Low Season in Krabi - หนีเรื่องร้อนๆ กรุงเทพ ไปพักที่กระบี่ #2
จากบทที่แล้วครับ//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=civic-coupe&month=09-2008&date=05&group=3&gblog=42ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้นดินเนอร์วันแรกจากตอนที่แล้วที่จบลงตรงให้ชมอาหารดินเนอร์ที่ฝนตกใส่กระหม่อมก่อนเข้าไปถึงร้าน "วังทรายซีฟู้ด" อาหารที่สั่งก็มี หอยชักตีนต้ม, ปูม้านึ่ง, ปลากระพงผัดพริกไทย และที่จะขาดไม่ได้ข้าวผัดปูครับ หลังจากที่ไม่พูดไม่จา รับทานกันแบบไม่ต้องเก็ก ท้องก็เริ่มเติมเต็มด้วยอาหาร เริ่มใส่อาหารลงท้องด้วยความช้าลงเรื่อยๆ จนกระทั่งอาหารเริ่มล้นประมาณคอ ถึงได้สั่งเก็บเงิน จ่ายค่าอาหารไปทั้งหมดร่วมๆ หกร้อยบาทพร้อมทิป ฝนก็ยังไม่เป็นใจที่มีแผนจะไปเดินแถวๆ อ่าวนางเพื่อย่อยอาหาร ยังคงเส้นคงวาตกต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ถามพนักงานว่าจะกลับโรงแรมอย่างไรดี พี่เขาก็ดี้ดีเดินไปเรียกรถสามล้อให้เพื่อกลับโรงแรมจ่ายไปอีกคนละ 20 บาท คราวนี้ให้ไปส่งที่หน้าล็อบบี้โรงแรมเลยครับเหตุก็ฝนนั่นแหละครับอาหารมื้อเช้าในวันที่สองตื่นเช้ามากๆ ครับเพราะวันนี้ต้องออกไปตลอนๆ กับทัวร์ 4 เกาะที่ได้จองไว้พร้อมกับ package โรงแรม ออกมาทานกันตั้งแต่แปดโมงเช้าครับ เช่นที่บอกไปครับ การบริการที่ได้รับระดับเทพอีกตามเคยเพราะอย่างที่บอกนอกจากเรา ก็มีเขาๆ ที่มาร่วมพักอีก 4 ห้อง อาหารที่ได้สั่งเป็นข้าวต้มหมูครับ แม้จะเป็นอาหารที่เช้าที่ต้องสั่งทำ เพราะโรงแรมคงไม่เปิดเป็นบุพเฟ่เพื่อแขกอย่างที่ได้บอกไป ไม่่น่าเชื่อว่าที่นี่จะทำอาหารได้อร่อยมั๊กๆ ทานไม่เหลือครับเกลี้ยงเตรียมไปใช้พลังงานกับทัวร์สี่เกาะอย่างเต็มที่ทัวร์สี่เกาะรถจากบริษัทได้มารับที่โรงแรมครับ เป็นรถตู้ที่มีพนักงานชาวเพชรบุรีช่างเจรจาพานั่งรถไปประมาณ 5 นาทีก็ถึงจุดนัดครับ ที่ต้นหาดนพรัตน์นั่นเอง ได้รับแจ้งจากพนักงานที่รอพบอยู่ว่าต้องคอย กลุ่มทัวร์ร่วม จากแปดโมงครึ่งครับ กระทั่งเก้าโมงยี่สิบ ถึงได้แจ้งว่ากลุ่มที่เราจะไปด้วยมาถึง โอ้พระแม่อุมา! คนที่เราจะไปด้วยเป็นอินตะระเดียครับ มาด้วยกัน 3 คน ป้าๆ หนึ่งคนที่เดรชชุดประจำชาติมาอย่างเต็มที่ คนที่สองคาดว่าเป็นลูกสาวของเธอมาด้วยเสื้อชุดรัดรูปแบบจะไปปั่นจักรยาน คนสุดท้ายเป็นหนุ่มท่าทางวีนๆ ลงมาพร้อมที่จะเกาะกินความได้เปรียบของคนอื่นๆ ทั้งกลุ่มไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวว่ามาช้าสุดขีด ยังทำเย็นใจโดยประมาณว่าโลกนี้กรูแคร์แค่ตัวกรูและครอบครัว