Derivatives THAI & Overseas Trading Group //// " THAI TRADER CLUB "

<<
กันยายน 2552
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
26 กันยายน 2552
 

ทิศทางตลาด ด้วยการใช้วิธีการใหม่

จากวิกฤตคราวนี้ ทำให้ผมได้หาสิ่งใหม่ๆๆมาอ่าน และทดลองคิดทดลองทำ ทำให้ผมได้พบสิ่งใหม่ๆๆ เพื่อปรับปรุงเปลี่ยนแปลงวิธีการคิดแบบเดิมๆๆ
แม้จะด้วยเวลาไม่นานนัก แต่จากการสบายตัวสบายจากแบบเดิมๆๆ ทำให้ผมได้พบเส้นทางใหม่ เลิกเล่นหุ้น หลังจากมานั่งทบทวน เป้าหมายการเข้ามาในตลาดนี้เพื่อเป็นอีกอาชีพหนึ่ง ที่อยู่กับบ้าน ไม่ต้องออกไปวุ่นวายกับผู้คน และยังประกอบอาชีพเดิมได้ตามปกติ
เป้าหมายเดิม การมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นมากกว่า การฝากธนาคาร นั่นคือกำไรที่เกิดขึ้นต้องมากกว่า ดอกเบี้ยธนาคาร
แต่จากมองทุกอย่างในตลาดแห่งนี้แล้ว หุ้นไม่สามารถสนองเป้าหมายนั้นได้เสมอไป ทางเลือกที่มากเกินไป หุ้นมีตั้ง 400กว่า บริษัท การหาข้อมูลจนกว่าจะสรุปและทดลองจนได้หุ้นที่ให้ผลดังกล่าวและตรงกับนิสัย เสี่ยงน้อย ยุ่งยากและกินเวลามากมาย และต้องคอยติดตามข่าวเชิงลึก ที่เราอยู่ต่างจังหวัดจะกระทำได้ยาก ยิ่งยุคปัจจุบัน โลกต่อถึงกันหมด ระบบที่เกิดใหม่ Market make หรือการปล่อยให้โบรกเกอร์สามารถ ซื้อขายได้ด้วยพอร์ตของเขาเอง รายย่อยเช่นเรา ที่ด้อยกว่าตั้งแต่จำนวนเงิน ค่าคอม นักวิเคราะห์ อุปกรณ์ และข่าวสาร การร่วมมือระหว่างกลุ่มของโบรกเกอร์ เราเสียเปรียบเขาเกินครึ่ง เขาไ่ม่ให้เซทลง เขายันไว้ได้ ดังที่เราได้เห็นสองวันที่ผ่านมา
สิ่งที่ผมหามาใหม่ จากเดิมที่เคยหา การทำกำไรได้ในขาลง (เดิม ขาลงจะติดดอย เงินจม ของถูกลงเรื่อยๆๆ แต่หมด กำลังซื้อเก็บไว้ และไม่เกิดรายได้นาน )
นอกจากเป้าหมายกำไรที่ต้องสูงกว่าหุ้น ควรจะเล่นขาลงได้ด้วย (ระบบใหม่อีกอย่าง ยืมหุ้นช๊อตได้ แต่ต้องมีเงินวางค้ำประกันมากพอสมควร ระบบนี้ฝรั่งใช้ได้มานานแล้ว ตั้งแต่สมัยก่อน ขาลงระบบใหม่รายย่อยก็ยังทำอะไรไม่ได้เช่นเดิม )
ผมได้อ่านฟิวเจอร์ และทดลองเฝ้าดูและเล่นในกระดาษ ใช้เงิน วางเป็นเเสน สำหรับการเล่นหนึ่งสัญญา (50000บาท )กำไรขาดทุน จุดละ 1000บาท รุนแรงและกดดันมากๆๆ ต้องเฝ้าตลอด ไม่เหมาะกับคนไม่มีเวลาเฝ้าแน่นอน
ออปชั่นผมพบว่ามันมีการซื้อขายน้อยมากในราวเดือนตุลาปีที่แล้วก็อดทนนั่งดูสังเกตจนพบความจริงของตลาดออปชั่นว่าเขามาซื้อขายกันเป็นช่วงๆๆ ก่อนปิดตลาดเที่ยงและก่อนปิดตลาดเย็น ชอบเล่นกันแค่แถวๆๆสไตร์ไพร์ที่เป็นเซท 50ทดลองเล่นในกระดาษ ก็ทำกำไรได้
ก็ขอโบรกเกอร์เปิดพอร์ต ต้องเซ็นต์สัญญาเพิ่ม ไม่ต้องเพิ่มเงินอะไร (ค่อยส่งไปเข้าบัญชีตอนจะเริ่มเล่นจริง เมื่อได้พอร์ตมาแล้ว ) ด้วยความรู้แค่ในกติกาของเวบ TFEX ซื้อขายเปิดสถานะแบบพื้นฐาน ก็สามารถทำกำไรได้ และแต่ละครั้ง มันกำไรเปอรืเซนต์มากกว่าที่เคยกำไร หุ้น มีเป็นร้อยเปอร์เซนต์ ก็ชักสนุกที่จะอดทนรอจนสองร้อยสามร้อยเปอรืเซนต์ จนสามารถทำได้เป็นพันเปอร์เซนต์ ด้วยการทดลองลดทุนต่ำๆๆลง กำไรก็สามารถทำได้สูงขึ้น
จึงมานำเสนอให้ที่นี่ทราบ มาเจอว่าไม่มีคนสนใจหรือรู้จักเกือบทั้งหมด แต่ก้ได้พบคนที่เก่งรู้และเข้าใจ เข้ามาบอกแนะนำ ให้มองอีกด้านบ้าง สอนกลยุทธ์ ชื่อแปลกๆๆบ้าง ก็นำไปค้นคว้าหามาอ่านจนพัฒนาวิธีการขึ้นมาเรื่อยๆๆ จนมั่นใจว่ามาถูกทางแล้ว จึงนำเสนอเต็มที่ว่า ช่วยคนที่ทุนน้อยให้เล่นได้ กำไรมาก และมีกลยุทธ์ที่ปลอดภัย
แต่มาติดขัดตรงที่ว่า การมองทิศทางตลาด เป็นเรื่องที่สำคัญกว่า และสำคัญสำหรับทุกอย่างในตลาดนี้ ก็พยายามที่จะพัฒนาการมองตลาดจากแค่เคยอ่านกราฟทุกวันก่อนเข้าตลาด และการหาข้อมูลว่าตลาดไหนบวกตลาดไหนลบ

