คนที่รัก รักเรา เราก็รัก คนไม่รัก มิรักเรา เราไม่สน ขอเพียงคน ทีรักรักเรา เพียงหนึงคน ใยต้อง สนคนที่ ไม่รักเรา

คนเมืองตำน้ำกิน

Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2556
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
17 กรกฏาคม 2556
 
All Blogs
 

การตั้งศาลพระภูมิ บูชา

ก่อนตั้งศาลพระภูมิ
ก่อนจะตั้งศาลพระภูมิ ต้องเชิญหมอตั้งศาลไปดูสถานที่เสียก่อน  ไม่ใช่ว่านึกจะตั้งตรงไหนก็ตั้งได้ตามอำเภอใจ หมอต้องไปดูสถานที่ว่าสะอาดหรือเปล่า  มีอะไรกีดขวางหรือเปล่า ต้องไม่ให้อยู่ใกล้ส้วมหรือห้องน้ำจนเกินไป  และอย่าหันหน้าศาลไปทางส้วมหรือห้องน้ำเด็ดขาด ต้องให้ห่างออกมาจากตัวบ้านพอสมควรจะเป็นการดี  ถ้าบ้านหลายชั้นจะยิ่งตั้งลำบากมาก ในบริเวณสถานที่จำกัดมาก  เคหะตึกแถวหรือทาวน์เฮ้าส์ ยิ่งจะหาที่ตั้งกันลำบากมากขึ้นเพราะสถานที่แคบเกินไป
หากเป็นศาลพระภูมิหรือศาลเจ้าที่  ต้องตั้งในพื้นดิน  ห้ามขึ้นบนบ้านหรือบนตึกเป็นอันขาด  ศาลพระภูมิจะมีเสาต้นเดียว  ศาลเจ้าที่มีเสา 4 ต้น

การหันหน้าศาลพระภูมิ
การหันหน้าศาลจะหันได้เพียง  3 ทิศเท่านั้นคือ

  • ทิศบูรพา  (ทิศตะวันออก)
  • ทิศอุดร     (ทิศเหนือ)
  • ทิศอีสาน   (ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ)
วันกับเดือนที่ห้ามตั้งศาล
เดือน 1 (เดือนอ้าย) ห้ามตั้งศาล วันพฤหัสบดี และวันเสาร์
เดือน 2 (เดือนยี่)  ห้ามตั้งศาล วันพุธ และวันศุกร์
เดือน 3     ห้ามตั้งศาล วันอังคาร
เดือน 4    ห้ามตั้งศาล วันจันทร์
เดือน 5  ห้ามตั้งศาล วันพฤหัสบดีและวันเสาร์
เดือน 6  ห้ามตั้งศาล วันพุธและวันศุกร์
เดือน 7  ห้ามตั้งศาล วันอังคาร
เดือน 8     ห้ามตั้งศาล วันจันทร์
เดือน 9     ห้ามตั้งศาล วันพฤหัสบดีและวันเสาร์
เดือน 10     ห้ามตั้งศาล วันพุธและวันศุกร์
เดือน 11     ห้ามตั้งศาล วันอังคาร
เดือน 12     ห้ามตั้งศาล วันจันทร์
เดือนที่ห้ามตั้งศาล

ชื่อพี่เลี้ยงหรือคนรับใช้พระภูมิ
          พระภูมิท่านมีคนรับใช้หรือพี่เลี้ยง 3 คน  การถวายเครื่องสังเวย  ก็จะต้องออกชื่อพี่เลี้ยงทั้ง 3 นี้
ให้จัดการนำข้าวของ  ถวายพระภูมิเป็นการส่วนตัว  เช่นเดียวกับการที่เด็กวัด จัดอาหารเข้าไปประเคนพระฉันใดก็ฉันนั้น  ชื่อพี่เลี้ยง คนที่ 1 นายจันทร์   คนที่ 2 นายทิศ  คนที่3 นายอาจเสนถ้าจำไม่ได้จะเรียกว่า นายหลวง  นายขุน  นายหมื่น ก็ได้ผลเท่ากัน


