วันนี้จะดีกว่าเมื่อวาน
 
เมษายน 2550
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
18 เมษายน 2550

++เรื่องเศร้าๆ เกี่ยวกับศาสนาในบ้านเรา กับการกระทำัที่นี่เกรียจของรัฐบาลชุดนี้ 2550

ผมรับรู้เรื่องราวนี้มาจาก ห้องราชดำเนิด ซึ่งผมเองก็ไม่เห็นด้วย เขากล่าวเอาไว้ว่า..........
เก็บตกจากกระทู้ที่คุณ p.p_upasmo ผู้ติดตามกลุ่มคณะสงฆ์ที่มาชุมนุมที่ท้องสนามหลวง เพื่อเรียกร้องให้บัญญัติให้พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยเล่าถึงความชั่วช้าสามหาว และขาดความรู้ความเข้าใจเรื่องของธรรมะอย่างแท้จริงของ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ซึ่งมีเนื้อความดังต่อไปนี้



ท่าน น.ต. ประสงค์ สุ่นสิริ ท่านดูถูกชาวพุทธมากเกินไปแล้ว
ความจริงแล้วเรื่องนี่เกี่ยวข้องกับศาสนาโดยเฉพาะ ผมควรจะโพสต์ในโต๊ะศาสนาจะดีกว่า แต่เนื่องจากเกี่ยวข้องกับนักการเมืองบางท่าน จึงเห็นควรจะนำมาลงที่โต๊ะราชดำเนิน

วันนี้ การชุมนุมปฏิบัติธรรม ณบริเวณหน้ารัฐสภา ซึ่งทางคณะผู้ชุมนุมปฏิบัติธรรม ได้ประกาศจัดตั้งบริเวณชุมนุม เป็นวัดชั่วคราว นามว่า "รัฐสภาวนาราม" การชุมนุมวันนี้ มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย ซึ่งผมคงไม่จำเป็นต้องอธิบาย ขอให้ติดตามได้จาก //www.bpct.org แต่ที่ช้ำใจมีอยู่ ๒-๓ เรื่อง ซึ่งเกี่ยวกับตัวของท่านประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ น.ต.ประสงค์ สุ่นสิริ

ในเวลาราวๆ 8-9 โมงเช้า พี่น้องชาวพุทธและพระสงฆ์ได้เดินทางมาที่บริเวณสถานปฏิบัติธรรม รัฐสภาวนาราม เพื่อการขอให้ท่านสสร.พิจารณาทบทวนร่างรัฐธรรมนูญ ขอให้บรรจุข้อความว่า พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ ลงในรัฐธรรมนูญ

ในเวลาราว 10 โมงเช้า คณะกลุ่มผู้ชุมนุมปฏิบัติธรรม (ขอเรียกสั้นๆว่า คชป.) ฝ่ายประสานงาน ได้ขอติดต่อให้ท่านประธาน ประสงค์ สุ่นสิริ ขอให้ช่วยสละเวลาสักเล็กน้อยลงมารับหนังสือเหตุผล
และแถลงการณ์ของกลุ่มองค์กรชาวพุทธแห่งประเทศไทย แต่ปรากฏว่าท่านประสงค์ได้แจ้งว่า "จะไม่ลงมารับด้วยตนเอง ไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้น ทางกลุ่มผู้ชุมนุมต้องส่งพระสงฆ์และชาวพุทธไปให้เอง"

ในช่วงแรกท่านบอกว่าขอตัวแทน 10 คน แต่ไปๆ มาๆ ก้กลายเป็นว่า ขอเป็นพระสงฆ์เพียง ๒ รูป ท่านคงไม่รู้ว่าพระสงฆ์ที่จะเป็นประธานจะไปมอบให้ท่านนั้น
คือใคร พระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่สองรูป คือ ท่านเจ้าคุณพระธรรมกิตติเมธี วัดสัมพันธวงศ์ โฆษกมหาเถรสมาคม และท่านเจ้าคุณพระธรรมสุธี เจ้าคณะกรุงเทพฯ

ผมและคณะผู้ชุมนุมก็เห็นว่า มันจะเกินไปแล้ว ให้พระเถระชั้นผู้ใหญ่ขนาดนั้นท่านเดินตากแดดไปเอง ที่น่าอนาถกว่านั้น ขณะช่วงใกล้เที่ยง ถึงเวลาพัก แทนที่จะปลีกตัวมา พอคณะกรรมการกลางและผู้ประสานงานติดต่อไป เลขาก็บอกว่า "ท่านกำลังรับประทานอาหารอยู่"

หันมามองดูบ้างไหม พระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่หลายรูป พระสงฆ์จากวัดต่างๆ แล้วก็พี่น้องชาวพุทธอยู่ข้างนอก นั่งฉัน นั่งทานอาหารกล่อง ร้อนแทบแย่ ไม่เหมือนกับท่านที่นั่งทานอาหารในห้องแอร์อย่างสบายใจ

ทางคณะผู้ชุมนุมจึงเห็นว่า จะให้พระผู้ใหญ่ท่านเดินทางไปเองนั้นจะไม่สมควร จึงขอประสานงานอีกครั้ง ผลก็คือ ให้เป็นพระสงฆ์
และฆราวาส ราวๆ 10 คน เข้าไปยื่นหนังสือแก่ท่าน เมื่อไปถึงก็รออยู่แถวๆ ห้องน้ำ พอท่านมาพบ จะให้เข้าไปนั่งชี้แจงในห้องประชุมสักนิดก็ไม่มี ให้ยืนพูดกันอยู่นั่นแหละ พอทาง คชป.แถลงการณ์ให้ท่านทราบเสร็จ ท่านก็บอกว่าท่านเป็นพุทธศาสนิกชน ท่านศึกษาธรรมะมามากเหมือนกัน การบัญญัติหรือไม่บัญญัตินั้นไม่สำคัญ บลาๆ ฯลฯ แล้วก็พูดสอนพระว่า ควรปฏิบัติตามหลักธรรมที่พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้

