พา(ทะ)ยัด >**< PaTTaYa '2
สวัสดีค่ะ รีบมาต่อภาคสองแล้ววว วันที่สองนี้ตื่นเร็วเป็นประวัติการณ์ค่ะ หนึ่งเพราะว่าป่าป๊ามาเซอไพร้ส์ถึงพัทยา(ขี่มอไซค์มา) แล้วก็มานอนกรนใส่หูซะงั้น สองคือหม่าม้าจะลงไปข้างล่างกับอี๊ ไปดูของสดจากเรือค่ะ มันก็เป็นเรือลำเล็กๆ ที่ออกไปหาของทะเลไม่ไกลจากฝั่งมาก กลัมาตอนเช้า นับได้สักสิบลำค่ะ ส่วนใหญ่จะมีปูติดแหอวนมาเยอะมาก เรียกได้ว่าต้องมานั่งแกะตาข่ายออกกันทีเดียว ส่วนพวกเม่นทะเลก็เป็นตัวแถว ติดมากับเขาด้วย พี่เขาบอกว่าเอามาทำไรไม่ได้ เดี๋ยวค่อยเอาไปปล่อยทะเล? ส่วนปลาก็มีตัวเล็กๆ ติดมาบ้าง แต่มีลำนึงมีปลาหมึกค่ะ หมึกกล้วยโลละร้อยเดียว ตัวนั้นได้โลนึงพอดี เสียดายมีคนซื้อไปเสียก่อน ซื้อปูมาซะเยอะเชียวค่ะ โลละ 120 ประมาณนั้น แต่ว่าจะคละไซส์นะ เล็กบ้าง ใหญ่บ้าง แต่ด้วยความสด มันเลยมีเนื้อแม้ว่าจะตัวเล็กก็ตามค่ะ อี๊ซื้อนิด หม่าม้าซื้อหน่อย แต่รวมๆ แล้วประมาณ 5 โลค่ะ แต่พวกเราก็กินหมด แทบไม่ต้องใช้น้ำจิ้มเลย เพราะมันทั้งสดทั้งหวาน จากนั้นตอนเกือบเที่ยง เราก็ว่าจะไป "วัดเขาชีจรรย์" ที่มีพระเลเซอร์ค่ะ พอบอกน้อง ไม่มีใครอยากไปเลย อยากเล่นน้ำที่โรงแรม (มาทะเลแต่ชอบเล่นน้ำสระค่ะ ) ทีนี้พอนั่งรถไปสักพัก แต่ละคนก็เริ่มนึกที่เที่ยวเพิ่มเติม มีคนเสนอว่าไป "ตลาดน้ำสี่ภาค" กันดีมั้ย หลังจากที่วันนั้นเราไปตลาดน้ำอัมพวากันมาแล้ว (คือเราจะไปที่ไหนก็ได้ที่มีของกินเยอะๆ 555) สุดท้ายเราเลยไปตลาดน้ำสี่ภาคก่อนค่ะ ใครนึกภาพไม่ออก ปริ๊นซ์ถ่ายรูปมาฝาก
ถ่ายได้เป็นบางมุมค่ะ เพราะว่ามัน ใหญ่มากกกก เรียกได้ว่าเดินกันขาขวิด เดินไปเดินมาก็งง เอ๊ะ...ชั้นอยู่จังหวัดไหนแล้วหว่า เอ๋...แล้วจังหวัดนี้มันภาคไหนนะ กลางหรือตะวันออก ทำให้รู้เลยค่ะว่าภูมิศาสตร์ชาติไทยที่แสนเกลียดมีประโยชน์อย่างไร เดินไปแต่ระร้านก็มีการตกแต่งกันตามสไตล์ค่ะ มีทั้งร้านขายของกิน ขายเสื้อ ขายภาพเขียน ขายของตกแต่งบ้าน และก็ยังมีลานว่างไว้ให้นั่งห้อยเท้าตามสบายให้หายเหนื่อยด้วย ปริ๊นซ์ว่าเขาก็ทำแล้วโอเคดีนะ ปล.อันนี้ไม่พูดถึงราคา มันให้ความรู้สึกสบายๆ อ่ะค่ะ เหมือนไปเดินเล่นซื้อของ เสียอย่างเดียว แดดแอบร้อน มีล๊อคนึงเขามีลูกแพะอยู่ในคอก มีขวดนมเด็กใบเล็กใส่ตะกร้าไว้อยู่ ข้างในมีนมเกือบเต็มขวด ขายในราคา 25 บาท ให้ป้อนน้องแพะหม่ำๆ กัน ปริ๊นซ์ให้หม่าม้าป้อน ตัวเองก็ถ่ายรูป
