ไปเล่นน้ำกันที่ 'ไนแองกาล่า' (Niagara Falls)

พยายามจะอัพบล็อกให้ได้อย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 ครั้ง แต่ไม่รู้ว่าด้วยความขี้เกียจ จะทำได้อย่างที่คิดหรือเปล่าแฮะ ^^’

วันนี้จะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวน้ำตกไนแองกาล่ากันค่ะ (Niagara Falls) กิ๊ฟเลือกเดินทางโดยการขับรถจากเวสเวอร์จิเนียตรงไปยังแคนาดา ออกเดินทางประมาณ 3 ทุ่มครึ่ง กว่าจะถึงที่นั่นก็เช้าพอดี คนนั่งอย่างเราก็สบายไปเพราะได้หลับตลอดทาง สงสารแต่คนขับรถ ทั้งๆ ที่เหนื่อยจากการทำงานมาทั้งวัน ยังต้องฝืนขับรถอีกทั้งคืนอีก ขอปรบมือให้เลยว่าเก่งมาก

งานนี้พวกเราเลยมีตัวช่วยให้คุณคนขับ นั่นก็คือ Red Bull (กระทิงแดง) ตอนไปซื้อก็นึกเสียดายตังค์อยู่เหมือนกัน เพราะRed Bull ที่นี่แพงชะมัด ยิ่งถ้าคิดเปรียบเทียบเป็นเงินไทยแล้ว...เฮ้อ...รู้งี้แบกมาจากบ้านก็ดีหรอก นอกจาก Red Bull แล้วพวกเรายังมีเสบียงอีกเพียบ ทั้งข้าวเหนียวหมูย่างพร้อมแจ่ว (แซ่บหลาย) ไข่ต้ม ข้าวโพดต้ม แล้วก็พวกขนมกรุบๆ ประมาณว่าพอเปิดท้ายรถทีนึงต้องช่วยกันดันของเอาไว้ เพราะมันจะล้มครืนลงมาค่ะ ฮ่าๆๆ

เราหลับสนิทมาก มารู้ตัวอีกทีก็เกือบถึงตม.เข้าแคนาดาแล้ว การเดินทางโดยรถยนต์ก็ต้องผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเหมือนมาเครื่องบิน เพียงแต่จะยุ่งน้อยกว่ามาก เพียงแค่ยื่นพาสปอร์ตให้ประทับ ก็เป็นอันเสร็จพิธี พอออกจากด่านก็มุ่งหน้าเข้าเมือง ได้ยินเสียงพี่ตะโกนบอกจากด้านหน้าว่า น้ำตกอยู่ทางซ้ายมือ ไอ้เราก็ชะโงกคอยาว แต่ไม่เห็นอะไรนอกจากสีดำสนิท เลยเปลี่ยนใจงีบต่อ (แหะๆ) แต่ก็งีบได้แป๊บเดียว เพราะโรงแรมที่พักอยู่อีกไม่ไกล

พวกเราเลือกพักกันที่ Sheraton ค่ะ โรงแรมสวยดี แถมจากห้องพัก พอชะโงกหน้าออกไปจากหน้าต่างก็เห็นน้ำตกไนแองกาล่าอยู่ข้างหน้า วิวใช้ได้เลย ราคาก็ไม่แพงอย่างที่คิด คงเป็นเพราะเรามาช่วงโลว์ซีซั่น แต่ที่น่าเบื่ออยู่อย่างก็คงจะเป็นเรื่องที่จอดรถ เพราะที่ Sheraton ไม่มีลานจอดรถค่ะ เราต้องขับเลยไปอีกหน่อยไปจอดที่โรงแรมใกล้ๆ กันซึ่งเป็นเครือเดียวกับของ Sheraton แล้วเดินกลับมา

แต่ถ้าเทียบกับเรื่องความสวย สะอาด เวลาเช็คอินที่สุดจะเพอร์เฟ็ค (พวกเราได้เข้าห้องทันทีที่เช็คอิน นั่นคือ 8 โมงเช้า) รวมไปถึงระยะทางที่ใกล้กับน้ำตกไนแองกาล่าประมาณว่าเดินไปแค่ 5 นาทีก็ถึง Sheraton Hotel ก็เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่ตั้งใจมาเยือน Niagara Falls ค่ะ