ปรากฏว่า ช่วงที่ผ่านมา เกิดข้อผิดผลาดบ่อยครั้ง และให้คำตอบไม่ได้จากกราฟ
จึงเริ่มมาย้อนคิดใหม่ ว่าเราจะหาทิศทางตลาดเช่นไร ให้แน่นอน อ่านอารมณืคนในตลาดได้ ไม่เพียงแค่ ตลาดไทย สามารถใช้ได้ทั่วโลก
เริ่มมาสนใจหาข่าว ของประเทศอื่น ก็พบว่าข่าวด้านล่างของเวบที่เปิดดูข้อมูลของตลาดดาวโจนส์ (//finance.yahoo.com/q?s=^DJI )ด้านล่างจะมีหัวข้อข่าวสำคัญที่เขาคัดแล้วว่าสำคัญสำหรับวันนั้นไว้ เป็นข่าวของ รอยเตอร์ หรือจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ
ปรากฏว่าข่าวนั้นให้คำตอบทีดีกับการเปลี่ยนแปลงตลาดดาวโจนส์ จนทำใให้ดาวแตกต่างไปจากเอเซีย ในหลายๆๆครั้ง แบบตรงข้าม แล้วรุ่งเช้าเอเซียก็ต้องไปตามดาวอีก
จึงเริ่มตั้งสมมุติฐานพอดีเข้าระยะการประกาศผลประกอบการ จนเริ่มแน่ใจว่าใช่แล้ว ระยะนี้ควรสนใจข่าวเมกา เพราะมีความสำคัญลามมาถึงเอเซียและยุโรปด้วยเสมอจึงเริ่มนำเสนอให้คนอ่านวางกราฟไว้ก่อน เอาแต่ข่าว เป็นหลัก
ก็เริ่มจับทิศทางตลาดไทยได้ดีขึ้น เมกาได้ดีขึ้น ยุโรปได้ดีขึ้น
และเมื่อมาเห็นอินเดียลบวันละ7-800จุดก็เข้าไปหาข้อมูลอ่าน เมื่อจืนตกบ้างวันหลายเปอร์เซนต์ (4-5%) แล้วหั่งเซ่งก็ตกด้วยหลายร้อยจุดทุกที ก็เริ่มสนใจ แล้วข่าวก็ออกมาเสริม
เริ่มจับความสัมพันธ์ในระหว่างประเทศได้
เริ่มจับข่าวสำคัญได้
ที่สำคัญเริ่มรู้จักศัพท์ภาษาอังกฤาเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์ ว่า ต้องเริ่มจำใหม่หมด เพราะเป็นศัพท์ เฉพาะ อย่างข่าววันนี้ก็ DURABLE GOODS ก็แปลได้ว่าสินค้าถาวร นี่ก็ยังไม่รู้ว่าสินค้าพวกไหนบ้าง ยอดสั่งซื้อลดลง ทำให้ดาวล่วงอีก วัน
พอเริ่มมั่นใจว่าข่าวสำคัญและมีอิทธิพลต่อตลาด อารมณืของคนในตลาด
กระทู้หลังๆๆจึงเริ่มที่จะเน้น ข่าวและวอลุมที่จะพาตลาดไปต่อถ้าเศรษฐกิจฟื้นจริง ถ้าคนเชื่อ แต่แล้ว สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นหลังข่าวดีจบ ว่าผ่านจุดต่ำสุด ทุกประเทศยอมรับ ตลาดทั่วโลก เอเซียมาไฮในรอบ13เดือน ยุโรปและเมกา ไฮในรอบ 11เดือน

เริ่มถามตัวเองก่อนว่าไปต่อได้ไหม ตอบว่าได้ถ้าเศรษฐกิจฟื้น และมีวอลุมมากมายเกิดขึ้นคนเชื่อจะกำเงินกลับเข้ามา จึงได้เน้นดูวอลุมทุกประเทศ ก็ไม่เห็นวี่แวว
แต่ข่าวที่เริ่มอ่านได้จากนักเศรษฐศาสตร์ เริ่มเอาข้อมูลที่เราไม่เคยทราบมาเป็นจุดวิเคราะห์ของเขา คือ
การอัดฉีดเงินของโอบาม่า ไม่ได้ช่วยบริษัทืั้เจ๊ง เขาอัดเงินเข้าบริษัทที่จะโตต่อไปได้ดี (Multiply ) แล้วเงินทีพิมพ์จำนวนมาก ที่เข้าธนาคาร
ปรากฏว่าแบบธนาคารไทย
ไม่ปล่อยกู้คนที่เสี่ยงจะเลือกแต่คนที่จะจ่ายดอกได้ดีหรือทำกำไรได้ เงินจำนวนนั้นจึงเสมือนไม่ได้ถูกใช้ เลย เมื่อจะเรียกเงินกลับย่อมคืนได้สบาย
ส่วนคนตกงานจะเพิ่มจนหมดปี หรือต้นปีหน้า
การอัดฉีดจะถอนสิ้นปีหรือปลายมีนา
ที่สำคัญ ดอลล่าร์อ่อนค่าลงอย่างไว หลังสิงหาคมมาอีก กับทุกสกุลเงิน
มีผลต่อการส่งออกของทุกประเทศ ที่สินค้าจะแพงกว่าสหรัฐ
และที่สำคัญประเทศที่ถือดอลล่าร์ไว้ มลค่าที่ลดลง มีผลต่อของในมือที่ด้อยค่าลง มีมากก็ด้อยลงมาก โดยเฉพาะจีน

