อารัมภบทก่อนเดินทาง
รีวิวทริปในฝันของครอบครัวที่จะได้เดินทางไปยังญี่ปุ่นประเทศในฝันของใครหลายๆคน ย้อนรอยก่อนการเดินทาง ความจริงแล้วเราวางแผนจะไปญี่ปุ่นถึงขนาดจองทัวร์และโอนเงินมัดจำเป็นที่เรียบร้อยแต่ต้องมีอันล้มเลิกไปถึง 2ครั้งสองครา ครั้งแรกเราเริ่มวางแผนไปญี่ปุ่นกันตั้งแต่ปลายปี 2010ว่าเราจะเดินทางไปชมซากุระกันที่ญี่ปุ่นในเดือนเมษายน 2011แต่ก็ต้องมีอันล่มพับไปเพราะญี่ปุ่นเผชิญกับภัยพิบัติแผ่นดินไหวคลื่นสึนามิถล่มและมหันตภัยโรงไฟฟ้าฟุกุชิม่า ครั้งที่สองคือหลังจากผิดหวังจากเดือนเมษา 2011 หลังจากผ่านไปสองสามเดือนไม่มีเหตุร้ายแรงเกิดขึ้นเราก็วางแผนรอบสองจะไปชมใบไม้เปลี่ยนสีกันเดือนตุลา 2011 ซะเลยแต่ก็มีอันต้องล้มเลิกไปอีกครั้งอันเนื่องมาจากมหาอุทกภัยน้ำท่วมใหญ่ปี 2011อะไรกันนี่ สองครั้งสองครา จองและโอนเงินมัดจำเรียบร้อยแต่ทัวร์ล่มทั้งสองครั้ง พอเริ่มปี 2012 เราเลยตั้งปฏิธานกันว่าจะต้องไปให้ได้ไม่ยอมให้อะไรมาขัดขวางอีกถึงแม้จะโดนสบประมาทต่างๆนาๆว่าทุกครั้งที่เราจะไปญี่ปุ่น จะต้องเกิดภัยภิบัติแห่งมนุษยชาติขึ้นที่ไหนซักแห่งบนโลกแน่ๆ...หนอยแน่ะ
ชาวคณะเราจองกรุ๊ปทัวร์ผลไม้เจ้าเดิมโอนเงินมัดจำให้เรียบร้อยกันพลาดใกล้วันเดินทางเข้ามา พวกเราก็ยิ่งตื่นเต้นมาก รีบทำการตบแต่งตัวเลขบัญชีธนาคารกันเป็นการใหญ่กันพลาดขอวีซ่าไม่ผ่านทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดีไม่มีติดขัดอะไร ใกล้วันเดินทางเข้ามาทัวร์ผลไม้ก็นัดเราไป Orientation (ใช่อ่านไม่ผิดหรอกครับ ทัวร์เค้านัด Orientationด้วย ไม่ได้สมัครไปทำงานเป็นไกด์นะ) บอกข้อพึงปฏิบัติสิ่งที่ต้องเตรียมไป อากาศเป็นยังไง อัตราแลกเปลี่ยน โน่นนี่นั่น โอ้วชอบเดินทางกับทัวร์ก็เพราะอย่างงี้แหล่ะ
โพยที่ทางทัวร์ทำแจกให้ จะมีข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางและที่ต้องเตรียมตัวครบครับ
ภาระกิจก่อนวันเดินทาง
1. ตามหาไอเทมในตำนาน "Sim2Fly"
หลังจากที่หาข้อมูลต่างๆนานามา ภาระกิจแรกที่ต้องทำให้ลุล่วงคือหาไอเท่มที่เรียกว่า "Sim2Fly" สำหรับหลายๆคนที่ยังไม่รู้จัก เจ้า Sim2Fly นี่คือไอเทมชิ้นสำคัญที่ทำให้เราสามารถโทรศัพท์หากันในญี่ปุ่นได้ในราคาสุดประหยัดนาทีละ 10 บาท (ในขณะที่ Roaming ทั่วไปจะตกเฉลี่ยที่นาทีละ 68 บาท) เจ๋งใช่มั๊ยหล่ะ แต่ความที่มันเจ๋งทำให้ผมไม่สามารถหาซื้อได้แม้ว่าจะเดินเข้าไปศูนย์ AIS ในห้างชั้นนำและไม่ชั้นนำทั่วกรุงเทพ ไปซื้อที่ไหนก็หมด