วิวจากบนห้องพักค่ะ ได้ยินเสียงน้ำตกด้วย

รูปแรก ถ่ายแบบไม่ซูม ไม่ได้เปิดหน้าต่าง



ส่วน 2 รูปข้างล่างนี้ชะโงกหน้าไปถ่ายค่ะ ขอบอกว่าเสียวมาก

ต้องเล่าก่อนว่า Niagara Falls ประกอบไปด้วยน้ำตก 2 แห่งใหญ่ๆ รวมกัน

ที่แรกคือ American Falls



ส่วนอีกที่คือ Horseshoe Falls



พวกเรานอนพักกันจนถึง 10 โมง ก่อนจะออกไปกินข้าวเช้ากัน ซึ่งที่กินก็อยู่แสนใกล้ เพียงแค่เดินออกจากโรงแรมทางด้านข้าง เลี้ยวไปทางขวาก็จะเจอถนนเส้นนี้



ถนนสายนี้นักท่องเที่ยวชอบเดินกันนัก เป็นส่วนที่มีสีสันที่สุดในย่านนี้เลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะตอนกลางคืนคนจะครึกครื้นมาก เปิดไฟวิบวับเต็มไปหมดเลยค่ะ

พวกเราเลือกกิน Hamburger กันเพราะสะดวกและเร็ว สมชื่อ Fast Food จริงๆ

พอกินเสร็จก็มุ่งหน้าไป Niagara Falls ระหว่างเดินก็หยุดแวะถ่ายรูปไปตามทางตามประสาคนบ้ากล้องค่ะ ฮิๆ และพอเห็นน้ำตกเท่านั้น สัญชาติญาณก็สั่งให้คว้ากล้องขึ้นมาแชะไว้ 1 รูป ทางซ้ายมือที่เห็นมีคนยืนอยู่เป็นกลุ่มๆ นั่นเป็นทางที่สามารถเดินเข้าโรงแรม Sheraton ได้ เห็นไหมว่าอยู่โรงแรมนี้ทั้งใกล้ ทั้งสะดวกจริงๆ



พอไปถึงที่ ก็เกิดอาการความเห็นไม่ลงรอยกันนิดหน่อย

ผู้สูงวัยอยากเที่ยวนั่งเรือ Maid of the Mist ซึ่งเป็นเรือที่จะพาเข้าไปชมน้ำตกแบบระยะประชิด โดยเขาจะแจกเสื้อกันฝนสีฟ้าๆ ให้

แต่เรา พี่ และน้องชาย อยากนั่ง Whirlpool Jet Boat ดูท่าจะมันส์กว่าเยอะ แต่พอพวกผู้ใหญ่เห็นภาพว่าเป็นยังไงก็เซย์โนกันเป็นแถว งือ สุดท้ายก็อดค่ะ ต้องไปขึ้น Maid of the Mist ตามคำสั่ง

แต่ก็ประทับใจมาก สวยจริงๆ ได้ภาพสวยๆ มาตั้งหลายรูป ความจริงตอนแรกก็ห่วงกลัวกล้องเปียกอยู่เหมือนกัน แต่พอเหลือบมองทางขวา คุณฝรั่งที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ตั้งกล้องวีดีโอถ่ายไว้ทุกช็อตแบบบ่ยั่น สาวไทยอย่างเราเลยกัดฟัน (และกล้ำกลืนน้ำตา) คว้ากล้องวีดีโอขึ้นมาอัดบ้าง พอถึงช็อตสวยๆ ก็เปลี่ยนไปคว้ากล้องจากในกระเป๋าขึ้นมาถ่าย ทุลักทุเลน่าดู แต่ก็คุ้มค่ะ
ภาพนี้คือ American Falls ระยะใกล้ เห็นเขาบอกว่ามีปีนึง น้ำน้อยมากจนแห้งขอด เหลือแต่ก้อนหิน ร้อนถึงชาวอเมริกันต้องช่วยกันขุด เจาะ จนในที่สุดก็ได้น้ำตกสวยๆ มาให้เราดูจนถึงปัจจุบัน