และเมกากับต่อสู้กับจีนในเรื่องยาง ทำให้โรงงานของเมกาขาดทุนคนงานตกงานมากมาย เมกาจึงออกนโยบาย เรื่องยางกับจีน จีนก็ออกมาตอบโต้ เรื่องจะเทดอลล่าร์ทิ้ง นอกจากนั้นจีนยังถืออนุพันธ์ ตราสารต่างๆๆของเมกาไว้มากด้วย ไม่เพียง เมกา ยุโรปก็ตั้งกำแพงกีดกันเหล็กจากจีน ว่าจีนอุดหนุน ผู้ผลิตแบบผิดกฏหมาย ทำให้ต้นทุนเหล้กจากจีนถูกว่า ที่อื่น

แล้วเรื่องเงินอ่อน จะเกิดผลย้อนกลับอีกครั้งเป็นวิกฤตที่แรงกว่า ถึงบางคนเอ่ยไปถึง ญี่ปุ่น ว่าเมกาจะตามรอยนั้น (ญี่ปุ่นฟุบเป็นสิบปี เงินฝากไม่มีดอกเบี้ย )

จากการเขียนกระทู้มาตลอดในแนวเอาข่าวความจริงมาเสนอ มากกว่าจะให้ดูเพียงเส้นกราฟ แล้วแปลผล และจับอารมณืคนในตลาดไม่ได้ มาเป็นแนวนี้

ผลการใช้ สำหรับผมคิดว่ามันดีกว่าแบบเดิมๆๆ ผมมองโลกได้ไกลกว่าคนอื่น และถุกต้องกับความจริงมากกว่า

แบบเดิมที่จมในอารมณ์ตลาดตามการลากจูงของ คนมีกำลังมากกว่า

แบบใหม่เราจะยืนคอยได้แบบมีกำหนดเวลามีเป้าหมายที่เฝ้าสังเกตและดูตามกระแสร์โลก

ตลาดหุ้นไม่ไปไหนหรอกนะ จะเล่นเมื่อไรก็ได้ เมื่อเราก้าวเข้าไปตอนที่เราทราบว่าทิศทางไปทางไหน สังเกตตรงไหนว่าจะเปลี่ยนแล้ว
สังเกตตรงไหนว่าหยุดก่อนเถอะ



กราฟเมกา ลง......



กราฟไทย.......



กราฟ จีน ลง...........................



กราฟ หั่งเซ่ง ลง ...................................




Create Date : 26 กันยายน 2552
Last Update : 26 กันยายน 2552 6:50:49 น. 23 comments
Counter : 2056 Pageviews.  
 
 
 
 
"เริ่มนำเสนอให้คนอ่านวางกราฟไว้ก่อน เอาแต่ข่าว เป็นหลัก".............กฏข้อที่ 1 ของการวิเคราะห์ทางเทคนิค คือ ราคาและปริมาณซื้อขายได้รวมข่าวสาร ปัจจัยพื้นฐานทุกๆอย่างหมดแล้ว หรือพูดง่ายๆ กราฟราคาและปริมาณซื้อขายมันได้รวมข่าวสารทุกอย่างหมดแล้ว คิดจะเล่นหุ้นแบบเทคนิคอย่าฟังข่าว ถ้าฟังข่าวก็อย่าเล่นแบบเทคนิค เมื่อเดือนมีนาคม 52 ที่ผ่านมา ถ้าใครฟังข่าวจะไม่ซื้อหุ้นเพราะมีแต่ข่าวร้ายเต็มตลาด แต่ถ้าใครดูสัญญาณเทคนิคอย่างเดียวสัญญาณบอกชัดมากๆว่าให้ซื้อ ซึ่งถ้าใครกล้า(ท่ามกลางความกลัว)ซื้อตอนนั้นตามสัญญาณเทคนิคตอนนี้กำไรไปเท่าไรแล้วก็ไม่รุ้ การเล่นหุ้นมันเป็นการต่อสู้กับจิตใจตัวเอง สิ่งที่เห็นอาจไม่ใช่ อย่าเชื่อสิ่งที่มองเห็น ข่าวดีใช่ว่าหุ้นจะขึ้น ข่าวร้ายก็ใช่ว่าหุ้นจะตก ตลาดเก็งกำไรทุกชนิดข่าวสารมาหลังราคาเสมอ(ราคากำหนดสถาณการณ์) พอหุ้นขึ้นก็มีแต่ข่าวดีตามมา พอหุ้นตกก็มีข่าวร้ายตามมา เหตุผลของตลาดหุ้นมันไม่ได้ตรงไปตรงมากับข่าวสาร จิตวิทยาต่างหากคือเหตุผลที่แท้จริง ซึ่งมันสะท้อนออกมาหมดแล้วในกราฟ ความโลภและความกลัวของมวลชนกราฟมันฟ้องออกมาหมดอ่านกราฟออกก็อ่านทิศทางตลาดออก
 
 

โดย: Mr.h IP: 125.24.242.135 วันที่: 26 กันยายน 2552 เวลา:9:47:17 น.  

