|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ความหมายของคำว่า "รูป"
ความหมายของคำว่า "รูป "
..........ภิกษุ ท.! : คนทั่วไป กล่าวกันว่า "รูป" เพราะอาศัยความหมายอะไรเล่า ?
..........ภิกษุ ท .! : เพราะกิริยาที่แตกสลายได้ มีอยู่ ใน สิ่งนั้น (เช่นนี้แล) ดังนั้น สิ่งนั้น จึงถูกเรียกว่า รูป. สิ่งนั้น แตกสลายได้ เพราะอะไร ?สิ่งนั้น แตกสลายได้เพราะความเย็นบ้าง, แตกสลายได้ เพราะความร้อนบ้าง, แตกสลายได้ เพราะความหิวบ้าง, แตกสลายได้ เพราะความกระหายบ้าง,แตกสลายได้ เพราะถูกต้องกับเหลือบ ยุง ลม แดด และสัตว์เลื้อยคลานบ้าง,(ดังนี้เป็น ต้น )
..........ภิก ษุ ท .! : เพราะ กิริยา ที่แตกสลายได้ มีอยู่ในสิ่งนั้น(เช่นนี้แล) ดังนั้น สิ่งนั้น จึงถูกเรียกว่ารูป
อุปมาแห่งรูป
..........ภิกษุ ท.! : แม่น้ำคงคานี้ ไหลพาเอา ฟองน้ำ ก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งมา, บุรุษผู้จักษุ (ตามปกติ) เห็นฟองน้ำ ก้อนใหญ่ก้อนนั้น ก็พึงเพ่งพินิจพิจารณา โดยแยกคาย เมื่อบุรุษ ผู้นั้นเห็น อยู่ เพ่งพินิจพิจารณาโดยแยบ คายอยู่, ก้อนฟองน้ำนั้น ย่อมปรากฏเป็นของว่างของเปล่าและปรากฏเป็นของหาแก่น-สารมิได้ไป .
..........ภิกษุ ท.! : ก็แก่นสารในก้อนฟองน้ำนั้น จะพึงมีได้อย่างไร,อุปมานี้ฉันใด;
..........ภิกษุ ท.! : อุปไมยก็ฉันนั้น คือ รูปชนิดใดชนิดหนึ่ง มีอยู่ จะเป็นอดีตอนาคตหรือปัจจุบันก็ตาม เป็นภายในหรือภายนอกก็ตาม หยาบหรือละเอียดก็ตาม เลวหรือประณีตก็ตาม มีในที่ไกลหรือที่ใกล้ก็ตาม.ภิกษุเห็นรูปนั้นย่อมเพ่งพินิจพิจารณาโดยแยบคาย. เมื่อภิกษุนั้นเห็นอยู่ เพ่งพินิจพิจารณาโดยแยบคายอยู่, รูปนั้น ย่อมปรากฏเป็นของว่างของเปล่า และปรากฏเป็นของหาแก่นสารมิได้ไป.
..........ภิกษุ ท.! : ก็แก่นสารในรูปนั้น จะพึงมีได้อย่างไร.
อัสสาทะของรูป
..........ภิกษุ ท.! : อัสสาทะ (รสอร่อย) ของรูป เป็นอย่างไรเล่า ?
..........ภิกษุ ท.! : เปรียบเหมือนนางสาวน้อยแห่งกษัตริย์ก็ดี นางสาวน้อยแห่งพราหมณ์ก็ดี และนางสาวน้อยแห่งคฤหบดีก็ดี ที่มีวัยอันบุคคลพึงแสดงว่าอายุสิบห้าหรือสิบหก ไม่สูงนัก ไม่ต่ำ นัก ไม่ผอมนัก ไม่อ้วนพีนัก ไม่ดำนักไม่ขาวนัก.
..........ภิกษุ ท .! : เหล่านางสาวน้อยนั้น ๆ จักมีสีส รรแห่งวรรณะอันงดงาม ในสมัยนั้น เป็นอย่างยิ่ง มิใช่หรือ ?
"ข้อนั้น เป็นเช่นนั้นแล พระเจ้าข้า !"
..........ภิกษุ ท.! : สุข โสมนัส ใด ๆ ที่อาศัยสีสรรแห่งวรรณะอันงดงาม แล้วบังเกิดขึ้น. สุข โสมนัสนี้แล เป็นอัสสาทะของรูป.
อาทีนพของรูป
..........ภิกษุ ท.! : อาทีนพ (โทษ) ของรูป เป็นอย่างไรเล่า ?
..........ภิกษุ ท.! : บุคคล จะได้เห็นน้องหญิง ในกรณีนี้นั่นแหละ โดยกาลต่อมา มีอายุได้ ๘๐ ปีก็ตาม ๙๐ ปีก็ตาม ๑๐๐ ปีก็ตาม ชราทรุดโทรมแล้ว มีหลังงอดุจไม้โคปาณสิแห่งหลังคา มีกายคดไปคดมา มีไม้เท้ายังไป ในเบื้องหน้า เดินตัวสั่นเทิ้ม กระสับกระส่าย ผ่านวัยอันแข็งแร่งไปแล้ว มีฟันหักแล้ว มีผมหงอกแล้ว มีผมตัดสั้นอย่างลวก ๆ มีผิวหนังหย่อนยาน และมีตัวเต็มไปด้วยจุด.