Horseshoe Falls



ตอนที่ผ่าน American Falls ยังไม่เท่าไหร่ แต่ Horseshoe Falls นี่สิคะ บรื๋อออ ทั้งเปียกทั้งหนาว เราเข้าไปใกล้จนถึงตรงกลุ่มควันสีขาวๆ ละอองน้ำเยอะมาก คุณกัปตันเรือเล่าให้ฟังว่า เคยมีผู้หญิงคนหนึ่งเธอนั่งบนกล่อง แล้วลงมาจากด้านบนของ Horseshoe Falls อย่างปลอดภัย ไม่เป็นอะไรเลย เป็นที่ฮือฮามาก คิดๆ แล้วก็น่ากลัวนะ น้ำตกก็สูง น้ำก็ไหลเชี่ยว

แล้วทำไมเธอคนนั้นถึงทำอะไรเพี้ยนๆ อย่างนั้นล่ะ?

งงอยู่ได้แค่แป๊บเดียว คุณกัปตันเรือก็เฉลยว่า เธอทำอย่างนั้นเพื่อ ‘เงิน’ และตบท้ายว่า

“ถึงแม้เธอจะกลายเป็นที่รู้จัก แต่เธอกลับไม่ได้เงินแม้แต่ดอลล่าร์เดียว”

โหหหห ฟังแล้วอึ้ง เสี่ยงแทบตายแต่ไม่มีใครให้เงิน แต่ก็อย่างว่าแหละนะ เธอจะไปเอาเงินจากใครล่ะ _ _^

เธอคนนั้นมีชื่อเสียงพอควรเลย เพราะพอเรากลับไปที่โรงแรมก็เห็นภาพของเธอแขวนอยู่ตรงล็อบบี้ ถ่ายพร้อมกับกล่องที่เธอนั่งลงมา เฮ้อ คิดแล้วก็สงสารแฮะ

พอลงมาจากเรือ พวกเราก็ตั้งใจจะไปถ่ายรูปกันต่อบนสะพานที่เชื่อมระหว่างประเทศแคนาดาและอเมริกัน (เสื้อกันฝนสีฟ้าเก็บมาเป็นที่ระลึกได้นะคะ แต่ถ้าใครกลัวขี้เกียจเก็บก็เอาใส่กล่องที่เขาตั้งเอาไว้ตรงทางออกได้)

ก่อนเดินไปถึงสะพาน ขอแวะถ่ายรูปสักแชะเถอะ สะพานที่ว่าก็อยู่ข้างหลังนั่นเองค่ะ



ถ้าใครอยากไปเดินบนสะพานต้องเสียตังค์ค่าเข้าด้วยนะ และที่สำคัญต้องพกพาสปอร์ตไปด้วย อย่าลืมเด็ดขาด
แค่ยื่นพาสปอร์ตให้เขาดู ตอบคำถามนิดหน่อย ก็ออกไปได้แล้ว

บนสะพานนี้ถ่ายรูปสวยค่ะ เห็นทั้ง American & Horseshoe Falls เลย แต่ต้องเลือกเวลาหน่อย ถ้าไปตอนบ่ายๆ จะย้อนแสง หน้าจะดำ



ตอนบ่ายพวกเราไปเดิน shopping กันตามรายทาง รวมไปถึง Duty Free

ถ้าซื้อที่ของที่ Duty Free จะได้รับตอนออกจากอเมริกาแล้วนะคะ ถ้าขากลับมีเวลาก็ค่อยแวะซื้อตอนนั้นก็ได้ หรือถ้าจะซื้อเลยก็ฝากเขาเอาไว้ก่อน แล้วค่อยแวะเอาขากลับก็ได้ค่ะ