ทางไกด์ที่ได้ทราบชื่อว่า "พรล้า" ได้แจ้งว่าต้องไปรับกลุ่มอื่นอีก 2 ชุดที่หาดไรเลย์ เริ่มออกเดินทางก็ได้นั่งสปีดโบ๊ทครับ มีคนไทยที่เป็นพนักงานบนเรืออีก 2 คนครับ คนขับกับการ์ดป้องกันภัย แต่กระนั้นครับกลุ่มที่ไปเนี่ยเป็นอินเตอร์หมดครับ มีกลุ่มเราเป็นไทยแท้อยู่แค่นั้น ก่อนไปเป็นข้อกำหนดครับ จะมีคนวิ่งมาถ่ายรูปเราเก็บไว้คาดว่าใส่กรอบหรือใส่จานไว้ขายตอนเรากลับ พี่แขกหนุ่มท่านก็เรียกให้มาถ่ายกรุ๊ปเขาเสียใหญ่ โห๊ะ โห๊ะ โห๊ะ ถึงตอนนี้จะเพิ่มความละเอียดรูปให้อีกระดับครับจะได้เห็นความงดงามของท้องทะเลอย่างเต็มที่ ที่หาดไรเลย์ก็ได้รับกลุ่มน่าจะเป็นทางยุโรปครับอีก 5 คน สามหญิง สองชาย น่าจะอายุประมาณ 25-35 ไม่น่าเกินนั้น ก็ดีครับจะได้ไม่รู้สึกลำบากมาก เพราะโดยปกติคนยุโรปไม่น่าเรื่องมากและก็ไปรับกลุ่มทัวร์อีก 2 คนคู่สามีภรรยา ที่รีสอร์ทหรูสุดในไร่เลย์คือ ดุสิตรายาวดี ที่ได้ภาพมาไม่ได้ชัดมาก เน้นสำหรับคนไปฮันนีมูนครับแพงระยับ ยังไงก็ไม่คู่ควรสำหรับเรา ของเรามันต้องวัดเท่านั้น โลเคชั่นแรกที่เราจะไปเยี่ยมคือ ทะเลแหวก ที่เกาะปอดะใน เกาะปอดะนอก เกาะทับ เกาะหม้อ จุดนี้ก็ได้เจออุบัติเหตุนิดหน่อยที่ทำให้ได้เลือดที่ฝ่ามือและเท้าครับ ลื่นไปโดนหินบาดได้แผลอาบเลยครับ ต่อไปที่เกาะไก่ เหมือนจริงๆ นะครับเนี่ย ถ่ายจากข้างหลังสังเกตที่หัวแม่ไก่นะครับทุกที่ไกด์ก็จะบอกให้เราไปดำน้ำแบบ Snorkeling (เขียนไทยลำบากทับศัพท์ดีแล้ว) คือดำน้ำแบบลอยบนน้ำครับ แต่ไม่แน่ใจวันนี้ทำไมฝีมือตกน้ำเข้าจมูกตลอดเพราะหน้ากากที่เลือกรั่วทุกอันดีเจ่งๆก่อนที่จะไปต่อทางไกด์ก็ได้แจ้งว่าให้ไปทานข้าวที่เกาะอะไรก็ไม่รู้ก่อน (จริงๆ) เดี๋ยวจะต้องไปดำน้ำกันต่อ อาหารก็รวมอยู่ในค่าทัวร์ครับ อาหารก็ไปข้าวราดผัดผักไก่พร้อมซุป ซึ่งกลุ่มที่ไปนั้น กินกันไม่เป็นครับ บางคนก็ไม่ได้กิน เลยมีผลไม้ที่เป็นสัปรดและแตงโม ไม่น่าเชื่ออีกครับว่า สัปรดภูเก็ตที่ได้นำมาให้นั้น อร่อยสุดๆ อีกต่อจากนั้นก็ไปเล่น Snorkeling กันต่อที่น้ำลึกเกาะสี่ครับ ไอ้เราก็ซ่าสุดครับ ไม่เอาชูชีพ ไม่ได้ตรวจสอบไอ้หน้ากากที่เปลี่่ยนไปอีกรอบ ลงไปโดยหน้ากาก โดนน้ำเข้าเต็มๆ สำลักน้ำต้องว่ายฟรีสไตล์กลับมาที่เรือแบบหัวซุกหัวซุนครับ หลังจากมาเปลี่ยนหน้ากากก็ซ่าอีกรอบลงไปอีก คราวนี้ ก็โอเชครับ แน่นดี เล่นอยู่จนได้เหนื่อยครับ ภาพใต้น้ำที่ได้ ก็จะเห็นปะการังที่เสียชีวิต หมดความสวยงาม เพราะเรือที่ไปจอดที่นั่นทุกๆ ลำทอดสมอแบบไม่บันยะบันยั้ง มีปลาให้ได้ดูชมพอควร