|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
|
|
|
|
|
|
|
รู้จักกระหรี่
...รู้จักกระหรี่ เด็กบ้านนอกคอกนาอย่างผมและผองเพื่อนนอกจากงานวัด งานบุญ ( งานวัดในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าผมศรัทธาในพุทธศาสนาแต่เพราะเมื่อใดที่มีงานวัด ก็มักจะมีสาวๆ มีรำวง มีร้านขนมจีน ข้าวยำ มีมโหรสพต่างๆ ให้ดู ) แล้วก็ไม่รู้จะหันหน้าไปเที่ยวที่ไหน ไอ้ครั้นจะถ่อสังขารไปเที่ยวในตัวจังหวัดก็ไม่คุ้ม ระยะทางกว่า 35 กิโลเมตร แม้น้ำมันในขณะนั้นไม่แพงมาก แต่การข้ามไปต่างถิ่นอาจทำให้เป็นที่เขม่นของวัยรุ่นแถบนั้น ดีไม่ดีจะมีสำลีแปะหัวมาด้วย ไม่นานนักข่าวของเมืองใหม่ก็แพร่สะพัด เพื่อนรุ่นพี่เริ่มเข้ามาชักชวน ผมเองก็พร้อมจะลองของใหม่ จึงตอบปากรับคำอย่างง่ายดาย เราทั้ง 3 ชีวิต ( ใช้มอเตอร์ไซค์อัดซ้อน 3 ) จึงมุ่งหน้าด้วยความเร็ว 25 น๊อตต่อชั่วโมง พุ่งตรงยังเมืองใหม่ ทางเข้าแม้ในยามหน้าแล้ง ยังพอมองเห็นหลุม โลกพระจันทร์ได้เป็นระยะ นี่ถ้าติดช่วงหน้าฝนรับรอง เลอะเทอะ ไปทั้งคนทั้งรถแน่ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเราก็สามารถแหวกถนนหนทาง เข้ามาอยู่ยังที่ตั้งของเมืองใหม่อย่างสง่าผ่าเผย แสงไฟระยิบระยับ สาวน้อย สาวใหญ่นั่งโชว์เรียกแขกอยู่บริเวณหน้าร้าน ผมก้าวลงจาก รถ ( ความจริงควรเรียกว่าฉีกแข้งขาลงมาจะเห็นภาพชัดกว่า ) กางเกงทรงจิ้งเหลน พร้อมเสื้อลายสก๊อตแลนยาร์ด ทำให้ สาวๆที่นั่งเรียกแขกอยู่หน้าร้านหวีดว๊ายกระตู้หู้พอสมควร แห้ง ไปนั่งร้านเด็กกูดีกว่า มีเพื่อนมันสวยๆเยอะเลย เดี๋ยวแนะนำให้รู้จัก เสียงไอ้โอ๋ อดีตนักเรียนเทคนิคที่ผันตัวเองมาเป็นเซียนพนันไก่ชนเป็นคนเชื้อเชิญ ผมพยักหน้ารับ ร้านที่ว่าต้องเดินผ่านหน้าร้านร่วมๆ 10 ร้านกว่าจะถึง ก็ดี ผมนึกในใจจะได้เดินดูของสวยๆงามไปพลางๆ จากการเดินเรื่อยเปื่อย ก็พลันมาสะดุดอยู่ที่ ร้านตอง9 มีสาวๆนั่งอยู่ประมาณ 3 4 อนงค์นาง หล่อนนั่งทำหน้าเฉยเมย ผิดกับหลายๆร้านที่พวกเราเดินผ่าน เพราะหญิงสาวเหล่านั้นลากถูลู่ถูกังเราให้เข้ามาในร้านจนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด หนึ่งในอนงค์นางที่ว่า ทำให้ผมสะดุดตาอย่างที่สุด