บุพกรรมพระนาคเสน



บุพกรรมพระนาคเสน



เมื่อครั้งศาสนาของสมเด็จพร
ะพุทธกัสสปะโน้น พระภิกษุทั้งหลาย เช้าขึ้นก็ถือเอาไม้กวาดด้ามยาวแล้วนึกถึงพระพุทธคุณ แล้วจึงพากันกวาดบริเวณพระเจดีย์กวาดเอาหยากเยื่อไปรวมเป็นกองไว้ มีพระภิกษุผู้สมบูรณ์ด้วยศีลองค์หนึ่งเรียกสามเณรองค์หนึ่งว่า

"จงมานี้...สามเณร ? จงหอบเอาหยากเยื่อไปทิ้งเสีย"

สามเณรนั้นก็เฉยอยู่ เหมือนไม่ได้ยินพระภิกษุองค์นั้นเรียกสามเณรนั้นถึง ๓ ครั้งเห็นสามเณรนั่งนิ่งเฉยอยู่เหมือนไม้ได้ยินก็คิดว่า สามเณรองค์นี้หัวดื้อจึงไปตีด้วยด้ามไม้กวาด สามเณรก็ร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดแล้วหอบเอาหยากเยื่อไปทิ้งด้วยความกลัวเมื่อหอบเอาหยากเยื่อไปทิ้งนั้นได้ปรารถนาว่า

“ ด้วยผลบุญที่เราได้หอบหยากเยื่อมาทิ้งนี่หากเรายังไม่ถึงนิพพานเพียงใดเราจะเกิดในภพใด ๆ ก็ตาม ขอให้เรามีเดชเหมือนกับดวงอาทิตย์เที่ยงวันฉะนั้นเถิด"

สามเณรตั้งความปรารถนาดังนี้แล้วก็เดินไปอาบน้ำที่แม่น้ำคงคา ดำผุดดำว่ายเล่นตามสบายใจ เมื่อสบายใจแล้วก็ได้เห็นละลอกคลื่นในแม่น้ำนี้มากมายนักหนาก็ยินดีปรีดาจะใคร่มีปัญญาเฉลียวฉลาดไม่รู้สุดรู้สิ้น ดุจลูกคลื่นในแม่น้ำนั้นและได้คิดว่าอาจารย์ได้ใช้ให้เราหอบเอาหยากเยื่อมาทิ้งนี้ ไม่ใช่เป็นกรรมของเราทั้งไม่ใช่เป็นกรรมของอาจารย์แต่
ป็นการอนุเคราะห์เราให้ได้บุญเท่านั้น ครั้นคิดดังนั้นแล้ว จึงปรารถนาขึ้นอีกเป็นครั้งที่ ๒ ว่า

“ข้าพเจ้ายังไม่ถึงนิพพานตราบใดไม่ว่าข้าพเจ้าจะไปเกิดในชาติใด ๆ ขอให้ข้าพเจ้ามีปัญญาไม่รู้สิ้นสุดเหมือนกับลูกคลึ่นในแม่น้ำคงคานี้เถิด”

ส่วนพระภิกษุผู้เป็นอาจารย์นั้นเมื่อเอาไม้กวาดไปเก็บไว้ที่โรงเก็บไม้กวาดแล้ว ก็ลงที่ท่าน้ำคงคาเพื่อจะอาบน้ำก็ได้ยินเสียงสามเณรตั้งความปรารถนา จึงคิดว่าความปรารถนาของสามเณรนี้เป็นความปรารถนาใหญ่ จะสำเร็จได้เพราะอาศัยพระพุทธคุณ
คิดดังนี้แล้วจึงหัวเราะขึ้นด้วยความดีใจว่า สามเณรนี้ถึงเป็นผู้ที่เราใช้ก็ยังปรารถนาอย่างนี้ความปรารถนาของสามเณรนี้ จักสำเร็จเป็นแน่แท้ คิดดังนี้แล้ว จึงตั้งความปรารถนาว่า

“ข้าพเจ้ายังไม่สำเร็จนิพพานตราบใดขอให้ข้าเจ้ามีปัญญาหาที่สุดมิได้เหมือนกับฝั่งแม่น้ำคงคานี้ ให้เป็นผู้สามารถแก้ไขปัญหาปฎิภาณทั้งปวงที่สามเณรนี้ไต่ถามได้สิ้น
ให้สามารถชี้แจงเหตุผลต้นปลายได้เหมือนกับบุรุษที่ม้วนกลุ่มด้ายสางด้ายอันยุ่งให้รู้ได้ว่า ข้างต้นข้างปลายฉะนั้นด้วยอำนาจบุญที่ข้าพเจ้าได้กวาดวัด และใช้สามเณรให้นำ
หยากเยื่อมาเททิ้งนี้เถิด"

เมื่อบุคคลทั้งสองนั้นท่องเที่ยวเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในเทพยดาและมนุษย์ ก็ล่วงมาถึง ๑ พุทธันดรต่อมาพระภิกษุผู้เป็นอาจารย์เกิดเป็นพระนาคเสนส่วนสามเณรนั้น ก็ได้มาเกิดเป็น พระเจ้ามิลินท์ ในสาคลนครอันมีในชมพูทวีปพระเจ้ามิลินท์นั้นเป็นบัณฑิต เป็นผู้ฉลาดมีความคิดดีสามารถรู้เหตุการณ์อันเป็นอดีต อนาคต ปัจจุบันได้เป็นผู้ใคร่ครวญในเหตุการณ์ถี่ถ้วนทุกประการ เป็นผู้ได้ศึกษาศาสตร์ต่าง ๆไว้เป็นอันมาก ถึง ๑๘ ศาสตร์ด้วยกัน รวมเป็น ๑๙ กับทั้งพุทธศาสตร์






Create Date : 06 ธันวาคม 2556
Last Update : 23 มกราคม 2557 9:05:12 น.
Counter : 1502 Pageviews.

1 comments
  

Like ให้เป็นคนที่ 4
ขอบคุณที่นำมาฝากให้อ่านนะคะ

โดย: อุ้มสี วันที่: 6 ธันวาคม 2556 เวลา:20:10:05 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ปราชญ์บ้านนอก
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 24 คน [?]





ธันวาคม 2556

1
2
3
7
8
10
11
12
13
15
16
17
18
19
21
23
24
25
26
27
29
31