น้ำใสครับต่อจากนั้นก็เดินทางไปเกาะปอดะห์จุดสุดท้ายก่อนที่จะกลับคือ หาดพระนาง ครับ เป็นหาดที่ต่อกับหาดไร่เลย์ มีกรุ๊ปที่ไปด้วยกันขอแยกไปตรงนี้กัน หาดนี้ก็ฝรั่งตรึมครับ อินเตอร์ทั้งน้าน ใครมีโอกาสดีๆ อาจจะได้เห็นแบบท็อปเล็ส อย่างที่ได้เจอในครั้งนี้ครับ เป็นสาวๆฝรั่งเศษ เปรี้ยวเข็ดฟันครับ หุ่นดีๆ ทั้งน้านสุดท้ายก็นั่งเรือกลับครับ ไปส่งฝรั่งอีกกลุ่มที่หาดไร่เลย์ เพราะพี่ท่านเขาไม่เดินครับ หลังจากนั้นก็แยกกลับมาที่อ่าวนางกับกลุ่มพี่แขกอินเดีย เราก็จ่ายทิปไปร้อยหนึ่งเพราะน้องๆ บนเรือบริการดีครับ ไม่ว่าไกด์หรือคนเรือถึงฝั่งเห็นรูปถ่ายตนเองแต่ไกลครับ สนนราคาอันละร้อยบาท เลือกที่จะไม่เอาแล้วเขาก็ไม่ว่าไรครับ ส่วนท่านแขกอินเดียก็ต่อรองราคาแล้วก็ไม่เอาเดินตามมาอย่างติดๆ (ไม่เอาแล้วจะไปต่อเขาทำไมเนี่ย) เราก็แยกมาขึ้นรถกลับโรงแรมครับ ดินเนอร์สุดอร่อยที่โรงแรมหลังจากไปจัดการอาบน้ำ ก็ออกมาดินเนอร์ตอนห้าโมงครึ่งครับ จากกำหนดเดิมทุ่มหนึ่ง เพราะเราหิวครับ และกะว่าจะไปเดินเที่ยวแถวๆ อ่าวนางด้วย บรรยากาศก็กันเอ้งกันเองครับ HouseHouse มากๆ แต่ แต่ แต่ อาหารอร่อยครับ มีแกงส้มมะละกอปลา, หมูผัดพริกไทย, ผัดผักราดช้อตหอยนางรม, ไก่ผัดผักรวมมิตร เลยให้ทิปไปด้วยความประทับใจหลังจากนั้นก็เดินย่อยอาหารไปถ่ายรูปกันเล่นๆ เริ่มจากริมหาดต่อจากนั้นก็นั่งรถไปเดินเล่นๆ สามล้อคนละ 20 อีกแล้ว ไปแถวๆ อ่าวนาง คนน้อยมากๆครับ คนขายนั่งกันระนาว จังหวะนี้ก็ไปซื้อพลาสเตอร์ติดแผลครับ เพราะเริ่มระบบมาก เดินอยู่สักครู่ก็หาของซื้อเป็นที่ระลึกครับ ขากลับก็กะเดินเล่นมาจากอ่าวนางถึงโรงแรมครับ ระยะก็พอสมควรก็ได้เหนื่อยได้ย่อยอาหาร หลังจากนั้นก็ถึงโรงแรมครับ เดินทางกลับตอนเช้าก็ตื่นมาประมาณเจ็ดโมงครับ เพื่อเตรียมเก็บของแล้วลงไปกินข้าวเช้า เพราะไฟล์ตที่จะกลับมากรุงเทพก็สิบโมงครับ อาหารเช้าก็เมนูเช่นเดิมครับ แต่วันนี้เราก็เลือกข้าวต้มเช่นเคยครับ แต่สงสัยพ่อควรจะเปลี่ยน ไม่ได้อร่อยเท่าวันก่อน แต่บริการที่ได้รับก็ขั้นเทพเช่นเคย ประทับใจมากๆ ครับเลยทิปไปอีกรอบหนึ่ง ถึงเวลานัดรถมารับก็ได้กลับรถตู้คันเดินคนเดิม ระหว่างทางก็แวะไปซื้อน้ำพริกกุ้งเสียบเป็นของฝากคนสนิท ไม่สนิทไม่ฝาก เจอขบวนกีฬาสีไอ้เราก็นึกว่าประท้วง เห้อ! นึกว่าจะไม่ได้กลับกรุงเทพเสียแล้วถึงสนามบินก็กลับบ้านเก็บของก็ระเห็ดไปหาหมอครับ ก่อนที่จะไปโรงพยาบาลฝนก็เทมาซะ ได้ของฝากรักจากกระบี่เต็ม จ่ายค่าหมอไปร่วมเจ็ดร้อยครับยาวหน่อยนะครับ ไม่อยากแบ่งเป็นอีกตอน ทนๆ อ่านหน่อยแล้วกันครับ