 
 
 
ขอบคุณสำหรับข้อคิดเห็นดีดี ครับ
ซึ่งผมก็เป็นคนหนึ่งเหมือนกันที่ติดตามข่าวสารจากต่างประเทศเป็นหลัก แต่ขอบอกว่าอาทิตย์ที่ผ่าน มีเรื่องสงสัยหลายอย่างมากเกี่ยวกับ set ทั้งที่รอบบ้านแม้แต่ยุโรปเอง ลงกันมาเยอะมาก แต่ set เหมือนกับไม่อยากให้ลง เป็นเพราะอะไร?? สงสัยข้อนี้เหมือนกันคับ
รบกวนช่วยวิเคราะห์ในมุมมองของคุณหมอ ให้ฟังหน่อยคับ

ขอบคุณคับ ^^
 
 

โดย: PP IP: 58.8.177.155 วันที่: 26 กันยายน 2552 เวลา:10:03:45 น.  

 
 
 
อีกนิดนึงนะครับ ลองไปหาอ่านดูว่ากองทุนระดับเฮดจ์ฟันด์เค้าเล่นกันยังไง เค้าฟังข่าวมั้ย และข่าวแบบไหนที่เค้าให้ความสนใจข่าวแบบไหนเค้าไม่ฟังเลย ทำไมเฮดจ์ฟันด์บางกองเค้าลงทุนซื้อคอมพิวเตอร์ระดับความเร็วสูงๆมาวิเคราะห์กราฟราคา(ไม่ได้ซื้อมาวิเคราะห์ข่าวนะครับ)และทำกำไรกันมากกมาย ลองไปอ่านเหตุการณ์เมื่อปี 2540 นะครับลองดูว่ากองทุนของเฮดจ์ฟันด์ของโซรอสเค้าเก็งกำไรค่าเงินบาทเค้าใช้ข่าวสารอะไรมาวิเคราะห์ก่อนเกิดวิกฤตปี 40 มีแต่ข่าวดีตลาดหุ้นก็ peak ข่าวดีล้นตลาดแต่ทำไมโซรอสขายเงินบาทซื้อดอลล่าร์ ก็ลองดูนะครับลองฟังข่าววิเคราะห์ข่าวตีความข่าวและเล่นตามข่าวซื้อๆขายๆตามข่าว ทำอย่างนี้ไปซัก 1-2 ปี แล้วเก็บผลลัพท์ดูผลตอบแทนที่ได้ คุณหมอสัจจะอาจเก่งในการเล่นแนวนี้ก็ได้ ผมไม่ค่อยเก่งแนวนี้ และผมเล่นหุ้นโดยไม่ฟังข่าวมานานแล้ว
 
 

โดย: Mr.h IP: 125.24.242.135 วันที่: 26 กันยายน 2552 เวลา:10:21:00 น.  

 
 
 
วิกฤตคราวนี้เฮดฟันเจ๊ง
และกองทุนไทยเคยล้มละเนระนาด มาแล้วเพราะนักวิเคราะห์ชั้นดีของเมืองไทย อาศัยกราฟครับ
เพราะกบขที่ขาดทุนแต่ไม่ผิดเพราะทำตามหลักการ ควรซื้อก็ซื้อควรขายก็ขาย ไม่ได้มั่ว

เพราะคอมความเร็วสูงหรือป่าวผมไม่ทราบ

ผมเสนอแนวความคิดให้อ่านอารมณืตลาดให้ออก จิตวิทยามวลชน แม้แต่หมอก็รักษายากครับ โรคจากจิตใจ

ที่ผ่านมาตลาดไทยถ้าดูกราฟสองนาที ผมให้เหตผลไว้แล้วว่า เงินอ่อนบาทแข็งเงินไหลเข้าแต่ กราฟไทยไฮในรอบ 13เดือน เท่ากับตอน 2004/2005/2006/2007 แล้วจะไปไหนอีก ถ้าคนยังไม่เต็มใจไป มีแต่กลัวดอย รายย่อยขายทุกวัน คนติดดอยขอออกของเอาเงินออก
ฝรั่งพาไม่ได้ต้องขาย แล้ววอลุมลด โบรกเกอร์ต้อแงลากสร้างวอลุม เอาฟิวเจอร์ สัญญา แซดมาลากจนเลขไปเลย เซท 50 แล้วหุ้นเล็กกลางก็ไล่ราคากันสนุก แต่หุ้นใหญ่ไม่ไป คนเล่นหุ้นคงทราบ

แล้วคำตอบจากดาวก็มาตอบว่าไปไม่ได้เช่นกันเพราะดอลล่าร์อ่อน การถอนการช่วยเหลือไว จะมีผลทำให้สิ่งที่เลวร้ายกลับมาชัดเจนขึ้น เพราะมันยังไม่ใช่การฟื้นจริงพอตัวเลขบ้านมือสอง สินค้าถาวร บ้านใหม่ลดลง การตกงานจะมากสุดปีหน้า ความกลัวก็เข้ามาแทนที่ความดีใจว่าผ่านจุดต่ำสุดแล้ว

กราฟไทย ได้รวมเอา ผลการแอบลากแต่ไปไม่ไหว ไว้ด้วยเช่นกัน ลองนั่งดูกราฟสองนาทีด้วยซิครับจะได้อารมณืตลาดทุกวันจริงๆๆ
อย่ามานั่งอ่านแค่แท่งเทียน แดงหรือเขียว คุณไม่ได้อารมณืตลาดจริงๆๆหรอกครับ

เมื่อวานคนเล่นฟิวเจอร์ ต่างประเทศยังบอกดาวจะขึ้นและไปหมื่นกว่า เพราะเขาเล่นเทคนิค ยังผิดเลยครับ