เรื่องทิศทางของพระภูมิ
          หากเราจะนำสิ่งของไปถวายพระภูมิ  เช่น  ดอกไม้พวงมาลัย  อาหาร  และน้ำ ตลอดกระทั่งเข้าไป  จุดธูปเทียนบูชา  หรือปัดกวาดทำความสะอาดศาลก็ตาม  จะต้องเข้าทางทิศที่เป็นเท้า  จงอย่าเข้าทางด้านหัวเป็นอันขาด  และเรียกหรือออกชื่อให้นายทั้ง 3  ผู้เป็นพี่เลี้ยงหรือคนรับใช้ให้นำสิ่งของเหล่านี้  เข้าไปถวายพระภูมิอีกต่อหนึ่ง  ก็จะเป็นสิริมงคลท่านจะอวยพรให้มีความสมบูรณ์พูลผลค้าขายกำไรงาม
                   วันอาทิตย์  พระภูมินอนเอาศีรษะไปทาง  ทิศบูรพา (ตะวันออก)  เอาเท้าไปทางทิศประจิม ( ทิศตะวันตก)
                   วันจันทร์  พระภูมินอนเอาศีรษะ ไปทางทิศอาคเนย์ (ตะวันออกเฉียงใต้)  เอาเท้าไปทางทิศพายัพ  (ตะวันออกเฉียงเหนือ)
                   วันอังคาร  พระภูมินอนเอาศีรษะ ไปทางทิศ ทักษิณ (ใต้ ) เอาเท้าไปทางทิศอุดร(เหนือ)
                   วันพุธ   พระภูมินอนเอาศีรษะ ไปทางทิศหรดี (ตะวันตกเฉียงใต้ ) เอาเท้าไปทางทิศ อีสาน (ตะวันออกเฉียงเหนือ)
                   วันพฤหัสบดี พระภูมินอนเอาศีรษะ ไปทางทิศประจิม (ตะวันตก)  เอาเท้าไปทางทิศบูรพา (ตะวันออก)
                   วันศุกร์  พระภูมินอนเอาศีรษะ ไปทางทิศพายัพ (ตะวันตกเฉียงเหนือ ) เอาเท้าไปทางทิศอาคเนย์ (ตะวันออกเฉียงใต้)
                   วันเสาร์  พระภูมินอนเอาศีรษะ ไปทางทิศอุดร (เหนือ)  เอาเท้าไปทางทิศทักษิณ (ใต้)

คาถาขอขมาพระภูมิ

**  อิติสุคะโต  อะระหังพุทโธ  นะโมพุทธายะ  พระภุมมะเทวา  ขะมามิหัง **

          พระคาถานี้  เป็นคาถาที่ศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อโอภาสี  แห่งวัดกลางสวน  บางมด  ฝั่งธนบุรี
รวมกับการขอขมาพระภูมิแล้ว  จะเป็นการเพิ่มพลังจิตและพลังศรัทธา  ทำให้องค์พระภูมิท่านใจอ่อน  เกิดมีใจเมตตา  อภัยในทุกสิ่งทุกอย่าง  ที่เราได้ก้าวก่ายหรือพลาดพลั้งกระทำในสิ่งที่ผิดลงไป
โดยจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม

เครื่องสักการบูชาพระภูมิ

          การสักการบูชาพระภูมินั้น  มิได้เหมือนกันตลอดไป  ย่อมที่จะหมุนเวียนเปลี่ยนไป  ตามแต่เดือนที่ได้กำหนดดังนั้น  การบูชา  การจัดเครื่องสังเวยและสิ่งของที่จะต้องใช้  ให้ถูกต้องตามเจตนา  ก็ยิ่งจะเป็นการเสริมสร้างสิริมงคลให้กับตนเอง  และครอบครัวได้มากยิ่งๆ ขึ้นไป  ตามแต่เดือนที่หมุนเวียน  ดังต่อไปนี้

