Group Blog
 
 
ตุลาคม 2549
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
6 ตุลาคม 2549
 
All Blogs
 

เรื่องดีๆของพี่กะน้อง

>ฉันเกิดในหมู่บ้านบนภูเขาที่ห่างไกลผู้คนฉันมีน้องชายอยู่หนึ่งคน
>>อายุน้อยกว่าฉัน 3 ปี แต่ละวัน
>>พ่อแม่ของฉันต้องพรวนดินในไร่ท่ามกลางแดดที่ร้อนระอุ
>>วันหนึ่งฉันขโมยเงินของพ่อเพื่อไปซื้อผ้าเช็ดหน้าที่เพื่อนๆ
>>ของฉันมีกัน .จากนั้นพ่อก็รู้เรื่อง
>>…พ่อให้ฉันกับน้องคุกเข่าหันหน้าเข้าหากำแพงโดยที่ในมือพ่อมีก้านไม่ไผ่อย
>>ู่หนึ่งก้าน
>>
>>"ใครขโมยเงินไป" พ่อตวาด ฉันกลัวมาก ไม่กล้าพูดอะไรออกไป
>>น้องชายฉันก็เช่นกัน พ่อจึงเอ่ยขึ้นว่า "ก็ได้
>>ในเมื่อไม่มีคนรับสารภาพ ก็ต้องโดนลงโทษทั้งคู่นั่นล่ะ"
>>พ่อชูก้านไม้ไผ่ในมือขึ้น ทันใดนั้น
>>น้องชายของฉันก็ลุกขึ้นคว้าข้อมือของพ่อไว้ แล้วพูดว่า
>>"ผมขโมยเองครับ"
>>
>>ก้านไม้ไผ่ก้านนั้นได้กระหน่ำลงบนหลังของน้องของฉันอย่างต่อเนื่อง
>>พ่อโกรธมาก พ่อตีน้องของฉันไม่หยุด จนพ่อหอบด้วยความเหนื่อย
>>พ่อนั่งลงบนเก้าอี้ และด่าว่าน้องชายของฉัน "ของคนในบ้านแกเอง
>>แกยังขโมยได้ ต่อไปแกจะทำชั่วอะไรอีก แกน่าจะโดนตีให้ตาย ไอ้หัวขโมย"
>>คืนนั้น ฉันกับแม่กอดน้องชายของฉันไว้ หลังของน้องมีแผลเต็มไปหมด
>>แต่เขาไม่ได้ร้องไห้แม้แต่น้อย กลางดึกคืนนั้น ฉันนอนร้องไห้เสียงดัง
>>และนานมาก น้องเอามือเล็กๆ ของเขามาปิดปากฉันไว้ แล้วพูดว่า "พี่ครับ
>>ไม่ต้องร้องไห้ นะ มันผ่านไปแล้ว"
>>
>>ยังไงฉันก็อดที่จะเกลียดตัวเองไม่ได้
>>ที่ไม่มีความกล้าจะบอกความจริงกับพ่อ หลายปีผ่านไป
>>แต่เหมือนกับว่าเหตุการณ์มันเพิ่งเกิดเมื่อวานนี้เอง
>>ฉันไม่อาจลืมคำพูดของน้องชายตอนที่เขาปกป้องฉันได้เลย
>>ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 8 ปี ส่วนฉันอายุ 11 ปี...
>>เมื่อตอนที่น้องชายของฉันใกล้จบ ม.ต้น เขาได้รับการตอบรับจากโรงเรียน
>>ม. ปลาย ว่าเขาสอบได้ ในขณะที่ฉันซึ่งใกล้จบ ม.ปลาย
>>ก็ได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยของจังหวัดเช่นกัน
>>
>>คืนนั้น พ่อได้นั่งสูบบุหรี่อยู่ที่สวนหลังบ้าน ฉันแอบได้ยินพ่อพูดว่า
>>"ลูกเราทั้งคู่เรียนดี เรียนดีมากนะ" แม่ซึ่งนั่งเช็ดน้ำตาอยู่ข้างๆ
>>พ่อ ได้พูดว่า "แล้วเราจะส่งเสียลูกทั้งคู่ได้อย่างไร
>>ในเมื่อเราก็ไม่ค่อยมีเงิน" ทันใดนั้น
>>น้องชายของฉันได้เดินเข้าไปหาพ่อ แล้วพูดว่า "ผมไม่ต้องการเรียนต่อ
>>ผมอ่านหนังสือมามากพอแล้ว"
>>พ่อเหวี่ยงมือตบลงที่แก้มของน้องของฉันฉาดใหญ่ "ทำไมถึงคิดโง่ๆ
>>อย่างนี้ ต่อให้พ่อต้องไปเป็นขอทานข้างถนน
>>พ่อก็จะส่งแกทั้งคู่เรียนจนจบให้ได้"
>>