แนวคิดยึดเอาความจริงด้วยแปลจิตวิทยามวลชนให้ได้จริงๆๆคงไม่ง่ายแล้วแต่ท่านจะให้น้ำหนักอะไรมากน้อย
และความรู้ทางเศรษฐสาสตร์อีกต่างหาก รวมทั้งกรรมวิธีของโบรกเกอร์ หรือ market maker ด้วย

เพียงแต่ผมเชื่อว่ามันอธิบายสถานะการณืตอนนี้ได้ทุกวัน
ส่วนจะถามผมว่า จะเป็นตัวดับเบิ้ลยูหรือไม่

หรือจะเหมือนญี่ปุ่นไหม ผมว่าไกลเกินไปที่เราจะคิด

ขอทำวันนี้และพรุ่งนี้ให้ดีที่สุดก่อนละกัน
 
 

โดย: หมอสัจจะ วันที่: 26 กันยายน 2552 เวลา:13:07:08 น.  

 
 
 
สวัดดีครับผมเปิดblogใหม่ว่างๆก็เข้าไปว่ะกันบ้างนะครับ และสามารถติดตามblogอื่นของผมได้ดังงนี้ครับ skypream @bloggang skypream free blogโปรโมทเว็บโปรโมทเว็บอีกเช่นกันครับ
 
 

โดย: preampcc วันที่: 26 กันยายน 2552 เวลา:15:13:58 น.  

 
 
 
แน่ใจเหรอครับว่าวิกฤตที่ผ่านมา เฮดจ์ฟันด์เจ๊ง บางกองเท่านั้นครับที่เจ๊ง หลายๆกองก็ยังคงกำไรกันอื้อลองหาข้อมูลดูดีๆครับ ส่วน กบข.ขาดทุนเพราะอะไรไม่อยากเล่าเรื่องมันยาวแต่บอกได้สั้นๆว่าถ้า กบข.รู้จักเล่นตามสัญญาณเทคนิคจะไม่ขาดทุนขนาดนี้และจริงๆต้องได้กำไรด้วย แต่ผมพอเข้าใจแล้วครับว่าประเด็นของคุณหมอสัจจะคืออะไร คงเป็นเพราะคุณหมอสัจจะเล่นสั้นรายวัน อย่างกราฟราย 2 นาที ถ้าอย่างนั้นผมก็เข้าใจครับ การคาดเดาตลาดในระยะสั้นๆเดายากมากๆ ผมเน้นการเล่นเป็นรอบๆ รอบใหญ่ๆตามสัญญาณเทคนิคแบบยาวๆ ก็ต้องขอบคุณครับที่มาแลกเปลี่ยนความเห็นกัน
 
 

โดย: Mr.h IP: 125.25.219.232 วันที่: 26 กันยายน 2552 เวลา:17:14:11 น.  

 
 
 
ผมเห็นด้วยกลับคุณหมอครับ เพราะผมก็เล่นฟิวเจอร์แต่ต้องใช้กราฟประกอบและคาดเดาอารมณ์ของพวกกองทุนและฝรั่งครับ ผมก็ได้แต่กำไร ไม่มีขาดทุนตั้งแต่พบเจอกับคุณหมอ แถมจะหาจุดตัดสินใจจะเข้าจะออกได้ถูกต้องเสียด้วยครับ

ผมมีความเห็นว่า ไม่มีความเห็นของใครถูกต้อง 100%หรอกครับ เพียงแต่อยากจะถามว่าคุณอ่านกราฟแล้วกราฟมันบอกว่า SETจะไป 1000จุดหรือ 2000จุดเลยหรือครับถ้าไม่ฟังข่าว เท่าที่สมองของผมมันบอกกราฟมันก็เป็นเพียงแค่หลักสถิติเท่านั้น

คิดกันง่ายแบบเด็กประถมก็แล้วกันครับว่า SETสินปีนี้จะอยู่ที่เท่าไร สมมุติว่า 1000 จุด ตอนนี้ อยู่ที่เท่าไร มันจะขึ้นอีกกี่จุด แล้วถ้ามันลงละจะลงเท่าไร คิดกันเอาเองครับ
แค่นี้ง่ายๆคุณก็พบความจริงแล้วครับ

จากประสบการณ์การเล่นหุ้น ตอนนี้มาเล่นฟิวเจอร์ คุณคิดเอาเองแล้วกันว่าผมคิดอย่างไร

ความมั่นใจ+ความโลภ+ความเชื่อมั่น=ความเสี่ยง

ปล. ผมมาให้กำลังใจคุณหมอสร้างงานดีๆต่อนะครับ ผมจะติดตามตลอดไป (ต้องขอโทษคุณหมอด้วยนะครับที่ทำเกินไปหน่อยครับ)
 
 

โดย: yai IP: 222.123.78.1 วันที่: 26 กันยายน 2552 เวลา:22:30:22 น.  