          เดือน 5 และ เดือน 6  เจ้ากรุงพาลี  ราชบิดาขององค์พระภูมิ  ท่านแปลงเพศเป็นยักษ์
มีความดุร้ายเป็นที่สุด  การจัดเครื่องสักการะในเดือนนี้  ต้องมี  กุ้งพล่า  ปลายำ  เนื้อย่าง ( จะเป็นเนื้อหมูหรืออะไรก็ได้ )  แต่ให้เป็นของสด  ของคาว  ก็จะเป็นที่พอใจของท่าน  หากตั้งศาลในเดือนดังกล่าวนี้  ก็ให้สูงเท่าปาก  ใช้ผ้าแดงปู  มีเหล้ายาสารพัด  เทียนขาว 9 เล่ม และเครื่องสังเวยอื่นๆ
          เดือน 7 และ เดือน 8  เจ้ากรุงพาลี  กลายเพศเป็นพราหมณ์สวยสดงดงาม  งดเนื้อสัตว์และของคาวสารพัด  ใช้ผ้าขาวปู  เครื่องสังเวยมังสวิรัติ
          เดือน 9 และ เดือน 10  เจ้ากรุงพาลี  กลายเพศเป็นราชสีห์  ชอบของสด  ของคาว  ใช้ผ้าเหลืองปูศาล  จะเกิดลาภผลเหลือประมาณ  ตามความต้องการทุกอย่าง
          เดือน 11 และ เดือน 12  เจ้ากรุงพาลี  กลายเพศเป็นช้าง  ต้องมีหญ้าแพรก  หญ้าปล้อง  อย่างละ7  ใช้ผ้าดำปูศาล  จะเกิดลาภผลสวัสดี  ห้ามใช้ของคาว
          เดือนอ้าย และ เดือนยี่  เจ้ากรุงพาลี  กลายเพศเป็นนาคราช  ให้ตั้งศาลสูงแค่สะดือ  จะมีเกียรติยศและชื่อเสียงเลื่องลือไกล  ของคาวทั้งหลายให้นำมาสักการะ
          เดือน3 และ เดือน 4  เจ้ากรุงพาลี  กลายเพศเป็นครุฑ  ของสดของคาว  กุ้งพล่า  ปลายำ  เป็นสิ่งบันดาลโชคลาภ  โทษภัยจะหนีห่าง  มีแต่ความสุขสำราญ
          ในการจัดเครื่องสักการะนี้  จะต้องทำให้ถูกต้องตามาประสงค์  จึงจะเกิดลาภผล  ดลช่วยให้พ้นภัยพิบัติทั้งหลายทั้งปวง  มีแต่โชคลาภนานาประการ

คาถาบูชาพระภูมิทุกวัน


***  ยัสสานุภาวะโต  ยักขา  เนวะ  ทัสเสนติ  ภิงสะนัง  ยัมหิ  เจวานุยุญ  ชันโต  รัตตินเทวะ  มะตันทิโต  สุขัง  สุปะติ  สุตโต  จะ  ปาปังกิญจิ  นะ  ปัสสะติ  เอวะมาทิ  คุณูปเปตัง  ปะริตตันตัม  ภะณามะเห  ***


          หากตั้งศาลพระภูมิ  ไว้ในเขตบ้าน จงใช้คาถานี้บูชาทุกๆ วัน จะเกิดสิริมงคลและบันดาลโชคลาภ  ลาภผลนานานัปการ ถ้าหากสวดบูชาให้ครบตามกำลังวันได้ก็ดียิ่งๆ ขึ้นไป คือ

วันอาทิตย์      สวด 6 จบ
วันจันทร์      สวด 15 จบ
วันอังคาร      สวด 8 จบ
วันพุธ     สวด 17 จบ
วันพฤหัสบดี      สวด 19 จบ
วันศุกร์     สวด 21 จบ
วันเสาร์     สวด 10 จบ

