|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
เรื่องดีๆของพี่กะน้อง
>ฉันเกิดในหมู่บ้านบนภูเขาที่ห่างไกลผู้คนฉันมีน้องชายอยู่หนึ่งคน >>อายุน้อยกว่าฉัน 3 ปี แต่ละวัน >>พ่อแม่ของฉันต้องพรวนดินในไร่ท่ามกลางแดดที่ร้อนระอุ >>วันหนึ่งฉันขโมยเงินของพ่อเพื่อไปซื้อผ้าเช็ดหน้าที่เพื่อนๆ >>ของฉันมีกัน .จากนั้นพ่อก็รู้เรื่อง >>
พ่อให้ฉันกับน้องคุกเข่าหันหน้าเข้าหากำแพงโดยที่ในมือพ่อมีก้านไม่ไผ่อย >>ู่หนึ่งก้าน >> >>"ใครขโมยเงินไป" พ่อตวาด ฉันกลัวมาก ไม่กล้าพูดอะไรออกไป >>น้องชายฉันก็เช่นกัน พ่อจึงเอ่ยขึ้นว่า "ก็ได้ >>ในเมื่อไม่มีคนรับสารภาพ ก็ต้องโดนลงโทษทั้งคู่นั่นล่ะ" >>พ่อชูก้านไม้ไผ่ในมือขึ้น ทันใดนั้น >>น้องชายของฉันก็ลุกขึ้นคว้าข้อมือของพ่อไว้ แล้วพูดว่า >>"ผมขโมยเองครับ" >> >>ก้านไม้ไผ่ก้านนั้นได้กระหน่ำลงบนหลังของน้องของฉันอย่างต่อเนื่อง >>พ่อโกรธมาก พ่อตีน้องของฉันไม่หยุด จนพ่อหอบด้วยความเหนื่อย >>พ่อนั่งลงบนเก้าอี้ และด่าว่าน้องชายของฉัน "ของคนในบ้านแกเอง >>แกยังขโมยได้ ต่อไปแกจะทำชั่วอะไรอีก แกน่าจะโดนตีให้ตาย ไอ้หัวขโมย" >>คืนนั้น ฉันกับแม่กอดน้องชายของฉันไว้ หลังของน้องมีแผลเต็มไปหมด >>แต่เขาไม่ได้ร้องไห้แม้แต่น้อย กลางดึกคืนนั้น ฉันนอนร้องไห้เสียงดัง >>และนานมาก น้องเอามือเล็กๆ ของเขามาปิดปากฉันไว้ แล้วพูดว่า "พี่ครับ >>ไม่ต้องร้องไห้ นะ มันผ่านไปแล้ว" >> >>ยังไงฉันก็อดที่จะเกลียดตัวเองไม่ได้ >>ที่ไม่มีความกล้าจะบอกความจริงกับพ่อ หลายปีผ่านไป >>แต่เหมือนกับว่าเหตุการณ์มันเพิ่งเกิดเมื่อวานนี้เอง >>ฉันไม่อาจลืมคำพูดของน้องชายตอนที่เขาปกป้องฉันได้เลย >>ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 8 ปี ส่วนฉันอายุ 11 ปี... >>เมื่อตอนที่น้องชายของฉันใกล้จบ ม.ต้น เขาได้รับการตอบรับจากโรงเรียน >>ม. ปลาย ว่าเขาสอบได้ ในขณะที่ฉันซึ่งใกล้จบ ม.ปลาย >>ก็ได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยของจังหวัดเช่นกัน >> >>คืนนั้น พ่อได้นั่งสูบบุหรี่อยู่ที่สวนหลังบ้าน ฉันแอบได้ยินพ่อพูดว่า >>"ลูกเราทั้งคู่เรียนดี เรียนดีมากนะ" แม่ซึ่งนั่งเช็ดน้ำตาอยู่ข้างๆ >>พ่อ ได้พูดว่า "แล้วเราจะส่งเสียลูกทั้งคู่ได้อย่างไร >>ในเมื่อเราก็ไม่ค่อยมีเงิน" ทันใดนั้น >>น้องชายของฉันได้เดินเข้าไปหาพ่อ แล้วพูดว่า "ผมไม่ต้องการเรียนต่อ >>ผมอ่านหนังสือมามากพอแล้ว" >>พ่อเหวี่ยงมือตบลงที่แก้มของน้องของฉันฉาดใหญ่ "ทำไมถึงคิดโง่ๆ >>อย่างนี้ ต่อให้พ่อต้องไปเป็นขอทานข้างถนน >>พ่อก็จะส่งแกทั้งคู่เรียนจนจบให้ได้" >> >>คืนนั้นทั้งคืน พ่อได้เดินไปตามบ้านต่างๆ ทั่วทั้งหมู่บ้าน >>เพื่อขอยืมเงิน ฉันค่อยๆ เอามือประคบแก้มบวมๆ ของน้องชายเบาๆ >>และคิดว่า "ต้องให้น้องได้เรียนต่อ >>ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อาจหลุดพ้นชีวิตลำบากเช่นนี้ไป ได้" >> >>แต่ในขณะเดียวกัน ฉันก็ไม่อาจล้มเลิกความคิดอยากจะเรียนต่อไปได้ >>ใครจะรู้ได้ ... วันต่อมาในตอนเช้ามืด >>น้องชายของฉันได้ออกจากบ้านไปพร้อมทั้งเสื้อผ้าติดตัวเพียงไม่กี่ชิ้น >>และถั่วเพียงเล็กน้อยเพื่อประทังความหิว >>ก่อนไปเขาได้ทิ้งข้อความไว้ใต้หมอนของฉัน ขณะฉันกำลังหลับ "พี่ครับ >>การจะเข้ามหาวิทยาลัยได้ ไม่ใช่ง่ายๆ นะ ... ผมจะไปหางานทำ >>แล้วจะส่งเงินมาให้พี่" ฉันนั่งอยู่บนเตียง >>อ่านข้อความของน้องชายด้วยน้ำตานองหน้า ... >>ฉันร้องไห้จนเสียงแหบแห้งไป >> >>ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 17 ปี ส่วนฉันอายุ 20 ปี ..... >>ด้วยเงินที่พ่อยืมมาจากคนในหมู่บ้าน >>รวมกับเงินที่น้องชายของฉันได้รับเป็นค่าจ้างมาจากการทำงานเป็นกรรมกรแบกห >>าม >>ที่ไซท์ก่อสร้าง ... ฉันจึงสามารถเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้จนถึงปี 3 >>วันหนึ่งขณะที่ฉันกำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้องพัก >>เพื่อนร่วมห้องของฉันได้เข้ามาบอกว่า "มีชาวบ้านมาหาเธอ >>อยู่ข้างนอกแน่ะ" >> >>ทำไมชาวบ้านถึงมาหาฉันล่ะ ??? >>ฉันเดินออกไปแล้วมองเห็นน้องชายของฉันยืนอยู่ >>ตัวของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นปูนและทรายจากงานก่อสร้าง ... >>ฉันถามเขาว่า "ทำไมไม่บอกเพื่อนพี่ไปว่าเป็นน้องชายพี่ล่ะ" >>น้องชายของฉันตอบยิ้มๆ ว่า "ก็ดูผมสิ สกปรกมอมแมมออกอย่างนี้ >>ขืนบอกว่าเป็นน้องพี่ เพื่อนๆ ก้อได้หัวเราะเยาะพี่กันพอดี" >> >>ฉันน้ำตานองหน้า ค่อยๆ เอื้อมมืออันสั่นเทาไปปัดฝุ่นให้น้อง >>และพยายามพูดด้วยเสียงเครือๆในลำคอ"พี่ไม่สนใจว่าใครจะพูดยังไงเธอเป็นน้อ >>งของพี่ >>ไม่ว่าเธอจะดูเป็นอย่างไรก็ตาม" >> >>จากนั้น น้องของฉันได้ล้วงบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง >>เป็นกิ๊บหนีบผมรูปผีเสื้อ . เขาติดกิ๊บให้ฉัน แล้วพูดว่า "ผมเห็นสาวๆ >>ในเมืองเค้าติดกัน ผมเลยอยากให้พี่ติดบ้าง" ฉันหมดเรี่ยวแรงลงในทันใด >>ดึงน้องชายเข้ามาสวมกอดและร้องไห้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นเวลานาน >> >>ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 20 ปี ส่วนฉันอายุ 23 ปี ... >>วันที่ฉันพาแฟนหนุ่มของฉันมาที่บ้านเป็นครั้งแรก ฉันสังเกตเห็นว่า >>หน้าต่างบ้านที่เคยแตกไป ได้ถูกซ่อมเรียบร้อยแล้ว >>เมื่อเข้าไปในบ้านก็เห็นว่าบ้านสะอาดขึ้นมาก >>หลังจากที่แฟนของฉันกลับไป ฉันพูดกับแม่ว่า >>"แม่ไม่ต้องเสียเงินเพื่อทำความสะอาดบ้านกับซ่อมกระจก >>เพียงเพราะหนูจะพาแฟนมาที่บ้านหรอกนะคะ" >> >>แม่ยิ้ม แล้วพูดว่า "แม่ไม่ได้จ้างหรอก น้องชายลูกต่างหาก >>วันนี้เค้าขอเลิกงานเร็วเพื่อกลับมาทำความสะอาดบ้าน >>ลูกยังไม่เห็นมือน้องหรอกเหรอ >>น้องโดนกระจกบาดตอนกำลังเปลี่ยนกระจกบานใหม่น่ะ"ฉันรีบเข้าไปหาน้องที่ห้อ >>งนอนของเขา >>ฉันรู้สึกเหมือนถูกเข็มนับร้อยเล่มทิ่มลงกลางใจเมื่อได้เห็นบาดแผลบนมือ >>ฉันจับมือน้องเอาไว้อย่างเบามือที่สุด "เจ็บมากไหม" ฉันถาม >> >>"ไม่เจ็บสักหน่อย พี่ก็รู้นี่ผมทำงานก่อสร้างนะ วันๆ >>มีหินตกมาใส่เท้าผมเต็มไปหมด แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมคิดเลิกทำงานหรอกนะ >>และ..." น้องชายของฉันยังพูดไม่จบประโยค แต่ก็ต้องหยุดพูด >>เพราะฉันหันหน้าหนีเขา >>น้ำตาไหลอาบหน้าของฉันอีกครั้ง>ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 23 ปี >>ส่วนฉันอายุ 26 ปี... หลังจากนั้น >>ฉันก็ได้แต่งงานและย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง >>หลายครั้งที่สามีของฉันชักชวนให้พ่อแม่ของฉันย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองด้วยกั >>น... >>แต่ท่านทั้งสองก็ปฏิเสธ >> >>ท่านบอกว่า ท่านเคยย้ายออกจากหมู่บ้านครั้งหนึ่ง แต่เมื่อออกไปแล้ว >>ท่านไม่รู้จะทำอะไรดี จึงได้ย้ายกลับเข้ามาใช้ชีวิตในหมู่บ้านตามเดิม >>น้องชายของฉันก็ไม่เห็นด้วยกับการที่จะให้เขาและพ่อแม่ย้ายออกไป ... >>เขาบอกกับฉันว่า "พี่คอยอยู่ดูแลพ่อและแม่ของสามีพี่ทางนั้นเถอะ >>ผมจะดูแลพ่อและแม่ทางนี้เอง" >> >>สามีฉันได้ขึ้นเป็นประธานของบริษัทของครอบครัว >>เราทั้งคู่อยากให้น้องชายของฉันเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการบริษัท ... >>แต่น้องชายของฉันก็ไม่รับตำแหน่งนี้ >>เขาขอเข้าทำงานในตำแหน่งพนักงานธรรมดา วันหนึ่ง >>น้องชายของฉันต้องปีนบันไดขึ้นไปซ่อมสายเคเบิล และตกลงมาเพราะโดนไฟดูด >>... เขาถูกรีบหามส่งโรงพยาบาล ฉันและสามีรีบไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล >>น้องชายของฉันขาหักต้องเข้าเฝือกที่ขา ... ฉันโกรธมาก >>จึงตวาดน้องไปว่า >> >>"ทำไมถึงไม่ยอมรับตำแหน่งผู้จัดการ หา!!! >>ถ้าเป็นผู้จัดการก็จะได้ไม่ต้องมาทำงานเสี่ยงๆ อย่างนี้ ดูตัวเองซิ >>เจ็บเจียนตายอยู่แล้ว ทำไมถึงไม่ยอมฟังพี่บ้าง" >>คำตอบจากปากน้องของฉันรวมถึงสีหน้าเคร่งเครียด >>ยังยืนยันความคิดเดิมของเขา "พี่ลองคิดถึงพี่เขยสิครับ >>พี่เขยเพิ่งจะได้เป็นประธาน ส่วนผมมันการศึกษาต่ำ >>ถ้าผมได้เป็นผู้จัดการ คงจะมีเสียงนินทาว่าร้ายเต็มไปหมด" >> >>น้ำตาปริ่มดวงตาของฉัน รวมทั้งสามีของฉันด้วย ... ฉันบอกกับน้องว่า >>"แต่ที่เธอไม่ได้เรียนต่อก็เพราะพี่..." >>"ทำไมต้องพูดถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้วด้วยล่ะครับ" >>น้องชายของฉันจับมือฉันไว้ >> >>ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 26 ปี ส่วนฉันอายุ 29 ปี... >>เมื่อน้องชายของฉันอายุได้ 30 ปี >>เขาได้แต่งงานกับสาวชาวนาในหมู่บ้านเดียวกัน ในงานแต่งงาน >>ประธานในงานได้ถามน้องชายของฉันว่า >>"ใครคือคนที่คุณรักและเคารพที่สุดในชีวิตนี้" >>น้องชายของฉันตอบอย่างไม่ลังเล "พี่สาวของผมครับ" ... >>และเขาก็เล่าเรื่องราวที่แม้แต่ฉันยังจำไม่ได้ >> >>"ตอนผมอยู่โรงเรียนประถม โรงเรียนอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง >>เราสองคนพี่น้องต้องใช้เวลาถึง 2 ชม. เพื่อเดินไปเรียน >>และเดินกลับบ้าน วันหนึ่งผมทำถุงมือหายไปข้างหนึ่ง >>พี่สาวผมจึงได้ให้ถุงมือของเธอข้างหนึ่ง >>และเธอก็ใส่ถุงมือเพียงข้างเดียวเดินเป็นระยะทางไกล >>เมื่อเรากลับถึงบ้านมือเธอบวมแดงเพราะอากาศหนาว >>เธอไม่สามารถจับช้อนทานข้าวได้ด้วยซ้ำ ... นับจากวันนั้น >>ผมสาบานกับตัวเอง ว่าตลอดชีวิตของผม ผมจะดูแลพี่สาวของผมให้ดี >>และจะทำดีกับเธอ" >> >>เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่ว >>สายตาทุกคู่ของแขกเหรื่อหันมาจับจ้องที่ฉัน >>คำพูดจากปากฉันออกมาอย่างยากลำบาก ..."ในโลกใบนี้ >>คนเดียวที่ฉันรู้สึกขอบคุณที่สุด คือน้องชายของฉันค่ะ" >>ในวาระที่มีความสุขที่สุดเช่นนี้ >>น้ำตาได้รินไหลออกมาจากสองตาของฉันอีกครั้ง... >> >>จงรัก และห่วงใยคนที่คุณรักในทุกๆ วันในชีวิตของคุณและเขา >>คุณอาจจะคิดว่าสิ่งที่คุณทำให้ใครสักคนเป็นเพียงสิ่งเล็กๆ น้อยๆ >>แต่สำหรับคนคนนั้น อาจจะมีความหมายมากอย่างคาดไม่ถึง >>.....ไม่ว่าเขาคนนั้นจะ คือ พ่อ แม่ พี่ น้อง ญาติ คนรัก เพื่อน >>หรือแม้คนที่คุณไม่รู้จัก ก็ตาม >>
Create Date : 06 ตุลาคม 2549 |
|
1 comments |
Last Update : 6 ตุลาคม 2549 23:47:07 น. |
Counter : 309 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
Emo น้องลิง
Emo น้องเพนกวิน
|
|
|
|
|
|
|
อ่านแล้วซึ้งจังเลยค่ะ