 
 
 
นักเล่นหุ้นแบบเทคนิคพันธุ์แท้จะไม่คาดการณ์ว่าตลาดจะขึ้้นไปถึงไหนลงไปถึงไหน เพราะการคาดการณ์ตลาดเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมากๆ ถ้าไปคุยกับพวก VI ยิ่งไปกันใหญ่ VI เค้าแทบไม่สนใจเลยว่าดัชนีตลาดจะไปเท่าไร ผมยอมรับว่าไม่เคยอ่านกราฟแล้วคาดการณ์ได้ถูกต้องเลยว่าตลาดจะขึ้นไปได้เท่าไร แล้วจะลงไปลึกเท่าไร และทุกวันนี้ผมก็ไม่เคยคาดเดาดัชนีเลย มันจะขึ้นไปถึง 1000 จุดหรือเปล่าก็ไม่สนใจหรือมันจะลงไป 500 จุดผมก็ไม่สนใจทุกอย่างว่าตามสัญญาณ สัญญาณบอกซื้อก็ซื้อบอกขายก็ขายแค่นั้น
ปล. ผมขอให้คุณหมอประสบความสำเร็จกับแนวทางใหม่ในการอ่านทิศทางตลาด เพราะผมอยากเห็นคนฟังข่าวร่วมกับดูกราฟแล้วอ่านทิศทางตลาดได้อย่างแม่นยำ(ซะที)
 
 

โดย: Mr.h IP: 125.24.227.202 วันที่: 26 กันยายน 2552 เวลา:22:52:44 น.  

 
 
 
ยินดีได้สนทนาครับ
สัญญาณบอกซื้อบอกขาย แล้วเชื่อตามแบบไม่ต้องใช้สมองไตร่ตรองอีกที ผมว่าเราให้เครื่องจักร์คิดแทนเราหมดไม่ได้ครับ

แม้แต่กลยุทธ์ ออปชั่น ผมมาปรับปรุง ไม่ซื้อพร้อมกันในเวลาเดียวกันเช่นทฤษฏีบอก ปรับปรุงให้เหมาะตามสถานะการณื ซื้อไหนกำไรซื้อก่อน ซื้อไหนแล้วขาดทุนรอก่อน(กลยุทธ์ Straddle หรือ Strangle ที่ซื้อคอลหนึ่ง พุท หนึ่ง )
(ส่วนการใช้กราฟสองนาทีรันไว้ เพื่อจับจุดที่มีการทุบ หรือ กระตุกลาก วอลุมจะมาแท่งยาวๆๆ ) เพื่อจับอารมณืตลาดว่าไปตามแรงกระทำไหม (ทฤษฏีของพวก กองทุน ถ้าเล่นขึ้นไว้ เขาจะยอมเสียเงินก้อนหนึ่ง ทุบลง เป็นระยะ เพื่อทดสอบตลาด ว่ายังไปต่อได้ดีไหม )

ผมเคยเห็นแต่เทคนิคพันธ์แท้ที่ลากเ้ส้นบอกแนวต้านแนวรับ กะวันเวลาไว้เรียบร้อย
และเทคนิครายวัน เดยืเทรด หาจุดขายซื้อตามกราฟบอกเพราะสังเกตเองไม่เป็น ก็จะโดนกราฟหลอก เพราะเออเร่อเวลามีfund flow เข้ามามากจน data เดิม เพี้ยนไป เมื่อถึง เข้าเขตซื้อมากไป นักวิเคราะห์ก็ต้องบอกให้ขาย แต่จะบอกผิดเพราะแรงเงินเข้า จะดันเซทต่อไปได้เรื่อยๆๆแม้กราฟจะ บอกว่า เข้าเขตซื้อมากไปแล้ว เหมือนช่วงที่ผ่านมา ดั่งนั้นถ้าจะเอาสัญญาณขายหรือซื้อด้วย อินดี้ใดๆๆ ก็จะเพี้ยนตามไปหมด
ถ้าคุณถนัดแบบนั้น ทำกำไรได้ก็ดีแล้วครับ เงินคุณวิธีเหมาะกับคุณ ให้มีความสุขและเป็นไปตามเป้าหมายเถอะครับ

ผมเดินเส้นทางออปชั่นเสียแล้ว ไม่มีจุดขายจุดซื้อ เพราะซื้อหรือขายตาม ทิศทาง
เซทขึ้นราคาดีขายคอล ซื้อพุท เซทลง ราคาดีที่พุทขายพุท ซื้อคอล
แล้วที่ผ่านมาเป็นเดือนๆๆแล้วที่ผมใช้การเอาข่าวมานำเสนอพร้อมกราฟ แล้วคนยอมรับว่าทำให้เข้าใจตลาดว่าวนไปเมกาแล้วทำไมตรงข้ามเอเซีย แล้วเอเซียก็ต้องกลับลำแทบทุกครั้ง ที่ดาวแดงกลับมา (อย่าเอา อาทิตย์ที่ผ่านมตลาดไทย ที่เงินเข้ามาลาก )
 
 

โดย: หมอสัจจะ วันที่: 27 กันยายน 2552 เวลา:5:36:07 น.  

 
 
 
นี่ก็เป็นตัวอย่างการอ่านตามเส้นบอก อนาคต

https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=kattiyakulwanich

แล้วเส้นรู้ล่วงหน้าไหมว่าเมกาจะแก้ดอลล่าร์อ่อนเช่นไร
จีนจะลงแค่ไหน ญี่ปุ่นโนมูระจะระดมทุนได้มากพอ ไหม แล้วตัวขาดับเบิ้ลยูจะมาไหม (เหมือนดูหมอดูครับ ซึ่งผมไม่เชื่อเส้นบอกอนาคต )

เอาความจริงวันนี้แล้วก้าวเข้าตลาดมั่นใจขึ้นก็พอแล้วละครับไม่ต้องกังวลอะไร เช้ามาหาข้อมูลให้ครบ เย็นปิดจอนอน
 
 

โดย: หมอสัจจะ วันที่: 27 กันยายน 2552 เวลา:5:42:26 น.  