          หากมีเวลาน้อยก็สวดวันละ 1 จบ  หรือครั้งละ 1 จบก็ได้  โดยสม่ำเสมอกันทุกๆ วัน  อย่าให้ขาด  พร้อมทั้งดอกไม้  หรือพวงมาลัยสด  ธูปเทียน  จุดบูชาเป็นประจำ  ก็จะบังเกิดผลดีตลอดไป


ประวัติของพระภูมิ
          ในกาลครั้งหนึ่ง  มีกษัตริย์ผู้ครองกรุงพาลี ทรงพระนามว่า ท้าวทศราช มีพระมเหสีทรงพระนามว่า  พระนางสันทาทุก มีพระราชโอรส 9 พระองค์ มีปัญญาเฉียวฉลาด  รอบรู้ในสิ่งต่าง ๆ ยิ่งกว่าบุคคลทั้งหลาย

พระองค์ที่ 1 
พระองค์ที่ 2 
พระองค์ที่ 3 
พระองค์ที่ 4 
พระองค์ที่ 5 
พระองค์ที่ 6 
พระองค์ที่ 7 
พระองค์ที่ 8 
พระองค์ที่ 9
ทรงพระนามว่า  พระชัยมงคล
ทรงพระนามว่า พระนครราช
ทรงพระนามว่า พระเทเพล
ทรงพระนามง่า พระชัยสพ
ทรงพระนามว่า พระคนธรรพ์
ทรงพระนามว่า พระธรรมโหรา
ทรงพระนามว่า พระ เทวเถรวัยทัต
ทรงพระนามว่า พระธรรมมิกราช
ทรงพระนามว่า ทาษธารา

          แต่ละพระองค์มีอิทธิฤทธิ์มาก  ทรงมีพระปรีชาสามารถรอบรู้ในสิ่งต่าง ๆ เป็นอย่างดี  ถ้าหากคิดว่าจะทำอะไร  ก็จะต้องทำได้ทุกอย่าง  จะเป็นในทางสุจริตหรือทุจริตก็ทำได้ทั้งนั้น ทรงมีปัญญาแก้ไขในเหตุการณ์ต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ครบทั้ง 9 พระองค์ โดยไม่มีใครเหลื่อมล้ำต่ำสูงกว่ากันเท่าใดนัก การเป็นอยู่พอ ๆ กันทั้งหมด

 ครั้นต่อมา พระโอรสทั้ง 9 พระองค์ ทรงเจริญพระชันษา  พระราชาทศราชกับพระนางสันทาทุก ปรึกษาหารือกัน จนเป็นที่ตกลงกันว่า  จะต้องมอบให้พระโอรสทั้ง 9 พระองค์ ไปปกครองเขตนิเวศสถานต่าง ๆ จึงมอบให้

พระโอรสองค์ที่ 1 
พระโอรสองค์ที่ 2 
พระโอรสองค์ที่ 3 
พระโอรสองค์ที่ 4 
พระโอรสองค์ที่ 5 
พระโอรสองค์ที่ 6 
พระโอรสองค์ที่ 7 
พระโอรสองค์ที่ 8 
พระโอรสองค์ที่ 9
พระชัยมงคล ไปครอบครองดูแล สถานบ้านเรือน และ โรงร้าน
พระนครราช ไปครอบครองดูแล ประตู ป้อม ค่าย บันได หอรบ
พระเทเพล ไปครอบครองดูแล คอกสัตว์ต่าง ๆ ที่มี
พระชัยสพ ไปครอบครองดูแล ยุ้งฉาง และ เสบียงคลัง
พระคนธรรพ์ ไปครอบครองดูแล เรือนหอ และ โรงพิธีแต่งงาน
พระธรรมโหรา ไปครอบครองดูแล เรือกสวน ไร่นา และ โรงนา
พระวัยทัต ไปครอบครองดูแล วัดวาอาราม และ ปูชนียสถาน
พระธรรมมิกราช ไปครอบครองดูแล พืชพันธ์ธัญญาหารต่าง ๆ
พระทาสธารา ไปครอบครองดุแล ห้วยหนอง คลอง บึง บ่อ  และ ลำธาร