ทั้งผิวขาวเนียน ตากลมคมขำ ผมยาวประบ่า กระโปรงสั้นที่เธอสวมใส่ช่างรับกับเรือนร่างจริงๆ เรามาถึงร้านที่นัดหมายกัน ชื่อร้านคือ ลานชมพู แขกในร้านดูคับคั่งเป็นพิเศษ ส่วนมากมักเป็นคนไทยมุสลิมที่เข้ามาหาความสุขความสำราญ บางคนก็ดื่มเหล้า บางคนก็ดื่มแค่น้ำอัดลม แล้วแต่ใครจะถนัดอะไร ไอ้แห้ง ตั้งแต่เลิกต่อยมวย มึงหันมาเที่ยวซ่องเลยเหรอว่ะ สำเนียงพูดภาษาไทยไม่แข็งแรงของเพื่อนมุสลิม ร้องทักจนผมค้อนอาย ว่าแต่มึงเถอะ มีเด็กร้านไหนแนะนำกูบ้าง ผมเลียบเคียงถาม ร้านนี้คนแยะว่ะ ที่นั่งก็เต็ม เพราะเด็กสวยๆมันมีมากกว่าร้านอื่น คืนนี้มึงไม่มีทางได้นั่งหรอก ไอ้ลีแนะนำ มึงว่างัยไอ้โอ๋ ไม่เคลียร์กับเด็กมึงก่อน เอาไว้วันหลังค่อยมาตอนตะวันยังไม่ตกดิน ผมบอกสหายร่วมอุดมการณ์เพราะในใจอยากไปนั่งร้านที่เดินผ่านมาเมื่อสักครู่มากกว่า หลังจากตกลงกันเป็นที่เรียบร้อย ผมก็เชื้อเชิญให้ไอ้ลีเพื่อนมุสลิม ที่คบเอาไว้บ้างก็ดีในยามที่มาถิ่นมุสลิมเช่นนี้ อย่างน้อยมีปัญหาจะได้ช่วยพึ่งพาอาศัย เมื่อไม่ได้นั่งในร้านลานชมพู พวกเราก็ย้ายก้นกันมาร้านตอง9 เด็กเสริฟ ( จริงๆทำอย่างอื่นด้วยนอกจากเสริฟ ) เข้ามาถามไถ่เรื่องเครื่องดื่มพอเป็นกระษัย ไม่เกิน 5 นาที เหล้า 1 ชุดก็ถูกจัดวาง น้องๆช่วยไปเรียกเด็กที่นั่งอยู่หน้าร้านมาคุยกับพวกพี่ๆหน่อยซิ โอ๋ ในฐานะรุ่นพี่ เนื่องจากมันมาเที่ยวก่อน เริ่มใช้กลอุบายของนักเที่ยวกลางคืน สาวๆ ทั้ง 3 คนมาอย่างเซ็งกะตาย เก้าอี้ถูกจัดวางอย่างเหมาะเจาะ 1สาวต่อ 1หนุ่ม ผมในฐานะเพิ่งมาเป็นครั้งแรก ตื่นตาตื่นใจพอสมควร เพราะปกติผมก็ไม่เคยสุงสิงกับผู้หญิงซักเท่าไหร่ แม้จะชอบในตัวแต่ไอ้ครั้นจะให้ไปจีบเป็นเรื่องเป็นราว ผมกลับมองว่าเป็นความยุ่งยาก สุดแสนรันทดของลูกผู้ชาย อยู่ไปเรื่อยๆ ถ้ามีก็ดี ไม่มีก็ไม่เป็นไร ผมคิดของผมอย่างนี้เลยครองตัวเป็นโสดจนถึงทุกวันนี้ แต่วันนี้ผมเริ่มมีความหวังเพราะน้องนางที่นั่งข้างๆ จริงๆอายุเค้าแก่กว่าผมเป็นแน่แท้ ดูจากโครงสร้างของเส้นผมผนวกกับฟันกรามซี่ในสุด หลังจากคุยกันพอเป็นพิธีทำให้เราทราบว่า ทั้งสามคน มาจากคนละทิศละทาง คนแรกชื่อ อ้อ ผิวขาว ผมยาว รูปร่างอวบอั้น เป็นคนอีสานตอนบน คนที่สองชื่อ มีมี่ คนนี้นั่งใกล้ผม