อย่างที่เห็น หม่าม้าตกใจมากเพราะน้องแพะเหมือนdiet มาหลายวัน ดูดเอาๆ ทำขวดเกือบหลุดจากมือ หม่าม้าเลยไม่ทันหันกลับมาถ่ายรูป ไม่ถึง 15 วิ นมหมดแล้ว โหย...อดอยากมาจากไหนเนี่ยหนู เดินไป กินไป พักไป มาเจอร้านขายกำไล ส่วนตัวชอบของประมาณนี้ แต่ด้วยสีผิวและบุคลิกไม่เหมาะ เลยว่าอย่าดีกว่า แต่ยังไงก็ขอถ่ายรูปมาดูให้ชื่นใจอีกที อิอิ
ใช้เวลาเดินไม่นานมากค่ะ เพราะมันวนไปวนมา ไม่รู้ว่าดูครบหรือยังก็ป๊ะ! เจอทางออกซะแล้ว แต่ขาเริ่มเมื่อย น้องๆ ที่โรงแรมคงเริ่มหิวข้าวแล้ว เลยว่ากลับกันดีกว่า แต่ด้วยความอยากดู...พระเลเซอร์ ทำให้ปล่อยน้องให้หิวไป เย๊ย! ขับรถไปอีกไม่ไกลค่ะ เราก็เจอวัดเต็มไปหมด เหมือนอยู่ในเขา อันดับแรก ตรงไปที่วัดเขาชีจรรย์เลยค่ะ เห็นว่าเพิ่งสร้างเมื่อไม่กี่ปีมานี่เอง คนสร้างก็คิดได้ ว่าต้องเอาเลเซอร์มา แล้วแกะลงบนหิน เวลาดูต้องดูจากที่ไกลค่ะ ถึงจะเห็นชัดๆ เราก็ไหว้จากที่ไกลๆ เนี่ยแหละค่ะ เขาบอกว่าไปตรงนั้นก็มีแค่ธูปเทียนให้ไหว้ งั้นเราขอไหว้แค่นี้ละกันเน้อ
จากนั้นแวะวิหารเซียนที่อยู่ใกล้ๆ กัน สร้างได้ยิ่งใหญ่มากๆ ค่ะ เป็นแนวๆ วัดจีน ดูคล้ายเล่งเน่ยยี่ 2 มาก แต่สู้ไม่ได้ กำลังจะเดินเข้าไปดู เหลือบไปเจอที่ขายตั๋วเข้า เฮ้ย! 50 บาท คือแบบว่าถ้าคิดคนต่างชาติก็ว่าไปอย่างนะ หรือว่า 10-20 บาทก็ว่าไปอย่าง เพราะขนาดเล่งเน่ยยี่ 2 สวยกว่านี้ยังเข้าฟรีเลย เพราะยังไงเราก็ต้องทำบุญข้างในอยู่แล้ว พวกบริจาคค่าน้ำค่าไฟ ทำบุญเยอะแยะ เก็บแบบนี้แอบเสียศรัทธาเล็กๆ นะเนี่ย เลยสรุปเป็นเอกฉันท์ว่า...ขอไหว้ไกลๆ อย่างนี้เหมือนเดิมเห็นจะดีกว่า ก่อนกลับขอถ่ายรูปสักนิด อิอิ (ดีที่ไม่คิดค่าถ่ายรูปด้วย)
ตอนจะออกจากเขา เหลือบไปเห็นเจ้านี่ค่ะ
เถียงกันใหญ่ในรถว่าสรุปมันคือลูกอะไรตอนที่ยังไม่เห็นป้ายว่าเป็นมะม่วง แอปเปิ้ลก็คล้าย ลูกท้อก็เหมือน เฮ้อ...พันธุ์อะไรเนี่ย ใหญ่โตมโหฬาร ตามสไตล์บ้านเรา จะซื้อต้องชิม ยิ่งโลละร้อยกว่าสองร้อย(ตามขนาดลูก)ด้วยแล้ว แต่เขาไม่ให้เราชิมค่ะ สงสัยไม่อร่อยสมราคาแหงๆ ไม่งั้นก็ต้องให้เราชิมแล้วดิ ถึงจะแพงแต่ถ้าอร่อยจริง บ้านเราทุ่มไม่อั้นอยู่แล้ว (เรื่องกินเรื่องใหญ่ที่สุด) กว่าจะได้เดินทางกลับก็บ่ายกว่า(มากๆ)แล้ว น้องๆ ที่เพิ่งเล่นน้ำเสร็จหิวจนต้องโทรตาม สังเกตุจากคนที่โทรตามเป็นคนที่ผอมแห้งแรงน้อยที่สุด(ยังหิวแล้วเลย) คาดว่าที่เหลือคงเป็นลมไปแล้ว หลังจากกินข้าวเรียบร้อย เราก็นั่งเล่นนอนเล่นตามใจ ปลอกมะม่วง(ที่ซื้อมาเอง) 11 ลูกใหญ่ ก็เรียบวุธไม่เหลือเลย แม้แต่เม็ด (กินดุจริงๆ เห็นมั้ย!) ตอนห้าโมงเย็นไปเล่นบานาน่าโบ๊ท