..........ภิกษุ ท.! : พวกเธอเข้าใจความข้อนั้นว่าอย่างไร ? สีสรรแห่งวรรณะอันงดงามที่มีแต่เดิม ใด ๆ สีสรรแห่งวรรณะอันงดงามนั้น ย่อมอันตรธานหายไป,โทษ ย่อมบังเกิดปรากฏ มิใช่หรือ ?
"ข้อนั้น เป็นเช่นนั้น พระเจ้าข้า!"
..........ภิกษุ ท.! : นี้แล เป็นอาทีนพของรูป.
...........ภิกษุ ท.! โทษอย่างอื่นยังมีอีก : บุคคล จะได้เห็นน้องหญิงนั้น-แหละ อาพาธลง ได้รับทุกข์ทรมาน เป็นไข้หนัก นอนกลิ้งเกลือกอยู่ในมูตร และคูถของตนเอง อันบุคคลต้องช่วยพะยุพยุงให้ลุกและให้นอน.
..........ภิกษุ ท.! : พวกเธอเข้าใจความข้อนั้นว่าอย่างไร ? สีสรรแห่งวรรณะ อันงดงามที่มีแต่เดิมใด ๆ สีสรรแห่งวรรณะอันงดงามนั้น ย่อมอันตรธานหายไป, โทษ ย่อมบังเกิดปรากฏ มิใช่หรือ ?
"ข้อนั้น เป็นเช่นนั้น พระเจ้าข้า !"
..........ภิกษุ ท.! : โทษอย่างอื่นยังมีอีก : บุคคล จะได้เห็นน้องหญิงนั้น-แหละ อันเขาทิ้งแล้ว ในป่าช้าเป็นที่ทิ้งศพ ตายแล้ววันหนึ่ง ก็ตามตายแล้วสองวันก็ตาม ตายแล้วสามวันก็ตาม หรือกำลังขึ้นพอง มีสีเขียว มีหนองไหล.
..........ภิกษุ ท.! : พวกเธอเข้าใจความข้อนั้นว่าอย่างไร ? สีสรรแห่งวรรณะอันงดงาม ที่มีแต่เดิม ใด ๆ สีสรรวรรณะอันงดงามนั้น ย่อมอันตรธานหายไป, โทษย่อมบังเกิดปรากฏ มิใช่หรือ?
"ข้อนั้น เป็นเช่นนั้น พระเจ้าข้า !"
..........ภิกษุ ท.! : แม้นี้แล เป็นอาทีนพของรูป.ย่อมบังเกิดปรากฏ มิใช่หรือ?
..........ภิกษุ ท.! : โทษอย่างอื่นยังมีอีก : บุคคล จะได้เห็นน้องหญิงนั้น-แหละ อันเขาทิ้งแล้ว ในป่าช้าเป็นที่ทิ้งศพ เป็นชิ้นกระดูก มีสีขาวดั่งสีสังข์ ก็ตาม เป็นชิ้นกระดูกกองเรี่ยรายอยู่นานเกินกว่าปีหนึ่งไปแล้วก็ตาม เป็นกระ-ดูกเปื่อยผงละเอียดไปแล้วก็ตาม.
..........ภิกษุ ท.! : พวกเธอเข้าความข้อนั้นว่าอย่างไร : สีสรรแห่งวรรณะอันงดงามที่มีแต่เดิมใดๆสีสรรแห่งวรรณะอันงดงามนั้น ย่อมอันตรธานหายไป, โทษ ย่อมบังเกิดปรากฏ มิใช่หรือ ?
ข้อนั้น เป็นเช่นนั้น พระเจ้าข้า !"
..........ภิกษุ ท.! : แม้นี้แล ก็เป็นอาทีนพของรูป.
Create Date : 11 พฤษภาคม 2553 |
Last Update : 11 พฤษภาคม 2553 15:08:38 น. |
|
12 comments
|
Counter : 642 Pageviews. |
|
|
|
โดย: อัสติสะ วันที่: 12 พฤษภาคม 2553 เวลา:8:06:03 น. |
|
|
|
โดย: พรหมญาณี วันที่: 12 พฤษภาคม 2553 เวลา:11:14:50 น. |
|
|
|
โดย: พรหมญาณี วันที่: 13 พฤษภาคม 2553 เวลา:10:12:56 น. |
|
|
|
โดย: อย่านะ วันที่: 13 พฤษภาคม 2553 เวลา:19:44:22 น. |
|
|
|
โดย: พรหมญาณี วันที่: 14 พฤษภาคม 2553 เวลา:10:46:57 น. |
|
|
|
โดย: อย่านะ วันที่: 14 พฤษภาคม 2553 เวลา:18:52:11 น. |
|
|
|
โดย: พรหมญาณี วันที่: 15 พฤษภาคม 2553 เวลา:20:26:22 น. |
|
|
|
โดย: เย็นแล้วนะ IP: 124.120.77.243 วันที่: 15 พฤษภาคม 2553 เวลา:22:30:03 น. |
|
|
|
โดย: นนนี่มาแล้ว วันที่: 16 พฤษภาคม 2553 เวลา:22:49:06 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|