ทิศทางตลาด ด้วยการใช้วิธีการใหม่
จากวิกฤตคราวนี้ ทำให้ผมได้หาสิ่งใหม่ๆๆมาอ่าน และทดลองคิดทดลองทำ ทำให้ผมได้พบสิ่งใหม่ๆๆ เพื่อปรับปรุงเปลี่ยนแปลงวิธีการคิดแบบเดิมๆๆ แม้จะด้วยเวลาไม่นานนัก แต่จากการสบายตัวสบายจากแบบเดิมๆๆ ทำให้ผมได้พบเส้นทางใหม่ เลิกเล่นหุ้น หลังจากมานั่งทบทวน เป้าหมายการเข้ามาในตลาดนี้เพื่อเป็นอีกอาชีพหนึ่ง ที่อยู่กับบ้าน ไม่ต้องออกไปวุ่นวายกับผู้คน และยังประกอบอาชีพเดิมได้ตามปกติ เป้าหมายเดิม การมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นมากกว่า การฝากธนาคาร นั่นคือกำไรที่เกิดขึ้นต้องมากกว่า ดอกเบี้ยธนาคาร แต่จากมองทุกอย่างในตลาดแห่งนี้แล้ว หุ้นไม่สามารถสนองเป้าหมายนั้นได้เสมอไป ทางเลือกที่มากเกินไป หุ้นมีตั้ง 400กว่า บริษัท การหาข้อมูลจนกว่าจะสรุปและทดลองจนได้หุ้นที่ให้ผลดังกล่าวและตรงกับนิสัย เสี่ยงน้อย ยุ่งยากและกินเวลามากมาย และต้องคอยติดตามข่าวเชิงลึก ที่เราอยู่ต่างจังหวัดจะกระทำได้ยาก ยิ่งยุคปัจจุบัน โลกต่อถึงกันหมด ระบบที่เกิดใหม่ Market make หรือการปล่อยให้โบรกเกอร์สามารถ ซื้อขายได้ด้วยพอร์ตของเขาเอง รายย่อยเช่นเรา ที่ด้อยกว่าตั้งแต่จำนวนเงิน ค่าคอม นักวิเคราะห์ อุปกรณ์ และข่าวสาร การร่วมมือระหว่างกลุ่มของโบรกเกอร์ เราเสียเปรียบเขาเกินครึ่ง เขาไ่ม่ให้เซทลง เขายันไว้ได้ ดังที่เราได้เห็นสองวันที่ผ่านมา สิ่งที่ผมหามาใหม่ จากเดิมที่เคยหา การทำกำไรได้ในขาลง (เดิม ขาลงจะติดดอย เงินจม ของถูกลงเรื่อยๆๆ แต่หมด กำลังซื้อเก็บไว้ และไม่เกิดรายได้นาน ) นอกจากเป้าหมายกำไรที่ต้องสูงกว่าหุ้น ควรจะเล่นขาลงได้ด้วย (ระบบใหม่อีกอย่าง ยืมหุ้นช๊อตได้ แต่ต้องมีเงินวางค้ำประกันมากพอสมควร ระบบนี้ฝรั่งใช้ได้มานานแล้ว ตั้งแต่สมัยก่อน ขาลงระบบใหม่รายย่อยก็ยังทำอะไรไม่ได้เช่นเดิม ) ผมได้อ่านฟิวเจอร์ และทดลองเฝ้าดูและเล่นในกระดาษ ใช้เงิน วางเป็นเเสน สำหรับการเล่นหนึ่งสัญญา (50000บาท )กำไรขาดทุน จุดละ 1000บาท รุนแรงและกดดันมากๆๆ ต้องเฝ้าตลอด ไม่เหมาะกับคนไม่มีเวลาเฝ้าแน่นอน ออปชั่นผมพบว่ามันมีการซื้อขายน้อยมากในราวเดือนตุลาปีที่แล้วก็อดทนนั่งดูสังเกตจนพบความจริงของตลาดออปชั่นว่าเขามาซื้อขายกันเป็นช่วงๆๆ ก่อนปิดตลาดเที่ยงและก่อนปิดตลาดเย็น ชอบเล่นกันแค่แถวๆๆสไตร์ไพร์ที่เป็นเซท 50ทดลองเล่นในกระดาษ ก็ทำกำไรได้ ก็ขอโบรกเกอร์เปิดพอร์ต ต้องเซ็นต์สัญญาเพิ่ม ไม่ต้องเพิ่มเงินอะไร (ค่อยส่งไปเข้าบัญชีตอนจะเริ่มเล่นจริง เมื่อได้พอร์ตมาแล้ว ) ด้วยความรู้แค่ในกติกาของเวบ TFEX ซื้อขายเปิดสถานะแบบพื้นฐาน ก็สามารถทำกำไรได้ และแต่ละครั้ง มันกำไรเปอรืเซนต์มากกว่าที่เคยกำไร หุ้น