 
 
 
ยินดีเช่นกันที่ได้สนทนาด้วยครับ
ที่บอกว่าสัญญาณซื้อก็ซื้อ สัญญาณขายก็ขาย โดยไม่ใช้สมองไตร่ตรองมันก็ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ผมเชื่อว่าคนเล่นแบบเทคนิคทุกคนจะต้องทดสอบระบบของตัวเองอย่างละเอียด ทดสอบย้อนหลังหลายๆปี ยิ่งไปกว่านั้นต้องมีวิธีการกรอง false signal ของระบบด้วยซึ่งพวก Indicator ต่างๆก็ช่วยได้เป็นอย่างมาก และต้องใช้ร่วมๆกับสถิติด้วย นอกจากนี้ยังต้องมี money management คือ บางครั้งไม่แน่ใจสัญญาณก็อาจจะใส่เข้าไปซัก 30% ก่อนพอแน่ใจก็ตามอีกที่เหลือ(ความแน่ใจไม่แน่ใจขึ้นอยู่กับค่าสถิติของระบบ) ส่วนที่บอกว่านักเทคนิคพันธ์แท้บางคนลากเส้นกำหนดเป้าหมายเวลาเรียบร้อย ผมเองก็เคยเห็นครับในหลายๆเวบ แต่ประเด็นที่สำคัญก็คือ เวลาเค้าเล่นเค้าก็เล่นตามระบบของเค้าอยู่ดี เช่น ลากเส้นไปแล้วบอกว่า set จะไป 900 จุด ถ้าตอนนี้อยู่ที่ 650 จุด สมมติว่ามันไปถึง 900 จุดจริงๆ มันอาจจะมีสัญญาณซื้อมาตอน 670 แล้วก็มีสัญญาณขายออกมาตอน 780 แล้วก็มีสัญญาณซื้ออีกทีตอน 800 แล้วก็มีสัญญาณขายอีกทีตอน 900 จุด ตามเป้าหมายพอดี แต่ถ้าตอนขายออกไปที่ 780 แล้วปรากฏว่ามันไม่ไปที่ 900 จุด(มันดันกลับทิศที่ 780 ) ผมเชื่อว่านักเทคนิคเค้าไม่ดันทุรังถือต่อหรอกครับเค้าก็ขายออกไปแล้วก็รอสัญญาณใหม่ถ้ามันลงจริงเค้าก็ short แต่ทั้งนี้มันขึ้นอยุ่กับระบบที่ออกแบบมาด้วย บางระบบให้สัญญาณยาวหลายๆเดือนบางระบบให้สัญญาณสั้นแค่ไม่กี่วันก็ออก ส่วนประเด็นที่บอกว่า "แล้วเส้นรู้ล่วงหน้าไหมว่าเมกาจะแก้ดอลล่าร์อ่อนเช่นไร
จีนจะลงแค่ไหน ญี่ปุ่นโนมูระจะระดมทุนได้มากพอ ไหม แล้วตัวขาดับเบิ้ลยูจะมาไหม" ยอมรับว่าเห็นด้วยกับคุณหมอสัจจะ 100% ว่าเส้นมันไม่รู้หรอกครับ แต่สำหรับนักเทคนิคเราสนใจแค่ว่าสถานการณ์ที่ว่ามันส่งผลกระทบไปยังราคาและปริมาณซื้อขายของตลาดหุ้นยังไง ถ้าส่งผลกระทบให้เกิดสัญญาณซื้อ(และกรองสัญญาณผ่าน) เราก็ซื้อ แต่ถ้ากระทบจนเกิดสัญญาณขายเราก็ short ราคาและปริมาณซื้อขายมันรวมผลกระทบพวกนี้ไปหมดแล้ว ตามกฏข้อที่ 1 ของเทคนิค
ปล. ยินดีเป็นอย่างมากที่คุณหมอสัจจะเข้ามาแลกเปลี่ยนความเห็นกัน
 
 

โดย: Mr.h IP: 125.24.251.77 วันที่: 27 กันยายน 2552 เวลา:9:24:26 น.  

 
 
 
สรุปว่าเทคนิคยังต้องอ่านข่าวหรือครับ หรืออ่านแต่เส้น
ค่าเงินถึงไหนไม่ต้องรู้ ค่าน้ำมันเท่าไร
ทองตกไปเท่าไรแล้ว

อิอิ ผมต้องขอบคุณที่เข้ามามากกว่า เพราะที่นี่บล๊อกผมยินดีต้อนรับครับ อาจจะตรงไปหน่อย ขอโทษด้วย
มีเอ็มครับแอดได้ คุยได้ สมาชิกชอบสนทนากันเป็นกลุ่มทุกเช้า
 
 

โดย: หมอสัจจะ IP: 117.47.82.31 วันที่: 27 กันยายน 2552 เวลา:11:06:46 น.  

 
 
 
อ่าน comment แล้วได้เห็นแง่มุมต่างๆๆ อีกเยอะเลย

ขอบคุณมากครับ ทั้งสองคน : )
 
 

โดย: PP : noppadon.h@hotmail.com IP: 58.8.167.201 วันที่: 27 กันยายน 2552 เวลา:14:45:58 น.  

 
 
