอยู่เสมอเพื่อไปให้ถึงความฝันนั้น เราก็จะประสบความสำเร็จอย่าง
แน่นอน
บางเวลาที่เราดูหนังดูละคร หรือดูโฆษณาครูเคท หรือนักกีฬาต่างๆ เกี่ยวกับการพยายาม ...ความ
เพียร ของคนอื่นๆ ในการสอบเอ็นทรานซ์ การพูดภาษาอังกฤษหรือการทำงานอะไรสักอย่างหนึ่ง
แล้วประสบความสำเร็จ...หนังมักจะตัดเป็นบทละครสั้นฉากสองฉาก
แต่ในชีวิตของคนเรา.. ฉันเชื่อว่าคงต้องนานกว่านั้น....ขึ้นอยู่กับว่าเป้าหมายหรือความฝันของเรามัน
สูงแค่ไหน....สำหรับฉัน...ฉันตั้งเป้าหมายเป็นจิ๊กซอร์เล็กๆ...แล้วค่อยๆทำให้จิ๊กซอร์เล็กๆเหล่านั้น
เป็นความสำเร็จเล็กๆ...ทีละขั้นละตอน. (เนื่องด้วยความสามารถของฉันมีไม่ค่อยมาก)
เมื่อฝันให้ไกล....ก็ต้องไปให้ถึง.... จะถึงหรือไม่ถึงก็เพราะ....
เพราะแสวงหา มิใช่เพราะรอคอย
เพราะเชี่ยวชาญ มิใช่เพราะโอกาส
เพราะสามารถ มิใช่เพราะโชคช่วย
ดังนี้แล้ว ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน
อย่ายอมแพ้... ถ้ายังไม่ได้พยายามอย่างเต็มที่
แต่ความสำเร็จของฉันเนี่ยฉันไม่ได้ทำมันตามลำพังหรอก มีคนอีกมากมายที่มีส่วนในความสำเร็จ
ของฉัน
*-*ขอบคุณหัวหน้าของฉันทุกๆคนที่เมตตาและให้โอกาสต่างๆเสมอมา
*-*ขอบคุณพี่ๆ ที่คอยด่าเสมอเวลาฉันเริ่มขี้เกียจอ่านหนังสือ
.คอยให้กำลังใจและปลอบใจ เวลาที่
ฉันท้อแท้และอยากถอย รับฟังเรื่องราวความฝันของฉันอย่างตั้งใจ
*-*ขอบคุณเพื่อนๆที่ให้กำลังใจ คอยเลี้ยงข้าวเวลาไม่มีกะตังค์ คอยเป็นเพื่อนเวลาที่ร้องไห้และรู้สึก
ร้าวรอนกับสิ่งรอบตัว ให้ความรู้สึกดีดีทั้งหลาย
*-*ขอบคุณน้องๆ ที่มักจะให้กำลังใจ ผมว่าเจ๊ต้องทำได้ หนูว่าพี่ต้องทำได้ค่ะ
*-*ขอบคุณคนบางคนที่ทำให้รู้สึกว่าโลกนี้เป็นสีชมพูนะไม่ใช่สีเทา..ดำหรือสีขาว เพียงด้านเดียว
*-* ขอบคุณครูบาอาจารย์ที่ประสิทธิประสาทวิชาให้ฉัน ให้คติชีวิตฉันอยู่เสมอ
*-*ขอบคุณญาติพี่น้องที่เป็นแรงกระตุ้น...ให้ฮึกเหิมอยู่เสมอ
*-*ขอบคุณน้องสาวคนรองที่ไม่บ่นเวลาโอนเงินเดือนไปให้ช้าและช่วยใช้อย่างประหยัด :-D เป็น
เพื่อนคู่คิด...เป็นที่ปรึกษา....เป็นเพื่อน....ยามที่ถูกคลื่นสังคมกระหน่ำ
*-*ขอบคุณคนทุกคนที่เข้ามาในชีวิตของฉัน...ทำให้ได้รู้ได้ซึ้งว่าชีวิตคืออะไร
*-*ที่ลืมไม่ได้ก็ต้องขอบคุณที่ปรึกษาคนยากของฉัน ที่คอยแนะนำข้อมูล ตักเตือน แนะแนวทาง
คอยให้ข้อคิด และให้คำปรึกษาการเรียนต่ออย่างไม่เบื่อหน่าย
*-*และที่สำคัญที่สุดต้องขอบคุณ...พ่อเเม่..ที่ให้กำเนิด...ให้หัวจิตหัวใจ...ให้การศึกษา ...คอยยืน
เคียงข้าง...ให้กำลังใจฉันและรักฉันเสมอไม่เคยร้างลา ขอบคุณค่ะ
*-*เกือบลืม .... ขอบคุณ www.pantip.com & ชาวพันทิพย์ และชาวเน็ตทั้งหลายด้วยค่ะ...
ฮี่...ฮี่..ฮี่
สรุปความสำเร็จครั้งสุดท้ายก่อนหัวใจออกเดินทาง
1.ได้ไปเรียนเมืองนอก(ประเทศเยอรมัน) แล้ว ...เย้...เย้...เย้
2.ได้ทุน DAAD ซึ่งช่วยงบประมาณคลังของแม่ไปได้
3.ได้ชื่อเรื่องแล้ว...เรื่อง...เมื่อฉันอยากเรียนเมืองนอก
4.โปรเจ็คนี้ก็ปิดได้อย่างสวยงาม โปรเจ็คต่อไปอาจจะเป็น เมื่อฉันมาเรียนภาษาที่สามเมืองเยอรมัน
*-*-*-*-**-*-*-*-**-*-*-*-**-*-*-*-**-*-
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑.......จบแล้วจ้ะ.......๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
เฮ้ย....น่ากลัวจังเลย ตอนเเรกก็อยากได้ทุนอยู่หรอก ....แต่พอได้แล้วก็กลัวจังเลย หัวใจบ่น
แกจะกลัวอะไร ชีวิตไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันไปซิ สมองปลอบ
แต่ฉันมาคิดๆแล้วนะ ไอ้เรืองมันคงลำบากอีกเยอะเลยเนี่ย หัวใจพูด
ทำไมล่ะ สมองถาม
เเหม....ถ้าแกมีรอยหยักมากกว่านี้...ฉันก็คงมั่นใจในตัวไอ้เรืองมันอยู่หรอก แต่นี่รอยหยักแกไปปรากฎอยู่ที่เส้นผมหมด ไอ้เรืองมันคงต้องขยันสุดชีวิตแน่...สงสารมันหว่ะ หัวใจพร่ำพูด
ฉันฟังหัวใจกับสมองทะเลาะกันแล้วก็เริ่มสงสารตัวเอง เนี่ยน้า.....หาเรื่องลำบากแท้ๆนะไอ้เรือง
สุดท้ายนี่ฉันหวังว่าเรื่องของฉันจะเป็นประโยชน์ให้กับใครๆบ้างนะคะ
~*~*~*~ *~*~*~*~ *~*~*~ *~*~*~*~ *~*~*~ *~*~*~*~ *~