นี่คือเจ้า Sim2Fly ที่ผมพูดถึงครับ
เพื่อตามหาไอเทมลับในตำนานมาครอบครองให้ได้ ผมต้องยอมลางานครึ่งวันเพื่อไปตะเวณหา ในที่สุดก็ได้มาจาก 7-11 สาขาสนามบินสุวรรณภูมิ (ลงทุนนั่ง Airport Link ไปซื้อเลยนะเนี่ย)
2. ข้อมูลการเดินทาง
ถ้าเป็นหนังสือเที่ยวญี่ปุ่นเราจะมีกันอยู่หลายเล่มอยู่เพราะชอบซื้อมาจิ้นว่าถ้าได้ไปจะไปตรงไหนบ้าง ข้อมูลอีกแห่งนึงที่ขาดไม่ได้คือข้อมูลจากองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวญี่ปุ่น อันนี้ได้คุณภรรยาไปขอมาแผ่นพับใบปลิวมาได้จำนวนหนึ่ง
นอกจากข้อมูลที่เป็นเอกสารแล้ว Google Map ก็เป็นอีกแหล่งข้อมูลอีกอย่างนึงที่สำคัญมาก เนื่องมาจากวันที่แวะพักที่ Tokyo มีแค่ 3 วัน 2 คืนเท่านั้น เลยต้องหาลู่ทางหนีเที่ยวภายในเวลาที่น้อยนิด ดังนั้นจะมามะงุมมะงาหราหลงทางเป็นกระเหรี่ยงเข้ากรุงเสียเวลาไม่ได้ Google Map ช่วยท่านได้ เพราะเราสามารถใช้ Google Map บอกวิธีการเดินทางจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งพร้อมคำนวนระยะทางในการเดินทางที่สั้นที่สุด หรือประหยัดที่สุดให้เราเลือกได้ทันที แถวทำสรุปบอกว่าใช้เวลาเท่าไหร่ในการเดินทางและใช้เงินค่าเดินทางเท่าไหร่ในแต่ละเส้นทาง เจ๋งใช่มั๊ยเล่า
นอกจากจะบอกวิธีการเดินทางแล้ว ที่เจ๋งไปกว่านั้นคือเราสามารถ Zoom ลงไปที่ถนนแล้วทดลองเดินไปตามถนนเสมือนว่าเราอยู่ที่นั่นจริงๆเลย 555 ได้อย่างงี้จะมีหลงเหรอ เราเองก็เข้าไปลองเดินอยู่หลายรอบจนมั่นใจว่าไม่หลงแน่ๆในย่านต่างๆที่ตั้งใจจะไป เช่น Tokyo Tower, Shinjuku, Shibuya, Akihabara และแถบที่พักย่าน Shinagawa เรียกได้ว่าหลับตาเห็นภาพเลย
ไปทดลองเดินชิวๆแถบ Tokyo Tower ซะหน่อยซิ
3. เตรียมเงินให้พร้อม
อันนี้ไม่ค่อยมีปัญหาอันเนื่องมาจากเราทำงานที่สถาบันการเงินแห่งหนึ่ง สามารถเดินนวยๆลงมาด้านล่างเพื่อแลกเงินได้ทุกเมื่อในเรตพนักงานซึ่งดีกว่าอัตราแลกเปลี่ยนทั่วไป 555 ชิวๆ แลกไปเยอะนิดนึงเพราะอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ในขาขึ้น ถ้ารูดการ์ดคงโดนเรตสูงๆแน่ อีกทั้งเรายังไปแวะตามเบี้ยใบ้รายทางอีกหลายแห่งที่ไม่ใช่ตัวเมืองใหญ่ ใช้การ์ดคงไม่สะดวกแน่ จัดไปครับพี่น้อง
ไปญี่ปุ่นคราวนี้ ภาระกิจหลักที่เราตั้งใจมากๆคือจะสะสม Kit Kat ให้ได้หลากรสที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่างที่สองคือ ต้องไปสอย Apple TV มาให้ได้
และในที่สุดก็ถึงวันเดินทางครับ... (ติดตามชมตอนต่อไป)