และเป็นคนที่ผมหมายปองไว้ตอนแรกที่เดินผ่านหน้าร้าน หล่อนเป็นคนที่ไม่สามารถระบุสัญชาติได้อย่างแน่ชัด เข้าใจว่าเป็นชาวต่างด้าวรุ่นบุกเบิกที่เข้ามาทำมาหากินอาชีพนี้ในย่านดังกล่าว หล่อนบอกว่าเป็นคนทางภาคเหนือ แต่ฟังจากสำเนียงไทยกระท่อนกระแท่นน่าจะ เป็นชาวพม่า หรือไทยใหญ่มากกว่า คนที่สามชื่อ อ้อม บุคลิกเป็นสาวห้าว เหมือนนักร้องยอดนิยมในสมัยนั้น ผมสั้น ผิวขาว เป็นคนเมืองหลวง ด้วยการจับคู่ชนิดที่ไม่ต้องอาศัยมาลัยเสี่ยงรักของไทยรัฐ โอ๋นั่งกับอ้อม ผมนั่งกับมีมี่ เดชนั่งกับอ้อ ในพวกเราทั้งสามคน โอ๋จะคุ้นเคยที่นี่บ่อย ส่วนผมกับเดชมาเป็นครั้งแรก ท่าทีเหนียมอายจึงยังปรากฏให้เห็น หันไปดูโอ๋ ไอ้นั่นมันเล่นจับโน้นจับนี่ แถมพอเผลอมันหอมแก้มหน้าตาเฉย ผมคุยกับมีมี่ ไม่ค่อยเข้าใจนัก เหมือนหล่อนจะไม่ค่อยเข้าใจภาษาไทยเท่าที่ควร เช่นถามว่า มาทำงานที่นี่นานหรือยัง หล่อนกลับตอบว่า คืนนี้แขกไม่ค่อยเยอะ หรือ ไม่เหงาคิดถึงบ้านบ้างเหรอ หล่อนบอกว่า พักอยู่ที่โรงกะปิ อยู่ห่างจากนี้ไปอีก 2 กิโล ความชอบที่ผมเพิ่งจะมีจากหล่อนเมื่อตอนต้น เริ่มจะหดหาย ถ้ามีพรวิเศษผมอยากเศกหล่อนให้เป็นใบ้ไปด้วยซ้ำ เพราะยังจะสื่อสารกันง่ายกว่าเป็นไหนๆ หันมาดูที่เดชกับอ้อบ้าง แม้จะไม่หวือหวาเท่าคู่ของโอ๋หรือลำบากลำบนอย่างคู่ผม แต่เหมือนศรรักปักจิต ทั้งสองพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาด เหมือนคู่รักเก่าในอดีตชาติที่ผลัดพรากจากกัน แขกทยอยเข้ามาในร้านบ้างประปราย บางคนไม่ได้นั่งโต๊ะ แค่มาถามไถ่หน้าเคาเตอร์ก็พาสาวขึ้นห้องไป บางคนก็พาสาวๆออกไปข้างนอก ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดเริ่มสร้างความมึนงงให้กับผมพอควร หลังจากพูดคุยกับ มีมี่ไม่ค่อยจะรู้เรื่องผมเลยถือโอกาสออกมาเดินเล่นข้างนอก สูดอากาศบริสุทธิ์ แห้ง เดี๋ยวนี้หัดมาที่นี่ด้วย เรอะมึง นั่งร้านไหนว่ะ ไอ้ดี้ เพื่อนในตลาดร้องทักผม พร้อมๆกับการลากผมไปนั่งยังร้าน ลานชมพู สถานที่ร้านแรกที่กลุ่มของเราจะไปกันแต่ดันไม่มีโต๊ะว่าง ดี้มาตั้งแต่ตะวันยังไม่ตกดิน มันบอกว่าติดเด็กร้านนี้อยู่คนนึง สวยเช้ง ถ้าไม่สานต่อประจำ เดี๋ยวพวกเอาไปทำเมียตกเมียแต่ง จะอดเสียดาย