>>คืนนั้นทั้งคืน พ่อได้เดินไปตามบ้านต่างๆ ทั่วทั้งหมู่บ้าน
>>เพื่อขอยืมเงิน ฉันค่อยๆ เอามือประคบแก้มบวมๆ ของน้องชายเบาๆ
>>และคิดว่า "ต้องให้น้องได้เรียนต่อ
>>ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อาจหลุดพ้นชีวิตลำบากเช่นนี้ไป ได้"
>>
>>แต่ในขณะเดียวกัน ฉันก็ไม่อาจล้มเลิกความคิดอยากจะเรียนต่อไปได้
>>ใครจะรู้ได้ ... วันต่อมาในตอนเช้ามืด
>>น้องชายของฉันได้ออกจากบ้านไปพร้อมทั้งเสื้อผ้าติดตัวเพียงไม่กี่ชิ้น
>>และถั่วเพียงเล็กน้อยเพื่อประทังความหิว
>>ก่อนไปเขาได้ทิ้งข้อความไว้ใต้หมอนของฉัน ขณะฉันกำลังหลับ "พี่ครับ
>>การจะเข้ามหาวิทยาลัยได้ ไม่ใช่ง่ายๆ นะ ... ผมจะไปหางานทำ
>>แล้วจะส่งเงินมาให้พี่" ฉันนั่งอยู่บนเตียง
>>อ่านข้อความของน้องชายด้วยน้ำตานองหน้า ...
>>ฉันร้องไห้จนเสียงแหบแห้งไป
>>
>>ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 17 ปี ส่วนฉันอายุ 20 ปี .....
>>ด้วยเงินที่พ่อยืมมาจากคนในหมู่บ้าน
>>รวมกับเงินที่น้องชายของฉันได้รับเป็นค่าจ้างมาจากการทำงานเป็นกรรมกรแบกห
>>าม
>>ที่ไซท์ก่อสร้าง ... ฉันจึงสามารถเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้จนถึงปี 3
>>วันหนึ่งขณะที่ฉันกำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้องพัก
>>เพื่อนร่วมห้องของฉันได้เข้ามาบอกว่า "มีชาวบ้านมาหาเธอ
>>อยู่ข้างนอกแน่ะ"
>>
>>ทำไมชาวบ้านถึงมาหาฉันล่ะ ???
>>ฉันเดินออกไปแล้วมองเห็นน้องชายของฉันยืนอยู่
>>ตัวของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นปูนและทรายจากงานก่อสร้าง ...
>>ฉันถามเขาว่า "ทำไมไม่บอกเพื่อนพี่ไปว่าเป็นน้องชายพี่ล่ะ"
>>น้องชายของฉันตอบยิ้มๆ ว่า "ก็ดูผมสิ สกปรกมอมแมมออกอย่างนี้
>>ขืนบอกว่าเป็นน้องพี่ เพื่อนๆ ก้อได้หัวเราะเยาะพี่กันพอดี"
>>
>>ฉันน้ำตานองหน้า ค่อยๆ เอื้อมมืออันสั่นเทาไปปัดฝุ่นให้น้อง
>>และพยายามพูดด้วยเสียงเครือๆในลำคอ"พี่ไม่สนใจว่าใครจะพูดยังไงเธอเป็นน้อ
>>งของพี่
>>ไม่ว่าเธอจะดูเป็นอย่างไรก็ตาม"
>>
>>จากนั้น น้องของฉันได้ล้วงบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง
>>เป็นกิ๊บหนีบผมรูปผีเสื้อ . เขาติดกิ๊บให้ฉัน แล้วพูดว่า "ผมเห็นสาวๆ
>>ในเมืองเค้าติดกัน ผมเลยอยากให้พี่ติดบ้าง" ฉันหมดเรี่ยวแรงลงในทันใด
>>ดึงน้องชายเข้ามาสวมกอดและร้องไห้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นเวลานาน
>>
>>ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 20 ปี ส่วนฉันอายุ 23 ปี ...
>>วันที่ฉันพาแฟนหนุ่มของฉันมาที่บ้านเป็นครั้งแรก ฉันสังเกตเห็นว่า
>>หน้าต่างบ้านที่เคยแตกไป ได้ถูกซ่อมเรียบร้อยแล้ว