มีเป็นร้อยเปอร์เซนต์ ก็ชักสนุกที่จะอดทนรอจนสองร้อยสามร้อยเปอรืเซนต์ จนสามารถทำได้เป็นพันเปอร์เซนต์ ด้วยการทดลองลดทุนต่ำๆๆลง กำไรก็สามารถทำได้สูงขึ้น จึงมานำเสนอให้ที่นี่ทราบ มาเจอว่าไม่มีคนสนใจหรือรู้จักเกือบทั้งหมด แต่ก้ได้พบคนที่เก่งรู้และเข้าใจ เข้ามาบอกแนะนำ ให้มองอีกด้านบ้าง สอนกลยุทธ์ ชื่อแปลกๆๆบ้าง ก็นำไปค้นคว้าหามาอ่านจนพัฒนาวิธีการขึ้นมาเรื่อยๆๆ จนมั่นใจว่ามาถูกทางแล้ว จึงนำเสนอเต็มที่ว่า ช่วยคนที่ทุนน้อยให้เล่นได้ กำไรมาก และมีกลยุทธ์ที่ปลอดภัย แต่มาติดขัดตรงที่ว่า การมองทิศทางตลาด เป็นเรื่องที่สำคัญกว่า และสำคัญสำหรับทุกอย่างในตลาดนี้ ก็พยายามที่จะพัฒนาการมองตลาดจากแค่เคยอ่านกราฟทุกวันก่อนเข้าตลาด และการหาข้อมูลว่าตลาดไหนบวกตลาดไหนลบ
ปรากฏว่า ช่วงที่ผ่านมา เกิดข้อผิดผลาดบ่อยครั้ง และให้คำตอบไม่ได้จากกราฟ จึงเริ่มมาย้อนคิดใหม่ ว่าเราจะหาทิศทางตลาดเช่นไร ให้แน่นอน อ่านอารมณืคนในตลาดได้ ไม่เพียงแค่ ตลาดไทย สามารถใช้ได้ทั่วโลก เริ่มมาสนใจหาข่าว ของประเทศอื่น ก็พบว่าข่าวด้านล่างของเวบที่เปิดดูข้อมูลของตลาดดาวโจนส์ (//finance.yahoo.com/q?s=^DJI )ด้านล่างจะมีหัวข้อข่าวสำคัญที่เขาคัดแล้วว่าสำคัญสำหรับวันนั้นไว้ เป็นข่าวของ รอยเตอร์ หรือจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ ปรากฏว่าข่าวนั้นให้คำตอบทีดีกับการเปลี่ยนแปลงตลาดดาวโจนส์ จนทำใให้ดาวแตกต่างไปจากเอเซีย ในหลายๆๆครั้ง แบบตรงข้าม แล้วรุ่งเช้าเอเซียก็ต้องไปตามดาวอีก จึงเริ่มตั้งสมมุติฐานพอดีเข้าระยะการประกาศผลประกอบการ จนเริ่มแน่ใจว่าใช่แล้ว ระยะนี้ควรสนใจข่าวเมกา เพราะมีความสำคัญลามมาถึงเอเซียและยุโรปด้วยเสมอจึงเริ่มนำเสนอให้คนอ่านวางกราฟไว้ก่อน เอาแต่ข่าว เป็นหลัก ก็เริ่มจับทิศทางตลาดไทยได้ดีขึ้น เมกาได้ดีขึ้น ยุโรปได้ดีขึ้น และเมื่อมาเห็นอินเดียลบวันละ7-800จุดก็เข้าไปหาข้อมูลอ่าน เมื่อจืนตกบ้างวันหลายเปอร์เซนต์ (4-5%) แล้วหั่งเซ่งก็ตกด้วยหลายร้อยจุดทุกที ก็เริ่มสนใจ แล้วข่าวก็ออกมาเสริม เริ่มจับความสัมพันธ์ในระหว่างประเทศได้ เริ่มจับข่าวสำคัญได้ ที่สำคัญเริ่มรู้จักศัพท์ภาษาอังกฤาเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์ ว่า ต้องเริ่มจำใหม่หมด เพราะเป็นศัพท์ เฉพาะ อย่างข่าววันนี้ก็ DURABLE GOODS ก็แปลได้ว่าสินค้าถาวร นี่ก็ยังไม่รู้ว่าสินค้าพวกไหนบ้าง ยอดสั่งซื้อลดลง ทำให้ดาวล่วงอีก วัน พอเริ่มมั่นใจว่าข่าวสำคัญและมีอิทธิพลต่อตลาด อารมณืของคนในตลาด กระทู้หลังๆๆจึงเริ่มที่จะเน้น ข่าวและวอลุมที่จะพาตลาดไปต่อถ้าเศรษฐกิจฟื้นจริง ถ้าคนเชื่อ แต่แล้ว สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นหลังข่าวดีจบ ว่าผ่านจุดต่ำสุด ทุกประเทศยอมรับ ตลาดทั่วโลก เอเซียมาไฮในรอบ13เดือน ยุโรปและเมกา ไฮในรอบ 11เดือน