ดี้มาคนเดียว มันไม่ทานเหล้า ดื่มแต่น้ำอัดลม แต่ก็ยังดีที่สั่งมาให้ผมซด 1 ชุด นี่พี่แห้ง เคยเรียนสมัยประถมมาด้วยกัน เคยต่อยมวยด้วยน่ะ เก่ง แต่ไม่เคยชนะ ไอ้ดี้มันบรรยายสรรพคุณผมเสร็จสรรพต่อหน้าเด็กมัน หล่อนสวัสดีผมเป็นธรรมเนียม ผมยิ้มทักทาย ผู้หญิงคนนี้ ไม่สวยมากนัก แต่ดูมีเสน่ห์ เท่ห์ ซึ่งผมเองก็บรรยายไม่ถูก ยิ่งได้เห็นหล่อนคุยด้วยแล้ว มันแฝงไปด้วยสัจธรรม และความจริงที่ยากจะรับได้ ลืมบอกไป หล่อนชื่อ ผา ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่ามาจากชื่อจริงว่า บุบผา หรือ ภูผา ผมนั่งได้ไม่นานนัก ดี้ก็ขอตัวตามประสาลูกกตัญญูไม่อยากกลับบ้านดึกมากนัก พร้อมกับบอกให้ผมนั่งต่อ เนื่องจากเหล้าเพิ่งจะหมดไปครึ่งแบน มันบอกพลางจ่ายตังค์ไว้เสร็จสรรพ มิกเซอร์ที่เหลือ มึงออกเองน่ะ กูไปก่อน ผมนั่งละเลียดเหล้าที่เหลือโดยมี ผาเป็นเพื่อนคุย นึกยังงัยถึงมาทำอาชีพอย่างนี้ เป็นคำถามแรกหลังจากดี้กลับที่ผมยิงใส่หล่อน แม้จะพยายามปกปิดความในใจแต่สีหน้าที่หล่อนแสดงออกก็สื่อให้เห็นว่าลำบากใจสำหรับคำตอบที่จะมีให้ผม ผาก็เหมือนหญิงสาววัยรุ่นทั่วๆไป ที่อยากเรียนหนังสือ อยากมีความรู้ อยากมีครอบครัวที่ดี แต่คนเราเลือกเกิดไม่ได้ ค่านิยมในหมู่บ้าน การที่ลูกคนโน้นคนนี้ สามารถสร้างบ้านให้พ่อให้แม่อยู่อย่างรโหฐาน มีเงินทีทองใช้ไม่ขาดมือ ทำให้หญิงสาวหลายคนในหมู่บ้านต้องหักเหชีวิตไปตามๆกัน ก่อนหน้าที่จะมาทำทีนี้ผาทำงานอยู่ที่หาดใหญ่ เป็นเด็กนั่งดริงซ์ในคาราโอเกะ มีแขกชาวมาเลเซียส่งเสียเลี้ยงดูอยู่พักใหญ่ แต่ด้วยทัศนคติไม่ตรงกัน เพราะแขกชาวมาเลเซียต้องการให้อยู่แต่บ้านคอยปรนนิบัติรับใช้และสนองตัณหาราคะเพียงอย่างเดียว ทำให้ผาเหมือนขาดบางสิ่งบางอย่างไป เหมือนเราไม่ใช่คนเป็นเพียงเครื่องมือในการบำบัดทางเพศ มาที่นี่ก็หนีมา ไม่มีใครรู้ ทรัพย์สินที่ได้จากแขกคนนั้นมีเพียงสร้อยคอทองคำ 1 บาท กับเงินในบัญชีอีกกว่าหมื่นบาท ต่อเดือนผาต้องส่งเงินให้ทางบ้านซึ่งมีพ่อ แม่และน้องชายอีกคนตกเดือนละ 5000 บาท น้องชายกำลังเรียนชั้นมัธยมต้น นี่ดีที่มันเป็นผู้ชาย ถ้าเป็นผู้หญิงสงสัยจะเดินตามรอยพี่มัน ผมเล่าและยิ้มเยาะติดตลกในวรรคสุดท้าย