>>เมื่อเข้าไปในบ้านก็เห็นว่าบ้านสะอาดขึ้นมาก
>>หลังจากที่แฟนของฉันกลับไป ฉันพูดกับแม่ว่า
>>"แม่ไม่ต้องเสียเงินเพื่อทำความสะอาดบ้านกับซ่อมกระจก
>>เพียงเพราะหนูจะพาแฟนมาที่บ้านหรอกนะคะ"
>>
>>แม่ยิ้ม แล้วพูดว่า "แม่ไม่ได้จ้างหรอก น้องชายลูกต่างหาก
>>วันนี้เค้าขอเลิกงานเร็วเพื่อกลับมาทำความสะอาดบ้าน
>>ลูกยังไม่เห็นมือน้องหรอกเหรอ
>>น้องโดนกระจกบาดตอนกำลังเปลี่ยนกระจกบานใหม่น่ะ"ฉันรีบเข้าไปหาน้องที่ห้อ
>>งนอนของเขา
>>ฉันรู้สึกเหมือนถูกเข็มนับร้อยเล่มทิ่มลงกลางใจเมื่อได้เห็นบาดแผลบนมือ
>>ฉันจับมือน้องเอาไว้อย่างเบามือที่สุด "เจ็บมากไหม" ฉันถาม
>>
>>"ไม่เจ็บสักหน่อย พี่ก็รู้นี่ผมทำงานก่อสร้างนะ วันๆ
>>มีหินตกมาใส่เท้าผมเต็มไปหมด แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมคิดเลิกทำงานหรอกนะ
>>และ..." น้องชายของฉันยังพูดไม่จบประโยค แต่ก็ต้องหยุดพูด
>>เพราะฉันหันหน้าหนีเขา
>>น้ำตาไหลอาบหน้าของฉันอีกครั้ง>ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 23 ปี
>>ส่วนฉันอายุ 26 ปี... หลังจากนั้น
>>ฉันก็ได้แต่งงานและย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง
>>หลายครั้งที่สามีของฉันชักชวนให้พ่อแม่ของฉันย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองด้วยกั
>>น...
>>แต่ท่านทั้งสองก็ปฏิเสธ
>>
>>ท่านบอกว่า ท่านเคยย้ายออกจากหมู่บ้านครั้งหนึ่ง แต่เมื่อออกไปแล้ว
>>ท่านไม่รู้จะทำอะไรดี จึงได้ย้ายกลับเข้ามาใช้ชีวิตในหมู่บ้านตามเดิม
>>น้องชายของฉันก็ไม่เห็นด้วยกับการที่จะให้เขาและพ่อแม่ย้ายออกไป ...
>>เขาบอกกับฉันว่า "พี่คอยอยู่ดูแลพ่อและแม่ของสามีพี่ทางนั้นเถอะ
>>ผมจะดูแลพ่อและแม่ทางนี้เอง"
>>
>>สามีฉันได้ขึ้นเป็นประธานของบริษัทของครอบครัว
>>เราทั้งคู่อยากให้น้องชายของฉันเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการบริษัท ...
>>แต่น้องชายของฉันก็ไม่รับตำแหน่งนี้
>>เขาขอเข้าทำงานในตำแหน่งพนักงานธรรมดา วันหนึ่ง
>>น้องชายของฉันต้องปีนบันไดขึ้นไปซ่อมสายเคเบิล และตกลงมาเพราะโดนไฟดูด
>>... เขาถูกรีบหามส่งโรงพยาบาล ฉันและสามีรีบไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล
>>น้องชายของฉันขาหักต้องเข้าเฝือกที่ขา ... ฉันโกรธมาก
>>จึงตวาดน้องไปว่า
>>
>>"ทำไมถึงไม่ยอมรับตำแหน่งผู้จัดการ หา!!!
>>ถ้าเป็นผู้จัดการก็จะได้ไม่ต้องมาทำงานเสี่ยงๆ อย่างนี้ ดูตัวเองซิ
>>เจ็บเจียนตายอยู่แล้ว ทำไมถึงไม่ยอมฟังพี่บ้าง"
>>คำตอบจากปากน้องของฉันรวมถึงสีหน้าเคร่งเครียด
>>ยังยืนยันความคิดเดิมของเขา "พี่ลองคิดถึงพี่เขยสิครับ
>>พี่เขยเพิ่งจะได้เป็นประธาน ส่วนผมมันการศึกษาต่ำ