          เมื่อมอบหมายหน้าที่  ให้ครบทั้ง 9 พระองค์แล้ว  ท้าวทศราช  ผู้ซึ่งมีจิตใจที่ผิดมนุษย์ธรรม  สันดานโกง  หยาบช้าลามก  เห็นแก่ได้ในสิ่งต่าง ๆ ด้วยความโลภไม่มีวันสิ้นสุด  เที่ยวคดโกงรังแกชาวประชา  ต่างได้รับความเดือดร้อนกันไปทั่วทุกมุมเมือง  ยังใช้ให้พระโอรสทั้ง 9  พระองค์  กระทำการหยาบช้า  โดยการเข้าไปสิงสู่ในผู้คน  แล้วก็เรียกร้องเครื่องสังเวยและสินบน  คนละจำนวนมากๆ โดยที่ไม่เกรงกลัวต่อบาปกรรม  จนชาวประชาเดือดร้อนเป็นอย่างหนัก  แต่ก็พูดอะไรไม่ออก  และไม่มีทางแก้ไข  จึงปล่อยไป  ให้เลยตามเลย  ต่างก็ไม่คิดที่จะแก้ไข  เพราะหมดปัญญา  หมดศรัทธา  ต่อการกระทำของ  ท้าวทศราช และ  พระโอรสทั้ง 9  พระองค์  ที่มีใจฮึกเหิมเหี้ยมเกรียม  กระทำย่ำยีจิตใจมนุษย์ทั้งหลาย  ให้ตกอยู่บนกองทุกข์  ไม่เป็นอันที่จะทำมาหากิน  เพราะหมดกำลังใจ  ก่อนที่บ้านเมืองจะถึงกับความวิบัติล่มจมลงไป  เรื่องของเจ้ากรุงพาลีกลั่นแกล้งประชาชน  จึงร้อนไปถึงพระนารายณ์  เห็นท่าว่าขืนปล่อยเอาไว้  บ้านเมืองก็จะพินาศล่มจม  ด้วยความที่ใจสงสารประชาชน  พระนารายณ์จึงต้องหาทางแก้ไขเป็นการด่วน  คิดที่จะลงโทษและดัดสันดานของเจ้ากรุงพาลี  พระนารายณ์จึงปลอมแปลงรูปกาย  เป็นพราหมณ์ผู้มีศีล  เหาะตรงลงมายังกรุงพาลี  แล้วจึงเข้าเฝ้า  ท่านท้าวทศราช  ตามเจตนาที่คิดเอาไว้


          ส่วนเจ้ากรุงพาลี  ท้าวทศราชและพระนางสันทาทุก  เมื่อเห็นพราหมณ์มาเข้าเฝ้าก็มีความยินดี  โดยที่มิได้รู้กลลวงของพระนารายณ์  จึงทักทายปราศรัยด้วยไมตรี  ฝ่ายพราหมณ์ปลอมได้โอกาส  จึงกราบทูลขอ  ที่เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยบำเพ็ญตบะ  จากท้าวทศราช  3 ก้าว  เจ้ากรุงพาลีมิได้ระแวงอะไร  จึงตอบตกลงอนุญาตให้กับพราหมณ์นั้น  เมื่อได้โอกาส



ที่มา :: หมอดูกรุงสยาม




 

Create Date : 17 กรกฎาคม 2556
0 comments
Last Update : 17 กันยายน 2556 1:46:41 น.
Counter : 3663 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


คนเมืองตำน้ำกิน
Location :
บุรีรัมย์ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




รักป่ารักเขา รักธรรมชาติ รักเสียงเพลง
รักความสงบสุข รักประเทศไทย รักพ่อหลวง
ความหล่อไม่คอยมี แต่ความดีเต็มถังครับ
New Comments
Friends' blogs
[Add คนเมืองตำน้ำกิน's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.