ชีวิตกระหรี่มันก็อย่างนี้แหละพี่ ต้อง ด้านได้อายอด เสแสร้งมันไปวันๆ ทั้งๆที่ความจริงมันน่าสะอิดสะเอียนยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด พี่ลองนึกดูต่อวันผาถูกบุ๊ควันละประมาณ 6 ครั้ง เดือนหนึ่ง หากนับช่วงประจำเดือนมาก็ตัดไปประมาณอาทิตย์นึง ตกต้องรับแขกต่อเดือนประมาณ 140 ครั้ง หากบุ๊คแบบชั่วคราวทั้งหมดก็เป็นเงิน 14000 บาท หักให้เถ้าแก่ต่อครั้ง 40 บาทเหลือเก็บจริงๆ 8400 บาท หากเดือนไหนโชคดีหน่อยมีแขก บุ๊คออกไปข้างนอก ซึ่งค่าตัวขึ้นเป็น 3 เท่าตัวคือ 300 บาท รายได้ก็จะมีมากขึ้น แต่ก็ใช่ว่าจะโชคดี เพราะแขกบางคนบุ๊คพาไปข้างนอกแต่กลับพาเราไปเรียงคิว ดีไม่ดีภายในเสียหายอาจต้องหยุดยาวเป็นเดือน ผาสาธยาย แม้ผมจะมึนงงกับศัพท์คำว่า บุ๊ค อยู่พอสมควรแต่ก็อีออไปกับหล่อนด้วย บุ๊ค ในที่นี้ต่อมาผมถึงทราบว่าเป็นคำที่ใช้เรียกกรณีต้องการขึ้นห้อง ( หรือจะเรียกว่าออฟเด็กก็ได้ ) บุ๊คมีทั้งแบบชั่วคราวคือ 1ชั่วโมง หรือค้างคืนซึ่งราคาจะเหมือนกับ บุ๊คออกไปข้างนอก แต่กรณีบุ๊คออกไปข้างนอก เด็กต้องคุ้นเคยกับแขกพอสมควร เพราะมีกรณีพาไปเรียงคิวให้เห็นอยู่บ่อยๆ โดยการบุ๊คออกไปข้างนอกต้องมีข้อตกลงว่าจะมาส่งเด็กในตอนเช้ากี่โมง ผมสนทนากับผาจนเกือบเลยเที่ยงคืน และลืมไปว่ามิตรสหายนั่งดื่มกินอยู่อีกร้าน ผมบอกผาเช็คบิล หล่อนโบกมือให้ ไม่เป็นไรพี่ หนูเลี้ยงมิกเซอร์เอง แต่อย่าบอกพี่ดี้น่ะ เดี๋ยวเค้าหึง แม้ผมจะพยายามจ่ายแต่เพื่อไม่ให้ขัดศรัทธาจึงต้องเลยตามเลย ผมกลับมาร้านตอง 9 แต่ไม่มีใครอยู่สักคน สอบถามเด็กภายในร้านทราบว่าพากันขึ้นห้องไปหมด นั่นงัย ความเงี่ยนไม่เข้าใครออกใคร ผมสบถกับตัวเอง
Create Date : 23 กันยายน 2549 |
Last Update : 7 ตุลาคม 2549 19:43:06 น. |
|
5 comments
|
Counter : 685 Pageviews. |
|
|
|
โดย: แม่ของจิตร วันที่: 23 กันยายน 2549 เวลา:15:28:24 น. |
|
|
|
โดย: sugarhut วันที่: 23 กันยายน 2549 เวลา:15:43:47 น. |
|
|
|
โดย: หมิว (xiaoyang ) วันที่: 23 กันยายน 2549 เวลา:15:50:57 น. |
|
|
|
โดย: oato_janza วันที่: 13 ตุลาคม 2549 เวลา:10:52:50 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ไม่ได้ใครเลยเหรอครับเนี่ย