เริ่มถามตัวเองก่อนว่าไปต่อได้ไหม ตอบว่าได้ถ้าเศรษฐกิจฟื้น และมีวอลุมมากมายเกิดขึ้นคนเชื่อจะกำเงินกลับเข้ามา จึงได้เน้นดูวอลุมทุกประเทศ ก็ไม่เห็นวี่แวว แต่ข่าวที่เริ่มอ่านได้จากนักเศรษฐศาสตร์ เริ่มเอาข้อมูลที่เราไม่เคยทราบมาเป็นจุดวิเคราะห์ของเขา คือ การอัดฉีดเงินของโอบาม่า ไม่ได้ช่วยบริษัทืั้เจ๊ง เขาอัดเงินเข้าบริษัทที่จะโตต่อไปได้ดี (Multiply ) แล้วเงินทีพิมพ์จำนวนมาก ที่เข้าธนาคาร ปรากฏว่าแบบธนาคารไทย ไม่ปล่อยกู้คนที่เสี่ยงจะเลือกแต่คนที่จะจ่ายดอกได้ดีหรือทำกำไรได้ เงินจำนวนนั้นจึงเสมือนไม่ได้ถูกใช้ เลย เมื่อจะเรียกเงินกลับย่อมคืนได้สบาย ส่วนคนตกงานจะเพิ่มจนหมดปี หรือต้นปีหน้า การอัดฉีดจะถอนสิ้นปีหรือปลายมีนา ที่สำคัญ ดอลล่าร์อ่อนค่าลงอย่างไว หลังสิงหาคมมาอีก กับทุกสกุลเงิน มีผลต่อการส่งออกของทุกประเทศ ที่สินค้าจะแพงกว่าสหรัฐ และที่สำคัญประเทศที่ถือดอลล่าร์ไว้ มลค่าที่ลดลง มีผลต่อของในมือที่ด้อยค่าลง มีมากก็ด้อยลงมาก โดยเฉพาะจีน
และเมกากับต่อสู้กับจีนในเรื่องยาง ทำให้โรงงานของเมกาขาดทุนคนงานตกงานมากมาย เมกาจึงออกนโยบาย เรื่องยางกับจีน จีนก็ออกมาตอบโต้ เรื่องจะเทดอลล่าร์ทิ้ง นอกจากนั้นจีนยังถืออนุพันธ์ ตราสารต่างๆๆของเมกาไว้มากด้วย ไม่เพียง เมกา ยุโรปก็ตั้งกำแพงกีดกันเหล็กจากจีน ว่าจีนอุดหนุน ผู้ผลิตแบบผิดกฏหมาย ทำให้ต้นทุนเหล้กจากจีนถูกว่า ที่อื่น
แล้วเรื่องเงินอ่อน จะเกิดผลย้อนกลับอีกครั้งเป็นวิกฤตที่แรงกว่า ถึงบางคนเอ่ยไปถึง ญี่ปุ่น ว่าเมกาจะตามรอยนั้น (ญี่ปุ่นฟุบเป็นสิบปี เงินฝากไม่มีดอกเบี้ย )
จากการเขียนกระทู้มาตลอดในแนวเอาข่าวความจริงมาเสนอ มากกว่าจะให้ดูเพียงเส้นกราฟ แล้วแปลผล และจับอารมณืคนในตลาดไม่ได้ มาเป็นแนวนี้
ผลการใช้ สำหรับผมคิดว่ามันดีกว่าแบบเดิมๆๆ ผมมองโลกได้ไกลกว่าคนอื่น และถุกต้องกับความจริงมากกว่า
แบบเดิมที่จมในอารมณ์ตลาดตามการลากจูงของ คนมีกำลังมากกว่า
แบบใหม่เราจะยืนคอยได้แบบมีกำหนดเวลามีเป้าหมายที่เฝ้าสังเกตและดูตามกระแสร์โลก
ตลาดหุ้นไม่ไปไหนหรอกนะ จะเล่นเมื่อไรก็ได้ เมื่อเราก้าวเข้าไปตอนที่เราทราบว่าทิศทางไปทางไหน สังเกตตรงไหนว่าจะเปลี่ยนแล้ว สังเกตตรงไหนว่าหยุดก่อนเถอะ
กราฟเมกา ลง......
กราฟไทย.......
กราฟ จีน ลง...........................
กราฟ หั่งเซ่ง ลง ...................................
Create Date : 26 กันยายน 2552 |
|
23 comments |
Last Update : 26 กันยายน 2552 6:50:49 น. |
Counter : 1932 Pageviews. |
|
|
|