 
สรุปว่าเทคนิคยังต้องอ่านข่าวหรือครับ หรืออ่านแต่เส้น
ค่าเงินถึงไหนไม่ต้องรู้ ค่าน้ำมันเท่าไร
ทองตกไปเท่าไรแล้ว.......นักเล่นแบบเทคนิคคนอื่นผมไม่แน่ใจนะครับ แต่สำหรับผมแล้วผมบอกตามตรงเลยว่าค่าทองกับค่าเงินเนี่ยผมไม่เคยดูเลยจริงๆ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องดูจากเวบไหน ตอนนี้ค่าเงินบาทกับดอลล่าร์เท่าไรก็ไม่รู้ ทองได้ยินว่าบาทละ 16,000 กว่าๆ มั้ง(อันนี้ได้ยินจากโทรทัศน์) แต่น้ำมันเนี่ยยอมรับว่าดูบ้างเพราะต้องเติมน้ำมัน 555 ที่ผมดูหลักๆเลยก็คือสัญญาณซื้อกับสัญญาณขายของระบบที่ใช้ในการเล่นร่วมกับตัวกรอง false signal
ก็ต้องขอโทษคุณหมอสัจจะเช่นกันที่ผมเองก็อาจจะตรงไปหน่อยบังเอิญผมเป็นพวก TA น่าจะชนิด hardcore 555 พอผมได้ยินว่าให้ฟังข่าวเป็นหลักแทนการดูกราฟยอมรับว่ารู้สึกมันขัดๆความรู้สึกชอบกลเลยเข้ามาแลกเปลี่ยนความเห็นด้วย ต้องขอโทษอีกครั้งถ้าตรงและแรงไปหน่อย สำหรับเรื่องเอ็มถ้าว่างๆจะแอดเข้าไปครับ ขอบคุณที่ชวนผมเข้าสนทนากับสมาชิก(แต่ถ้าผมเข้าไปคุยด้วยจริงๆอาจทำวงแตกได้นะครับ 555)
 
 

โดย: Mr.h IP: 125.24.189.207 วันที่: 27 กันยายน 2552 เวลา:14:58:26 น.  

 
 
 
สวัสดีครับคุณหมอ

ผมว่าทั้งหมดเป็นความคิดเห็นที่ดีนะครับ แต่คิดว่าเป็นมุมมองของแต่ละคนมากกว่า ผมเล่นฟิวเจอร์ คุณหมอเล่นออปชั่น ส่วนอีกคนเล่นหุ้น

ปล. ผมว่าผู้ที่อ่านคงได้ประโยชน์มากครับ ถ้านำไปประยุกต์ใช้ ขอบคุณ คุณ h ขอบคุณคุณหมอ มากครับ
ส่วนผมมาอ่านบล็อกคุณหมอบ่อยอยู่แล้วครับ
 
 

โดย: yai IP: 117.47.202.77 วันที่: 28 กันยายน 2552 เวลา:10:01:01 น.  

 
 
 
แต่ตลาดเดียวกัน ทิศทางควรจะไปทางเดียวไม่แยกกันครับ
 
 

โดย: หมอสัจจะ วันที่: 28 กันยายน 2552 เวลา:11:10:57 น.  

 
 
 
ผมเล่น future และ หุ้นครับ มีบางช่วงก็ future ล้วนๆ เห็นด้วยกับคุณหมอสัจจะครับ ตลาดเดียวกันทิศทางย่อมไปทางเดียวกัน อ่านทิศทางตลาดออก ก็เล่นได้ทั้งหมดไม่ว่าจะหุ้น future หรือ option แต่หุ้นจะเล่นขาลงยากหน่อยเพราะต้องทำ short sell ต้องคุยกับโบรกรู้สึกว่าต้องมีบัญชีใหม่ ยินดีที่ได้แลกเปลี่ยนความเห็นกับทุกคนครับ
 
 

โดย: Mr.h IP: 113.53.134.114 วันที่: 28 กันยายน 2552 เวลา:20:27:39 น.  

 
 
 
แล้วเทคนิคตอนนี้ เล่นลงหรือขึ้นละครับ เมื่อวาน แล้ววันนี้ ขึ้นหรือลง
 
 

โดย: หมอสัจจะ วันที่: 29 กันยายน 2552 เวลา:6:06:33 น.  

 
 
 
ถ้าถามผม ยอมรับว่าผมตอบไม่ได้ครับผมไม่ชอบการทำนายทิศทางตลาดหุ้นแบบรายวัน(ผมไม่เล่น daytrade)และผมไม่เฝ้าหน้าจอครับ อย่างที่บอกผมชอบเล่นเป็นรอบใหญ่ๆตามสัญญาณเทคนิค ล่าสุดระบบผมสั่ง long มาตั้งแต่กลางเดือนกรกฏาคม 52 ที่ผ่านมา ตอนนี้ยังไม่มีสัญญาณขายครับ และไม่ทราบด้วยว่ามันจะขึ้นไปถึงไหน หรือมันจะมีสัญญาณขายวันไหน
 
 

โดย: Mr.h IP: 58.181.157.122 วันที่: 29 กันยายน 2552 เวลา:7:44:49 น.  

 
 
 
สวัสดีครับคุณหมอ สวัสดีครับ คุณ h ผมไม่มีความคิดเห็นครับผมเล่นฟิวเจอร์ตอนนี้ เล่นสั้นครับ ส่วนสัญญาณขายผมว่าน่าจะเร็วนี้ครับ
 
 

โดย: yai IP: 117.47.205.203 วันที่: 29 กันยายน 2552 เวลา:9:31:35 น.  

 
 
 
ตกลงว่าเหมือนเพื่อนผม ไม่มีเวลาดูตลาดเลย ซื้อเพราะดูกราฟ และพื้นฐาน
 
 

โดย: หมอสัจจะ วันที่: 29 กันยายน 2552 เวลา:14:02:30 น.  

 
 
 
อารมณ์มวลชนย่อมส่งผมกระทบกับอารมณ์ตลาดจนถึงจุดหนึ่งอารมณ์ตลาดก็ส่งผมกระทบกับอารมณมวณชน
 
 

โดย: 111 IP: 124.120.20.89 วันที่: 19 ตุลาคม 2554 เวลา:16:54:19 น.  

 
 
 
เขียนบล็อกได้ดีมากเลยครับ
instant credit check
 
 

โดย: lavenderbreeze999 วันที่: 15 พฤศจิกายน 2554 เวลา:12:11:31 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

หมอสัจจะ
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 185 คน [?]




[Add หมอสัจจะ's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com