ขอประทานโทษ พระและฆราวาสที่ไปล้วนแต่เปรียญธรรม ๙ ประโยค ความรู้ทางโลกก็ระดับปริญญาเอก ปริญญาโท แต่ท่านประสงค์คงคิดว่า พระเหล่านั้นท่านมีความรู้ยังไม่จบนักธรรมตรี จึงแสดงธรรมเรื่องธุระสองประการ คือคันถะธุระ และวิปัสสนาธุระ

แล้วท่านเทศน์ให้พระฟังว่ายังไง? "คันถะธุระ คือการปฏิบัติให้หลุดพ้นจากกิเลส วิปัสสนาธุระ คือการศึกษาพระไตรปิฏก พระอภิธรรม" ... มันสลับกันแล้วครับท่าน มันสลับกันแล้ว!!

หลังจากนั้น เมื่อทางแกนนำ คชป. ได้ยื่นหนังสือและคำแถลงการณ์เรียบร้อย ก็ได้กลับมาชี้แจงต่อกลุ่มชาวพุทธที่ชุมนุมอยู่ เพียงเท่านี้ก็คิดว่า เอาเถอะ ยังไงเราก็จะไม่ย่อท้อ จะสู้ต่อไปจนกว่าท่านจะเห็นความสำคัญ และความตั้งใจของเรา แต่การให้สัมภาษณ์ของท่านในข่าวช่วงเย็น ทำให้ผมและพี่น้องชาวพุทธ พระสงฆ์อีกหลายรูป รู้สึกอนาถและสังเวชใจที่สุดก็คือ

"กลุ่มม๊อบพระ ม๊อบชาวพุทธ ที่มานี่ ได้รับเงินจากพรรคการเมือง ถูกจ้างมาก่อม๊อบ รับเงินมา"

อยากจะถามว่ามีม๊อบจัดตั้งที่ไหนมาพูดธรรม อธิบายธรรมะ มาสวดมนต์ มาทำวัตรเย็น กันแบบนี้บ้าง
ท่านคงจะเห็นว่าทั้งน้ำ ภัตตาหาร และอาหารสำหรับเป็นกำลังดูแลผู้มาชุมนุมนั้นมีเป็นจำนวนมาก ก็เลยคิดว่าอาจจะได้ท่อน้ำเลี้ยงจากพรรคการเมือง ทั้งๆ ที่สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นด้วยแรงศรัทธาจากชาวพุทธทั่วประเทศ
ที่มองเห็นความสำคัญของการชุมนุมของเรา

แม้แต่คนไทยในต่างประเทศ เช่นประเทศนิวซีแลนด์ วันนี้มีผู้หญิงท่านหนึ่ง ได้ขึ้นอภิปราย กล่าวว่า "คนไทยในต่างประเทศนั้น ห่างจากพระพุทธศาสนา ไม่มีวัด ไม่เห็นพระ เราต้องพยายามกันอย่างมาก จนกระทั่งมีวัดไทย มีพระสงฆ์ เราจึงได้เข้าใกล้ชิดกับพระพุทธศาสนา และช่วยในการเผยแผ่พุทธศาสนาในต่างประเทศ แต่คนที่อยู่ในประเทศไทย ประเทศที่พระพุทธศาสนายังประดิษฐานอยู่นี้ กลับไม่สนใจ ไม่เห็นความสำคัญ แล้วถ้าพระพุทธศาสนา ต้องเสื่อมสลายไปจากประเทศนี้ วันนั้นจะเสียใจก็สายเกินไป"

จึงขอเรียนว่าถ้ากระทู้ของผมจะไปถึงท่าน น.ต.ประสงค์ สุ่นสิริ ได้ ขอให้ท่านได้ออกมาแถลงข่าวขอโทษ ขออภัย ขออโหสิกรรมต่อพระสงฆ์และชาวพุทธ ที่ท่านได้จาบจ้วงและดูถูกพลังชาวพุทธบริสุทธิ์ว่าเป็นม๊อบจัดตั้ง ทั้งนี้ไม่ใช่เพราะเรายึดติดในคำกล่าวของท่าน แต่เพราเป็นห่วงว่า อายุของท่านก็ไม้ใกล้ฝั่งแล้ว ควรจะแสวงหาบุญกุศลดีกว่า อย่าทำอกุศลกรรมอย่างนี้เลย

ขอร้อง อย่าดูถูกชาวพุทธมากเกินไปนัก....

ศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย - ฺBpct.org




 

Create Date : 18 เมษายน 2550
1 comments
Last Update : 25 เมษายน 2550 7:33:21 น.
Counter : 340 Pageviews.

 

แวะมาทักทายค่า

 

โดย: Jinsee 24 เมษายน 2550 21:41:37 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


coucou
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เป็นสมาชิกนานมากแล้ว แต่เข้ามาไม่บ่อยเท่าไร
ยินดีที่ได้รู้จักเพื่อนๆทุกคนครับ
[Add coucou's blog to your web]