ถ้าใครจะซื้อของที่ระลึกและพอมีเวลา แนะนำให้สำรวจราคาไว้หลายๆ ร้าน เราสำรวจราคามาหลายที่ก่อนจะลองขับรถไปยังแหล่งขายของที่ระลึกที่มีโบรชัวแจกในโรงแรม (เขามีคูปองลดราคาแถมให้ด้วย) แต่พอไปถึงจริงๆ ปรากฏว่าของขายแพงกว่าตรงที่เราอยู่ตั้งเกือบเท่าตัว สรุปแล้วเขาให้คูปองลดราคามาเพื่อจะบวกราคาเพิ่มไปนี่เอง เหอๆ เลยไม่ได้ซื้ออะไรจากที่นั่นเลย เข้าใจว่าบริษัททัวร์จะมาลงร้านนี้เยอะ เพราะเป็นที่ใหญ่ มีของมาก พวกเราสงสัยกันว่าทางร้านอาจจะตั้งราคาแพงแล้วไปแบ่งเปอร์เซนต์กับบริษัทก็ได้ แย่จัง ไม่ดีเลยอ่ะ

รูปบรรยากาศยามค่ำคืน

Hard Rock Café



ชิงช้าสวรรค์ รู้สึกว่าจะทำเลียนแบบ London eyes นะ ค่าขึ้นแพง เลยไม่ขึ้น ถ่ายรูปอย่างเดียว 555+



พอเดินกลับไปถึงห้องพัก ก็หลับเป็นตายเลยค่ะ เพราะเดินมาทั้งวัน

อีกวันหนึ่งไม่ได้ถ่ายรูปเท่าไหร่ เน้นอัดวีดีโอ เพราะเราขับรถเข้าไปใน Toronto ซึ่งเป็นเมืองที่มี CN Tower พวกเราเดินไปดูแต่ไม่ได้ขึ้น แล้วก็ไปเดินเล่นย่าน China Town

ทุกคนเหมือนนกหลงรังกลับถิ่นจริงๆ ค่ะ เพราะเราเดินอยู่ตรงนั้นนานมากกกก เรียกได้ว่าเงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็ค่ำแล้ว = =^ แต่ก็สนุก เดินไปถ่ายวีดีโอไป ซื้อผลไม้มาด้วย อ้อ! ที่นี่เขามีผลไม้ขายเหมือนเมืองไทย ทั้งมังคุด ลองกอง ชนิดที่ว่าคนไทยในอเมริกามาเห็นแล้วอาจจะน้ำตาไหลด้วยความตื้นตัน (เว่อร์ซ้า) ได้ข่าวว่าตอนนี้พวกพ่อค้าไทยกำลังทำเรื่องกับทางอเมริกาอยู่ คิดว่าอีกไม่นานคนไทยในอเมริกาก็จะได้กินผลไม้ไทยให้หายคิดถึงค่ะ : )

พอตอนเย็นก็กลับไปที่โรงแรม คืนนั้นไปกินกันที่ The Keg เป็นร้าน Steak ค่ะ อร่อยดี ที่สำคัญ ตรงที่เรานั่งเห็นวิวน้ำตกไนแองกาล่าแบบเต็มๆ บรรยากาศดีมากๆๆๆๆ

คืนนั้นก็เตรียมเก็บกระเป๋า กลับบ้านกันในวันรุ่งขึ้น เป็นทริป 3 วัน 2 คืน ที่สนุกมากค่ะ น้ำตกสวยจริงๆ ถ้าใครมีโอกาสก็อย่าลืมแวะไป Niagara Falls นะคะ ไปเยี่ยมชมน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในโลกกกก

ปล. ขากลับตอนผ่านตม. เขาไม่ตรวจในรถเลยโชคดีไป เพราะแอบเอาผลไม้เข้ามาด้วย แหะๆ แต่บางคันก็เห็นเจ้าหน้าที่ขอค้นนะคะ อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับดวงแล้วแหละ ถ้าใครอยากจะเอาของกินกลับเข้าอเมริกา แนะนำให้ซ่อนดีๆ ลึกๆ เขาคงไม่ค้นละเอียดอย่างนั้นหรอก เนอะ : )

Create Date : 18 พฤศจิกายน 2550		14 comments
Last Update : 18 พฤศจิกายน 2550 21:36:49 น.
Counter : 1719 Pageviews.
Share Tweet