4 ทิปเด็ด เลือกใช้ Cloud Container ง่ายๆ


Cloud Container คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร?

ตอนนี้เทคโนโลยี Cloud Container กำลังรุกตลาด Cloud อย่างเต็มกำลัง ด้วยสาเหตุเพราะว่าสำหรับหลายองค์กร เทคโนโลยีตัวนี้ถือเป็นอีกทางเลือกที่นำมาใช้แทน Hypervisor-based virtualization ได้ โดย Container มีความโดดเด่นเรื่องไฟล์ขนาดเล็ก ปรับแต่งให้เข้ากับแต่ละแพลตฟอร์มได้ง่าย และย้าย Application ข้ามแพลตฟอร์มสะดวก โปรแกรมเมอร์หรือนักพัฒนาไม่ต้องมานั่งปรับแต่งโครงสร้างของ App ถึงอย่างนั้น Container ก็ยังนับว่าเป็นเรื่องท้าทายในการ Scalability และ Management


ด้วยความต้องการที่จะหันมาใช้ Container ในปัจจุบัน ส่งผลให้เกิด Cloud Container service ขึ้นมามากมาย เช่นเดียวกับ Tools ที่มีให้เลือกอย่างหลากหลาย ตอบสนองความต้องการของแต่ละองค์กรในรูปแบบที่ต่างกันออกไป วันนี้เรามี 4 Tips ช่วยกรองตัวเลือกTools และ Service ให้หมาะสมกับองค์กร มาฝากกัน

1. เช็คให้แน่ว่าองค์กรเราเหมาะกับ Cloud Container แล้ว

เทคโนโลยี Container เป็นเทคโนโลยีที่กำลังนิยม และมีอัตราการเติบโตเร็วมาก ทว่านั่นไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นตัวเลือกที่ใช่สำหรับทุกองค์กรเพราะจริงอยู่ที่ Container เป็นอีกทางเลือกของ Server Virtualization แต่ต้องไม่ลืมว่า มันทำงานโดยขึ้นอยู่กับ OS เดียว และจะต้องถูกย้ายไปบน Server ที่มี OS Kernel ที่เข้ากันได้เท่านั้น ที่สำคัญการย้าย Container เป็นเรื่องยากที่ท้าทายมากกว่าการย้าย VM แต่ข้อดีของการรันบน OS เดียวแบบนี้ คือ ลดปัญหา Redundant Resource ของ Virtual Instances ทำให้มีประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มมากขึ้น และมีความได้เปรียบในเรื่อง Scalability เพราะขนาดที่เล็ก อย่างไรก็ดีถ้าเลือกไม่ถูกจริงๆ ก็สามารถนำทั้ง Container และ VM มาประยุกต์ใช้ร่วมกันได้

2. เลือก Cloud Container Platform ที่ตอบโจทย์ที่สุด ก่อนจะกระโจนเข้าไปใช้งาน Container ต้องเลือก Container Platform เสียก่อน และตวจสอบว่า OS ของ Server ที่เราใช้อยู่เป็นแบบไหน มันจะทำงานร่วมกันได้หรือไม่ เพราะ Container กับ Application ที่อยู่ในนั้นจำเป็นต้องแชร์ Kernel เดียวกันกับ OS ทั้งนี้การเลือก Cloud Container Platform อาจจะยากสักหน่อย เนื่องจากมันก็ทำงานคล้ายๆ กันหมด เวลาที่เลือกจึงต้องรู้ให้แน่ว่าเราต้องการใช้ Container เพื่อทำอะไร เปรียบเทียบ Feature อย่าง Virtualization Capabilities, Network Isolation, และ Root Privilege Isolation ให้ดี นอกจากนี้ยังต้องไม่ลืมใส่ใจในเรื่องของ Resource Management Feature, License Model, รวมทั้งราคา

3. เลือก Tools สำหรับการ Scale อย่างพวก Orchestrate Cloud Container ถึงเทคโนโลยี Cloud Container จะสร้างสรรค์วิธีการรัน App แบบใหม่ขึ้นมา แต่ก็ยังมีปัญหาด้าน Scalability และการปรับแต่งที่ค่อนข้างซับซ้อน ต้องอาศัย Container orchestration tools ให้ run in clusters และเพิ่มความสามารถการ scalability ในช่วงเวลาที่มี workloads เพิ่มมากขึ้น เช่น การใช้ Docker Swarm และ Google Kubernetes ที่มุ่งเน้นทางด้าน cluster management และ scheduling แต่ถ้าไม่อยากใช้บริการ Tools จากตัวแทนผู้ให้บริการ ก็สามารถสร้างระบบจัดการ Container ขึ้นมาใช้เองได้ โดยการใช้ Automate testing tools เน้นไปยัง Container security and governance และ examining ที่โครงสร้างของ Container-based application ก็เป็นการช่วยเพิ่มความสามารถ scalability ได้อีกทางหนึ่ง

4. Container Monitoring ต้องใช้โปรแกรมเฉพาะ ฝ่าย IT ขององค์กรควรใช้ Monitoring Tools สำหรับ Cloud container โดยเฉพาะ เพื่อตรวจเช็คการทำงาน และความสัมพันธ์ของแต่ละ Container แม้ว่า Docker Metrics สามารถแจ้งเตือน Developer ได้ว่ามี Service ไหน Up หรือ Down แต่มันไม่สามารถบอกได้ว่าการทำงานของ Application นั้นมีประสิทธิภาพตรงตามที่ต้องการหรือไม่ ความซับซ้อนของ Environments ภายใน Container ทำให้ต้องพึ่ง Tools พิเศษ เช่น Ruxit ที่สามารถเข้าใจ Repetitive behavior, usage patterns, และ Datadog ทำให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่าง Database table scan, Web server connections และ cache hits




Create Date : 16 ตุลาคม 2560
Last Update : 16 ตุลาคม 2560 15:50:01 น.
Counter : 945 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 3872753
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



ตุลาคม 2560

1
2
7
8
13
14
15
17
18
21
22
23
26
27
28
29
30
 
 
All Blog