มีที่จับห้าอัน คนเล่นหกคน จาก 600 ต่อเหลือ 550 บาทต่อครึ่งชั่วโมง พอดีปริ๊นซ์เดินไปช้า คนขับเรือเอาเสื้อชูชีพให้น้องหมดแล้ว น้องที่เล่นด้วยมีผู้ชาย 2 คน อยู่ ม.2 น้องแท้ๆ อยู่ ม.1 น้องผู้หญิง อยู่ป.4 น้องเล็กสุด อยู่ ป.3 แต่น้องทุกคนล้วนว่ายน้ำเป็น ยกเว้นปริ๊นซ์คนเดียว!! แต่พี่เขากลับเอาชูชีพเปื่อยใกล้ขาดเต็มที่มาให้ปริ๊นซ์ใส่ ช่วยด้วยยยยยยยย!! ตัดสินใจว่า...เอาวะ จมเป็นเกาะน้อง! พอขึ้นนั่งได้เท่านั้น เรือออกปุ๊บ น้องคนนั่งข้างหลังร้อง "เจ๊ปริ๊นซ์! ชูชีพขาด" หันกลับไปดู คราวนี้ขาดจริงค่ะ ผ้าขาก โฟมโผล่ออกมาครึ่งแผ่น ฮือ...บอกตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วน้องเอ๋ย แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดีค่ะ เล่นจนปวดไปทั้งตัว อ่อนเปลี้ยเพลียแรง ปีนจนขึ้นไปนอนเกยข้างๆ โบ๊ท(ส่วนที่ยื่นออกมาสองฝั่ง) รู้สึกอนาถใจในสภาพตัวเองนัก พี่เขาเทสี่ห้าครั้งได้ จนครั้งสุดท้ายที่เขาจะให้กลับฝั่งเอง ด้วยความขี้เกียจว่ายเข้าฝั่ง(ลำพังว่าไม่เป็นก็เป็นปัญหาแล้ว ชูชีพยังมาเป็นงี้อีก) ปริ๊นซ์เกาะสุดแรงค่า เทปุ๊บตกไปสี่ เหลือสอง พี่เขากะเทะอีกรอบ คราวนี้ปริ๊นซ์นอนคว่ำ เกาะเรือแน่น ท่องในใจ ตูไม่ล๊ง!!! แล้วก็สำเร็จค่ะ เขาจำต้องลากเราเข้าใกล้ฝั่งมากที่สุด เท่าที่จะทำได้ ถือเป็นความภูมิใจเล็กน้อย (หลังจากรอบแรกทำเรือคว่ำเพราะเกาะไม่ยอมปล่อย 555) ตอนกลางคืนเข้าไปหาร้านประจำในเมืองค่ะ ร้านเล้งกี่ ไปกินข้าวต้มกัน ข้าวต้มก็แบบว่า มีแต่น้ำ ยิ่งผ่านไปแต่ละหม้อ ยิ่งมีแต่น้ำๆๆ กำลังคิดว่าหรือจะสั่งข้าวสวยแล้วเอาน้ำเปล่าเทดี สรุปว่าคืนนี้หนีไปนอนกับอี๊ค่ะ สบายมาก เตียงใหญ่นอนกันแค่สองคน ทนเบียดไมไหวแล้ว ... ... ... วันต่อมาก็ต้องเตรียมเดินทางกลับ แวะซื้อของที่หนองมนเล็กน้อย(ทุเรียนทอดจ๋าาา) สงสัยจะกินจนคอเจ็บอีกแล้ว เฮ้อ... ปล. ทิ้งท้ายไว้ด้วยรูปน้องๆ ส่วนหนึ่งค่ะ(ย้ำว่าแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น!) อันนี้น้องสาวแอบถ่ายมา เพราะเป็นภาพแสนธรรมชาติ การเที่ยวของเราคือการเปลี่ยนที่นอน ที่กิน และที่ดูทีวีค่ะ หวังว่าจะสนุกไปกับการเที่ยวพัทยาของปริ๊นซ์น้า... สวัสดีค่ะ
Free TextEditor
Create Date : 04 พฤษภาคม 2552 |
|
6 comments |
Last Update : 4 พฤษภาคม 2552 23:44:59 น. |
Counter : 1565 Pageviews. |
|
|
|
................
พรุ่งนี้ได้พักอีกวัน มีความสุขมากๆนะคะ...ฝันดีค่ะ