>>ถ้าผมได้เป็นผู้จัดการ คงจะมีเสียงนินทาว่าร้ายเต็มไปหมด"
>>
>>น้ำตาปริ่มดวงตาของฉัน รวมทั้งสามีของฉันด้วย ... ฉันบอกกับน้องว่า
>>"แต่ที่เธอไม่ได้เรียนต่อก็เพราะพี่..."
>>"ทำไมต้องพูดถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้วด้วยล่ะครับ"
>>น้องชายของฉันจับมือฉันไว้
>>
>>ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 26 ปี ส่วนฉันอายุ 29 ปี...
>>เมื่อน้องชายของฉันอายุได้ 30 ปี
>>เขาได้แต่งงานกับสาวชาวนาในหมู่บ้านเดียวกัน ในงานแต่งงาน
>>ประธานในงานได้ถามน้องชายของฉันว่า
>>"ใครคือคนที่คุณรักและเคารพที่สุดในชีวิตนี้"
>>น้องชายของฉันตอบอย่างไม่ลังเล "พี่สาวของผมครับ" ...
>>และเขาก็เล่าเรื่องราวที่แม้แต่ฉันยังจำไม่ได้
>>
>>"ตอนผมอยู่โรงเรียนประถม โรงเรียนอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง
>>เราสองคนพี่น้องต้องใช้เวลาถึง 2 ชม. เพื่อเดินไปเรียน
>>และเดินกลับบ้าน วันหนึ่งผมทำถุงมือหายไปข้างหนึ่ง
>>พี่สาวผมจึงได้ให้ถุงมือของเธอข้างหนึ่ง
>>และเธอก็ใส่ถุงมือเพียงข้างเดียวเดินเป็นระยะทางไกล
>>เมื่อเรากลับถึงบ้านมือเธอบวมแดงเพราะอากาศหนาว
>>เธอไม่สามารถจับช้อนทานข้าวได้ด้วยซ้ำ ... นับจากวันนั้น
>>ผมสาบานกับตัวเอง ว่าตลอดชีวิตของผม ผมจะดูแลพี่สาวของผมให้ดี
>>และจะทำดีกับเธอ"
>>
>>เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่ว
>>สายตาทุกคู่ของแขกเหรื่อหันมาจับจ้องที่ฉัน
>>คำพูดจากปากฉันออกมาอย่างยากลำบาก ..."ในโลกใบนี้
>>คนเดียวที่ฉันรู้สึกขอบคุณที่สุด คือน้องชายของฉันค่ะ"
>>ในวาระที่มีความสุขที่สุดเช่นนี้
>>น้ำตาได้รินไหลออกมาจากสองตาของฉันอีกครั้ง...
>>
>>จงรัก และห่วงใยคนที่คุณรักในทุกๆ วันในชีวิตของคุณและเขา
>>คุณอาจจะคิดว่าสิ่งที่คุณทำให้ใครสักคนเป็นเพียงสิ่งเล็กๆ น้อยๆ
>>แต่สำหรับคนคนนั้น อาจจะมีความหมายมากอย่างคาดไม่ถึง
>>.....ไม่ว่าเขาคนนั้นจะ คือ พ่อ แม่ พี่ น้อง ญาติ คนรัก เพื่อน
>>หรือแม้คนที่คุณไม่รู้จัก ก็ตาม
>>




 

Create Date : 06 ตุลาคม 2549
1 comments
Last Update : 6 ตุลาคม 2549 23:47:07 น.
Counter : 309 Pageviews.

 

พี่น้องที่รักกันขนาดนี้
อ่านแล้วซึ้งจังเลยค่ะ

 

โดย: แร่ใยหิน 7 ตุลาคม 2549 0:03:00 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


foodsciencemaewang
Location :
ลำปาง Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








Color Codes ป้ามด


Emo น้องลิง
Emo น้องเพนกวิน
X
X
Friends' blogs
[Add foodsciencemaewang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.